วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2564

Immortality Chapter 1125 Saint Ying Huo

Immortality Chapter 1125 Saint Ying Huo

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 1125 ปราชญ์เทพหยิงเห่า.


Chapter 1125 Saint Ying Huo

圣人

  ปราชญ์เทพหยิงเห่า.

 

เสวียนหยวน,พร้อมกับแสงชำระล้าง!

 

ราวกับฝนแห่งแสงที่ล่วงหล่นลงสู่พื้นดิน.

 

จงซานที่มายังโลกใบใหญ่,พบเห็นเผ่าต่างๆมากมายนับไม่ถ้วน,ส่วนเผ่าเทวะทูตนั้น,นับเป็นเผ่าพิเศษ,ที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่ในโลกใบใหญ่แล้ว.

 

มีเพียงบันทึก,ที่เอ่ยเกี่ยวกับร่างต้นกำเนิดโลก,ร่างกายของคนเหล่านี้,จะกลายเป็นแหล่งต้นกำเนิด,โลกเขตแดนของพวกเขาสามารถสร้างร่างมายาของเทวะทูตขึ้นมาได้.

 

ร่างแสงดังกล่าว,ดูเหมือนว่าจะถูกปล่อยออกมาจากโลกเขตแดน,เป็นเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่ปล่อยออกมา,และหายไปในอากาศอย่างรวดเร็วเช่นกัน.

 

แน่นอน,ร่างภาพลวงตาเหล่านี้,ไม่มีอยู่จริง,เป็นร่างลวงตาที่เกิดจากโลกเขตแดนของร่างต้นกำเนิดโลก,ความจริงทุกๆคนหากสามารถศึกษาอย่างจริงจัง,หลายคนก็สามารถสร้างร่างเงาแสงขึ้นมาจากภายในโลกเขตแดนของตัวเองได้,ทว่าหากเป็นร่างจากร่างสถิตกำเนิดโลกแล้ว,จะบริสุทธิ์,จนเหมือนกับพลังศักดิ์สิทธิ์,ซึ่งสามารถเห็นได้ก็คือเทวทูตมากมายนั่นเอง.

 

จุดแสงมากมายเหล่านี้ก็คือ,เทวะทูต.

 

การที่เทวะทูตมาปรากฏขึ้นที่ด้านนอก,ต้องบอกได้เลยว่าเสวียนหยวนเป็นคนที่ร้ายกาจที่สามารถสร้างมันขึ้นมาในโลกเขตแดนได้.

 

เทวะทูตที่ต่อสู้กับอสุรา! การต่อสู้ขนาดใหญ่ได้เริ่มขึ้นแล้ว.

 

เสวียนหยวนที่สามารถสร้างโลกศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้,เทวะทูตเวลานี้เข้าปะทะกับอสุราจากธารโลหิต,แม้นว่ามันจะไม่แข็งแกร่งเทียบกับอสุราได้,ทว่าตราบเท่าที่เสวียนหยวนยังไม่ตาย,เหล่าเทวะทูตก็จะสามารถกำเนิดขึ้นมาอย่างไร้ขีดจำกัด.

 

การโจมตีที่รุนแรงหนักหน่วง,ทำให้การต่อสู้นี้ดูสลับซับซ้อน.

 

การโจมตีของพลังศักดิ์สิทธิ์และอสุรกายโลหิต,ทำให้การต่อสู้นี้หยุดนิ่งยังไม่มีฝั่งใหนได้เปรียบ.

 

"อาวุโสอวิ๋น,เสวียนหยวนจะชนะหรือไม่?"อาวุโสอีกคนที่อยู่ข้างๆที่ขมวดคิ้วไปมาขณะพูด.

 

"หืม,ช่างน่าเศร้านัก!"อาวุโสอวิ๋นที่ส่ายหน้าไปมา.

 

"ช่างน่าเศร้า?"

 

"ตอนนี้ที่ข้าเห็น,เหรินชุนและเสวียนหยวนมีพลังเท่ากัน,ทว่าเหรินชุนนั้นใช้พลังจากค่ายกล,ทำให้มีพลังให้ใช้ต่อเนื่องไม่มีวันหมด,ตราบเท่าที่ค่ายกลยังอยู่,ส่วนเสวียนหยวนนั้น,ผลาญพลังของตัวเอง,นอกจากนี้เสวียนหยวนยังเคลื่อนย้ายอำนาจเทียนเต๋าด้วย,หากเป็นเช่นนี้ต่อไป.....!"อาวุโสอวิ๋นที่ส่ายหน้าไปมา.

