Immortality Chapter 963 Legitimate cultivating Fate
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 963 บำเพ็ญชีวิต
Chapter 963 Legitimate cultivating Fate
正统修命
บำเพ็ญชีวิต
การต่อสู้ของยอดฝีมือที่อยู่ไกลออกไปนั้น,จงซานไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนนัก,ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตั้งใจที่จะจ้องมองเท่าใดนัก,แต่กระนั้นก็ไม่ได้ก้าวไปใหน,ยังคงนิ่งงันกวาดมองพื้นที่รอบๆ.
ในเวลานั้นจงซานที่นึกถึงคำพูดของหยิงที่กล่าวก่อนหน้านี้.
"อุ่นเครื่องรอวันที่เจ้าใช้อำนาจฟ้าดินได้,ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองเซียนหยางด้วยความเคารพ,ตอนนี้อยู่ในปมกาลอากาศ,หากว่าเจ้าสามารถเอาชนะข้ากับคนของข้าได้,ผังเซียนป้ากั้ว,พวกเราก็ไม่ต้องการ!"
คำพูดของหยิงที่ดูสั้นกระชับ,ทว่าจงซานสามารถรับรู้ถึงความอหังการ,ก้าวร้าว,อุ่นเครื่อง,รอวันอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน,ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองเซียนอย่างด้วยความเคารพอย่างงั้นรึ?
หากว่าหยิงอยู่ในเมืองเซียนหยาง,ปราชญ์เทพจะจัดการเขาได้หรือไม่?
จงซานไม่คิดว่าหยิงจะกล่าวอะไรไร้สาระ,ในทางตรงข้ามรับรู้ด้วยว่าหยิงสามารถทำให้สำเร็จได้.
ต่อสู้กับปราชญ์เทพ?
สำหรับราชวงศ์วาสนาแล้ว,นับว่าเป็นอะไรที่ร้ายกาจมาก!
ก่อนหน้านี้ราชันย์โจวโหยว,จี้กงหนี่?
ปราชญ์เทพภพหยิงเคยกล่าวว่าจี้กงหนี่ไล่ล่าปราชญ์เทพ,สามารถยืนยันได้ว่าจี้กงหนี่นั้นมีระดับเพียงเซียนบรรพชน,แต่เขาสามารถไล่ล่าสังหารปราชญ์เทพได้?
จงซานที่สูดลมหายใจลึก,เขารับรู้นี้ความรู้สึกนี้ตัวเขาไม่อาจเอื้อมได้.
เวลานี้ได้แต่รอคอยอย่างอดทน,ผ่านไปห้าคืน,ก่อนที่ริ้วแสงของทุกคนจะกลับมาอยู่บนลานอีกครั้ง.
จบแล้ว? ใครชนะ? ปราชญ์เทพหรือไม่?
ที่จริงก็พบว่า,ในเวลานี้กุยกู่ซือที่ก้าวออกไปด้านหน้า?
หยิงและปราชญ์เทพหมี่เทียนล่ะ?
เกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสาม?
กุยกูซือที่ก้าวไปถึงตำหนักไร้นาม,ไม่ได้เข้าไป,ทว่ายื่นมือออกไป,ชี้ไปยังแสงสีทองที่พุ่งออกมา,ก่อนที่ผังเซียนป้ากั้วจะพุ่งตรงมายังกุยกู่ซือ.
กุยกูซือจ้องมองไปยังห้องโถง,พร้อมกับแสดงความเคารพออกมา.
ภายในห้องโถง,เมื่อผังเซียนป้ากั้วถูกนำไปแล้ว,แสงสีทองมากมายก็สลายหายไป,ตอนนี้เผยให้เห็นเพยงแค่โลงศพยักษ์!
สุสานหนี่หว๋า?
กุยกูซือได้ผังเซียนป้ากั้วไปแล้ว,ร่างกายก็หายไปในทันทีเช่นกัน.
กุยกูซือจากไปแล้ว.
ในเวลานี้เมื่อกุยกูซือจากไป,สามปราชเทพที่ยืนอยู่บนลาน.
คนทั้งสามจ้องมองไปยังโลกศพในตำหนัก,ได้แต่เงียบ.
คนทั้งสามที่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้,ทว่าจงซานรู้ดีว่าพวกเขาเวลานี้กำลังโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก,แน่นอนหากเปลี่ยนเป็นจงซาน,ก็คงไม่สามารถสงบใจได้,สามปราชญ์เทพ,สองเซียนบรรพชน,แย่งสมบัติกัน,ท้ายที่สุดเป็นเซียนบรรพชนสองคนที่ได้ไป.
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด,แต่ก็เสียผังเซียนป้ากั้วไปแล้ว.
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า,ผังเซียนป้ากัว,ข้าและพวกเจ้าไม่สามารถได้มา,เป็นเทียนชูแน่นอน,ทุกอย่างตัดสินแล้ว!"โม่จื่อที่กล่าวออกมาอย่างง่ายๆสบายๆหัวเราะเสียงดังจากนั้นก็หายไปในทันทีเช่นกัน.
กงจื่อและหมี่เทียนที่จ้องมองหน้ากันและกันหากแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา,ภายใสใจที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจโม่จื่อ.
ก่อนที่ทั้งคู่จะหายไปในทันทีเช่นกัน.
ไปแล้ว! ทุกคนไปแล้ว!
ส่วนหยิงนั้นไม่ได้ปรากฏตัวออกมาแต่อย่างใด.
