วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Immortality Chapter 899 Three fight the field

Immortality Chapter 899 Three fight the field 

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 899  การต่อสู้สามสนามรบ


Chapter 899 Three fight the field
  การต่อสู้สามสนามรบ

ห้าปี,ตามกำหนดนัดหมาย,มาถึงอย่างรวดเร็ว,ศาลเทวะต้าเจิ้งและวิหารซือกง,พร้อมจะประลองเป็นตายกัน.

ในวันนี้,รองประมุขนิกายซือกง,เฉินจื่อเห่าที่อยู่ดูแลวิหาร,ส่วนโหลวซิงเฉินได้นำภรรยาสุดที่รักพร้อมกับเหล่าผู้ฝึกตนหลายร้อยบินตรงไปยังเขตแดนตำหนักสังสารวัฏ.



"สามี,หลายปีมานี้,ท่านมีอะไรแปลกไปหรือไม่?"ท่านหญิงประมุขที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.

"ไม่!"โหลวซิงเฉินที่ส่ายหน้าไปมา,ทว่ารอยคล้ำบนหน้าผากของเขานั้นไม่ได้ปรากฏออกมาให้คนอื่นได้เห็น.

"ไม่มีอย่างงั้นรึ? หากมีเรื่องอันใด! ท่านควรกล่าวมันออกมา!"ท่านหญิงประมุขที่กอดแขนของโหลวซิงเฉินขณะบินอยู่.

โหลวชิงเฉินที่ส่ายหน้าไปมาจดจ้องภรรยาที่รัก,ขมวดคิ้วแน่น,แววตาที่อาทร,แต่หัวใจเจ็บปวดร้าว,แต่ก็ยังมีเยื้อใยที่ไม่สามารถตัดขาดได้.

"ยังไม่มีอะไรจะพูด,รอให้ข้าล้างแค้นเสร็จก่อนก็แล้วกัน!"โหลวซิงเฉินที่ถอนหายใจเล็กน้อย.

หญิงสาวที่พบว่าโหลวซิงเฉินแสดงท่าทางผิดปรกติก็รู้สึกขลาดเขาขึ้นมาเช่นกัน,"ท่านรู้แล้วอย่างงั้นรึ? หลายปีก่อนเป็นข้าที่ส่งเทียนเหอไปสังหารตี้เซียนเซียน,ทว่าข้าก็ไม่คิดว่าผลจะเป็นเช่นนี้,ข้ากลัวว่าท่านจะตำหนิเลยไม่ได้กล่าว!"

โหลวซิงเฉินที่ส่ายหน้าไปมา,ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกไป,เห็นชัดเจนว่าโหลวซิงเฉินนั้นรู้สึกหงุดหงิดฉุนเฉียวอยู่ด้วย,นี่ไม่ใช่เพราะว่าโหลวเทียนเหอได้ตายไป,ทว่ามันเป็นบางอย่างที่เกิดความขัดแย้งขึ้นในใจ.

ห้าปีที่แล้วเมื่อเขาเกิดความสงสัย,โหลวซิงเฉินได้ใช้เวลาค้นหาข้อมูลอย่างจริงจัง,แม้ว่าภายในห้าปีนี้,เฉินจื่อเห่าและภรรยารักของเขาจะไม่แสดงความผิดปรกติออกมา,ทว่ามันกับทำให้โหลวซิงเฉิงได้พบกับเรื่องบางอย่างที่เขาไม่ต้องการเห็นเป็นอย่างมาก.

โหลวซิงเฉินที่คิดว่าตัวเองฝันไป,ไม่ยินดีที่จะรับรู้ตอนนี้มันเจ็บปวดเกินจะทนได้,ทว่าความรู้สึกที่มีต่อภรรยาสุดที่รักก็มากมายจนไม่สามารถละทิ้งได้.

ในเวลานี้,เขารู้สึกราวกับว่า โลกทั้งใบได้กลับข้างไปแล้ว.

โหลวซิงเฉินที่รู้สึกพ่ายแพ้,ก่อนหน้านี้เขาที่คิดว่าได้เดินบนเส้นทางที่ยอดเยี่ยมแล้ว,ไม่คิดเลยว่ามันจะเบี่ยงเบนออกนอกเส้นทางเช่นนี้,เขาควรที่จะก้าวออกจากเส้นทางแห่งความเศร้านี้หรือไม่?