 

"เสวียนหยวนจะไม่สามารถจัดการเหรินชุนได้อย่างงั้นรึ?"อาวุโสอีกคนที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางร้อนใจ.

 

"เหรินชุนและเสวียนหยวนนั้นตอนนี้ยังเทียบกันไม่ได้,เสวียนหยวนนับว่ามีร่างสถิตก่อกำเนิดโลกที่ยอดเยี่ยม,แต่น่าเสียดายที่เขายังไม่สามารถตระหนักรู้,ถึงร่างขั้นสามได้,หากเขาสามารถตระหนักรู้ได้รับพลังจากโลกได้แล้วล่ะก็,พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมาอีกสามเท่า,สามารถที่จะล้มเหรินชุนได้อย่างแน่นอน,ช่างน่าเสียดาย....!"อาวุโสอวิ๋นที่กล่าวออกมาด้วยความเศร้าใจ.

 

"ร่างขั้นสาม? เป็นหนึ่งในทักษะร่างที่ลึกล้ำที่สุดในโลก,ช่างน่าเสียดายนับตั้งแต่โบราณคนที่จะไม่ร่างกำเนิดโลกขั้นสามนั้นมีอยู่น้อยนิด!"อาวุโสอีกคนที่กล่าวด้วยความเศร้าใจเช่นกัน.

 

"ร่างขั้นสาม?"จงซานที่เผยท่าทางแปลกประหลาด.

 

ยากรึ? ดูเหมือนว่าเสวียนหยวนที่อยู่ในโลกใบเล็กจะสามารถสร้างร่างสามร่างได้แล้ว,ทว่าจงซานไม่มีทางเปิดเผยอย่างแน่นอน.

 

"อาวุโสอวิ๋น,ผู้ฝึกตนฮวงจุ้นผู้นี้,คงยากที่จะทะลวงค่ายกลเขา,และบนท้องฟ้ายังมีกุยเช่อคุ้มกันอีก,ครั้งนี้นับว่าพวกเราอยู่ในอันตราย,แดนเทวะซือเทียนเวลานี้คงยากจะต้าน,พวกเราเวลานี้,ควรจะทำอย่างไรดี?"อาวุโสอีกคนที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางเป็นกังวล.

 

"ข้าว่าขอเชิญหยิงเห่าช่วยดีหรือไม่?เขาเองก็จ้องมองพวกเรามานานแล้ว!"

 

"ไม่จำเป็น,หยิงเห่านั้นไร้หัวใจ,เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยพวกเรา,นอกจากนี้,กุยเช่อที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนผู้นั้น,เป็นไปไม่ได้เลยที่หยิงเห่าจะล่วงเกินเขาเพื่อเผ่าหมาป่า!"อาวุโสอวิ๋นกล่าว.

 

"กุชเช่อเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาใคร? เป็นผู้ใดกัน?"อาวุโสอีกคนที่เผยท่าทางสงสัย.

 

อาวุโสอวิ๋นที่มองไปที่เขา,ทว่าไม่ได้กล่าวอะไร.

 

จงซานที่อยู่ไม่ไกลออกมา,ขณะที่จ้องมองไปยังหวังจิงเหวิน,ทั้งคู่ที่เผยแววตาจริงจังออกมา.

 

พริบตาที่จงซานและหวังจิงเหวินสบตากัน,เซียนเซิงซือ,จินเผิง,อาวุโสเทียน,เต้าเหรินถูที่จ้องมองไปยังจงซานพร้อมๆกัน.

 

"ดูไปก่อน!"จงซานที่เอ่ยเสียงเคร่งขรึมกล่าวออกมาเบาๆ.

 

ทุกคนที่พยักหน้ารับในทันที.

 

จงซานที่จ้องมองไปยังการต่อสู้ของเสวียนหยวนและเหรินชุน,ทว่าจินเผิง,เซียนเซิงซือ,หวังจิงเหวินและคนอื่นๆที่กวาดตามองไปรอบๆ.