ผังเซียนป้ากั้วถูกชิงไปแล้ว,เหล่าปราชญ์เทพที่แทบบ้าคลั่งไม่มีความสนในสุสานของนวีหว๋าอีก,ไม่เช่นนั้นอาจจะสร้างความโกรธแค้นจริงๆไปทั่วแผ่นดินได้.
จงซานก็สามารถสรุปได้ว่าเหล่ายอดฝีมือทั้งหมดได้จากไปแล้ว!
"บรรพชนทั้งสอง,ลูกหลานเฟิงช่างอกตัญญูนัก,เวลานี้ตระกูลเฟิงเหลือแค่ข้าแล้ว,สายโลหิตของตระกูลเฟิงเหลือเพียงข้าคนเดียวแล้ว!"เฟิงซิงอวิ๋นที่คุกเข่าลงอีกครั้ง.
ในเวลานี้,แววตาของเฟิงซิงอวิ๋นเต็มไปด้วยความมุ่งมัน,จิตสังหารที่รุนแรงแผ่ออกมา.
จงซานที่ถอนหายใจเบาๆ,ในเวลานี้,แน่นอนเขาไม่สามารถกล่าวอะไรได้,เกี่ยวกับสุสานของนวีหว๋า,จงซานเองก็ไม่ได้มีความสนใจแต่อย่างใด.
จากที่ไกลออกไป,จงซานที่แสดงความเคารพ,จากนั้นก็เตรียมตัวก้าวลงจากบันไดไปเงียบๆ.
"เซิ่งหวังจง!"
ขณะที่จงซานต้องการจากไป,เฟิงชิงอวิ๋นที่กล่าวออกมาในทันที.
จงซานที่รู้สึกประหลาดใจ,ก่อนที่จะหันหน้าไปมาเฟิงซิงอวิ๋น,ในเวลานี้เฟิงซิงอวิ๋นที่ก้าวเข้ามาหาจงซาน.
"ข้าเห็นทุกอย่างแล้ว,คงทำได้แค่เสียใจ! กับท่าทางของเหล่าปราชญ์เทพ,ข้าเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้!"จงซานที่สายหน้าไปมา,อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้ทำให้เฟิงซิงอวิ๋นดีขึ้นมาแต่อย่างใด.
"นี่เป็นคราวเคราะห์ของตระกูลเรา,เซิ่งหวังจงไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง,ผู้น้อยเข้าใจดี!"เฟิงซิงอวิ๋นที่กล่าวพลางฝืนยิ้มออกมา.
"อืม!เช่นนั้นหากว่าไม่มีอะไรแล้ว,ข้าคงไม่กล้ารบกวนเต๋าจวิน!"จงซานที่เตรียมจากไป.
"ช้าก่อน,มีเรื่องหนึ่งที่ผู้น้อยต้องการความช่วยเหลือ!"เฟิงซิงอวิ๋นที่เอ่ยออกมาในทันที.
"หืม?"
"ธวัชเจาเหยาอยู่ในมือของเซิ่งหวังจงอย่างงั้นรึ?"เฟิงซิงอวิ๋นกล่าวสอบถาม.
"ถูกแล้ว!"จงซานที่กล่าวจริงจังไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด.
"สถานที่แห่งนี้คือปมกาลอากาศ,สานของบรรพชนฟู่ซี่นั้น,จำเป็นต้องใช้ธวัชเจาเหยาในการเปิด,ทว่าผู้น้อยขอยืมธวัชเจาเหยาจากเซิ่งหวังจงได้หรือไม่!"เฟิงชิงอวิ๋นกล่าว.
"ปมกาลอากาศ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"ใช่,ปมกาลอากาล,มันคือขอบของโลกใบใหญ่,ที่นี่,เวลาจะช้าลง,ห้วงอากาศที่บางเบา,สภาพแวดล้อมที่พิเศษ,ภายในขอบเขตนี้,เวลาจะเดินช้ากว่าปรกติ,แม้แต่หยุดเดินด้วยซ้ำ,ห้วงมิติเล็ก,กลับสามารถมองไม่เห็นที่สิ้นสุด!"เฟิงซิงอวิ๋นกล่าวตอบ.
"ไม่มีที่สิ้นสุด?"
"การใช้ชีวิตในพรมแดนก่อเกิดนี้ไร้ขีดจำกัด,พรมแดนก่อเกิดหากเทียบความยาวขนาดสองเมตร,แต่มันกับมีความกว้างขวางยิ่งกว่าโลกใบใหญ่ภพหยินและหยางรวมกันซะอีก,ซึ่งขอบของโลกใบใหญ่นี้,จะถูกเรียกว่า
ปมกาลอากาศ,ไร้ที่สิ้นสุด,ไม่,ต้องบอกว่าแทบมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด,ตัวข้าเองก็ไม่เข้าใจถึงมันนัก,แต่ก็รับรู้ว่ามันคือปมกาลอากาศ!"เฟิงซิงอวิ๋นกล่าว.
"ได้รับคำสอนแล้ว!"จงซานพยักหน้า.
"นั่นคือธวัชเจาเหยาอย่างงั้นรึ?"เฟิงซิงอวิ๋นที่จ้องมองไปยังจงซาน.
จงซานที่นำธวัชเจาเหยาออกมา,ไม่ได้ปกปิดแม้แต่น้อย,เพราะจงซานสัมผัสได้ว่าคำพูดของเฟิงซิงอวิ๋นนั้น,ไม่มีคำโป้ปดแม้แต่น้อย!
