Immortality Chapter 1004 forehead tomb pit
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 1004 สุสานบนหน้าผาก
Chapter 1004 forehead tomb pit
眉心墓穴
สุสานบนหน้าผาก
ผ่านไปถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน,ตราประทับของปราชญ์เทพอีกอันก็ค่อยๆถูกผลักออกมาช้าๆ.
ต้องรู้ด้วยว่าก่อนหน้านี้ตราประทับของทงเทียน,ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น,ทว่าตราบประทับของปราชญ์เทพอีกอันนี้,ใช้เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน?
ระหว่างที่ทุกคนกำลังรอนั้น,ต่างก็มองเห็นและสัมผัสได้ว่าตราประทับของปราชญ์เทพนี้แข็งแกร่งมาก.
ตราประทับที่ค่อยถูกดึงออกมา,รวมตัวกันเป็นแสงสีขาว,ทว่าพื้นที่รอบๆนั้นมีเส้นสีดำที่หมุนวนอยู่ด้วย,เหมือนกับฝุ่นควัน,ดูยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก,ตราบประทับนี้,ทำให้เหล่าวิญญาณปิศาจทั่วบ่อกลายเป็นเงียบงับ,กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมานี้ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
"ตูมมมมมม!"ตราประทับที่ระเบิดออกมาเสียงดังก่อนที่จะสลายหายไป.
"นี่มัน,นี่มันตราประทับของปราชญ์เทพหงจวิน?"อ๋องตี้จางที่อุทานออกมา.
จากนั้นสายตาของอ๋องตี้จางที่จ้องมองไปยังโลงศพสีม่วงด้วยความโลภเล็กน้อย,ก่อนหน้านี้เขาพอจะรับรู้ว่าโลงศพยักษ์ม่วงนี้ไม่ธรรมดา,ทว่าคาดไม่ถึงเลยว่ามันจะเกี่ยวข้องกับหงจวิน.
หงจวิน,ในอดีตนั้นคือตัวตนอันดับหนึ่งของโลกใบนี้.
แทบจะไร้เทียนทาน,ไม่มีใครสามารถเทียบได้,หากไม่เพราะว่าต่อต้านเทียนชู,ทั่วหล้าแห่งนี้,เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด,ไมว่าอะไรก็แล้วแต่,หากเกี่ยวข้องกับหงจวิน,แน่นอนว่าย่อมต้องไม่สิ่งของธรรมดา.
"หงจวิน?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"โลงศพนี้หงจวินเป็นคนสร้างอย่างงั้นรึ?"หนานกงเซิ่งที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
หงจวินสร้างอย่างงั้นรึ? อ๋องตี้จางที่พยายามสังเกตโลงศพดังกล่าวโดยระเอียด.
ในเวลาเดียวกันนี้,เซียนเซิงซือที่เลื่อนโลงศพม่วงในทันที.
ที่ข้างๆโลงศพปรากฏเจียงซือขึ้นมา,พร้อมกับยกโลกศพกลับคืนมา,ทำให้อ๋องตี้จางไม่สามารถตรวจสอบได้ระเอียดนัก.
แม้นว่าอ๋องตี้จางต้องการจะตรวจสอบ,ทว่าเซียนเซิงซือนั้นแสดงท่าทีชัดเจนไม่ให้เขาตรวจสอบได้,ขณะที่โลงศพยักษ์ม่วงถูกออกมา,อ๋องตี้จางที่ทำได้แค่สูดหายใจลึก.
"อ๋องตี้จางเคยพบหงจวินอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวสอบถามด้วยความสงสัย.
"เคยพบหลายครั้ง,ทว่าก็ผ่านมาหลายแสนปีก่อนแล้ว!"อ๋องตี้จางที่ส่ายหน้าไปมา.
"หงจวินล่วงหล่นลงจากสวรรค์ไปแล้วอย่างงั้นรึ?"
"เหล่าปราชญ์เทพต่างล่วงหล่นจากสวรรค์,คนแรกนวีหว๋า,คนที่สองทงเทียน,คนที่สามหงจวิน,คนที่สี่เจี่ยหยิน,คนที่ห้าจุนถี,คนที่หกหยวนซือ,คนที่เจ็ดไท่ซ่าง,ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดว่าพวกเขาล่วงหล่นจากสวรรค์,ทว่าเมื่อรู้ว่าเจี่ยหยินกลับมาจุติใหม่,เหล่าปราชญ์เทพที่ล่วงหล่นจากสวรรค์ในเวลานี้คงจำเป็นต้องนำมาทบทวนใหม่แล้ว!"อ๋องตี้จางที่ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด.
เจี่ยหยินจุติใหม่อย่างงั้นรึ?
ก่อนหน้านี้อ๋องตี้จาง,หลั่นเติ้งและหมี่เล่อได้พูดคุยกันนั้น,จงซานพอจะคาดเดาได้เช่นกัน.
"หงจวินที่ล่วงหล่นจากท้องฟ้าหลังจากทงเทียน?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา,ราวกับว่าคิดถึงเรื่องสำคัญบางอย่างได้.
"บางที่เป็นไปได้,เจี่ยหยินที่จุติใหม่,เหล่าปราชญ์เทพคนอื่นๆเองก็อาจจะจุติใหม่ได้!"อ๋องตี้จางที่กล่าวออกความเห็น.
"จุติใหม่?ไม่ใช่ว่าพวกเขาใช้วิธีเดียวกันหรอกรึ?"
