Immortality Chapter 1021 Most honored guest
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 1021 แขกที่ทรงเกียรติที่สุด.
Chapter 1021 Most honored guest
最尊贵的客人
แขกที่ทรงเกียรติที่สุด.
ภายใต้ต้าฉิน,เซิ่งหวิงหยิงคือตัวตนสูงสุดไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้!
ใต้เซิ่งหวังลงมา,มีเสนาบดีซ้ายขวา.
คนทั้งสองอยู่ใต้หนึ่งคนอยู่เหนือทุกคน,ไม่มีขุนนางคนใหนเทียบได้,ทั้งคู่คือผู้มีอำนาจสูงสุดในเหล่าข้าราชบริพาร.
ทว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้,เสนาธิการทั้งสองคนไม่เคยปรากฏกายต่อหน้าใครเลย,แม้แต่แขกผู้ทรงเกียรติมากมายก็ไม่ได้ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง,ไม่มีเวลาที่จะพบใครทั้งนั้น.
กับงานแบ่งเบาราชกิจของราชา,เสนาบดีทั้งสอง,ที่มีอำนาจในการควบคุมการปกครอง,ดังนั้นจึงไม่ได้สุงสิงกับคนกลุ่มใหนเป็นพิเศษ,แม้แต่เหล่าคนรู้จักเองก็ไม่ได้ให้การต้อนรับเป็นพิเศษแต่อย่างใด,คนทั้งสองเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารราชกิจอย่างแจ่มแจ้ง,เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวายและรักษาบรรยาการของท้องพระโรงอย่างเข้มงวด,จึงจำเป็นต้องเป็นตัวอย่างให้กับเหล่าข้าราชบริพารนั่นเอง.
ดังนั้นโอการที่สองเสนาบดีจะออกมาต้อนรับแขกจึงมีน้อยมากๆ,หากแต่ในเวลานี้เกิดอะไรขึ้น?
ภายในตำหนักแขกผู้ทรงเกียรติ,หลังจากรับรู้เรื่องบัตรเชิญสีถ่านแล้ว,พวกเขาที่ราวกับถูกสายฟ้าฟาดกระหน่ำ,หลายวันมานี้ไม่ได้ต้อนรับแขกผู้ทรงเกียรตินัก,เป็นเหตุให้พวกเขาเฉื่อยชา,จนทำให้ไม่มีกระจิตกระใจอะไรนัก,ทว่าในเวลานี้ภายในใจของพวกเขากับร้อนรุ่ม,พวกเขาได้พลาดโอกาสความสำเร็จครั้งใหญ่แล้ว,แม้แต่นำหายนะมาสู่ตัวเอง.
หวังกวนจูที่เวลานี้สั่นสะท้านด้วยความหวั่นเกรง,ได้นำพูเช่อซ้ายและขวา,เร่งรีบออกมาเพื่อหากลุ่มของจงซานในทันที.
ที่ห้องโถงลู่กวน,ในเวลานี้เห็นผู้คนมากมายกำลังแสดงความเคารพ.
คนทั้งสามที่เห็นที่ใจกลางนั้นปรากฏเสนาบดีซ้ายขวา,ก็ตื่นตะลึงตาค้าง.
พูเช่อซ้ายเวลานี้ร่างกายสั่นเทิ้มแต่ไม่กล้าพูดอะไร,บัตรเชิญสีถ่าน?
เป็นเซิ่งหวังจารึกด้วยตัวเองอย่างงั้นรึ? แม้แต่สองเสนาบดียังเดินทางมาต้อนรับ?
แต่ตัวเขากลับไล่ตะเพิดแขกผู้ทรงเกียรตินี้ไปด้วยตัวเอง?
หวังกวนจูที่ต้องการแก้ไขเรื่องนี้,ทว่าเมื่อเห็นเสนาบดีทั้งสองเดินทางมาด้วยตัวเอง,ก็รับรู้แล้วว่า
ตอนนี้มันสายไปแล้ว.
ภายในลานห้องโถง,ผู้คนต่างก็ชื่นชม,ทำให้ภายในใจของทุกคนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น.
อักขระที่มีค่าควรเมือง,สมบัติที่ล้ำค่าประเมินไม่ได้อย่างงั้นรึ?
หากเป็นคนอื่นกล่าว,ต้องเป็นเรื่องไร้สาระแน่,ตัวอักษรนี้ทรงพลังขนาดนั้นเลยรึ?
ทว่าเมื่อออกมาจากเสนาบดี,ลู่ปู้เหว่ย,เมื่อเขากล่าวว่าล้ำค่า,แน่นอนว่าต้องล้ำค่า!
อักขระที่มีค่าควรเมืองอย่างงั้นรึ?
แล้วคนกลุ่มนี้เป็นใครมาจากใหนกัน?
สี่ไท่จื่อมังกรเวลานี้เห็นหลี่ซือและลู่ปู้เหว่ยถึงกับแข็งค้าง,จิตใจที่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง,สองผู้ยิ่งใหญ่ของต้าฉินเดินทางมากด้วยตัวเองอย่างงั้นรึ?
แล้วอักขระนี้มีมูลค่าขนาดนั้นเลยรึ?
เหล่าขุนนางพิธีการที่จ้องมองไปยังเสนาบดีทั้งสอง,แววตาที่ตื่นตะลึงไม่คิดว่าเสนาบดีทั้งสองจะเดินทางมาด้วยตัวเอง.
เสนาบดีทั้งสองที่ก้าวเข้ามา,เผยยิ้มต้อนรับ.