ธวัชเจาหยาที่นำเขามาที่นี้,เห็นชัดเจนว่ามันมีเจตจำนงเป็นของมันเอง.
"ขอบคุณ!"เฟิงซิงอวิ๋นที่จ้องมองจงซานด้วยความประหลาดใจ.
เฟิงซิงอวิ๋นที่ก้าวไปยังด้านหลังตำหนักไม่ได้ตรงไปยังด้านหน้าตำหนักไร้น้ำ,ซึ่งสถานที่ดังกล่าวนั้นเป็นหลังคาสีขาว.
ในเวลาเดียวกันนั้น,จงซานที่พบกับความแปลกประหลาด,บนหลังคานั้นค่อยข้างที่เว้าไปด้านในเล็กน้อย,ดูเหมือนว่ามันจะมีช่องอยู่ด้านใน,พอให้นำธวัชเจาเหยาใส่ลงไปได้,คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะมีอะไรเช่นนี้.
เฟิงซิงอวิ๋นที่นำธวัชเจาเหยาใส่ลงไปในช่อง,พร้อมกับหยดโลหิตลงไป,จากนั้นหลังคาดังกล่าวที่ม้วนกวาดเป็นวงกลมเผยเป็นลานแห่งหนึ่งขึ้นมา.
"วูซซซซซซ!"
บนพื้นปรากฏหมอกควันมากมายขึ้นมาในทันที.
"ครืนนนนน!"
จงซานที่อยู่ด้านหลัง,พบว่าบันใดด้านหลังเขาที่เชื่อต่อไปยังโลกใบใหญ่ได้พังทลายลงไปในทันที.
เห็นภาพที่เกิดขึ้นแล้วถึงกับทำให้จงซานตื่นตระหนกตกใจออกมาเช่นกัน,สะพานพังไปแล้ว,ตัวเขาจะกลับอย่างไร?
มีวิธีที่จะกลับไปอย่างงั้นรึ?
เพราะว่าจงซานรู้สกหวาดกลัวต่อปมกาลอากาศไม่น้อย,แม้ว่าจะเป็นพื้นที่แคบๆ,แทบจะไม่สามารถพุ่งผ่านไปได้เลย.
จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา,ทว่าก็ยังคงก้าวตามหลังเฟิงซิงอวิ๋นไป.
หมอกสีขาวบนพื้นที่รวมตัวกันมากขึ้นและก็มากขึ้นปกคลุมตำหนักทั้งหมด,ทว่าที่ด้านหน้าจงซานและเฟิงซิงอวิ๋นนั้นได้ปรากฏร่างๆหนึ่งขึ้นมา.
ชายในชุดสีขาว,ผมยาว,ใบหน้าที่ยังคงกังวลมีอาวร,จดจ้องมองหาเหล่าคนที่เชื่อใจ.
"ผู้หลานอกตัญญูคารวะบรรพชน!"เฟิงซิงอวิ๋นที่แสดงความเคารพออกมา.
ฟู่ซี่? ภายในใจของจงซานที่ตื่นตระหนกตกใจ!
"ไม่จำเป็นต้องคารวะข้า,ตาเฒ่าได้ตายแล้ว,นี่คือร่างจำแลงเท่านั้น,ข้าได้ทิ้งมันเอาไว้เพื่อบอกกล่าวต่อเจ้า,สุสานของตาแก่เช่นข้านั้นได้พยากรเอาไว้แล้ว,ว่าท้ายที่สุดก็จะมีคนขุดมันออกมา!"ฟู่ซี่ที่เผยยิ้มอย่างเคร่งขรึม.
เป็นความจริงนี้คือร่างเงาจำแหลง,เพราะว่าคำพูดนั้นราวกับกล่าวออกมาราวกับไม่ได้มองผู้ใด.
คำพูดที่ถูกบันทึกเอาไว้?
"ผังเซียนป้ากั้ว,ไม่ใช่สิ่งสำคัญ! ไม่จำเป็นต้องสนใจ!"ฟู่ซีที่กล่าวออกมาอีกครั้ง.
ไม่สำคัญ?
เฟิงซิงอวิ๋นและจงซานที่ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย.
"วิชาช่วงชิงชะตา,เบี่ยงเบนลิขิตชะตา?บำเพ็ญโชคสามารถก้าวเข้าใกล้เคียงบำเพ็ญชีวิตเพื่อเปิดประตูอีกบานได้,ในอดีตตาแก่อย่างข้าที่ดื้อรั้นหัวแข็ง,ทำให้พลาดโอกาสในการบำเพ็ญชีวิตที่แท้จริง.เฮ้อ!"ฟู่ซีที่ถอนหายในเล็กน้อย.
บำเพ็ญชีวิตอย่างงั้นรึ?
ไม่ใช่ว่าในโลกนี้ไม่สามารถบำเพ็ญชีวิตได้ไม่ใช่รึ?
ฟู่ซี่ที่ราวกับนึกอะไรบางอย่างและกล่าวออกมา,"สำหรับเจ้า,สายโลหิตตระกูลเฟิง,ไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใด,ไม่ต้องคาดหวังว่าจะบำเพ็ญชีวิต,ข้าได้พยากรแล้วว่าเจ้าคือสายโลหิตคนสุดท้าย,หลังจากนี้ตระกูลเฟิงจะรุ่งโรจน์,หากว่ามีทายาทสองคนขึ้นไป,ให้เลือกหนึ่งคนบำเพ็ญชีวิต!"
