วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2563

Immortality Chapter 1021 Most honored guest

Immortality Chapter 1021 Most honored guest

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 1021 แขกที่ทรงเกียรติที่สุด.


Chapter 1021 Most honored guest

最尊的客人

  แขกที่ทรงเกียรติที่สุด.

 

ภายใต้ต้าฉิน,เซิ่งหวิงหยิงคือตัวตนสูงสุดไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้!

 

ใต้เซิ่งหวังลงมา,มีเสนาบดีซ้ายขวา.

 

คนทั้งสองอยู่ใต้หนึ่งคนอยู่เหนือทุกคน,ไม่มีขุนนางคนใหนเทียบได้,ทั้งคู่คือผู้มีอำนาจสูงสุดในเหล่าข้าราชบริพาร.

 

ทว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้,เสนาธิการทั้งสองคนไม่เคยปรากฏกายต่อหน้าใครเลย,แม้แต่แขกผู้ทรงเกียรติมากมายก็ไม่ได้ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง,ไม่มีเวลาที่จะพบใครทั้งนั้น.

 

กับงานแบ่งเบาราชกิจของราชา,เสนาบดีทั้งสอง,ที่มีอำนาจในการควบคุมการปกครอง,ดังนั้นจึงไม่ได้สุงสิงกับคนกลุ่มใหนเป็นพิเศษ,แม้แต่เหล่าคนรู้จักเองก็ไม่ได้ให้การต้อนรับเป็นพิเศษแต่อย่างใด,คนทั้งสองเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารราชกิจอย่างแจ่มแจ้ง,เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวายและรักษาบรรยาการของท้องพระโรงอย่างเข้มงวด,จึงจำเป็นต้องเป็นตัวอย่างให้กับเหล่าข้าราชบริพารนั่นเอง.

 

ดังนั้นโอการที่สองเสนาบดีจะออกมาต้อนรับแขกจึงมีน้อยมากๆ,หากแต่ในเวลานี้เกิดอะไรขึ้น?

 

ภายในตำหนักแขกผู้ทรงเกียรติ,หลังจากรับรู้เรื่องบัตรเชิญสีถ่านแล้ว,พวกเขาที่ราวกับถูกสายฟ้าฟาดกระหน่ำ,หลายวันมานี้ไม่ได้ต้อนรับแขกผู้ทรงเกียรตินัก,เป็นเหตุให้พวกเขาเฉื่อยชา,จนทำให้ไม่มีกระจิตกระใจอะไรนัก,ทว่าในเวลานี้ภายในใจของพวกเขากับร้อนรุ่ม,พวกเขาได้พลาดโอกาสความสำเร็จครั้งใหญ่แล้ว,แม้แต่นำหายนะมาสู่ตัวเอง.

 

หวังกวนจูที่เวลานี้สั่นสะท้านด้วยความหวั่นเกรง,ได้นำพูเช่อซ้ายและขวา,เร่งรีบออกมาเพื่อหากลุ่มของจงซานในทันที.

 

ที่ห้องโถงลู่กวน,ในเวลานี้เห็นผู้คนมากมายกำลังแสดงความเคารพ.

 

คนทั้งสามที่เห็นที่ใจกลางนั้นปรากฏเสนาบดีซ้ายขวา,ก็ตื่นตะลึงตาค้าง.

 

พูเช่อซ้ายเวลานี้ร่างกายสั่นเทิ้มแต่ไม่กล้าพูดอะไร,บัตรเชิญสีถ่าน? เป็นเซิ่งหวังจารึกด้วยตัวเองอย่างงั้นรึ? แม้แต่สองเสนาบดียังเดินทางมาต้อนรับ? แต่ตัวเขากลับไล่ตะเพิดแขกผู้ทรงเกียรตินี้ไปด้วยตัวเอง?

 

หวังกวนจูที่ต้องการแก้ไขเรื่องนี้,ทว่าเมื่อเห็นเสนาบดีทั้งสองเดินทางมาด้วยตัวเอง,ก็รับรู้แล้วว่า ตอนนี้มันสายไปแล้ว.

 

ภายในลานห้องโถง,ผู้คนต่างก็ชื่นชม,ทำให้ภายในใจของทุกคนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น.

 

อักขระที่มีค่าควรเมือง,สมบัติที่ล้ำค่าประเมินไม่ได้อย่างงั้นรึ?

 

หากเป็นคนอื่นกล่าว,ต้องเป็นเรื่องไร้สาระแน่,ตัวอักษรนี้ทรงพลังขนาดนั้นเลยรึ? ทว่าเมื่อออกมาจากเสนาบดี,ลู่ปู้เหว่ย,เมื่อเขากล่าวว่าล้ำค่า,แน่นอนว่าต้องล้ำค่า!