ลู่ปู่เหว่ยที่ก้าวเข้ามาใกล้,จดจ้องมองไปยังอักขระและกล่าวออกมาว่า,"อักขระของเซิ่งหวังจง,ในอดีตกับบทความ"นทีสีชาติ"
ที่ทำให้แผ่นดินสะท้านสวรรค์สะเทือน,เรียกทัณฑ์สวรรค์มาบนโลก,ในเวลานี้กับอักขระ"หวังฉิน"ที่เต็มไปด้วยอำนาจวิเศษชำระล้างกระจายออกไปนับล้านล้านลี้,เซิ่งหวังเห็น,จะต้องชื่นชอบแน่!"
กับคำพูดที่เป็นกันเองของลู่ปู่เหว่ย,เปี่ยมไปด้วยความหมาย,เหมือนกับได้ยินเสียงของลมในฤดูใบไม้ผลิ,ราวกับพบสหายเก่าที่จากกันมาหลายปี.
ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างก็ได้ยิน,ถึงกับทำให้จิตใจสั่นสะท้าน,คำพูดก่อนหน้านี้,สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนอย่างงั้นรึ?
เรียกทัณฑ์สวรรค์มาสู่โลกมนุษย์? จริงหรือเท็จ,อักขระที่แม้แต่สวรรค์ยังอิจฉา?
ทุกคนที่ไม่เชื่อในคราแรก,ทว่าเมื่อเป็นคำพูดจากปากของลู่ปู้เหว่ยแล้ว,กับขุนนางที่น่าเกรงขามเสนาบดีต้าฉิน,มีหรือจะโกหกเพื่อเอาใจคนอื่น?
เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน.
อักขระ,ล้ำค่าอย่างแน่นอน,ไม่,ต้องเรียกว่าเป็นสมบัติประเมินค่าไม่ได้!
แน่นอนว่า,มีใครบางคนที่เห็นคำพูดท่าทางของลู่ปู้เหว่ยที่แสดงออกมาราวกับเจอสหายเก่า,กับคำที่เต็มไปด้วยท่าทางดูแคลนจงซานก่อนหน้านี้,ร่างกายถึงกับสั่นไม่หยุด,โดยเฉพาะผู้นำตระกูลเฉียน,ถึงกับคุกเข่าลงไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวอะไรออกมาอีก.
หวังกวนจูและพู่เช่อซ้ายขวาที่อยู่ห่างออกมาเวลานี้ถึงกับแสดงท่าทางเจ็บปวดและข่มขื่นออกมา.
"เซิ่งหวังจงซานเดินทางมาต้าฉฺน,ไม่ได้ต้อนรับอย่างสมเกียรติ,ต้องขออภัยด้วย!"หลี่ซือที่ยกมือคารวะต่อจงซานเล็กน้อย.
ลู่ปู่เหว่ยที่ชื่นชมอักขระก่อนหน้านี้และแสดงท่าทางเหมือนสหายเก่า,ทำให้จิตใจของทุกคนแทบพังทลายลงแล้ว,ทว่ากับการแสดงเคารพเล็กน้อยของหลี่ซือ
ในเวลานี้,ทำให้ทุกคนนิ่งงันถูกแช่แข็งไปในทันที.
แข็งค้างไปทั้งหมด,ภาพเหตุการณ์ในครั้งนี้ทุกคนที่นิ่งตะลึงไปพร้อมๆกัน.
เหล่าขุนนางที่เร่งรีบแสดงความเคารพต่อจงซานอย่างรวดเร็ว,แม้แต่เหล่าคนที่ยโสโอหังก่อนหน้านี้เองก็เร่งรีบแสดงความเคารพออกมาเช่นกัน,ในเวลานี้ทุกคนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง,โดยเฉพาะผู้นำตระกูลเฉียนที่เวลานี้จิตใจแทบล่มสลาย,ปากสั่นตัวสั่น,จนไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา.
หวังกวนจูและพู่เช่อซ้ายขวาที่เฝ้ามอง,ราวกับสายฟ้าฟาดระเบิดกบาลไปแล้ว,กับแขกผู้ทรงเกียรติเช่นนี้,กับตัวตนที่สูงศักดิ์เช่นนี้! พวกเขาตาบอดไปแล้วจริงๆ? ไม่แม้แต่เฉลียวใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น?
ไท่จื่อมังกรทั้งสี่ที่ไม่อยากเชื่อจดจ้องมองจงซานด้วยความอัศจรรย์ใจ,คนเหล่านี้มีสถานะอะไร?
เซิ่งหวังจง?เซิ่งหวังอย่างงั้นรึ?
จงซานที่เดินทางมาจากภพยิน,ก่อนมาที่ทวีปตะวันออก,ได้ผ่านศาลสวรรค์และทะเลตะวันออก,แม้นว่าจะไม่ได้พำนักที่ใหน,ทว่าก็มีหยุดพักบ้างแต่ไม่นาน,ชื่อเสียงที่ร้ายกาจน่าเกรงขามจากนรกนั้น,ณ
เวลานี้น่าจะยังมาไม่ถึง.
กับหลี่ซือที่เรียกเซิ่งหวังจง,ทุกคนที่ได้ยับ,ก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเขาคือเซิ่งหวังอย่างงั้นรึ?
เขาที่มีตำหนักมรรคาเท่ากับหยิงรึ?
จงซานที่เผยยิ้มจ้องมองไปยังคนทั้งสอง,ส่ายหน้าไปมาและกล่าวออกมาว่า,"ท่านลู่ชื่นชมเกินไปแล้ว,นี่เป็นเพียงอักขระ!"