"ไม่,มันเกี่ยวข้องกับเทียนเต๋า,หากว่าปราชญ์เทพสองคนที่จิติกลับคืนมานั้น,จะเป็นการลบหลู่เทียนชูได้,เทียนชูย่อมลงโทษพวกเขาอีกครั้ง,ดังนั้นพวกเขาจึงทำให้เหมือนว่าว่าตัวเองนั้นไม่มีตัวตน!"อ๋องตี้จางที่ส่ายหน้าไปมา.
"ขอฟังเหตุผล!"จงซานที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
"นี่ไม่ใช่ความลับอะไร! เซิ่งหวังจงสามารถค้นหาความจริงของเรื่องนี้จากคนอื่นๆได้!"อ๋องตี้จางที่ส่ายหน้าไปมาปฏิเสธที่จะตอบ.
จากนั้น,อ๋องตี้จางที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.
"ท่านประมุข!"อ๋องตี้จางที่เอ่ยปากออกมาในทันที.
เซียนเซิงซือที่ขมวดคิ้วไปมา,เผยท่าทางสงสัย.
"มีเรื่องอะไรอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงซือสอบถามออกไป.
"ข้าต้องการมอบหยกชีพจรตระกูลจาง,กลับคืนเพื่อเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาตระกูลจาง!"อ๋องตี้จางที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
ได้ยินคำพูดของอ๋องตี้จาง,เซียนเซิงซือดวงตาหดเกร็ง.
หากเป็นก่อนหน้านี้,เซียนเซิงซือย่อมรู้สึกพอใจหากเขายินดีมอบหยกชีพจรออกมา,นั่นก็อธิบายได้ว่าอ๋องตี้จางนั้นยินดีและรับรู้การมีอยู่ของตระกูลจาง,และต้องการที่จะฟื้นฟูตระกูลจางในอดีตกลับคืนมาแม้นว่าจะมีสถานะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาก็ตาม.
ทว่าเวลานี้เซียนเซิงซือติดตามจงซานมาหลายปี,เกี่ยวกับจิตใจนิสัยมนุษย์นั้นทำให้เขาเข้าใจและยกระดับไปจนถึงระดับสูงแล้ว,เกี่ยวกับอ๋องตี้จางที่เป็นลูกหลานที่ผ่านมาเก้ารุ่นแล้ว,เขาคงไม่ยินดีที่จะเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาแน่นอน,ทว่าในเวลานี้ทำไมเขาถึงยินดีที่จะยอมจำนนในทันทีทันใดล่ะ?
นอกจากนี้เซียนเซิงซือยังอ่อนแอกว่าเขา,เขาไม่มีทางที่จะยินย้อมน้อมรับแต่นอน,กับสถานะที่ต่ำกว่า,ไม่มีทางแน่นอนที่เขาจะโง่ขนาดนั้น,อีกอย่างอ๋องตี้จางยังนับว่าเป็นยอดฝีมือที่โดดเด่นอีกด้วย.
ในเวลานี้การที่เขาต้องการกลับคือสถานะผู้ใต้บังคับบัญชาของตระกูลจาง,เห็นชัดเจนว่ามันเป็นเรื่องที่น่าขัน,ในเวลานี้เขาต้องมีแผนการบางอย่างอยู่อย่างแน่นอน.
เซียนเซิงซือที่จ้องมองไปยังอ๋องตี้จาง,ส่ายหน้าไปมาและกล่าวออกมาว่า,"ตระกูลจางนั้นไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว,ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น!"
อ๋องตี้จางที่ฝืนยิ้มออกมาและกล่าวออกมาว่า,"ใต้สวรรค์แห่งนี้ที่รับรู้ว่าข้าเป็นคนตระกูจางนั้นมีไม่กี่คนนัก,ทว่าในเวลานี้ข้านั้นรับรู้แล้ว่ามีใครที่จะดูแลป้ายหยกวิญญาณของข้า!"
อ๋องตี้จางที่นำหยกสลักวงกลมครึ่งหนึ่งออกมา,เป็นหยกที่มีสีดำ,ที่ใจกลางนั้น,มีอักขระสีแดงสลักอยู่,ซึ่งเป็นอักษรที่มีครึ่งซีกนั่นเอง.
เห็นหยกครึ่งซีก,เซียนเซิงซือดวงตาหดเกร็ง.
"ป้ายหยกวิญญาณจาง,อาคมเส้นหัวใจโลหิต,ท่านควรรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร?"อ๋องตี้จางที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.
"อาคมเส้นหัวใจโลหิต,กำลังอยู่ในอันตราย!"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาในทันที.
คนอื่นๆที่ไม่เข้าใจความหมาย,ทว่าก็ไม่ได้กล่าวขัดแต่อย่างใด.
"ใช่,อยู่ในอันตราย,ทว่าหากเป็นคนอื่นย่อมต่างออกไป,ทว่าสำหรับตระกูลจางนั้นมันมีความหมาย,เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ต้องการทำ,ความจริงข้าต้องการเก็บเป็นความลับ,ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้แม้แต่น้อย,ทว่าท่านคือประมุขตระกูลจาก,ข้าจึงต้องการมอบให้ท่าน,ซึ่งจะทำให้ข้าวางใจ,ในฐานตระกูลจางก็ขอตายในฐานตระกูลจาง,หากว่าข้าสามารถก้าวข้ามผ่านภัยพิบัตินี้ได้,ข้าก็ขอปรารถนาที่จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตระกูลจาง!"อ๋องตี้จางที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
เซียนเซิงซือส่ายหน้าไปมา,"หยกนี้,ข้าจะเก็บเอาไว้,เพื่อให้เจ้าอุ่นใจ,หากว่าภัยพิบัติของเจ้าที่จะมาถึง! หากสามารถหลบหนีมันได้,ค่อยตัดสินใจอีกครั้งเถอะ!"