 

อักขระที่มีค่าควรเมืองอย่างงั้นรึ? แล้วคนกลุ่มนี้เป็นใครมาจากใหนกัน?

 

สี่ไท่จื่อมังกรเวลานี้เห็นหลี่ซือและลู่ปู้เหว่ยถึงกับแข็งค้าง,จิตใจที่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง,สองผู้ยิ่งใหญ่ของต้าฉินเดินทางมากด้วยตัวเองอย่างงั้นรึ? แล้วอักขระนี้มีมูลค่าขนาดนั้นเลยรึ?

 

เหล่าขุนนางพิธีการที่จ้องมองไปยังเสนาบดีทั้งสอง,แววตาที่ตื่นตะลึงไม่คิดว่าเสนาบดีทั้งสองจะเดินทางมาด้วยตัวเอง.

 

เสนาบดีทั้งสองที่ก้าวเข้ามา,เผยยิ้มต้อนรับ.

 

ลู่ปู่เหว่ยที่ก้าวเข้ามาใกล้,จดจ้องมองไปยังอักขระและกล่าวออกมาว่า,"อักขระของเซิ่งหวังจง,ในอดีตกับบทความ"นทีสีชาติ" ที่ทำให้แผ่นดินสะท้านสวรรค์สะเทือน,เรียกทัณฑ์สวรรค์มาบนโลก,ในเวลานี้กับอักขระ"หวังฉิน"ที่เต็มไปด้วยอำนาจวิเศษชำระล้างกระจายออกไปนับล้านล้านลี้,เซิ่งหวังเห็น,จะต้องชื่นชอบแน่!"

 

กับคำพูดที่เป็นกันเองของลู่ปู่เหว่ย,เปี่ยมไปด้วยความหมาย,เหมือนกับได้ยินเสียงของลมในฤดูใบไม้ผลิ,ราวกับพบสหายเก่าที่จากกันมาหลายปี.

 

ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างก็ได้ยิน,ถึงกับทำให้จิตใจสั่นสะท้าน,คำพูดก่อนหน้านี้,สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนอย่างงั้นรึ? เรียกทัณฑ์สวรรค์มาสู่โลกมนุษย์? จริงหรือเท็จ,อักขระที่แม้แต่สวรรค์ยังอิจฉา? ทุกคนที่ไม่เชื่อในคราแรก,ทว่าเมื่อเป็นคำพูดจากปากของลู่ปู้เหว่ยแล้ว,กับขุนนางที่น่าเกรงขามเสนาบดีต้าฉิน,มีหรือจะโกหกเพื่อเอาใจคนอื่น? เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน.

 

อักขระ,ล้ำค่าอย่างแน่นอน,ไม่,ต้องเรียกว่าเป็นสมบัติประเมินค่าไม่ได้!

 

แน่นอนว่า,มีใครบางคนที่เห็นคำพูดท่าทางของลู่ปู้เหว่ยที่แสดงออกมาราวกับเจอสหายเก่า,กับคำที่เต็มไปด้วยท่าทางดูแคลนจงซานก่อนหน้านี้,ร่างกายถึงกับสั่นไม่หยุด,โดยเฉพาะผู้นำตระกูลเฉียน,ถึงกับคุกเข่าลงไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวอะไรออกมาอีก.

 

หวังกวนจูและพู่เช่อซ้ายขวาที่อยู่ห่างออกมาเวลานี้ถึงกับแสดงท่าทางเจ็บปวดและข่มขื่นออกมา.

 

"เซิ่งหวังจงซานเดินทางมาต้าฉฺน,ไม่ได้ต้อนรับอย่างสมเกียรติ,ต้องขออภัยด้วย!"หลี่ซือที่ยกมือคารวะต่อจงซานเล็กน้อย.

 

ลู่ปู่เหว่ยที่ชื่นชมอักขระก่อนหน้านี้และแสดงท่าทางเหมือนสหายเก่า,ทำให้จิตใจของทุกคนแทบพังทลายลงแล้ว,ทว่ากับการแสดงเคารพเล็กน้อยของหลี่ซือ ในเวลานี้,ทำให้ทุกคนนิ่งงันถูกแช่แข็งไปในทันที.

 

แข็งค้างไปทั้งหมด,ภาพเหตุการณ์ในครั้งนี้ทุกคนที่นิ่งตะลึงไปพร้อมๆกัน.