ก่อนที่จงซานจะจ้องมองไปยังลี่ซือ,"ท่านหลี่ไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง,ตัวข้านั้น,เข้าใจว่าระบบของต้าฉินนั้นนับว่าสมบูรณ์แบบ,นอกจากนี้ยังไม่มีใครรับรู้ด้วยว่าข้าจะเดินทางมาในวันนี้!"
สำหรับจงซานนั้น,หาได้ใส่ใจอะไรนัก,ต้องไม่ลืมว่า,กับตัวเช่นจงซานนั้น,หาได้ใส่ใจเรื่องๆเล็กๆน้อย,เป็นไปไม่ได้ที่จะหัวร้อนกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง,ไม่เช่นนั้นแล้วจะสามารถทำงานใหญ่ให้สำเร็จได้อย่างไร.
นอกจากนี้เหล่าคนที่ดูแคลนเขานั้นก็ไม่อยู่ในสายตาของจงซานแม้แต่น้อย.
จงซานที่ถือคติ,อย่าไปเถียงกับคนโง่โดยเด็ดขาด,พวกเขาจะลากเราลงไปอยู่ในระดับเดียวกับเขาแล้วเอาชนะเราด้วยประสบการณ์
เกี่ยวกับคนเหล่านี้,จงซานที่สามารถปิดหูปิดตาไม่สนใจได้.
"เซิ่งหวังจง,เช่นนั้นพวกเราเข้าไปในเมืองเซียนหยางค่อยพูดกันอีกครั้งก็แล้วกัน?"หลี่ซือกล่าว.
"เช่นนั้นต้องขอรบกวนด้วย!"จงซานที่กล่าว.
"เชิญ!"ลู่ปู่แหว่ยเอ่ย.
หวังกวนจูเวลานี้ไม่กล้าเข้ามาแม้แต่น้อย,ทำให้แค่ระงับหัวใจที่ขมขื่นเอาไว้,พูเช่อซ้ายขวาที่หวาดผวา,ความรู้สึกซับซ้อนหวาดหวั่น,ไม่ว่าอย่างไรเรื่องที่เกิดขึ้นก็เกินกว่าจะแก้ไขอะไรได้แล้ว.
ลู่ปู้เหว่ยที่สร้างเมฆสีขาว,พร้อมกับนำกลุ่มของจงซาน,เดินทางไปยังวังหลวงของเมืองเซียนอย่าง.
ในเวลานี้,เมื่อคนทั้งสองนำทาง,ย่อมไม่มีใครกล้าขวางอีกครั้ง.
เมฆสีขาวที่มีขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้แต่ไกล,ดูเหมือนว่ามีขนาดใหญ่โตมาก.
"หยุดอยู่ตรงนั้น,งานมงคลของเซิ่งหวัง,ภายในอาณาเขตเหมืองเซียนหยาง,ห้ามบิน!"ทหารของต้าฉินกลุ่มหนึ่งที่ร้องออกมาในทันที.
"ยังไม่หยุดอีกรึ?"ชายในชุดสีขาวที่แค่นเสียงด้วยความไม่พอใจ.
"ตั้งแถว,เตรียมเข้าปะทะ!"ขุนพลต้าฉินที่ตะโกนออกมาเสียงดัง.
"ตูมมมมม!"จิตสังหารที่หนักหน่วงรุนแรงที่โถมทับลงมาจากบนอากาศ.
ขุนพลในชุดสีขาวที่ตัวสั่นเทิ้มทรุดลงคุกเข่ากับพื้น,ทำได้แค่มองกลุ่มของจงซานบินจากไปด้วยความอิจฉา.
เป็นความจริง,มีเพียงกลุ่มของจงซานเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์บินเข้าไปในเมืองเซียนหยาง,จึงได้สร้างความสนใจต่อผู้คนเป็นจำนวนมาก,แม้นว่าจะกลายเป็นจุดสายตาของทุกคน,ทว่าจงซานหาได้ใส่ใจนัก,เป็นเรื่องปรกติ,เมื่อเสนาบดีทั้งสองที่เดินทางออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง,แน่นอนว่าเป็นมารยาที่จงซานจะต้องรับด้วย.
กับสิทธิพิเศษกลุ่มของจงซาน,สร้างความสนใจต่อผู้คนเป็นจำนวนมาก,ทุกคนต่างก็เผยท่าทางประหลาดใจ,แขกกลุ่มนี้เป็นใครมาจากใหนกัน?
ยิ่งเห็นสองเสนาบดีเป็นผู้ออกไปต้อนรับ,ทุกคนที่ตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก,คนกลุ่มนี้มีภูมิหลังเช่นไร?
เมืองเซียนหยาง,ตำหนักที่หรูหรา,ที่พำนักของกลุ่มมังกร.
"อ้าวซุน,คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะได้รับบัตรเชิญสีแดง,สำหรับตำหนักมังกรแล้ว,ดูเหมือนว่าหยิงจะให้ความสำคัญ!"ชายในชุดสีแดงที่กล่าวต่อมังกรชรา.
"อาณาจักรคู่บารมีของต้าฉินก็คือมังกร,สำหรับตำหนักมังกรของเขาแน่นอนว่าย่อมต้องได้รับสิทธิ์."อ้าวซุนที่เอ่ยออกมาด้วยความภาคภูมิเล็กน้อย.
"ก็ถูก,ไม่เช่นนั้นด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า,ไม่มีทางที่จะได้รับบัตรเชิญสีแดง?"ชายในชุดสีเขียวที่กล่าวด้วยความดูแคลน.
"เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"อ้าวซุนที่เอ่ยออกมาด้วยความโกรธ.
"ดูนั่นเร็วเข้า,หลี่ซือและลู่ป้เหว่ยได้นำคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในตำหนักฉงเทียน!"ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งกล่าวออกมา.