"อืม!"อ๋องตี้จางพยักหน้ารับ.
อ๋องตี้จางไม่ได้ได้ขัดขืนแต่อย่างใด,เพราะว่าอ๋องตี้จางสามารถมองเห็นได้ว่าเซียนเซิงซือนั้นไม่คิดที่จะหลอกเขาแต่อย่างใด.
จากนั้นอ๋องตี้จางก็กลับไปยังตำหนักของเขาอีกครั้ง.
ค่ายกลที่เปิดออกมาอีกครั้ง,เจียงซือที่นำโลงศพเข้าไปในห้องโถง.
"เซิ่งหวัง,อ๋องตี้จางมอบหยกวิญญาณให้ข้า,เขากำลังประสบภัยพิบัติ,ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเรา,ก่อนน้านี้ข้าต้องการหาสถานที่สงบ,ตอนนี้ดูเหมือนว่า,ที่นี่จะไม่ใช่สถานที่สงบแล้ว,ข้าควรจะจัดการเรื่องของข้าให้เสร็จเร็วที่สุด!"เซียนเซิงซือกล่าว.
"อืม!"
เซียนเซิงซือที่เริ่มทำการลงอาคมบนโลงศพและพื้นที่รอบๆห้องโถงใหม่อีกรอบ,ส่วนจงซานเวลานี้อยู่อีกตำหนักแห่งหนึ่ง,เขาที่จำเป็นต้องเก็บตัวเล็กน้อย,หลังจากที่กลืนกินอสุรกายปิศาจไร้คู่เปรียบไปแล้ว,พลังมากมายมหาศาลที่ถูกส่งมาจากแปดหางสวรรค์แห่งจุดจบนั้นมีมากมาย,กระจายไปทั่วร่างของจงซาน.
ต้าเซียน,ระดับห้า!
"เป็นความจริงนับว่าเป็นอสุรกายระดับเซียนบรรพชนที่น่าเกรงขามจริงๆ! หากว่าได้มากกว่านี้ก็คงจะดี!"จงซานที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
หากมีคนอื่นๆรู้ความคิดของจงซาน,เวลานี้พวกเขาคงเศร้าแทบกระอักโลหิตแล้ว,ต้าเซียนกลืนกินเซียนบรรพชน,ไม่เคยมีอะไรเช่นนี้แน่นอน.
หนึ่งวันหลังจากนั้น.
ระหว่างนี้รอบๆห้องโถง,ที่เซียนเซิงซือลงอักขระเอาไว้รอบๆ,อักขระที่เริ่มส่องแสง,พร้อมกับอักขระบนโลงยักษ์สีม่วง.
ขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยอย่างอดทน,เซียนเซิงซือที่ก้าวไปด้านหน้าโลงศพยักษ์,ก่อนที่จะยื่นมือออกมา,นำหัวใจดวงหนึ่งที่ยังคงเต้นไปมาออกมา.
"ตึก,ตึก..................!”
หัวใจที่กำลังเต้นไปมาในมือของเซียนเซิงซือ,พร้อมกับปล่อยพลังปิศาจที่แปลกประหลาดออกมา.
โหลวซิงเฉินและหนานกงเซิ่งที่จ้องมองดวงตาไม่กระพริบ,ต้องไม่ลืมว่านี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก,เพราะว่าหัวใจในมือของเซียนเซิงซือนั้น,เห็นชัดเจนว่าไม่ใช่ของวิเศษ,ทว่ากับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว,ทว่าทำไมยังคงเต้นอยู่กัน?
เซียนเซิงซือที่นำหัวใจสีแดงชาติวางลงไปในโลงศพช้าๆ.
"วูซซซซ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
ดูเหมือนว่าปรากฏกระแสลมที่หนักหน่วงรุนแรงพัดขึ้นมาในทันที,ปราณทมิฬที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่ากำลังไหลมารวมกันภายในโลงศพยักในทันที.
ภายในโลงศพยักษ์,ปราณสีดำที่ดูเหมือนว่าจะขดหมุนวนอยู่ในโลงหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ,โดยมีหัวใจสีแดงเป็นจุดศูนย์กลาง,เซียนเซิงซือที่ปิดฝาของโลงศพอย่างรวดเร็ว.
ทว่าภายในโลงศพนั้นก็ยังคงดูดซับปราณทมิฬอยู่เช่นเดิม,มันไหลแผ่พุ่งเข้าไปในโลงไม่หยุด.
"นี่คือ?"โหลวซิงเฉินที่ดวงตาหดเกร็ง.
ดูเหมือว่าปราณทมิฬนั้นมีมากมายและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่หยุดเลย.
ทว่าที่ด้านนอกตำหนักภายนอกค่ายกล.
ที่ไกลออกไปสถานที่พักของอ๋องตี้จาง,อ๋องตี้จางที่กำลังบำเพ็ญลมหายใจอยู่,ทันใดนั้นดวงตาของเขาที่เบิกกว้าง,จดจ้องมองไปยังทิศทางที่พักของจงซานในทันที.
"ปราณสวี? ซือตระกูลจาง?
นี่คือซือที่โดดเด่นที่สุดของตระกูล! เป็นไปได้ว่าตระกูลจางคนอื่นๆเองก็ยังคงอยู่,เพราะอะไรเขาถึงไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนล่ะ?
หากว่าเป็นจริงดั่งที่ข้าคิด,ปราชญ์เทพในเวลานี้ไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไร!"อ๋องตี้จางที่เผยรอยยิ้มที่แปลกประหลาดออกมา.