 

เหล่าขุนนางที่เร่งรีบแสดงความเคารพต่อจงซานอย่างรวดเร็ว,แม้แต่เหล่าคนที่ยโสโอหังก่อนหน้านี้เองก็เร่งรีบแสดงความเคารพออกมาเช่นกัน,ในเวลานี้ทุกคนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง,โดยเฉพาะผู้นำตระกูลเฉียนที่เวลานี้จิตใจแทบล่มสลาย,ปากสั่นตัวสั่น,จนไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา.

 

หวังกวนจูและพู่เช่อซ้ายขวาที่เฝ้ามอง,ราวกับสายฟ้าฟาดระเบิดกบาลไปแล้ว,กับแขกผู้ทรงเกียรติเช่นนี้,กับตัวตนที่สูงศักดิ์เช่นนี้! พวกเขาตาบอดไปแล้วจริงๆ? ไม่แม้แต่เฉลียวใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น?

 

ไท่จื่อมังกรทั้งสี่ที่ไม่อยากเชื่อจดจ้องมองจงซานด้วยความอัศจรรย์ใจ,คนเหล่านี้มีสถานะอะไร? เซิ่งหวังจง?เซิ่งหวังอย่างงั้นรึ?

 

จงซานที่เดินทางมาจากภพยิน,ก่อนมาที่ทวีปตะวันออก,ได้ผ่านศาลสวรรค์และทะเลตะวันออก,แม้นว่าจะไม่ได้พำนักที่ใหน,ทว่าก็มีหยุดพักบ้างแต่ไม่นาน,ชื่อเสียงที่ร้ายกาจน่าเกรงขามจากนรกนั้น,ณ เวลานี้น่าจะยังมาไม่ถึง.

 

กับหลี่ซือที่เรียกเซิ่งหวังจง,ทุกคนที่ได้ยับ,ก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเขาคือเซิ่งหวังอย่างงั้นรึ? เขาที่มีตำหนักมรรคาเท่ากับหยิงรึ?

 

จงซานที่เผยยิ้มจ้องมองไปยังคนทั้งสอง,ส่ายหน้าไปมาและกล่าวออกมาว่า,"ท่านลู่ชื่นชมเกินไปแล้ว,นี่เป็นเพียงอักขระ!"

 

ก่อนที่จงซานจะจ้องมองไปยังลี่ซือ,"ท่านหลี่ไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง,ตัวข้านั้น,เข้าใจว่าระบบของต้าฉินนั้นนับว่าสมบูรณ์แบบ,นอกจากนี้ยังไม่มีใครรับรู้ด้วยว่าข้าจะเดินทางมาในวันนี้!"

 

สำหรับจงซานนั้น,หาได้ใส่ใจอะไรนัก,ต้องไม่ลืมว่า,กับตัวเช่นจงซานนั้น,หาได้ใส่ใจเรื่องๆเล็กๆน้อย,เป็นไปไม่ได้ที่จะหัวร้อนกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง,ไม่เช่นนั้นแล้วจะสามารถทำงานใหญ่ให้สำเร็จได้อย่างไร.

 

นอกจากนี้เหล่าคนที่ดูแคลนเขานั้นก็ไม่อยู่ในสายตาของจงซานแม้แต่น้อย.

 

จงซานที่ถือคติ,อย่าไปเถียงกับคนโง่โดยเด็ดขาด,พวกเขาจะลากเราลงไปอยู่ในระดับเดียวกับเขาแล้วเอาชนะเราด้วยประสบการณ์

 

เกี่ยวกับคนเหล่านี้,จงซานที่สามารถปิดหูปิดตาไม่สนใจได้.

 

"เซิ่งหวังจง,เช่นนั้นพวกเราเข้าไปในเมืองเซียนหยางค่อยพูดกันอีกครั้งก็แล้วกัน?"หลี่ซือกล่าว.

 

"เช่นนั้นต้องขอรบกวนด้วย!"จงซานที่กล่าว.

 

"เชิญ!"ลู่ปู่แหว่ยเอ่ย.

 

หวังกวนจูเวลานี้ไม่กล้าเข้ามาแม้แต่น้อย,ทำให้แค่ระงับหัวใจที่ขมขื่นเอาไว้,พูเช่อซ้ายขวาที่หวาดผวา,ความรู้สึกซับซ้อนหวาดหวั่น,ไม่ว่าอย่างไรเรื่องที่เกิดขึ้นก็เกินกว่าจะแก้ไขอะไรได้แล้ว.

 

ลู่ปู้เหว่ยที่สร้างเมฆสีขาว,พร้อมกับนำกลุ่มของจงซาน,เดินทางไปยังวังหลวงของเมืองเซียนอย่าง.

 

ในเวลานี้,เมื่อคนทั้งสองนำทาง,ย่อมไม่มีใครกล้าขวางอีกครั้ง.