"พื้นที่ตำหนักฉงเทียนรึ?
ที่นั่นมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์?
เป็นใครกัน?"ชายในชุดสีเขียวก่อนหน้าเอ่ยออกมาในทันที.
"บุตรข้า,นั่นบุตรของข้า!"อ้าวซุนที่กล่าวออกมาเสียงสั่น.
อ้าวซุน,ราชามังกรทะเลเหนือ,แน่นอนว่าย่อมจำกลิ่นอายของไท่จื่อมังกรทั้งสี่ได้,ทว่าในเวลานี้กับคำพูดของอ้าวซุน,สายตาของทุกคนที่จ้องมองเผยท่าทางเหยียดหยัน,เจ้าเสียสติไปแล้ว?
คิดว่าบุตรชายตัวเองเป็นแขกผู้ทรงเกียรติอย่างงั้นรึ?
----------------------------------------------------------------------------
จากนั้นไม่นาน,กลุ่มของจงซานที่ถูกนำเข้าไปในตำหนักหลวง,สถานที่แห่งหนึ่งเป็นตำหนักที่ใหญ่โตอลังการ,มีเขตแดนลานขนาดใหญ่,ทิศเหนือเป็นตำหนักใหญ่,ซึ่งเป็นสถานที่เมืองเซียนหยางใช้วางแผนปรึกษาพูดคุยราชกิจท้องพระโรง
และมีโถงใหญ่รับแขก,ของตำหนักฉงเทียน.
ตำหนักฉงเทียนที่มีประตูปิดแน่,พื้นที่รอบๆเป็นสีเหลียมและมีห้องโถงสี่ตำหนักประจำทิศ.
"ต้องขออภัยเวลานี้เซิ่งหวังกำลังตัดผ่านระดับ,ทว่าจะออกมาก่อนงานพระชนพรรษาอย่างแน่นอน,เซิ่งหวังจงอย่าได้ตำหนิ!"หลี่ซือกล่าว.
"ไม่มีปัญหา!"จงซานพยักหน้ารับ.
"เซิ่งหวังจง,ที่นี่ตำหนักฉงเทียน,อีกห้าวัน,ก็จะถึงวันพระชนพรรษาของเซิ่งหวัง,สี่โถงหลักนี้,ล้วนแล้วแต่เป็นห้องโถงเหล่าแขกผู้ทรงเกียรติสูงสุด,ส่วนคนอื่นๆเวลานี้ได้มาถึงกันแล้ว,ท้ายที่สุดท่านก็มาเป็นลำดับสุดท้าย!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ข้าคงไม่ได้มาสายนะ!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยิ้ม.
"แน่นอน,อย่างไรก็ตามงานพระราชสมภพของเซิ่งหวังคือวันที่ห้า,ระหว่างนี้,พวกเราคงจะสามารถแลกเปลี่ยนหารือกันได้!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยรอยิ้ม.
"แน่นอน!"
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนทนากันนั้น,ห้องโถงที่สามก็เปิดขึ้นมา,เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับสิทธิ์เข้ามาในลานตำหนักฉงเทียนเช่นกัน,เป็นแขกทรงเกียรติสูงของต้าฉิน,เป็นหนึ่งในสีสิทธิ์,พวกเขาเป็นบุคคลสำคัญและทรงพลังเป็นอย่างมาก.
คนเหล่านั้น,แน่นอนว่าย่อมสงสัยกลุ่มคนสุดท้ายที่มาถึง,แม้แต่หลี่ซือและลู่ปู้เหว่ยออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง,เป็นเรื่องปรกติที่ต้องสงสัยเป็นธรรมดา.
ประตูตำหนักที่เปิดออกมา,โถงด้านซ้ายนั้น,มีประกายแสงเทวะส่องประกายเจิดจรัสแผ่ออกมา.
บรรพชนโพธิ?
จงซานจำได้,บรรพชนโพธิที่ออกมาช่วยซุนเฉินในเวลานั้น,ซุนฉินที่เห็นกลุ่มของจงซานเวลานี้,ใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ขึ้นมาในทันที,คิดถึงเรื่องที่ตัวเองเกือบตายในครั้งนั้น.
"เซิ่งหวังจง,พบกันอีกแล้ว!"บรรพชนโพธิกล่าวด้วยร้อยยิ้ม.
"คารวะบรรพชนโพธิ!"จงซานกล่าวทักทาย.
อีกสองห้องโถงที่เปิดประตูออกมาเช่นกัน,ที่ด้านในส่องประกายแสงวับวาว,ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งออกมา,หนึ่งในนั้นเป็นนักบวชที่เขารู้สึกคุ้ยเคยเหมือนเคยได้ยินมาก่อน,คนผู้นี้ทำให้จงซานที่คิดถึงเมื่อครั้งยังเด็ก,เขาเคยเห็นที่วิหารแห่งหนึ่ง.
"ศากยมุนี,คารวะเซิ่งหวังจง!"นักบวชที่มีรัศมีเจิดจรัสกล่าวออกมา.
"ศากยะมุนี?อรหันต์ยูไลวิหารใต้เหล่ยหยินอย่างงั้นรึ?"จงซานที่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ.
ยูไลที่พยักหน้ารับ,จากนั้นได้จดจ้องมองจงซาน,แววตาที่เปล่งรัศมี,ราวกับว่าต้องการรับรู้ว่าทำไมคนผู้นี้หยิงถึงได้ให้ความสำคัญนัก.
"คารวะอรหันต์ยูไล!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
ยูไลพยักหน้ารับ,ตอบรับคำทักทาย.