โหลวซิงเฉินและคนของนิกายซือกง,ได้ออกจากนิกายไปแล้ว,บนเทือกเขาในป่าทึบแห่งหนึ่ง.

ที่ยอดเขานั้น,ในเวลานี้มีคนสามคน,เซียนเซียน,หวังคูและอาวุโสจิวโถว.

"วิหารซือกง? แผนการล่อเสือออกจากถ้ำสินะ,แต่,ข้าถูกใจจริงๆ!"เซียนเซียนที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

เพราะว่าก่อนหน้านี้เคยใช้แผนการนี้เช่นกัน,เมื่อครั้งจัดการกับโลกอมตะที่โลกใบเล็ก,แผนการในครั้งนั้น,นางไม่ได้เข้าร่วมด้วยนั่นเอง.

"วิหารซือกง,ทว่าก็ยังเหลือต้าเซียนอีกหลายคน,พวกเราจำเป็นต้องระมัดระวัง!"หวังคูกล่าว.

"ต้องกลัวอะไร,ที่ด้านล่างนั้น,มีนักรบหมาป่าระดับสูง,และยังมีกองกำลังจากวิหารต้าหมิงอีก,รวมเจ้ากับข้า,ต้องกลัวด้วยรึ? อาวุโสจิวโถว,เจ้าคิดว่าอย่างไร?"เซียนเซียนสอบถาม.

อาวุโสจิวโถวที่มีสุราอยู่ข้างกายตลอด,จดจ้องมองไปยังพื้นที่ไกลออกไป,พร้อมกับพยักหน้า,"ข้าไม่สามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายเลย,โปรดวางใจ,ตราบเท่าที่ได้รับคำสั่งจากเซิ่งหวังมาถึง,พวกเราจะต้องสามารถยึดครองวิหารซือกงได้อย่างแน่นอน!"

"แม่ทัพหวังคู,ท่านโปรดวางใจ! จงซานยังวางใจ,มีสิ่งใดที่ท่านต้องกังวลอีก?"เซียนเซียนกล่าวล้อ.

หวังคูถึงกับพูดไม่ออก,ไม่ได้กล่าวออกมาว่าที่เซิ่งหวังเป็นห่วงก็เป็นเพราะนำเจ้ามาด้วยต่างหาก.
-------------------------------------------------------------------------------

ศาลเทวะต้าเจิ้งภาคเหนือ,สถานที่ที่เรียกว่าตำหนักสังสารวัฏ.

ตำหนักสังสารวัฏนั้นมีชื่อเสียงมาก,เป็นสิ่งก่อสร้างยุคโบราณที่ตกทอดมา,ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสิบตำหนัก,ซึ่งถูกเรียกว่าซือตาน,และเวลานี้ยังไม่มีใครครอบครองได้.

หนึ่งในสิบตำหนักเวลานี้อยู่ในอาณาเขตจวงหลุน,พื้นที่รอบๆนี้มีปราณทมิฬมากมาย,หมุนวนปะทุม้วนกวาดกระจายไปทั่ว,กลิ่นอายที่รุนแรงหนักหน่วงปกคลุมรอบๆตำหนักขนาดใหญ่อย่างหนาแน่น.

ปราณทมิฬที่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่น่าเกรงขาม,จนไม่สามารถหายใจได้สะดวก,ยิ่งเข้าไปใกล้ตำหนักเท่าไหร่,ยิ่งสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่,จนยากที่คนทั่วไปจะทนได้.

ปราณทมิฬนี้,มีอำนาจของนิมิตร้ายแฝงอยู่อีกด้วย.

กลุ่มคนที่มีพลังฝึกตนต่ำไม่กล้าสัมผัสแน่นอน,แม้แต่คนที่มีพลังฝึกตนสูง,ยังต้องระมัดระวัง,มีเพียงแค่ยอดฝีมือระดับสูงเท่านั้นถึงจะเข้าออกได้โดยปรกติ,ซึ่งต้องอยู่ในระดับเดียวกับปราชญ์เทพ,ในภพหยางนั้นที่เกาะกุย,ศิลาเทวะห้าสีที่ใช้ผนึกอสุรกายปิศาจกุยเช่อ,ดูเหมือนว่ารอบๆตำหนักสังสารวัฏแห่งนี้จะมีปราณทมิฬที่ดูคล้ายกันเป็นอย่างมาก.