ปราณทมิฬมากมายที่แผ่พุ่งทะลวงเข้าไปในโลงศพยักษ์,ดูเหมือนว่าจะใช้เวลาไปถึงสิบวันเต็ม,ปราณทมิฬจึงค่อยๆจางลง,มันที่ค่อยๆจางจนไม่สามารถมองเห็นได้.
เซียนเซิงซือที่เปิดโลงศพออกมาช้าๆ,จงซานที่สามารถจำหัวใจก่อนหน้านี้ได้,ทว่าในเวลานี้มันถูกห่อหุ้มด้วยปราณทมิฬ,ปราณทมิฬที่รวมตัวกันจนสร้างร่างเป็นคนผู้หนึ่งซึ่งมองเห็นเป็นเงาที่เลือนลาง!
ใบหน้าของเซียนเซิงซือที่เผยความสุขออกมา.
ก่อนที่จะสะบัดมือปิดโลงศพเอาไว้.
จากนั้นเซียนเซิงซือที่หลับตาลง,พร้อมกับเริ่มร่ายอาคมที่ดูซับซ้อน,ทันใดนั้นที่หน้าผากของเขาที่เริ่มแยกออกมาเป็นเหมือนกับรอยตะเข็บที่กำลังถูกคลายออก.
รอยตะเข็บสีดำ,ทันใดนั้นก็ค่อยๆสูบโลงศพสีม่วงเข้าไป,โลงศพสีม่วงที่ใหญ่ยักษ์นั้นค่อยๆย่อขนาดลงและพุ่งเข้าไปในหน้าผากของเซียนเซิงซือ.
หน้าผากของเขาที่กำลังเย็บเข้าหาก่อนไปมา,ก่อนที่จะหายไปไร้ซึ่งร่องรอย.
โลงศพยักษ์นั้นหายไปแล้ว,หายไปต่อหน้าต่อตา,จนทุกคนแทบไม่อยากเชื่อ.
หายเข้าไปในหน้าผาก?
ดวงตาของจงซานที่ส่ายไปมา,นี่มันวิชาอะไร?
จากนั้นเซียนเซิงซือที่นั่งสมาธิอีกครั้งในทันที,ปราณทมิฬมากมายเวลานี้กำลังพุ่งทะลวงมายังหน้าผากของเซียนเซิงซือ,เป็นปราณสวีที่มากมายกำลังส่องประกายแสงเรืองรองออกมา.
ทุกคนคอยปกป้องเซียนเซิงซือ.
จวบจนเวลาสามวันสามคืน,ปราณทมิฬที่ค่อยบางลงอีกครั้ง.
"ตูมม ตูมม ตูมมม!"
ราวกับว่าเกิดระเบิดดังเรื่อๆอยู่ในร่างของเซียนเซิงซือ,ท้ายที่สุดเซียนเซิงซือก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง.
ดวงตาที่ลืมขึ้นมา,แววตาส่องประกายแสงวับวาว.
"นี่เจ้า,ก้าวไปถึงระดับต้าเซียนแล้วอย่างงั้นรึ?"โหลวซิงเฉินที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
เขาที่นับว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ข้างเซิ่งหวัง,ทว่าในเวลานี้เขาพบได้แล้วว่า,คนที่อยู่ข้างเซิ่งหวังนั้นเป็นคนที่ไม่สามารถตัดสินได้,โดยเฉพาะเซิ่งหวัง,ที่ไม่สามารถใช้เกณฑ์ทั่วไปตัดสินได้,คนอื่นๆเองก็คงจะเช่นกัน.
เนียนโหยวโหยวเนตรดวงตาทองคำ,นี่เป็นวิชาที่สามารถผนึกได้แม้แต่ระดับเซียนบรรพชน,และยังมีเซียนเซิงซือที่แปลกประหลาด.
เซียนเซิงซือที่ลุกขึ้น,พยักหน้ารับแต่ไม่ได้กล่าวอะไร.
"หน้าผากของเจ้า..?"จงซานที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.
"ที่หน้าผากของข้านั้นคือสุสานที่ดีที่สุด,โลงศพได้พบกับสุสานฟ้าดินที่ดีที่สุดแล้ว,เพราะว่าโลงศพนี้สามารถดูดซับปราณสวีได้,ทำให้พลังฝึกตนของผู้ใต้บังคับบัญชาจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว,อีกไม่นานถึงแม้นว่าจะไม่ต้องการแต่จะสามารถก้าวไปถึงเซียนโบราณได้,ย่อมสามารถแบ่งเบาภาระของเซิ่งหวังได้!"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
ส่วนโหลวซิงเฉินที่อยู่ข้างๆถึงกับพูดไม่ออก,อีกม่นาน,ก็จะก้าวไปถึงระดับเซียนโบราณอย่างงั้นรึ?
กับพลังฝึกตนที่เปลี่ยนเป็นมากมายง่ายๆเช่นนี้นะรึ?
เพราะว่าตัวเขานับว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์มีทักษะเทวะเวลา,ทำให้สามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว,ทว่าเซียนเซิงซือเวลานี้,ถึงแม้ว่าจะยังไม่ต้องการแต่ก็จะก้าวไปถึงระดับเซียนโบราณอย่างงั้นรึ?
อย่างไรก็ตามคิดถึงอาวุโสเทียนที่สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว,ก็ไม่ได้ทำให้โหลวซิงเฉิงประหลาดใจมากมายนัก,เพราะว่าความเกินจริงของอาวุโสเทียนนั้นมีมากกว่า,ครึ่งชั่วโมงสามารถเลื่อนระดับจากเซียนสวรรค์ไปยังเซียนโบราณได้.
"ยอดเยี่ยม!"จงซานที่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ.