บำเพ็ญชีวิต? บำเพ็ญชีวิตอย่างไร?
จงซานและเฟิงซิงอวิ๋นที่จับจ้องมองฟู่ซี่,ข่างน่าเสียดาย,ฟู่ซี่เป็นเพียงร่างจำแลง,ไม่สามารถสอบถามได้.
"เส้นทางบำเพ็ญ,หนึ่งชีวิต,สองโชค,สามฮวงจุ้ย,สี่กรรม,ห้าชื่อเสียง! เส้นทางสายที่ห้า,ชื่อเสียง,มันคือการเตรียมการ,ประมุขของราชวงศ์วาสนานั้นไม่ได้อ่อนด้อยกว่าประมุขนิกายเลย,ทำไมล่ะ?"
"เพราะว่า,เสิ้นทางบำเพ็ญของราชาก็คือการบำเพ็ญชีวิตนั่นเอง!"ฟู่ซี่ที่กล่าวอย่างจริงจัง,เคร่งขรึม.
?จงซานที่ตกใจเล็กน้อย,วิถีราชาก็คือการบำเพ็ญชีวิตอย่างงั้นรึ?
"ประมุขของนิกาย,สามารถที่จะลาออกและมอบให้กับคนอื่นได้,แม้แต่ถูกคนอื่นแย่งชิง,ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยเองก็สามารถเลือกศิษย์และถ่ายทอดพลังทั้งหมดไปยังศิษย์,แม้แต่ผู้ฝึกตนบำเพ็ญโชคก็เหมือนกัน,ทว่าวิถีราชาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้,ราชวงศ์วาสนา,หากราชาตกตายไป,แผ่นดินนั้นก็สินทันที,ทำไม,เพราะว่าเขาบำเพ็ญชีวิตนั่นเอง!"
"เส้นทางที่ห้าชื่อเสียง,มันถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเส้นทางแห่งการศึกษา!
การก้าวไปอยู่ในเส้นทางชื่อเสียง,เหล่าข้าราชบริพารมากมายที่สามารถแบ่งเบาราชาได้,ทว่ากลับไม่สามารถแทนที่ราชาได้,เป็นเรื่องที่เฉพาะ,ประมุขราชวงศ์วาสนานั้น,คือผู้บำเพ็ญชีวิตที่แท้จริง,นอกจากนี้การบำเพ็ญชะตาชีวิตนั้น!
ช่างน่าเสียดาย,น่าเสียดายที่ตาเฒ่ากว่าจะรู้และตระหนักเรื่องนี้ได้,มันก็สายไปแล้ว,ราชวงศ์วาสนานั้นพิเศษ,ว่ากันว่าผู้ฝึกตนช่วงชิงชะตาคือผู้ฝึกตนอันดับหนึ่งในใต้หล้ารึ?
ฮ่าฮ่า,เรื่องนี้เหลวไหลทั้งเพ!"ใบหน้าของฟู่ซี่ที่เผยท่าทางเสียใจออกมา.
ข้ากำลังบำเพ็ญชีวิตอย่างงั้นรึ?
ภายในใจของจงซานที่สั่นไหวไปมา.
เช่นเดียวกัน,เฟิงชิงอวิ๋น,แววตาที่สั่นไหวไปมาด้วยความประหลาดใจ,ความลับที่ฟู่ซีตระหนักได้นี้,ใต้สวรรค์นี้ไม่มีคนรู้,แม้แต่เหล่าราชาของราชวงศ์ต่างๆ,หรือบางที่ปราชญ์เทพก็ยังไม่รู้?
"บำเพ็ญชีวิต,มีความเสียงมากมาย,เจ้าเป็นคนตระกูลเฟิงคนสุดท้าย,ก่อนที่จะมีลูกหลานสืบสกุล,ห้ามเดินทางสายนี้โดยเด็ดขาด."ฟู่ซีกล่าวออกมาอีกครั้ง.
"ครับ,ชิงอวิ๋นจะจดจำไว้!"แม้นว่าจะเป็นเพียงแค่ภาพบันทึก,ทว่าเฟิงซิงอวิ๋นก็รับคำอย่างหนักแน่น.
"ตอนนี้การบำเพ็ญชีวิตนั้น,ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนวิชาช่วงชิงชะตา,แผนผังเซียนป้ากั้วที่ถูกชิงไปนั้น,หาได้สำคัญ,ตอนนี้เจ้าจงเดินทางไปยังตระกูลไป๋,เมื่อถึงที่นั่น,ตราบเท่าที่เผยสถานะตัวเองออกไป,เจ้าก็จะสามารถได้เรียนรู้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ!"ฟู่ซี่ที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ตระกูลไป๋? ชิงอวิ๋นจะจำไว้!"เฟิงชิงอวิ๋นพยักหน้ารับ.
ท้ายที่สุดฟู่ซี่ก็แสดงท่าทางจริงจังออกมา,"โปรดจำไว้ว่า,เมื่อถึงตระกูลไป๋นั้นต้องนอบน้อมถ่อมตน,บรรพชนไป๋จื่อของพวกเขา,เป็นคนที่พิเศษไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าข้า,พวกเขาเป็นคนแข็งแกร่ง,แต่ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย,ไม่เผยตัวตน,จึงสามารถมีชีวิตที่ยาวนานได้! เฮ้อ!"
ตระกูลไป๋?
ไป๋จื่อ?จงซานที่จดจำนามนี้เอาไว้เช่นกัน.