เหล่ายอดฝีมือมากมายที่เดินทางมากันอย่างคับคั่ง,ทว่าพวกเขาทุกคนต่างก็หลบเลี่ยงที่จะเข้าใกล้ตำหนักสังสารวัฏ,ราวกับว่าหวั่นเกรงคำสาปที่จะได้รับหากว่าสัมผัสกับปราณทมิฬ.

ตำหนักสังสารวัฏนั้นเต็มไปด้วยความลับ,ปราณทมิฬที่ปกคลุมพื้นที่ดังกล่าวนั้น,ไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็หลีกเลี่ยงกันทุกคน.

และในวันนี้,พื้นที่ใกล้ๆตำหนักสังสารวัฏนั้นมีคนมากมายที่มาชุมนุมกัน.

ทุกคนในอาณาเขตจวงหลุน,เหล่ากลุ่มอิทธิพลใหญ่ต่างก็เดินทางมาสังเกตการณ์.

จงซานที่ท้าทายยอดฝีมืออันดับหนึ่งของอาณาเขตจวงหลุน? นี่คือการต่อสู้ของยอดฝีมือ,พวกเขาจะพลาดกันได้อย่างไร? การต่อสู้ของยอดฝีมือครั้งนี้,ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้วในอาณาเขตแห่งนี้.

สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่เมืองซ่าง,และไม่ใช่วิหารซือกง,จึงไม่มีใครสามารถยืมพลังจากวาสนาหรือกรรมวาสนาได้,นี่คือการต่อสู้ด้วยทักษะของตัวเอง.

จงซานเดินทางมาถึงนานแล้ว.

บนบัลลังก์เก้ามังกรที่ลอยอยู่บนอากาศ,จงซานพร้อมกับเหล่าเสนาธิการของต้าเจิ้ง,และยังมีกองทัพขนาดใหญ่ของต้าเจิ้งด้วย.

จงซานหลับตาลง,รอคอยการมาถึงของโหลวซิงเฉิน.

ที่ไกลออกไปนั้น,บนยอดเขาสูงแห่งหนึ่ง,มีคนห้าคน,ซึ่งผู้นำมาก็คือไท่จื่อสามจากตำหนักเทียนซี่ของศาลเทวะอู๋เซี่ยง.

"ไท่จื่อสาม,นั่นจงซาน,เขาแข็งแกร่งจริงๆรึ?"หนึ่งในนั้นที่กล่าวสอบถามออกมา.

"เซียนสวรรค์,ขั้นที่แปด!"ไท่จื่อสามที่ขมวดคิ้วไปมา.

"?"เหล่าคนที่อยู่ด้านหลังถึงกับสะดุ้งตกใจ,จ้องมองไปยังไท่จื่อสามเป็นสายตาเดียวกัน.

ทุกคนต่างก็ไม่อยากเชื่อ,ไท่จื่อสามที่หัวใจเต้นไปมา,นี่จงซานมีแผนร้ายอะไรกัน? เซียนสวรรค์อย่างงั้นรึ? เขามีระดับเพียงแค่เซียนสวรรค์? เซียนสวรรค์ขั้นที่แปด? นี่กลับคิดที่จะประลองกับโหลวซิงเฉินอย่างงั้นรึ?

ต่างกันถึงสองอาณาจักร,ไม่ใช่สองธรรมดาทั่วไป,ยังแตกต่างราวกับว่ากับเหว,นี่จงซานไปเอาความมั่นใจมาจากใหนกัน?

"ไท่จื่อสาม? นี่เขา,เขามีระดับแปดเซียนสวรรค์เองรึ? จะเป็นไปได้อย่างไร?"

"นี่เจ้าคิดว่าข้าหลอกเจ้าอย่างงั้นรึ?"ไท่จื่อสามที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ไม่,ผู้น้อยมิกล้า!"ชายคนดังกล่าวเร่งรีบแก้ตัวเป็นพัลวัล.

ไม่ใช่แค่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา,ไท่จื่อสามเองก็เต็มไปด้วยความงงงวย,เซิ่งหวังที่มีระดับเซียนสวรรค์? นี่ไม่ใช่ว่าเป็นเซิ่งหวังที่อ่อนแอที่สุดในประวัติศาตร์หรอกรึ?

เซิ่งหวังที่อ่อนแอที่สุดท้าประลองโหลวซิงเฉิน?

ไม่เข้าใจ,ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย!

กับความไม่เข้าใจนี้,ทำให้ไท่จื่อสามเต็มไปด้วยความจริงจังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม.

"ฟิ้ว~~~ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

เกิดพายุที่รุนแรง,โบกพัดบนอากาศ,ก่อนที่จะปรากฏคนหลายร้อยคนขึ้น.