Chapter 1004 forehead tomb pit
眉心墓穴
สุสานบนหน้าผาก
ผ่านไปถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน,ตราประทับของปราชญ์เทพอีกอันก็ค่อยๆถูกผลักออกมาช้าๆ.
ต้องรู้ด้วยว่าก่อนหน้านี้ตราประทับของทงเทียน,ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น,ทว่าตราบประทับของปราชญ์เทพอีกอันนี้,ใช้เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน?
ระหว่างที่ทุกคนกำลังรอนั้น,ต่างก็มองเห็นและสัมผัสได้ว่าตราประทับของปราชญ์เทพนี้แข็งแกร่งมาก.
ตราประทับที่ค่อยถูกดึงออกมา,รวมตัวกันเป็นแสงสีขาว,ทว่าพื้นที่รอบๆนั้นมีเส้นสีดำที่หมุนวนอยู่ด้วย,เหมือนกับฝุ่นควัน,ดูยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก,ตราบประทับนี้,ทำให้เหล่าวิญญาณปิศาจทั่วบ่อกลายเป็นเงียบงับ,กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมานี้ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
"ตูมมมมมม!"ตราประทับที่ระเบิดออกมาเสียงดังก่อนที่จะสลายหายไป.
"นี่มัน,นี่มันตราประทับของปราชญ์เทพหงจวิน?"อ๋องตี้จางที่อุทานออกมา.
จากนั้นสายตาของอ๋องตี้จางที่จ้องมองไปยังโลงศพสีม่วงด้วยความโลภเล็กน้อย,ก่อนหน้านี้เขาพอจะรับรู้ว่าโลงศพยักษ์ม่วงนี้ไม่ธรรมดา,ทว่าคาดไม่ถึงเลยว่ามันจะเกี่ยวข้องกับหงจวิน.
หงจวิน,ในอดีตนั้นคือตัวตนอันดับหนึ่งของโลกใบนี้.
แทบจะไร้เทียนทาน,ไม่มีใครสามารถเทียบได้,หากไม่เพราะว่าต่อต้านเทียนชู,ทั่วหล้าแห่งนี้,เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด,ไมว่าอะไรก็แล้วแต่,หากเกี่ยวข้องกับหงจวิน,แน่นอนว่าย่อมต้องไม่สิ่งของธรรมดา.
"หงจวิน?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"โลงศพนี้หงจวินเป็นคนสร้างอย่างงั้นรึ?"หนานกงเซิ่งที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
หงจวินสร้างอย่างงั้นรึ? อ๋องตี้จางที่พยายามสังเกตโลงศพดังกล่าวโดยระเอียด.
ในเวลาเดียวกันนี้,เซียนเซิงซือที่เลื่อนโลงศพม่วงในทันที.
ที่ข้างๆโลงศพปรากฏเจียงซือขึ้นมา,พร้อมกับยกโลกศพกลับคืนมา,ทำให้อ๋องตี้จางไม่สามารถตรวจสอบได้ระเอียดนัก.
แม้นว่าอ๋องตี้จางต้องการจะตรวจสอบ,ทว่าเซียนเซิงซือนั้นแสดงท่าทีชัดเจนไม่ให้เขาตรวจสอบได้,ขณะที่โลงศพยักษ์ม่วงถูกออกมา,อ๋องตี้จางที่ทำได้แค่สูดหายใจลึก.
"อ๋องตี้จางเคยพบหงจวินอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวสอบถามด้วยความสงสัย.
"เคยพบหลายครั้ง,ทว่าก็ผ่านมาหลายแสนปีก่อนแล้ว!"อ๋องตี้จางที่ส่ายหน้าไปมา.
"หงจวินล่วงหล่นลงจากสวรรค์ไปแล้วอย่างงั้นรึ?"
"เหล่าปราชญ์เทพต่างล่วงหล่นจากสวรรค์,คนแรกนวีหว๋า,คนที่สองทงเทียน,คนที่สามหงจวิน,คนที่สี่เจี่ยหยิน,คนที่ห้าจุนถี,คนที่หกหยวนซือ,คนที่เจ็ดไท่ซ่าง,ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดว่าพวกเขาล่วงหล่นจากสวรรค์,ทว่าเมื่อรู้ว่าเจี่ยหยินกลับมาจุติใหม่,เหล่าปราชญ์เทพที่ล่วงหล่นจากสวรรค์ในเวลานี้คงจำเป็นต้องนำมาทบทวนใหม่แล้ว!"อ๋องตี้จางที่ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด.
เจี่ยหยินจุติใหม่อย่างงั้นรึ?
ก่อนหน้านี้อ๋องตี้จาง,หลั่นเติ้งและหมี่เล่อได้พูดคุยกันนั้น,จงซานพอจะคาดเดาได้เช่นกัน.
"หงจวินที่ล่วงหล่นจากท้องฟ้าหลังจากทงเทียน?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา,ราวกับว่าคิดถึงเรื่องสำคัญบางอย่างได้.
"บางที่เป็นไปได้,เจี่ยหยินที่จุติใหม่,เหล่าปราชญ์เทพคนอื่นๆเองก็อาจจะจุติใหม่ได้!"อ๋องตี้จางที่กล่าวออกความเห็น.
"จุติใหม่?ไม่ใช่ว่าพวกเขาใช้วิธีเดียวกันหรอกรึ?"
"ไม่,มันเกี่ยวข้องกับเทียนเต๋า,หากว่าปราชญ์เทพสองคนที่จิติกลับคืนมานั้น,จะเป็นการลบหลู่เทียนชูได้,เทียนชูย่อมลงโทษพวกเขาอีกครั้ง,ดังนั้นพวกเขาจึงทำให้เหมือนว่าว่าตัวเองนั้นไม่มีตัวตน!"อ๋องตี้จางที่ส่ายหน้าไปมา.