 

หลังจากนั้น,หวังจิงเหวินที่เอ่ยออกมาเบาๆ,"เซิ่งหวัง!"

 

ทุกคนที่หันหน้ามามองหวังจิงเหวินพร้อมๆกัน.

 

"ตำแหน่งเสวียน,ห่างออกไป สามแสนลี้,บนตำหนักลอยฟ้าสูงขึ้นไป!"หวังจิงเหวินที่เอ่ยออกมาเบาๆ.

 

จงซานที่เงยหน้าขึ้นไปมอง,สายตาของเขาที่จ้องมองผ่านฝูงหมาป่า,สูงขึ้นไป,ห่างสามแสนลี้.

 

บนจุดที่สูงที่สุด,มีซุ้มไม้ขนาดเล็กสีแดงเพลิง,รอบๆนั้นมีม่านไม้ไผ่ล้อมอยู่,ด้านนอกยากจะมองเข้าไปได้,ทว่าที่ด้านในนั้นสามารถมองเห็นด้านนอกได้ชัดเจน.

 

เป็นซุ้มไม้ที่ดูแปลกประหลาดที่หวังจิงเหวินเห็น.

 

พลังจิตในหมอกหงหลวนของจงซานที่แผ่เข้ามาในดวงตาของเขาเล็กน้อย.

 

ดวงตาของจงซานเป็นลำแสงทะลวงในทันที,มองลอดม่านไม้ไผ่เข้าไป,คาดไม่ถึงว่าจะสามารถมองเห็นด้านในได้.

 

ที่ด้านในนั้นมีโถสุรา,มีชายในชุดสีแดงโลหิตนั่งอยู่,มีไหสุรารสเลิศ,ชายที่อยู่ด้านในที่จิบสุรา,ขณะที่จ้องมองการต่อสู้ของเสวียนหยวนและเหรินชุน.

 

นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ,สิ่งสำคัญคือคนผู้นี้ใบหน้าเลือนลาง,ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน.

 

ภายในตำหนักที่มีผนึกปิดกั้น,แน่นอนไม่จำเป็นต้องคาดเดาใดๆ,การที่ไม่สามารถมองไม่เห็นใบหน้า,คนผู้นั้นก็คือคนที่อาวุโสอวิ๋นเอ่ยถึง,หยิงเห่า.

 

ปราชญ์เทพทวีปปฐพี,ปราชญ์เทพหยิงเห่า?

 

เขาที่ยังคงนั่งมองการต่อสู้อยู่? เป็นเขาจริงๆรึ?

 

ขณะที่สายตาของจงซานกำลังจะถอนกลับมา,ทันใดนั้นปราชญ์เทพหยิงเห่าที่หยุดดื่มสุรา,ทันใดนั้นก็หันหน้ามายังทิศทางของจงซานในทันที.

 

ขณะที่เขาหันหน้ามา,อำนาจของปราชญ์เทพที่ผลักออกมาในทันที.

 

แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้า,ทว่าจงซานสัมผัสได้ถึงดวงตาที่คลุมเครือนั่นได้.

 

ดวงตาที่ดูทรงพลัง,แม้แต่เนตรเทียนฟายังดูธรรมดาไป,สิ่งนี้เต็มไปด้วยอำนาจทำลายล้าง,เพียงแค่สายตาที่กวาดมา,เพียงพอที่จะทำให้ได้รับภัยพิบัติแล้ว.

 

ดวงตาของปราชญ์เทพดูน่าเกรงขามมาก,แม้นว่าจะมองไม่เห็นชัด,ทว่าก็บอกได้ว่าดูทรงพลังอหังการเท่าใด,ประกายแสงที่ดุร้ายนั้น,หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น,คงทำให้ดวงวิญญาณหลุดลอยแตกสลายแล้ว.

 

บางทีเพราะว่าจงซานดวงวิญญาณไม่ได้หลุดลอยแตกสลาย,ดังนั้นจึงทำให้ปราชญ์เทพหยิงเห่าเผยท่าทางสงสัย.

 

จงซานที่เห็นปราชญ์เทพหยิงเห่าพยักหน้าให้,ก่อนที่จะถอนสายตากลับมา.