Chapter 963 Legitimate cultivating Fate
正统修命
บำเพ็ญชีวิต
การต่อสู้ของยอดฝีมือที่อยู่ไกลออกไปนั้น,จงซานไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนนัก,ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตั้งใจที่จะจ้องมองเท่าใดนัก,แต่กระนั้นก็ไม่ได้ก้าวไปใหน,ยังคงนิ่งงันกวาดมองพื้นที่รอบๆ.
ในเวลานั้นจงซานที่นึกถึงคำพูดของหยิงที่กล่าวก่อนหน้านี้.
"อุ่นเครื่องรอวันที่เจ้าใช้อำนาจฟ้าดินได้,ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองเซียนหยางด้วยความเคารพ,ตอนนี้อยู่ในปมกาลอากาศ,หากว่าเจ้าสามารถเอาชนะข้ากับคนของข้าได้,ผังเซียนป้ากั้ว,พวกเราก็ไม่ต้องการ!"
คำพูดของหยิงที่ดูสั้นกระชับ,ทว่าจงซานสามารถรับรู้ถึงความอหังการ,ก้าวร้าว,อุ่นเครื่อง,รอวันอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน,ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองเซียนอย่างด้วยความเคารพอย่างงั้นรึ?
หากว่าหยิงอยู่ในเมืองเซียนหยาง,ปราชญ์เทพจะจัดการเขาได้หรือไม่?
จงซานไม่คิดว่าหยิงจะกล่าวอะไรไร้สาระ,ในทางตรงข้ามรับรู้ด้วยว่าหยิงสามารถทำให้สำเร็จได้.
ต่อสู้กับปราชญ์เทพ?
สำหรับราชวงศ์วาสนาแล้ว,นับว่าเป็นอะไรที่ร้ายกาจมาก!
ก่อนหน้านี้ราชันย์โจวโหยว,จี้กงหนี่?
ปราชญ์เทพภพหยิงเคยกล่าวว่าจี้กงหนี่ไล่ล่าปราชญ์เทพ,สามารถยืนยันได้ว่าจี้กงหนี่นั้นมีระดับเพียงเซียนบรรพชน,แต่เขาสามารถไล่ล่าสังหารปราชญ์เทพได้?
จงซานที่สูดลมหายใจลึก,เขารับรู้นี้ความรู้สึกนี้ตัวเขาไม่อาจเอื้อมได้.
เวลานี้ได้แต่รอคอยอย่างอดทน,ผ่านไปห้าคืน,ก่อนที่ริ้วแสงของทุกคนจะกลับมาอยู่บนลานอีกครั้ง.
จบแล้ว? ใครชนะ? ปราชญ์เทพหรือไม่?
ที่จริงก็พบว่า,ในเวลานี้กุยกู่ซือที่ก้าวออกไปด้านหน้า?
หยิงและปราชญ์เทพหมี่เทียนล่ะ?
เกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสาม?
กุยกูซือที่ก้าวไปถึงตำหนักไร้นาม,ไม่ได้เข้าไป,ทว่ายื่นมือออกไป,ชี้ไปยังแสงสีทองที่พุ่งออกมา,ก่อนที่ผังเซียนป้ากั้วจะพุ่งตรงมายังกุยกู่ซือ.
กุยกูซือจ้องมองไปยังห้องโถง,พร้อมกับแสดงความเคารพออกมา.
ภายในห้องโถง,เมื่อผังเซียนป้ากั้วถูกนำไปแล้ว,แสงสีทองมากมายก็สลายหายไป,ตอนนี้เผยให้เห็นเพยงแค่โลงศพยักษ์!
สุสานหนี่หว๋า?
กุยกูซือได้ผังเซียนป้ากั้วไปแล้ว,ร่างกายก็หายไปในทันทีเช่นกัน.
กุยกูซือจากไปแล้ว.
ในเวลานี้เมื่อกุยกูซือจากไป,สามปราชเทพที่ยืนอยู่บนลาน.
คนทั้งสามจ้องมองไปยังโลกศพในตำหนัก,ได้แต่เงียบ.
คนทั้งสามที่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้,ทว่าจงซานรู้ดีว่าพวกเขาเวลานี้กำลังโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก,แน่นอนหากเปลี่ยนเป็นจงซาน,ก็คงไม่สามารถสงบใจได้,สามปราชญ์เทพ,สองเซียนบรรพชน,แย่งสมบัติกัน,ท้ายที่สุดเป็นเซียนบรรพชนสองคนที่ได้ไป.
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด,แต่ก็เสียผังเซียนป้ากั้วไปแล้ว.
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า,ผังเซียนป้ากัว,ข้าและพวกเจ้าไม่สามารถได้มา,เป็นเทียนชูแน่นอน,ทุกอย่างตัดสินแล้ว!"โม่จื่อที่กล่าวออกมาอย่างง่ายๆสบายๆหัวเราะเสียงดังจากนั้นก็หายไปในทันทีเช่นกัน.
กงจื่อและหมี่เทียนที่จ้องมองหน้ากันและกันหากแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา,ภายใสใจที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจโม่จื่อ.
ก่อนที่ทั้งคู่จะหายไปในทันทีเช่นกัน.
ไปแล้ว! ทุกคนไปแล้ว!
ส่วนหยิงนั้นไม่ได้ปรากฏตัวออกมาแต่อย่างใด.