"ขอฟังเหตุผล!"จงซานที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
"นี่ไม่ใช่ความลับอะไร! เซิ่งหวังจงสามารถค้นหาความจริงของเรื่องนี้จากคนอื่นๆได้!"อ๋องตี้จางที่ส่ายหน้าไปมาปฏิเสธที่จะตอบ.
จากนั้น,อ๋องตี้จางที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.
"ท่านประมุข!"อ๋องตี้จางที่เอ่ยปากออกมาในทันที.
เซียนเซิงซือที่ขมวดคิ้วไปมา,เผยท่าทางสงสัย.
"มีเรื่องอะไรอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงซือสอบถามออกไป.
"ข้าต้องการมอบหยกชีพจรตระกูลจาง,กลับคืนเพื่อเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาตระกูลจาง!"อ๋องตี้จางที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
ได้ยินคำพูดของอ๋องตี้จาง,เซียนเซิงซือดวงตาหดเกร็ง.
หากเป็นก่อนหน้านี้,เซียนเซิงซือย่อมรู้สึกพอใจหากเขายินดีมอบหยกชีพจรออกมา,นั่นก็อธิบายได้ว่าอ๋องตี้จางนั้นยินดีและรับรู้การมีอยู่ของตระกูลจาง,และต้องการที่จะฟื้นฟูตระกูลจางในอดีตกลับคืนมาแม้นว่าจะมีสถานะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาก็ตาม.
ทว่าเวลานี้เซียนเซิงซือติดตามจงซานมาหลายปี,เกี่ยวกับจิตใจนิสัยมนุษย์นั้นทำให้เขาเข้าใจและยกระดับไปจนถึงระดับสูงแล้ว,เกี่ยวกับอ๋องตี้จางที่เป็นลูกหลานที่ผ่านมาเก้ารุ่นแล้ว,เขาคงไม่ยินดีที่จะเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาแน่นอน,ทว่าในเวลานี้ทำไมเขาถึงยินดีที่จะยอมจำนนในทันทีทันใดล่ะ?
นอกจากนี้เซียนเซิงซือยังอ่อนแอกว่าเขา,เขาไม่มีทางที่จะยินย้อมน้อมรับแต่นอน,กับสถานะที่ต่ำกว่า,ไม่มีทางแน่นอนที่เขาจะโง่ขนาดนั้น,อีกอย่างอ๋องตี้จางยังนับว่าเป็นยอดฝีมือที่โดดเด่นอีกด้วย.
ในเวลานี้การที่เขาต้องการกลับคือสถานะผู้ใต้บังคับบัญชาของตระกูลจาง,เห็นชัดเจนว่ามันเป็นเรื่องที่น่าขัน,ในเวลานี้เขาต้องมีแผนการบางอย่างอยู่อย่างแน่นอน.
เซียนเซิงซือที่จ้องมองไปยังอ๋องตี้จาง,ส่ายหน้าไปมาและกล่าวออกมาว่า,"ตระกูลจางนั้นไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว,ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น!"
อ๋องตี้จางที่ฝืนยิ้มออกมาและกล่าวออกมาว่า,"ใต้สวรรค์แห่งนี้ที่รับรู้ว่าข้าเป็นคนตระกูจางนั้นมีไม่กี่คนนัก,ทว่าในเวลานี้ข้านั้นรับรู้แล้ว่ามีใครที่จะดูแลป้ายหยกวิญญาณของข้า!"
อ๋องตี้จางที่นำหยกสลักวงกลมครึ่งหนึ่งออกมา,เป็นหยกที่มีสีดำ,ที่ใจกลางนั้น,มีอักขระสีแดงสลักอยู่,ซึ่งเป็นอักษรที่มีครึ่งซีกนั่นเอง.
เห็นหยกครึ่งซีก,เซียนเซิงซือดวงตาหดเกร็ง.
"ป้ายหยกวิญญาณจาง,อาคมเส้นหัวใจโลหิต,ท่านควรรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร?"อ๋องตี้จางที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.
"อาคมเส้นหัวใจโลหิต,กำลังอยู่ในอันตราย!"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาในทันที.
คนอื่นๆที่ไม่เข้าใจความหมาย,ทว่าก็ไม่ได้กล่าวขัดแต่อย่างใด.
"ใช่,อยู่ในอันตราย,ทว่าหากเป็นคนอื่นย่อมต่างออกไป,ทว่าสำหรับตระกูลจางนั้นมันมีความหมาย,เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ต้องการทำ,ความจริงข้าต้องการเก็บเป็นความลับ,ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้แม้แต่น้อย,ทว่าท่านคือประมุขตระกูลจาก,ข้าจึงต้องการมอบให้ท่าน,ซึ่งจะทำให้ข้าวางใจ,ในฐานตระกูลจางก็ขอตายในฐานตระกูลจาง,หากว่าข้าสามารถก้าวข้ามผ่านภัยพิบัตินี้ได้,ข้าก็ขอปรารถนาที่จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตระกูลจาง!"อ๋องตี้จางที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
เซียนเซิงซือส่ายหน้าไปมา,"หยกนี้,ข้าจะเก็บเอาไว้,เพื่อให้เจ้าอุ่นใจ,หากว่าภัยพิบัติของเจ้าที่จะมาถึง! หากสามารถหลบหนีมันได้,ค่อยตัดสินใจอีกครั้งเถอะ!"
"อืม!"อ๋องตี้จางพยักหน้ารับ.