 

เมฆสีขาวที่มีขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้แต่ไกล,ดูเหมือนว่ามีขนาดใหญ่โตมาก.

 

"หยุดอยู่ตรงนั้น,งานมงคลของเซิ่งหวัง,ภายในอาณาเขตเหมืองเซียนหยาง,ห้ามบิน!"ทหารของต้าฉินกลุ่มหนึ่งที่ร้องออกมาในทันที.

 

"ยังไม่หยุดอีกรึ?"ชายในชุดสีขาวที่แค่นเสียงด้วยความไม่พอใจ.

 

"ตั้งแถว,เตรียมเข้าปะทะ!"ขุนพลต้าฉินที่ตะโกนออกมาเสียงดัง.

 

"ตูมมมมม!"จิตสังหารที่หนักหน่วงรุนแรงที่โถมทับลงมาจากบนอากาศ.

 

ขุนพลในชุดสีขาวที่ตัวสั่นเทิ้มทรุดลงคุกเข่ากับพื้น,ทำได้แค่มองกลุ่มของจงซานบินจากไปด้วยความอิจฉา.

 

เป็นความจริง,มีเพียงกลุ่มของจงซานเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์บินเข้าไปในเมืองเซียนหยาง,จึงได้สร้างความสนใจต่อผู้คนเป็นจำนวนมาก,แม้นว่าจะกลายเป็นจุดสายตาของทุกคน,ทว่าจงซานหาได้ใส่ใจนัก,เป็นเรื่องปรกติ,เมื่อเสนาบดีทั้งสองที่เดินทางออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง,แน่นอนว่าเป็นมารยาที่จงซานจะต้องรับด้วย.

 

กับสิทธิพิเศษกลุ่มของจงซาน,สร้างความสนใจต่อผู้คนเป็นจำนวนมาก,ทุกคนต่างก็เผยท่าทางประหลาดใจ,แขกกลุ่มนี้เป็นใครมาจากใหนกัน?

 

ยิ่งเห็นสองเสนาบดีเป็นผู้ออกไปต้อนรับ,ทุกคนที่ตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก,คนกลุ่มนี้มีภูมิหลังเช่นไร?

 

เมืองเซียนหยาง,ตำหนักที่หรูหรา,ที่พำนักของกลุ่มมังกร.

 

"อ้าวซุน,คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะได้รับบัตรเชิญสีแดง,สำหรับตำหนักมังกรแล้ว,ดูเหมือนว่าหยิงจะให้ความสำคัญ!"ชายในชุดสีแดงที่กล่าวต่อมังกรชรา.

 

"อาณาจักรคู่บารมีของต้าฉินก็คือมังกร,สำหรับตำหนักมังกรของเขาแน่นอนว่าย่อมต้องได้รับสิทธิ์."อ้าวซุนที่เอ่ยออกมาด้วยความภาคภูมิเล็กน้อย.

 

"ก็ถูก,ไม่เช่นนั้นด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า,ไม่มีทางที่จะได้รับบัตรเชิญสีแดง?"ชายในชุดสีเขียวที่กล่าวด้วยความดูแคลน.

 

"เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"อ้าวซุนที่เอ่ยออกมาด้วยความโกรธ.

 

"ดูนั่นเร็วเข้า,หลี่ซือและลู่ป้เหว่ยได้นำคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในตำหนักฉงเทียน!"ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งกล่าวออกมา.

 

"พื้นที่ตำหนักฉงเทียนรึ? ที่นั่นมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์? เป็นใครกัน?"ชายในชุดสีเขียวก่อนหน้าเอ่ยออกมาในทันที.

 

"บุตรข้า,นั่นบุตรของข้า!"อ้าวซุนที่กล่าวออกมาเสียงสั่น.

 

อ้าวซุน,ราชามังกรทะเลเหนือ,แน่นอนว่าย่อมจำกลิ่นอายของไท่จื่อมังกรทั้งสี่ได้,ทว่าในเวลานี้กับคำพูดของอ้าวซุน,สายตาของทุกคนที่จ้องมองเผยท่าทางเหยียดหยัน,เจ้าเสียสติไปแล้ว? คิดว่าบุตรชายตัวเองเป็นแขกผู้ทรงเกียรติอย่างงั้นรึ?

----------------------------------------------------------------------------

 

จากนั้นไม่นาน,กลุ่มของจงซานที่ถูกนำเข้าไปในตำหนักหลวง,สถานที่แห่งหนึ่งเป็นตำหนักที่ใหญ่โตอลังการ,มีเขตแดนลานขนาดใหญ่,ทิศเหนือเป็นตำหนักใหญ่,ซึ่งเป็นสถานที่เมืองเซียนหยางใช้วางแผนปรึกษาพูดคุยราชกิจท้องพระโรง และมีโถงใหญ่รับแขก,ของตำหนักฉงเทียน.