Chapter 1021 Most honored guest
最尊贵的客人
แขกที่ทรงเกียรติที่สุด.
ภายใต้ต้าฉิน,เซิ่งหวิงหยิงคือตัวตนสูงสุดไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้!
ใต้เซิ่งหวังลงมา,มีเสนาบดีซ้ายขวา.
คนทั้งสองอยู่ใต้หนึ่งคนอยู่เหนือทุกคน,ไม่มีขุนนางคนใหนเทียบได้,ทั้งคู่คือผู้มีอำนาจสูงสุดในเหล่าข้าราชบริพาร.
ทว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้,เสนาธิการทั้งสองคนไม่เคยปรากฏกายต่อหน้าใครเลย,แม้แต่แขกผู้ทรงเกียรติมากมายก็ไม่ได้ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง,ไม่มีเวลาที่จะพบใครทั้งนั้น.
กับงานแบ่งเบาราชกิจของราชา,เสนาบดีทั้งสอง,ที่มีอำนาจในการควบคุมการปกครอง,ดังนั้นจึงไม่ได้สุงสิงกับคนกลุ่มใหนเป็นพิเศษ,แม้แต่เหล่าคนรู้จักเองก็ไม่ได้ให้การต้อนรับเป็นพิเศษแต่อย่างใด,คนทั้งสองเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารราชกิจอย่างแจ่มแจ้ง,เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวายและรักษาบรรยาการของท้องพระโรงอย่างเข้มงวด,จึงจำเป็นต้องเป็นตัวอย่างให้กับเหล่าข้าราชบริพารนั่นเอง.
ดังนั้นโอการที่สองเสนาบดีจะออกมาต้อนรับแขกจึงมีน้อยมากๆ,หากแต่ในเวลานี้เกิดอะไรขึ้น?
ภายในตำหนักแขกผู้ทรงเกียรติ,หลังจากรับรู้เรื่องบัตรเชิญสีถ่านแล้ว,พวกเขาที่ราวกับถูกสายฟ้าฟาดกระหน่ำ,หลายวันมานี้ไม่ได้ต้อนรับแขกผู้ทรงเกียรตินัก,เป็นเหตุให้พวกเขาเฉื่อยชา,จนทำให้ไม่มีกระจิตกระใจอะไรนัก,ทว่าในเวลานี้ภายในใจของพวกเขากับร้อนรุ่ม,พวกเขาได้พลาดโอกาสความสำเร็จครั้งใหญ่แล้ว,แม้แต่นำหายนะมาสู่ตัวเอง.
หวังกวนจูที่เวลานี้สั่นสะท้านด้วยความหวั่นเกรง,ได้นำพูเช่อซ้ายและขวา,เร่งรีบออกมาเพื่อหากลุ่มของจงซานในทันที.
ที่ห้องโถงลู่กวน,ในเวลานี้เห็นผู้คนมากมายกำลังแสดงความเคารพ.
คนทั้งสามที่เห็นที่ใจกลางนั้นปรากฏเสนาบดีซ้ายขวา,ก็ตื่นตะลึงตาค้าง.
พูเช่อซ้ายเวลานี้ร่างกายสั่นเทิ้มแต่ไม่กล้าพูดอะไร,บัตรเชิญสีถ่าน?
เป็นเซิ่งหวังจารึกด้วยตัวเองอย่างงั้นรึ? แม้แต่สองเสนาบดียังเดินทางมาต้อนรับ?
แต่ตัวเขากลับไล่ตะเพิดแขกผู้ทรงเกียรตินี้ไปด้วยตัวเอง?
หวังกวนจูที่ต้องการแก้ไขเรื่องนี้,ทว่าเมื่อเห็นเสนาบดีทั้งสองเดินทางมาด้วยตัวเอง,ก็รับรู้แล้วว่า
ตอนนี้มันสายไปแล้ว.
ภายในลานห้องโถง,ผู้คนต่างก็ชื่นชม,ทำให้ภายในใจของทุกคนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น.
อักขระที่มีค่าควรเมือง,สมบัติที่ล้ำค่าประเมินไม่ได้อย่างงั้นรึ?
หากเป็นคนอื่นกล่าว,ต้องเป็นเรื่องไร้สาระแน่,ตัวอักษรนี้ทรงพลังขนาดนั้นเลยรึ?
ทว่าเมื่อออกมาจากเสนาบดี,ลู่ปู้เหว่ย,เมื่อเขากล่าวว่าล้ำค่า,แน่นอนว่าต้องล้ำค่า!
อักขระที่มีค่าควรเมืองอย่างงั้นรึ?
แล้วคนกลุ่มนี้เป็นใครมาจากใหนกัน?
สี่ไท่จื่อมังกรเวลานี้เห็นหลี่ซือและลู่ปู้เหว่ยถึงกับแข็งค้าง,จิตใจที่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง,สองผู้ยิ่งใหญ่ของต้าฉินเดินทางมากด้วยตัวเองอย่างงั้นรึ?
แล้วอักขระนี้มีมูลค่าขนาดนั้นเลยรึ?
เหล่าขุนนางพิธีการที่จ้องมองไปยังเสนาบดีทั้งสอง,แววตาที่ตื่นตะลึงไม่คิดว่าเสนาบดีทั้งสองจะเดินทางมาด้วยตัวเอง.
เสนาบดีทั้งสองที่ก้าวเข้ามา,เผยยิ้มต้อนรับ.