โหลวซิงเฉินในชุดสีน้ำเงิน,ภรรยาสุดที่รักของเขาและเหล่าศิษย์ของนิกายซือกง.

ในเวลาเดียวกันนี้ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างก็จดจ้องมองมายังพื้นที่ดังกล่าว.

โหลวซิงเฉิงที่อยู่ไกลออกไป,จับจ้องมองไปยังจงซานด้วยสายตาเย็นชา.

จงซานที่รออยู่นานแล้วลืมตาขึ้น,แววตาที่มีประกายสายฟ้าออกมาเช่นกัน,จดจ้องมองไปยังโหลวซิงเฉิน.

จงซานที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้,ก่อนที่จะโบกมือ,อี้เหยี่ยนที่โค้งรับ,ราวกับว่ารับคำสั่งอะไรบางอย่างจากจงซาน.
 ........
อีกส่วนที่หนึ่งในหุบเขาที่อยู่ห่างออกมาจากวิหารซือกงไม่ไกล.

"จงซานออกคำสั่งแล้ว,ทุกคนเตรียมพร้อม,บุกเข้าไปยังวิหารซือกงพร้อมกับข้า!"เซียนเซียนที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
------------------------------------------

จงซานและโหลวซิงเฉินที่สบตากันด้วยแววตาเย็นชา.

ในเวลานี้,โหลวซิงเฉินเองก็ไม่เข้าใจ,จงซานกล้าที่จะท้าทายตัวเขาได้อย่างไร.

"ห้าปี,ประมุขโหลวซิงเฉิน,อาจจะเห็นแล้ว!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.

ดวงตาของโหลวซิงเฉินที่หดเกร็ง,จดจ้องมองไปยังจงซานด้วยสายตาดุร้าย.

"? สามี,เห็นอะไรอย่างงั้นรึ?"เฉินเสี่ยวเชี่ยนที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.

"เจ้าไปเอาข่าวเรื่องนี้มาจากที่ใหน?"โหลวซิงเฉินที่ขมวดคิ้วแน่น.

แม้นว่าเขายังไม่ยินดีที่จะยอมรับทว่าก็ทำให้เขาไม่สบายใจเช่นกัน,ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้?

"สามี,ท่านเป็นอย่างไร?"

เฉินเสี่ยวเชี่ยนที่จ้องมองไปยังจงซาน,นางราวกับรับรู้ว่าทั้งคู่กำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง.

"ข้าไปเอามาจากใหนอย่างงั้นรึ? เจ้าไม่เห็นด้วยตัวเองหรอกรึ? ไม่ใช่ว่าคนของนิกายซือกงรับรู้กันทุกคนหรอกรึ? ไม่ใช่สิทุกคนในอาณาเขตจวงหลุนต่างก็รู้ดี,มีเพียงเจ้าคนเดียวที่ไม่รู้."จงซานทีกล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา.

"สามี,ท่านพูดอะไรบ้าง?"เฉินเสี่ยวเชี่ยงที่เต็มไปด้วยความกังวลพร้อมกับกุมแขนของโหลวซิงเฉินแน่น.

โหลวซิงเฉินที่ส่ายหน้าไปมาให้กับเฉินเสี่ยวเฉียน,ไม่ได้ตอบสิ่งใดออกไป,ทว่าสายตาของเขานั้นจดจ้องมองจงซานด้วยแววตาเคร่งขรึมแทบไม่กระพริบ.

ทุกๆคนรู้อย่างงั้นรึ? มีเพียงข้าไม่รู้อย่างงั้นรึ?

"ฮ่า,ฮ่าฮ่า,ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า..............................!”โหลวซิงเฉิงที่เต็มไปด้วยความข่มขืนอย่างที่สุด,ขณะที่หัวเราะอย่างมาอย่างเคร่งเครียด.

"สามี!"ใบหน้าของเฉินเสี่ยวเชี่ยนที่ซีดขาวสั่นกระตุกไปมา.

"จงซาน,ไม่ว่าอย่างไร,โหลวเทียนเหอก็ต้องตายไปเพราะเจ้า,สังหารศิษย์ของข้า,จะต้องชดใช้ด้วยชีวิต,เจ้าที่ประกาศท้าทายต่อคนทั่วหล้ากับการประลองเป็นตาย,สำหรับความตายของเจ้าเรื่องนี้ยังไม่สาสมกับความผิดของเจ้าที่ได้กระทำ!"โหลวซิงเฉินที่กล่าวออกมาด้วยความเกลียดชัง,และยังเผยท่าทางโกรธเกรี้ยวจงซานอย่างที่สุด.