อ๋องตี้จางไม่ได้ได้ขัดขืนแต่อย่างใด,เพราะว่าอ๋องตี้จางสามารถมองเห็นได้ว่าเซียนเซิงซือนั้นไม่คิดที่จะหลอกเขาแต่อย่างใด.
จากนั้นอ๋องตี้จางก็กลับไปยังตำหนักของเขาอีกครั้ง.
ค่ายกลที่เปิดออกมาอีกครั้ง,เจียงซือที่นำโลงศพเข้าไปในห้องโถง.
"เซิ่งหวัง,อ๋องตี้จางมอบหยกวิญญาณให้ข้า,เขากำลังประสบภัยพิบัติ,ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเรา,ก่อนน้านี้ข้าต้องการหาสถานที่สงบ,ตอนนี้ดูเหมือนว่า,ที่นี่จะไม่ใช่สถานที่สงบแล้ว,ข้าควรจะจัดการเรื่องของข้าให้เสร็จเร็วที่สุด!"เซียนเซิงซือกล่าว.
"อืม!"
เซียนเซิงซือที่เริ่มทำการลงอาคมบนโลงศพและพื้นที่รอบๆห้องโถงใหม่อีกรอบ,ส่วนจงซานเวลานี้อยู่อีกตำหนักแห่งหนึ่ง,เขาที่จำเป็นต้องเก็บตัวเล็กน้อย,หลังจากที่กลืนกินอสุรกายปิศาจไร้คู่เปรียบไปแล้ว,พลังมากมายมหาศาลที่ถูกส่งมาจากแปดหางสวรรค์แห่งจุดจบนั้นมีมากมาย,กระจายไปทั่วร่างของจงซาน.
ต้าเซียน,ระดับห้า!
"เป็นความจริงนับว่าเป็นอสุรกายระดับเซียนบรรพชนที่น่าเกรงขามจริงๆ! หากว่าได้มากกว่านี้ก็คงจะดี!"จงซานที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
หากมีคนอื่นๆรู้ความคิดของจงซาน,เวลานี้พวกเขาคงเศร้าแทบกระอักโลหิตแล้ว,ต้าเซียนกลืนกินเซียนบรรพชน,ไม่เคยมีอะไรเช่นนี้แน่นอน.
หนึ่งวันหลังจากนั้น.
ระหว่างนี้รอบๆห้องโถง,ที่เซียนเซิงซือลงอักขระเอาไว้รอบๆ,อักขระที่เริ่มส่องแสง,พร้อมกับอักขระบนโลงยักษ์สีม่วง.
ขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยอย่างอดทน,เซียนเซิงซือที่ก้าวไปด้านหน้าโลงศพยักษ์,ก่อนที่จะยื่นมือออกมา,นำหัวใจดวงหนึ่งที่ยังคงเต้นไปมาออกมา.
"ตึก,ตึก..................!”
หัวใจที่กำลังเต้นไปมาในมือของเซียนเซิงซือ,พร้อมกับปล่อยพลังปิศาจที่แปลกประหลาดออกมา.
โหลวซิงเฉินและหนานกงเซิ่งที่จ้องมองดวงตาไม่กระพริบ,ต้องไม่ลืมว่านี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก,เพราะว่าหัวใจในมือของเซียนเซิงซือนั้น,เห็นชัดเจนว่าไม่ใช่ของวิเศษ,ทว่ากับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว,ทว่าทำไมยังคงเต้นอยู่กัน?
เซียนเซิงซือที่นำหัวใจสีแดงชาติวางลงไปในโลงศพช้าๆ.
"วูซซซซ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”
ดูเหมือนว่าปรากฏกระแสลมที่หนักหน่วงรุนแรงพัดขึ้นมาในทันที,ปราณทมิฬที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่ากำลังไหลมารวมกันภายในโลงศพยักในทันที.
ภายในโลงศพยักษ์,ปราณสีดำที่ดูเหมือนว่าจะขดหมุนวนอยู่ในโลงหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ,โดยมีหัวใจสีแดงเป็นจุดศูนย์กลาง,เซียนเซิงซือที่ปิดฝาของโลงศพอย่างรวดเร็ว.
ทว่าภายในโลงศพนั้นก็ยังคงดูดซับปราณทมิฬอยู่เช่นเดิม,มันไหลแผ่พุ่งเข้าไปในโลงไม่หยุด.
"นี่คือ?"โหลวซิงเฉินที่ดวงตาหดเกร็ง.
ดูเหมือว่าปราณทมิฬนั้นมีมากมายและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่หยุดเลย.
ทว่าที่ด้านนอกตำหนักภายนอกค่ายกล.
ที่ไกลออกไปสถานที่พักของอ๋องตี้จาง,อ๋องตี้จางที่กำลังบำเพ็ญลมหายใจอยู่,ทันใดนั้นดวงตาของเขาที่เบิกกว้าง,จดจ้องมองไปยังทิศทางที่พักของจงซานในทันที.
"ปราณสวี? ซือตระกูลจาง?
นี่คือซือที่โดดเด่นที่สุดของตระกูล! เป็นไปได้ว่าตระกูลจางคนอื่นๆเองก็ยังคงอยู่,เพราะอะไรเขาถึงไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนล่ะ?
หากว่าเป็นจริงดั่งที่ข้าคิด,ปราชญ์เทพในเวลานี้ไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไร!"อ๋องตี้จางที่เผยรอยยิ้มที่แปลกประหลาดออกมา.
ปราณทมิฬมากมายที่แผ่พุ่งทะลวงเข้าไปในโลงศพยักษ์,ดูเหมือนว่าจะใช้เวลาไปถึงสิบวันเต็ม,ปราณทมิฬจึงค่อยๆจางลง,มันที่ค่อยๆจางจนไม่สามารถมองเห็นได้.