ลู่ปู่เหว่ยที่ก้าวเข้ามาใกล้,จดจ้องมองไปยังอักขระและกล่าวออกมาว่า,"อักขระของเซิ่งหวังจง,ในอดีตกับบทความ"นทีสีชาติ"
ที่ทำให้แผ่นดินสะท้านสวรรค์สะเทือน,เรียกทัณฑ์สวรรค์มาบนโลก,ในเวลานี้กับอักขระ"หวังฉิน"ที่เต็มไปด้วยอำนาจวิเศษชำระล้างกระจายออกไปนับล้านล้านลี้,เซิ่งหวังเห็น,จะต้องชื่นชอบแน่!"
กับคำพูดที่เป็นกันเองของลู่ปู่เหว่ย,เปี่ยมไปด้วยความหมาย,เหมือนกับได้ยินเสียงของลมในฤดูใบไม้ผลิ,ราวกับพบสหายเก่าที่จากกันมาหลายปี.
ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างก็ได้ยิน,ถึงกับทำให้จิตใจสั่นสะท้าน,คำพูดก่อนหน้านี้,สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนอย่างงั้นรึ?
เรียกทัณฑ์สวรรค์มาสู่โลกมนุษย์? จริงหรือเท็จ,อักขระที่แม้แต่สวรรค์ยังอิจฉา?
ทุกคนที่ไม่เชื่อในคราแรก,ทว่าเมื่อเป็นคำพูดจากปากของลู่ปู้เหว่ยแล้ว,กับขุนนางที่น่าเกรงขามเสนาบดีต้าฉิน,มีหรือจะโกหกเพื่อเอาใจคนอื่น?
เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน.
อักขระ,ล้ำค่าอย่างแน่นอน,ไม่,ต้องเรียกว่าเป็นสมบัติประเมินค่าไม่ได้!
แน่นอนว่า,มีใครบางคนที่เห็นคำพูดท่าทางของลู่ปู้เหว่ยที่แสดงออกมาราวกับเจอสหายเก่า,กับคำที่เต็มไปด้วยท่าทางดูแคลนจงซานก่อนหน้านี้,ร่างกายถึงกับสั่นไม่หยุด,โดยเฉพาะผู้นำตระกูลเฉียน,ถึงกับคุกเข่าลงไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวอะไรออกมาอีก.
หวังกวนจูและพู่เช่อซ้ายขวาที่อยู่ห่างออกมาเวลานี้ถึงกับแสดงท่าทางเจ็บปวดและข่มขื่นออกมา.
"เซิ่งหวังจงซานเดินทางมาต้าฉฺน,ไม่ได้ต้อนรับอย่างสมเกียรติ,ต้องขออภัยด้วย!"หลี่ซือที่ยกมือคารวะต่อจงซานเล็กน้อย.
ลู่ปู่เหว่ยที่ชื่นชมอักขระก่อนหน้านี้และแสดงท่าทางเหมือนสหายเก่า,ทำให้จิตใจของทุกคนแทบพังทลายลงแล้ว,ทว่ากับการแสดงเคารพเล็กน้อยของหลี่ซือ
ในเวลานี้,ทำให้ทุกคนนิ่งงันถูกแช่แข็งไปในทันที.
แข็งค้างไปทั้งหมด,ภาพเหตุการณ์ในครั้งนี้ทุกคนที่นิ่งตะลึงไปพร้อมๆกัน.
เหล่าขุนนางที่เร่งรีบแสดงความเคารพต่อจงซานอย่างรวดเร็ว,แม้แต่เหล่าคนที่ยโสโอหังก่อนหน้านี้เองก็เร่งรีบแสดงความเคารพออกมาเช่นกัน,ในเวลานี้ทุกคนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง,โดยเฉพาะผู้นำตระกูลเฉียนที่เวลานี้จิตใจแทบล่มสลาย,ปากสั่นตัวสั่น,จนไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา.
หวังกวนจูและพู่เช่อซ้ายขวาที่เฝ้ามอง,ราวกับสายฟ้าฟาดระเบิดกบาลไปแล้ว,กับแขกผู้ทรงเกียรติเช่นนี้,กับตัวตนที่สูงศักดิ์เช่นนี้! พวกเขาตาบอดไปแล้วจริงๆ? ไม่แม้แต่เฉลียวใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น?
ไท่จื่อมังกรทั้งสี่ที่ไม่อยากเชื่อจดจ้องมองจงซานด้วยความอัศจรรย์ใจ,คนเหล่านี้มีสถานะอะไร?
เซิ่งหวังจง?เซิ่งหวังอย่างงั้นรึ?
จงซานที่เดินทางมาจากภพยิน,ก่อนมาที่ทวีปตะวันออก,ได้ผ่านศาลสวรรค์และทะเลตะวันออก,แม้นว่าจะไม่ได้พำนักที่ใหน,ทว่าก็มีหยุดพักบ้างแต่ไม่นาน,ชื่อเสียงที่ร้ายกาจน่าเกรงขามจากนรกนั้น,ณ
เวลานี้น่าจะยังมาไม่ถึง.
กับหลี่ซือที่เรียกเซิ่งหวังจง,ทุกคนที่ได้ยับ,ก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเขาคือเซิ่งหวังอย่างงั้นรึ?
เขาที่มีตำหนักมรรคาเท่ากับหยิงรึ?
จงซานที่เผยยิ้มจ้องมองไปยังคนทั้งสอง,ส่ายหน้าไปมาและกล่าวออกมาว่า,"ท่านลู่ชื่นชมเกินไปแล้ว,นี่เป็นเพียงอักขระ!"
ก่อนที่จงซานจะจ้องมองไปยังลี่ซือ,"ท่านหลี่ไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง,ตัวข้านั้น,เข้าใจว่าระบบของต้าฉินนั้นนับว่าสมบูรณ์แบบ,นอกจากนี้ยังไม่มีใครรับรู้ด้วยว่าข้าจะเดินทางมาในวันนี้!"