 

ไม่ว่าอย่างไร,การตรวจสอบความเป็นส่วนตัวของคนอื่น,หากพบว่าฝ่ายตรงข้ามกระทำ,แม้นว่าจะขออภัยแล้วก็ตาม,ทว่าก็ไม่มีทางรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคิดอะไร?ดังนั้นจึงต้องรีบถอนสายตากลับคืน.

 

จงซานที่ถอนสายตากลับมาแล้ว,ด้านในม่านไม้ไผ่เวลานี้,ปราชญ์เทพหยิงเห่าที่ไม่ได้แสดงท่าทางสบายๆอีกต่อไป.

 

เขาที่วางสุราลงแสดงท่าทางจริงจัง,ก่อนที่จะจ้องมองมายังทิศทางของจงซานอีกครั้ง.

 

ภายใต้การตรวจสอบของเขา,ไม่มีทางที่คนธรรมดาจะมองผ่านเข้ามาได้,คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมองผ่านเข้ามาอย่างงั้นรึ? แม้แต่ปราชญ์เทพหยิงเห่ายังรู้สึกได้ถึงสายตาของอีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง.

 

มองเห็นสายตาของเขา? เขาเป็นใคร?

 

"เซิ่งหวัง!"จินเผิงและคนอื่นๆที่จ้องมองจงซานด้วยความสงสัย.

 

"เป็นปราชญ์เทพหยิงเห่าจริงๆ,อย่าได้ล่วงเกินเขา,ข้ามองเขาก่อนหน้านี้,ทว่าเขารู้ตัว,เป็นการเสียมารยาทก่อน,เวลานี้ไม่ต้องมองไปยังทิศทางอีกต่อไป!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

 

"รับทราบ!"

 

แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา,ทว่าภายในใจที่รู้สึกหนักอึ้ง,ไม่ใช่ว่าหวาดกลัว,การที่ปราชญ์เทพได้มาปรากฏกายขึ้นที่นี่?

 

กล่าวได้ว่า,ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับปราชญ์เทพ,ต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดา.

 

ทุกคนที่ยังคงรอคอยเฝ้ามองการต่อสู้อย่างอดทนผ่านไปแล้วสองชั่วยาม.

 

เป็นความจริงดั่งที่อาวุโสอวิ๋นกล่าว,ถึงแม้นว่าเสวียนหยวนจะเคลื่อนย้ายอำนาจเทียนเต๋า,ทว่าในเวลานี้ก็หาได้ไร้เทียนทาน,ธารโลหิตที่ดูทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ.

 

บรรพชนชราหมิงเห่อ,ที่ปลดปล่อยอสุรามากมายมหาศาล,ราวกับไร้ที่สิ้นสุดออกมา!

 

จิตสังหารที่รุนแรงหนักหน่วงโชติช่วงปิดพื้นฟ้าแทบจะปกคลุมเสวียนหยวน.

 

เสวียนหยวนที่คล้ายไม่สามารถควบรวมเทียนเต๋าอีกต่อไป,ทว่าเวลานี้เทียนเต๋าขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของเขาในทันที.

 

เทียนเต๋าของเสวียนหยวนที่อ่อนแรงลงไม่น้อย.

 

ธารโลหิตที่ผสานเทียนเต๋า,ก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังทิศทางของเสวียนหยวน,เทวทูตมากมายที่พ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า.

 

เห็นเสวียนหยวนที่กำลังพ่ายแพ้.

 

ทว่าในเวลานั้น,ดวงตาของเสวียนหยวนที่หรี่เล็กลง,ดวงตาสีเงินที่ส่องประกายแสงสีเงินเข้มออกมา,แสงสีเงินที่ปล่อยออกมานั้นส่องประกายแสงสีเงินสว่างวับวาว.

 

แสงสีเงินที่ปล่อยออกมาในครั้งเดียว,ทำให้เทียนเต๋าของเสวียนหยวนส่องสว่างอีกครั้ง,เทวะทูตที่ขยายออกไปเรื่อย,เขาต่อกรกับอสุราอย่างบ้าคลั่ง.

 

"ร่างขั้นสาม? คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีร่างกำเนิดโลกขั้นสาม!"เสียงของบรรพชนหมิงเหอที่ดังขึ้นมาจากด้านในธารโลหิต.