ผังเซียนป้ากั้วถูกชิงไปแล้ว,เหล่าปราชญ์เทพที่แทบบ้าคลั่งไม่มีความสนในสุสานของนวีหว๋าอีก,ไม่เช่นนั้นอาจจะสร้างความโกรธแค้นจริงๆไปทั่วแผ่นดินได้.
จงซานก็สามารถสรุปได้ว่าเหล่ายอดฝีมือทั้งหมดได้จากไปแล้ว!
"บรรพชนทั้งสอง,ลูกหลานเฟิงช่างอกตัญญูนัก,เวลานี้ตระกูลเฟิงเหลือแค่ข้าแล้ว,สายโลหิตของตระกูลเฟิงเหลือเพียงข้าคนเดียวแล้ว!"เฟิงซิงอวิ๋นที่คุกเข่าลงอีกครั้ง.
ในเวลานี้,แววตาของเฟิงซิงอวิ๋นเต็มไปด้วยความมุ่งมัน,จิตสังหารที่รุนแรงแผ่ออกมา.
จงซานที่ถอนหายใจเบาๆ,ในเวลานี้,แน่นอนเขาไม่สามารถกล่าวอะไรได้,เกี่ยวกับสุสานของนวีหว๋า,จงซานเองก็ไม่ได้มีความสนใจแต่อย่างใด.
จากที่ไกลออกไป,จงซานที่แสดงความเคารพ,จากนั้นก็เตรียมตัวก้าวลงจากบันไดไปเงียบๆ.
"เซิ่งหวังจง!"
ขณะที่จงซานต้องการจากไป,เฟิงชิงอวิ๋นที่กล่าวออกมาในทันที.
จงซานที่รู้สึกประหลาดใจ,ก่อนที่จะหันหน้าไปมาเฟิงซิงอวิ๋น,ในเวลานี้เฟิงซิงอวิ๋นที่ก้าวเข้ามาหาจงซาน.
"ข้าเห็นทุกอย่างแล้ว,คงทำได้แค่เสียใจ! กับท่าทางของเหล่าปราชญ์เทพ,ข้าเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้!"จงซานที่สายหน้าไปมา,อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้ทำให้เฟิงซิงอวิ๋นดีขึ้นมาแต่อย่างใด.
"นี่เป็นคราวเคราะห์ของตระกูลเรา,เซิ่งหวังจงไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง,ผู้น้อยเข้าใจดี!"เฟิงซิงอวิ๋นที่กล่าวพลางฝืนยิ้มออกมา.
"อืม!เช่นนั้นหากว่าไม่มีอะไรแล้ว,ข้าคงไม่กล้ารบกวนเต๋าจวิน!"จงซานที่เตรียมจากไป.
"ช้าก่อน,มีเรื่องหนึ่งที่ผู้น้อยต้องการความช่วยเหลือ!"เฟิงซิงอวิ๋นที่เอ่ยออกมาในทันที.
"หืม?"
"ธวัชเจาเหยาอยู่ในมือของเซิ่งหวังจงอย่างงั้นรึ?"เฟิงซิงอวิ๋นกล่าวสอบถาม.
"ถูกแล้ว!"จงซานที่กล่าวจริงจังไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด.
"สถานที่แห่งนี้คือปมกาลอากาศ,สานของบรรพชนฟู่ซี่นั้น,จำเป็นต้องใช้ธวัชเจาเหยาในการเปิด,ทว่าผู้น้อยขอยืมธวัชเจาเหยาจากเซิ่งหวังจงได้หรือไม่!"เฟิงชิงอวิ๋นกล่าว.
"ปมกาลอากาศ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"ใช่,ปมกาลอากาล,มันคือขอบของโลกใบใหญ่,ที่นี่,เวลาจะช้าลง,ห้วงอากาศที่บางเบา,สภาพแวดล้อมที่พิเศษ,ภายในขอบเขตนี้,เวลาจะเดินช้ากว่าปรกติ,แม้แต่หยุดเดินด้วยซ้ำ,ห้วงมิติเล็ก,กลับสามารถมองไม่เห็นที่สิ้นสุด!"เฟิงซิงอวิ๋นกล่าวตอบ.
"ไม่มีที่สิ้นสุด?"
"การใช้ชีวิตในพรมแดนก่อเกิดนี้ไร้ขีดจำกัด,พรมแดนก่อเกิดหากเทียบความยาวขนาดสองเมตร,แต่มันกับมีความกว้างขวางยิ่งกว่าโลกใบใหญ่ภพหยินและหยางรวมกันซะอีก,ซึ่งขอบของโลกใบใหญ่นี้,จะถูกเรียกว่า
ปมกาลอากาศ,ไร้ที่สิ้นสุด,ไม่,ต้องบอกว่าแทบมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด,ตัวข้าเองก็ไม่เข้าใจถึงมันนัก,แต่ก็รับรู้ว่ามันคือปมกาลอากาศ!"เฟิงซิงอวิ๋นกล่าว.
"ได้รับคำสอนแล้ว!"จงซานพยักหน้า.
"นั่นคือธวัชเจาเหยาอย่างงั้นรึ?"เฟิงซิงอวิ๋นที่จ้องมองไปยังจงซาน.
จงซานที่นำธวัชเจาเหยาออกมา,ไม่ได้ปกปิดแม้แต่น้อย,เพราะจงซานสัมผัสได้ว่าคำพูดของเฟิงซิงอวิ๋นนั้น,ไม่มีคำโป้ปดแม้แต่น้อย!
ธวัชเจาหยาที่นำเขามาที่นี้,เห็นชัดเจนว่ามันมีเจตจำนงเป็นของมันเอง.