สำหรับจงซานนั้น,หาได้ใส่ใจอะไรนัก,ต้องไม่ลืมว่า,กับตัวเช่นจงซานนั้น,หาได้ใส่ใจเรื่องๆเล็กๆน้อย,เป็นไปไม่ได้ที่จะหัวร้อนกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง,ไม่เช่นนั้นแล้วจะสามารถทำงานใหญ่ให้สำเร็จได้อย่างไร.
นอกจากนี้เหล่าคนที่ดูแคลนเขานั้นก็ไม่อยู่ในสายตาของจงซานแม้แต่น้อย.
จงซานที่ถือคติ,อย่าไปเถียงกับคนโง่โดยเด็ดขาด,พวกเขาจะลากเราลงไปอยู่ในระดับเดียวกับเขาแล้วเอาชนะเราด้วยประสบการณ์
เกี่ยวกับคนเหล่านี้,จงซานที่สามารถปิดหูปิดตาไม่สนใจได้.
"เซิ่งหวังจง,เช่นนั้นพวกเราเข้าไปในเมืองเซียนหยางค่อยพูดกันอีกครั้งก็แล้วกัน?"หลี่ซือกล่าว.
"เช่นนั้นต้องขอรบกวนด้วย!"จงซานที่กล่าว.
"เชิญ!"ลู่ปู่แหว่ยเอ่ย.
หวังกวนจูเวลานี้ไม่กล้าเข้ามาแม้แต่น้อย,ทำให้แค่ระงับหัวใจที่ขมขื่นเอาไว้,พูเช่อซ้ายขวาที่หวาดผวา,ความรู้สึกซับซ้อนหวาดหวั่น,ไม่ว่าอย่างไรเรื่องที่เกิดขึ้นก็เกินกว่าจะแก้ไขอะไรได้แล้ว.
ลู่ปู้เหว่ยที่สร้างเมฆสีขาว,พร้อมกับนำกลุ่มของจงซาน,เดินทางไปยังวังหลวงของเมืองเซียนอย่าง.
ในเวลานี้,เมื่อคนทั้งสองนำทาง,ย่อมไม่มีใครกล้าขวางอีกครั้ง.
เมฆสีขาวที่มีขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้แต่ไกล,ดูเหมือนว่ามีขนาดใหญ่โตมาก.
"หยุดอยู่ตรงนั้น,งานมงคลของเซิ่งหวัง,ภายในอาณาเขตเหมืองเซียนหยาง,ห้ามบิน!"ทหารของต้าฉินกลุ่มหนึ่งที่ร้องออกมาในทันที.
"ยังไม่หยุดอีกรึ?"ชายในชุดสีขาวที่แค่นเสียงด้วยความไม่พอใจ.
"ตั้งแถว,เตรียมเข้าปะทะ!"ขุนพลต้าฉินที่ตะโกนออกมาเสียงดัง.
"ตูมมมมม!"จิตสังหารที่หนักหน่วงรุนแรงที่โถมทับลงมาจากบนอากาศ.
ขุนพลในชุดสีขาวที่ตัวสั่นเทิ้มทรุดลงคุกเข่ากับพื้น,ทำได้แค่มองกลุ่มของจงซานบินจากไปด้วยความอิจฉา.
เป็นความจริง,มีเพียงกลุ่มของจงซานเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์บินเข้าไปในเมืองเซียนหยาง,จึงได้สร้างความสนใจต่อผู้คนเป็นจำนวนมาก,แม้นว่าจะกลายเป็นจุดสายตาของทุกคน,ทว่าจงซานหาได้ใส่ใจนัก,เป็นเรื่องปรกติ,เมื่อเสนาบดีทั้งสองที่เดินทางออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง,แน่นอนว่าเป็นมารยาที่จงซานจะต้องรับด้วย.
กับสิทธิพิเศษกลุ่มของจงซาน,สร้างความสนใจต่อผู้คนเป็นจำนวนมาก,ทุกคนต่างก็เผยท่าทางประหลาดใจ,แขกกลุ่มนี้เป็นใครมาจากใหนกัน?
ยิ่งเห็นสองเสนาบดีเป็นผู้ออกไปต้อนรับ,ทุกคนที่ตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก,คนกลุ่มนี้มีภูมิหลังเช่นไร?
เมืองเซียนหยาง,ตำหนักที่หรูหรา,ที่พำนักของกลุ่มมังกร.
"อ้าวซุน,คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะได้รับบัตรเชิญสีแดง,สำหรับตำหนักมังกรแล้ว,ดูเหมือนว่าหยิงจะให้ความสำคัญ!"ชายในชุดสีแดงที่กล่าวต่อมังกรชรา.
"อาณาจักรคู่บารมีของต้าฉินก็คือมังกร,สำหรับตำหนักมังกรของเขาแน่นอนว่าย่อมต้องได้รับสิทธิ์."อ้าวซุนที่เอ่ยออกมาด้วยความภาคภูมิเล็กน้อย.
"ก็ถูก,ไม่เช่นนั้นด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า,ไม่มีทางที่จะได้รับบัตรเชิญสีแดง?"ชายในชุดสีเขียวที่กล่าวด้วยความดูแคลน.
"เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"อ้าวซุนที่เอ่ยออกมาด้วยความโกรธ.
"ดูนั่นเร็วเข้า,หลี่ซือและลู่ป้เหว่ยได้นำคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในตำหนักฉงเทียน!"ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งกล่าวออกมา.
"พื้นที่ตำหนักฉงเทียนรึ?