 

แสงสีเงินที่สว่างจ้าค่อยๆสลายหายไป,ทุกคนที่ปรากฏเห็นเสวียนหยวนอีกครั้ง.

 

เสวียนหยวนที่มีปีกเหมือนกับก่อนหน้านี้,ทว่าเวลานี้มีเทียนเต๋าสามเส้น,คาดไม่ถึงเลยว่าจะปรากฏร่างที่เหมือนเขาขึ้นด้วย.

 

แยกร่างสามร่าง,ทว่าคาดไม่ถึงเลยว่าพลังจะไม่ลดลงแม้แต่น้อย,ซ้ำยังทรงพลัง,มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมสามเท่าด้วย.

 

เทวะทูตที่ขยายเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า,แสงสีขาวที่ส่องสว่างมากกว่าเดิมสามเท่า,พร้อมกับปล่อยลำแสงเข้าปะทะธารโลหิตอีกด้วย.

 

ก่อนหน้านี้เสียเปรียบ,เวลานี้เริ่มสร้างแรงกดดันได้แล้ว.

"โฮกก!”

 

เหล่าเผ่าหมาป่าที่คำรามเชียร์เสียงดัง.

 

"ร่างขั้นสาม,คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีร่างขั้นสาม!"อาวุโสอวิ๋นที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.

 

"ดูเหมือนจะสามารถกำราบความอหังการของเหรินชุนได้แล้ว!"อาวุโสอีกคนที่เผยท่าทางตื่นเต้นดีใจ.

 

"ระวังบนท้องฟ้า!"อาวุโสอวิ๋นที่ไม่ได้ตื่นเต้นไปด้วย,ซ้ำยังเปลี่ยนเป็นจริงจังอีกด้วย.

 

เป็นความจริง,กุยเช่อบนอากาศที่เห็นเหรินชุนเสียเปรียบก็ไม่อยู่เฉย.

"กวีกๆ~~ ~~~~~~~~~!”

"กวีกๆ~~ ~~~~~~~~~!”

"กวีกๆ~~ ~~~~~~~~~!”

........................

............

......

 

เสียงของหงส์คำรามเก้าครั้ง,ก่อนที่กุยเช่อจะปลดปล่อยปราณทมิฬออกมารอบๆในทันที,ก่อนที่จะพุ่งตรงเข้ามาในสนามรบ.

 

"ไม่ได้การ,เขาต้องการจัดการเสวียนหยวน!"อาวุโสคนหนึ่งที่เอ่ยออกมาในทันที.

 

"ไม่สามารถให้เขาทำได้อย่างแน่นอน!"อาวุโสอีกคนเอ่ย.

 

"เจ้าออกไปขวางกุยเช่อ,ตราบเท่าที่รั้งเอาไว้ให้เสวียนหยวนเอาชนะอีกฝั่ง,ภัยพิบัติครั้งนี้ก็จะผ่านไปได้!"อาวุโสอวิ๋นที่เอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม.

 

"รับทราบ!"อาวุโสทั้งสองที่บินขึ้นไปบนอากาศอย่างรวดเร็ว.

"ตูมมม!”  "ตูมมม!”........................

 

บนท้องฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้,เกิดการระเบิดขึ้น,ห้วงอากาศที่สั่นไหว,กุยเช่อที่ต่อสู้กับอาวุโสหมาป่าสองคน.

 

"อาวุโสหมาป่าทั้งสอง,ดูเหมือนว่าจะเพิ่งก้าวไปถึงเซียนบรรพชน,ไม่ใช่คู่มือของกุยเช่อ!"จินเผิงที่ขมวดคิ้วไปมา.

 

"กุชเช่อนั้น,เขาที่เป็นเซียนบรรพชนที่ร้ายกาจ,ยังทรงพลังน่าเกรงขาม,สองเซียนบรรพชนระดับต้นคงทำได้แค่มอง!"เต้าเหรินถูพยักหน้ารับ.

 

"จินเผิง,เต้าเหรินถู!"จงซานเอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม.

 

"เฉินอยู่นี่แล้ว!"

 

"ช่วยอาวุโสหมาป่าทั้งสอง,จัดการกับกุยเช่อ!"

 







ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

ปัจจุบันแปลจบแล้ว 1672 ตอน สนใจติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ครับ

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ แปลจบแล้ว.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น