 

ตำหนักฉงเทียนที่มีประตูปิดแน่,พื้นที่รอบๆเป็นสีเหลียมและมีห้องโถงสี่ตำหนักประจำทิศ.

 

"ต้องขออภัยเวลานี้เซิ่งหวังกำลังตัดผ่านระดับ,ทว่าจะออกมาก่อนงานพระชนพรรษาอย่างแน่นอน,เซิ่งหวังจงอย่าได้ตำหนิ!"หลี่ซือกล่าว.

 

"ไม่มีปัญหา!"จงซานพยักหน้ารับ.

 

"เซิ่งหวังจง,ที่นี่ตำหนักฉงเทียน,อีกห้าวัน,ก็จะถึงวันพระชนพรรษาของเซิ่งหวัง,สี่โถงหลักนี้,ล้วนแล้วแต่เป็นห้องโถงเหล่าแขกผู้ทรงเกียรติสูงสุด,ส่วนคนอื่นๆเวลานี้ได้มาถึงกันแล้ว,ท้ายที่สุดท่านก็มาเป็นลำดับสุดท้าย!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

 

"ข้าคงไม่ได้มาสายนะ!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยิ้ม.

 

"แน่นอน,อย่างไรก็ตามงานพระราชสมภพของเซิ่งหวังคือวันที่ห้า,ระหว่างนี้,พวกเราคงจะสามารถแลกเปลี่ยนหารือกันได้!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยรอยิ้ม.

 

"แน่นอน!"

 

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนทนากันนั้น,ห้องโถงที่สามก็เปิดขึ้นมา,เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับสิทธิ์เข้ามาในลานตำหนักฉงเทียนเช่นกัน,เป็นแขกทรงเกียรติสูงของต้าฉิน,เป็นหนึ่งในสีสิทธิ์,พวกเขาเป็นบุคคลสำคัญและทรงพลังเป็นอย่างมาก.

 

คนเหล่านั้น,แน่นอนว่าย่อมสงสัยกลุ่มคนสุดท้ายที่มาถึง,แม้แต่หลี่ซือและลู่ปู้เหว่ยออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง,เป็นเรื่องปรกติที่ต้องสงสัยเป็นธรรมดา.

 

ประตูตำหนักที่เปิดออกมา,โถงด้านซ้ายนั้น,มีประกายแสงเทวะส่องประกายเจิดจรัสแผ่ออกมา.

 

บรรพชนโพธิ?

 

จงซานจำได้,บรรพชนโพธิที่ออกมาช่วยซุนเฉินในเวลานั้น,ซุนฉินที่เห็นกลุ่มของจงซานเวลานี้,ใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ขึ้นมาในทันที,คิดถึงเรื่องที่ตัวเองเกือบตายในครั้งนั้น.

 

"เซิ่งหวังจง,พบกันอีกแล้ว!"บรรพชนโพธิกล่าวด้วยร้อยยิ้ม.

 

"คารวะบรรพชนโพธิ!"จงซานกล่าวทักทาย.

 

อีกสองห้องโถงที่เปิดประตูออกมาเช่นกัน,ที่ด้านในส่องประกายแสงวับวาว,ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งออกมา,หนึ่งในนั้นเป็นนักบวชที่เขารู้สึกคุ้ยเคยเหมือนเคยได้ยินมาก่อน,คนผู้นี้ทำให้จงซานที่คิดถึงเมื่อครั้งยังเด็ก,เขาเคยเห็นที่วิหารแห่งหนึ่ง.

 

"ศากยมุนี,คารวะเซิ่งหวังจง!"นักบวชที่มีรัศมีเจิดจรัสกล่าวออกมา.

 

"ศากยะมุนี?อรหันต์ยูไลวิหารใต้เหล่ยหยินอย่างงั้นรึ?"จงซานที่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ.

 

ยูไลที่พยักหน้ารับ,จากนั้นได้จดจ้องมองจงซาน,แววตาที่เปล่งรัศมี,ราวกับว่าต้องการรับรู้ว่าทำไมคนผู้นี้หยิงถึงได้ให้ความสำคัญนัก.

 

"คารวะอรหันต์ยูไล!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

 

ยูไลพยักหน้ารับ,ตอบรับคำทักทาย.






ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

ปัจจุบันแปลจบแล้ว 1672 ตอน สนใจติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ครับ

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ แปลจบแล้ว.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น