ที่นั่นมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์?
เป็นใครกัน?"ชายในชุดสีเขียวก่อนหน้าเอ่ยออกมาในทันที.
"บุตรข้า,นั่นบุตรของข้า!"อ้าวซุนที่กล่าวออกมาเสียงสั่น.
อ้าวซุน,ราชามังกรทะเลเหนือ,แน่นอนว่าย่อมจำกลิ่นอายของไท่จื่อมังกรทั้งสี่ได้,ทว่าในเวลานี้กับคำพูดของอ้าวซุน,สายตาของทุกคนที่จ้องมองเผยท่าทางเหยียดหยัน,เจ้าเสียสติไปแล้ว?
คิดว่าบุตรชายตัวเองเป็นแขกผู้ทรงเกียรติอย่างงั้นรึ?
----------------------------------------------------------------------------
จากนั้นไม่นาน,กลุ่มของจงซานที่ถูกนำเข้าไปในตำหนักหลวง,สถานที่แห่งหนึ่งเป็นตำหนักที่ใหญ่โตอลังการ,มีเขตแดนลานขนาดใหญ่,ทิศเหนือเป็นตำหนักใหญ่,ซึ่งเป็นสถานที่เมืองเซียนหยางใช้วางแผนปรึกษาพูดคุยราชกิจท้องพระโรง
และมีโถงใหญ่รับแขก,ของตำหนักฉงเทียน.
ตำหนักฉงเทียนที่มีประตูปิดแน่,พื้นที่รอบๆเป็นสีเหลียมและมีห้องโถงสี่ตำหนักประจำทิศ.
"ต้องขออภัยเวลานี้เซิ่งหวังกำลังตัดผ่านระดับ,ทว่าจะออกมาก่อนงานพระชนพรรษาอย่างแน่นอน,เซิ่งหวังจงอย่าได้ตำหนิ!"หลี่ซือกล่าว.
"ไม่มีปัญหา!"จงซานพยักหน้ารับ.
"เซิ่งหวังจง,ที่นี่ตำหนักฉงเทียน,อีกห้าวัน,ก็จะถึงวันพระชนพรรษาของเซิ่งหวัง,สี่โถงหลักนี้,ล้วนแล้วแต่เป็นห้องโถงเหล่าแขกผู้ทรงเกียรติสูงสุด,ส่วนคนอื่นๆเวลานี้ได้มาถึงกันแล้ว,ท้ายที่สุดท่านก็มาเป็นลำดับสุดท้าย!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ข้าคงไม่ได้มาสายนะ!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยิ้ม.
"แน่นอน,อย่างไรก็ตามงานพระราชสมภพของเซิ่งหวังคือวันที่ห้า,ระหว่างนี้,พวกเราคงจะสามารถแลกเปลี่ยนหารือกันได้!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยรอยิ้ม.
"แน่นอน!"
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนทนากันนั้น,ห้องโถงที่สามก็เปิดขึ้นมา,เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับสิทธิ์เข้ามาในลานตำหนักฉงเทียนเช่นกัน,เป็นแขกทรงเกียรติสูงของต้าฉิน,เป็นหนึ่งในสีสิทธิ์,พวกเขาเป็นบุคคลสำคัญและทรงพลังเป็นอย่างมาก.
คนเหล่านั้น,แน่นอนว่าย่อมสงสัยกลุ่มคนสุดท้ายที่มาถึง,แม้แต่หลี่ซือและลู่ปู้เหว่ยออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง,เป็นเรื่องปรกติที่ต้องสงสัยเป็นธรรมดา.
ประตูตำหนักที่เปิดออกมา,โถงด้านซ้ายนั้น,มีประกายแสงเทวะส่องประกายเจิดจรัสแผ่ออกมา.
บรรพชนโพธิ?
จงซานจำได้,บรรพชนโพธิที่ออกมาช่วยซุนเฉินในเวลานั้น,ซุนฉินที่เห็นกลุ่มของจงซานเวลานี้,ใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ขึ้นมาในทันที,คิดถึงเรื่องที่ตัวเองเกือบตายในครั้งนั้น.
"เซิ่งหวังจง,พบกันอีกแล้ว!"บรรพชนโพธิกล่าวด้วยร้อยยิ้ม.
"คารวะบรรพชนโพธิ!"จงซานกล่าวทักทาย.
อีกสองห้องโถงที่เปิดประตูออกมาเช่นกัน,ที่ด้านในส่องประกายแสงวับวาว,ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งออกมา,หนึ่งในนั้นเป็นนักบวชที่เขารู้สึกคุ้ยเคยเหมือนเคยได้ยินมาก่อน,คนผู้นี้ทำให้จงซานที่คิดถึงเมื่อครั้งยังเด็ก,เขาเคยเห็นที่วิหารแห่งหนึ่ง.
"ศากยมุนี,คารวะเซิ่งหวังจง!"นักบวชที่มีรัศมีเจิดจรัสกล่าวออกมา.
"ศากยะมุนี?อรหันต์ยูไลวิหารใต้เหล่ยหยินอย่างงั้นรึ?"จงซานที่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ.
ยูไลที่พยักหน้ารับ,จากนั้นได้จดจ้องมองจงซาน,แววตาที่เปล่งรัศมี,ราวกับว่าต้องการรับรู้ว่าทำไมคนผู้นี้หยิงถึงได้ให้ความสำคัญนัก.
"คารวะอรหันต์ยูไล!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
ยูไลพยักหน้ารับ,ตอบรับคำทักทาย.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
ปัจจุบันแปลจบแล้ว 1672 ตอน สนใจติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ครับ
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ แปลจบแล้ว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น