เซียนเซิงซือที่เปิดโลงศพออกมาช้าๆ,จงซานที่สามารถจำหัวใจก่อนหน้านี้ได้,ทว่าในเวลานี้มันถูกห่อหุ้มด้วยปราณทมิฬ,ปราณทมิฬที่รวมตัวกันจนสร้างร่างเป็นคนผู้หนึ่งซึ่งมองเห็นเป็นเงาที่เลือนลาง!
ใบหน้าของเซียนเซิงซือที่เผยความสุขออกมา.
ก่อนที่จะสะบัดมือปิดโลงศพเอาไว้.
จากนั้นเซียนเซิงซือที่หลับตาลง,พร้อมกับเริ่มร่ายอาคมที่ดูซับซ้อน,ทันใดนั้นที่หน้าผากของเขาที่เริ่มแยกออกมาเป็นเหมือนกับรอยตะเข็บที่กำลังถูกคลายออก.
รอยตะเข็บสีดำ,ทันใดนั้นก็ค่อยๆสูบโลงศพสีม่วงเข้าไป,โลงศพสีม่วงที่ใหญ่ยักษ์นั้นค่อยๆย่อขนาดลงและพุ่งเข้าไปในหน้าผากของเซียนเซิงซือ.
หน้าผากของเขาที่กำลังเย็บเข้าหาก่อนไปมา,ก่อนที่จะหายไปไร้ซึ่งร่องรอย.
โลงศพยักษ์นั้นหายไปแล้ว,หายไปต่อหน้าต่อตา,จนทุกคนแทบไม่อยากเชื่อ.
หายเข้าไปในหน้าผาก?
ดวงตาของจงซานที่ส่ายไปมา,นี่มันวิชาอะไร?
จากนั้นเซียนเซิงซือที่นั่งสมาธิอีกครั้งในทันที,ปราณทมิฬมากมายเวลานี้กำลังพุ่งทะลวงมายังหน้าผากของเซียนเซิงซือ,เป็นปราณสวีที่มากมายกำลังส่องประกายแสงเรืองรองออกมา.
ทุกคนคอยปกป้องเซียนเซิงซือ.
จวบจนเวลาสามวันสามคืน,ปราณทมิฬที่ค่อยบางลงอีกครั้ง.
"ตูมม ตูมม ตูมมม!"
ราวกับว่าเกิดระเบิดดังเรื่อๆอยู่ในร่างของเซียนเซิงซือ,ท้ายที่สุดเซียนเซิงซือก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง.
ดวงตาที่ลืมขึ้นมา,แววตาส่องประกายแสงวับวาว.
"นี่เจ้า,ก้าวไปถึงระดับต้าเซียนแล้วอย่างงั้นรึ?"โหลวซิงเฉินที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
เขาที่นับว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ข้างเซิ่งหวัง,ทว่าในเวลานี้เขาพบได้แล้วว่า,คนที่อยู่ข้างเซิ่งหวังนั้นเป็นคนที่ไม่สามารถตัดสินได้,โดยเฉพาะเซิ่งหวัง,ที่ไม่สามารถใช้เกณฑ์ทั่วไปตัดสินได้,คนอื่นๆเองก็คงจะเช่นกัน.
เนียนโหยวโหยวเนตรดวงตาทองคำ,นี่เป็นวิชาที่สามารถผนึกได้แม้แต่ระดับเซียนบรรพชน,และยังมีเซียนเซิงซือที่แปลกประหลาด.
เซียนเซิงซือที่ลุกขึ้น,พยักหน้ารับแต่ไม่ได้กล่าวอะไร.
"หน้าผากของเจ้า..?"จงซานที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.
"ที่หน้าผากของข้านั้นคือสุสานที่ดีที่สุด,โลงศพได้พบกับสุสานฟ้าดินที่ดีที่สุดแล้ว,เพราะว่าโลงศพนี้สามารถดูดซับปราณสวีได้,ทำให้พลังฝึกตนของผู้ใต้บังคับบัญชาจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว,อีกไม่นานถึงแม้นว่าจะไม่ต้องการแต่จะสามารถก้าวไปถึงเซียนโบราณได้,ย่อมสามารถแบ่งเบาภาระของเซิ่งหวังได้!"เซียนเซิงซือที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
ส่วนโหลวซิงเฉินที่อยู่ข้างๆถึงกับพูดไม่ออก,อีกม่นาน,ก็จะก้าวไปถึงระดับเซียนโบราณอย่างงั้นรึ?
กับพลังฝึกตนที่เปลี่ยนเป็นมากมายง่ายๆเช่นนี้นะรึ?
เพราะว่าตัวเขานับว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์มีทักษะเทวะเวลา,ทำให้สามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว,ทว่าเซียนเซิงซือเวลานี้,ถึงแม้ว่าจะยังไม่ต้องการแต่ก็จะก้าวไปถึงระดับเซียนโบราณอย่างงั้นรึ?
อย่างไรก็ตามคิดถึงอาวุโสเทียนที่สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว,ก็ไม่ได้ทำให้โหลวซิงเฉิงประหลาดใจมากมายนัก,เพราะว่าความเกินจริงของอาวุโสเทียนนั้นมีมากกว่า,ครึ่งชั่วโมงสามารถเลื่อนระดับจากเซียนสวรรค์ไปยังเซียนโบราณได้.
"ยอดเยี่ยม!"จงซานที่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
ปัจจุบันแปลจบแล้ว 1672 ตอน สนใจติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ครับ
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ แปลจบแล้ว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น