"ขอบคุณ!"เฟิงซิงอวิ๋นที่จ้องมองจงซานด้วยความประหลาดใจ.
เฟิงซิงอวิ๋นที่ก้าวไปยังด้านหลังตำหนักไม่ได้ตรงไปยังด้านหน้าตำหนักไร้น้ำ,ซึ่งสถานที่ดังกล่าวนั้นเป็นหลังคาสีขาว.
ในเวลาเดียวกันนั้น,จงซานที่พบกับความแปลกประหลาด,บนหลังคานั้นค่อยข้างที่เว้าไปด้านในเล็กน้อย,ดูเหมือนว่ามันจะมีช่องอยู่ด้านใน,พอให้นำธวัชเจาเหยาใส่ลงไปได้,คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะมีอะไรเช่นนี้.
เฟิงซิงอวิ๋นที่นำธวัชเจาเหยาใส่ลงไปในช่อง,พร้อมกับหยดโลหิตลงไป,จากนั้นหลังคาดังกล่าวที่ม้วนกวาดเป็นวงกลมเผยเป็นลานแห่งหนึ่งขึ้นมา.
"วูซซซซซซ!"
บนพื้นปรากฏหมอกควันมากมายขึ้นมาในทันที.
"ครืนนนนน!"
จงซานที่อยู่ด้านหลัง,พบว่าบันใดด้านหลังเขาที่เชื่อต่อไปยังโลกใบใหญ่ได้พังทลายลงไปในทันที.
เห็นภาพที่เกิดขึ้นแล้วถึงกับทำให้จงซานตื่นตระหนกตกใจออกมาเช่นกัน,สะพานพังไปแล้ว,ตัวเขาจะกลับอย่างไร?
มีวิธีที่จะกลับไปอย่างงั้นรึ?
เพราะว่าจงซานรู้สกหวาดกลัวต่อปมกาลอากาศไม่น้อย,แม้ว่าจะเป็นพื้นที่แคบๆ,แทบจะไม่สามารถพุ่งผ่านไปได้เลย.
จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา,ทว่าก็ยังคงก้าวตามหลังเฟิงซิงอวิ๋นไป.
หมอกสีขาวบนพื้นที่รวมตัวกันมากขึ้นและก็มากขึ้นปกคลุมตำหนักทั้งหมด,ทว่าที่ด้านหน้าจงซานและเฟิงซิงอวิ๋นนั้นได้ปรากฏร่างๆหนึ่งขึ้นมา.
ชายในชุดสีขาว,ผมยาว,ใบหน้าที่ยังคงกังวลมีอาวร,จดจ้องมองหาเหล่าคนที่เชื่อใจ.
"ผู้หลานอกตัญญูคารวะบรรพชน!"เฟิงซิงอวิ๋นที่แสดงความเคารพออกมา.
ฟู่ซี่? ภายในใจของจงซานที่ตื่นตระหนกตกใจ!
"ไม่จำเป็นต้องคารวะข้า,ตาเฒ่าได้ตายแล้ว,นี่คือร่างจำแลงเท่านั้น,ข้าได้ทิ้งมันเอาไว้เพื่อบอกกล่าวต่อเจ้า,สุสานของตาแก่เช่นข้านั้นได้พยากรเอาไว้แล้ว,ว่าท้ายที่สุดก็จะมีคนขุดมันออกมา!"ฟู่ซี่ที่เผยยิ้มอย่างเคร่งขรึม.
เป็นความจริงนี้คือร่างเงาจำแหลง,เพราะว่าคำพูดนั้นราวกับกล่าวออกมาราวกับไม่ได้มองผู้ใด.
คำพูดที่ถูกบันทึกเอาไว้?
"ผังเซียนป้ากั้ว,ไม่ใช่สิ่งสำคัญ! ไม่จำเป็นต้องสนใจ!"ฟู่ซีที่กล่าวออกมาอีกครั้ง.
ไม่สำคัญ?
เฟิงซิงอวิ๋นและจงซานที่ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย.
"วิชาช่วงชิงชะตา,เบี่ยงเบนลิขิตชะตา?บำเพ็ญโชคสามารถก้าวเข้าใกล้เคียงบำเพ็ญชีวิตเพื่อเปิดประตูอีกบานได้,ในอดีตตาแก่อย่างข้าที่ดื้อรั้นหัวแข็ง,ทำให้พลาดโอกาสในการบำเพ็ญชีวิตที่แท้จริง.เฮ้อ!"ฟู่ซีที่ถอนหายในเล็กน้อย.
บำเพ็ญชีวิตอย่างงั้นรึ?
ไม่ใช่ว่าในโลกนี้ไม่สามารถบำเพ็ญชีวิตได้ไม่ใช่รึ?
ฟู่ซี่ที่ราวกับนึกอะไรบางอย่างและกล่าวออกมา,"สำหรับเจ้า,สายโลหิตตระกูลเฟิง,ไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใด,ไม่ต้องคาดหวังว่าจะบำเพ็ญชีวิต,ข้าได้พยากรแล้วว่าเจ้าคือสายโลหิตคนสุดท้าย,หลังจากนี้ตระกูลเฟิงจะรุ่งโรจน์,หากว่ามีทายาทสองคนขึ้นไป,ให้เลือกหนึ่งคนบำเพ็ญชีวิต!"
บำเพ็ญชีวิต? บำเพ็ญชีวิตอย่างไร?
จงซานและเฟิงซิงอวิ๋นที่จับจ้องมองฟู่ซี่,ข่างน่าเสียดาย,ฟู่ซี่เป็นเพียงร่างจำแลง,ไม่สามารถสอบถามได้.
"เส้นทางบำเพ็ญ,หนึ่งชีวิต,สองโชค,สามฮวงจุ้ย,สี่กรรม,ห้าชื่อเสียง! เส้นทางสายที่ห้า,ชื่อเสียง,มันคือการเตรียมการ,ประมุขของราชวงศ์วาสนานั้นไม่ได้อ่อนด้อยกว่าประมุขนิกายเลย,ทำไมล่ะ?"
"เพราะว่า,เสิ้นทางบำเพ็ญของราชาก็คือการบำเพ็ญชีวิตนั่นเอง!"ฟู่ซี่ที่กล่าวอย่างจริงจัง,เคร่งขรึม.
?จงซานที่ตกใจเล็กน้อย,วิถีราชาก็คือการบำเพ็ญชีวิตอย่างงั้นรึ?
"ประมุขของนิกาย,สามารถที่จะลาออกและมอบให้กับคนอื่นได้,แม้แต่ถูกคนอื่นแย่งชิง,ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยเองก็สามารถเลือกศิษย์และถ่ายทอดพลังทั้งหมดไปยังศิษย์,แม้แต่ผู้ฝึกตนบำเพ็ญโชคก็เหมือนกัน,ทว่าวิถีราชาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้,ราชวงศ์วาสนา,หากราชาตกตายไป,แผ่นดินนั้นก็สินทันที,ทำไม,เพราะว่าเขาบำเพ็ญชีวิตนั่นเอง!"
"เส้นทางที่ห้าชื่อเสียง,มันถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเส้นทางแห่งการศึกษา!
การก้าวไปอยู่ในเส้นทางชื่อเสียง,เหล่าข้าราชบริพารมากมายที่สามารถแบ่งเบาราชาได้,ทว่ากลับไม่สามารถแทนที่ราชาได้,เป็นเรื่องที่เฉพาะ,ประมุขราชวงศ์วาสนานั้น,คือผู้บำเพ็ญชีวิตที่แท้จริง,นอกจากนี้การบำเพ็ญชะตาชีวิตนั้น!
ช่างน่าเสียดาย,น่าเสียดายที่ตาเฒ่ากว่าจะรู้และตระหนักเรื่องนี้ได้,มันก็สายไปแล้ว,ราชวงศ์วาสนานั้นพิเศษ,ว่ากันว่าผู้ฝึกตนช่วงชิงชะตาคือผู้ฝึกตนอันดับหนึ่งในใต้หล้ารึ?
ฮ่าฮ่า,เรื่องนี้เหลวไหลทั้งเพ!"ใบหน้าของฟู่ซี่ที่เผยท่าทางเสียใจออกมา.
ข้ากำลังบำเพ็ญชีวิตอย่างงั้นรึ?
ภายในใจของจงซานที่สั่นไหวไปมา.
เช่นเดียวกัน,เฟิงชิงอวิ๋น,แววตาที่สั่นไหวไปมาด้วยความประหลาดใจ,ความลับที่ฟู่ซีตระหนักได้นี้,ใต้สวรรค์นี้ไม่มีคนรู้,แม้แต่เหล่าราชาของราชวงศ์ต่างๆ,หรือบางที่ปราชญ์เทพก็ยังไม่รู้?
"บำเพ็ญชีวิต,มีความเสียงมากมาย,เจ้าเป็นคนตระกูลเฟิงคนสุดท้าย,ก่อนที่จะมีลูกหลานสืบสกุล,ห้ามเดินทางสายนี้โดยเด็ดขาด."ฟู่ซีกล่าวออกมาอีกครั้ง.
"ครับ,ชิงอวิ๋นจะจดจำไว้!"แม้นว่าจะเป็นเพียงแค่ภาพบันทึก,ทว่าเฟิงซิงอวิ๋นก็รับคำอย่างหนักแน่น.
"ตอนนี้การบำเพ็ญชีวิตนั้น,ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนวิชาช่วงชิงชะตา,แผนผังเซียนป้ากั้วที่ถูกชิงไปนั้น,หาได้สำคัญ,ตอนนี้เจ้าจงเดินทางไปยังตระกูลไป๋,เมื่อถึงที่นั่น,ตราบเท่าที่เผยสถานะตัวเองออกไป,เจ้าก็จะสามารถได้เรียนรู้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ!"ฟู่ซี่ที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ตระกูลไป๋? ชิงอวิ๋นจะจำไว้!"เฟิงชิงอวิ๋นพยักหน้ารับ.
ท้ายที่สุดฟู่ซี่ก็แสดงท่าทางจริงจังออกมา,"โปรดจำไว้ว่า,เมื่อถึงตระกูลไป๋นั้นต้องนอบน้อมถ่อมตน,บรรพชนไป๋จื่อของพวกเขา,เป็นคนที่พิเศษไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าข้า,พวกเขาเป็นคนแข็งแกร่ง,แต่ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย,ไม่เผยตัวตน,จึงสามารถมีชีวิตที่ยาวนานได้! เฮ้อ!"
ตระกูลไป๋?
ไป๋จื่อ?จงซานที่จดจำนามนี้เอาไว้เช่นกัน.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
ปัจจุบันแปลจบแล้ว 1672 ตอน สนใจติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ครับ
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ แปลจบแล้ว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น