"การต่อสู้เป็นตาย,แน่นอนว่ามันคือการต่อสู้ตัดสินเป็นตาย,หากไม่ต้าเจิ้งม้วยก็เป็นนิกายซือกงพังทลาย,ข้ารู้ว่าหัวใจของเจ้าเต็มไปด้วยความทุกข์,หัวใจที่กำลังแตกร้าว! ห้าปีกับความโกรธเกรี้ยวของเจ้า,ให้ข้าได้เห็น,ตัวเจ้าจะมีคุณค่าแค่ใหน!"จงซานที่กล่าวออกไปเสียงดัง.

ที่ไกลออกไปนั้น,ทิศทางตำแหน่งของไท่จื่อสาม.

"เอ๊ะ?"เสียงของไท่จื่อสามดูอึมครึม.

คำพูดของจงซานนั่น? ไท่จื่อสามราวกับว่าเคยได้ยินมาก่อน,เป็นเซิ่งหวังอู๋เซี่ยงขณะที่ต้องการกำราบข้าราชบริพาร,เคยใช้คำพูดเช่นนี้,นี่จงซานกำลังจะกำราบโหลวซิงเฉินอย่างงั้นรึ? เป็นเช่นนั้นจริงรึ?

เป็นอะไรที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก,พิสูจน์คุณค่าของเจ้า,คำพูดนี้,หากว่ากลับเป็นโหลวซิงเฉินพูดกับจงซานมันยังน่าจะสมเหตุสมผลกว่านี้.

ไท่จื่อสามรู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก,ราวกับว่าทุกอย่างมันพลิกกลับตาลปัตรไปหมด

จงซานที่สะบัดแขนเสื้อ,คนของต้าเจิ้งที่เริ่มถอยออกไปในทันที.

นี่คือเวทีของเซิ่งหวังและประมุขนิกาย.

ความรู้สึกของโหลวซิงเฉินเองก็ปะทุขึ้นมาเช่นกัน,เขาไม่ได้แย้งคำพูดของจงซานแม้แต่คำเดียว,เมื่อเห็นจงซานสังการคนของเขาออกไป,เขาก็สั่งคนของเขาให้ถอยห่างออกไปเช่นกัน.

"สามี,ข้าเชื่อท่าน,กำจัดมันซะ!"เฉินเสี่ยวเชี่ยนที่กล่าวให้กำลังใจ.

เห็นท่าทางของเมียรัก,หัวใจของเขาที่เจ็บช้ำแทบพุ่งออกมาจากอก,กับท่าทางห่วงใยนี้,เป็นจริงหรือเท็จ? แสร้งทำอยู่อย่างงั้นรึ? แต่ทำไมเขากับคาดหวังไปด้วย.

คนของวิหารซือกงในเวลานี้ได้ถอยห่างออกมายังพื้นที่ไกลออกไป.

บนลานที่อยู่ตรงกลาง,มีเพียงแค่จงซานและโหลวซิงเฉินสองคน,พวกเขาอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออกของตำหนักสังสารวัฏ,เหล่าผู้ฝึกตนมากมายต่างก็มาชมการประลองในครั้งนี้.

การประลองกำลังจะเริ่มแล้ว!

ส่วนอีกฟากหนึ่งในเวลานี้การบุกนิกายซือกงก็เริ่มขึ้นด้วยเช่นกัน.

เซียนเซียนที่รุกเข้าไปในวิหารซือกง,ด้วยการใช้แผนล่อเสื้ออกจากถ้ำ,ในขณะที่จงซานกำลังทำการประลองอยู่นั้น.

เมืองหลวง,เมืองซ่างเวลานี้,บนยอดเขาสูงที่อยู่รอบเมือง.

แปดราชวงศ์สวรรค์ที่ทำสงครามกับต้าเจิ้งนั้น,ได้ใช้โอกาสนี้ส่งยอดฝีมือมา.

"เริ่มแล้วรึ??"คนผู้หนึ่งที่สอบถามออกไป.

"แปดราชวงศ์สวรรค์ดูเหมือนว่าจะเกลียดชังต้าเจิ้งเป็นอย่างมาก,ถึงกับต้องร่วมมือกันเลย?,สงครามที่ตำหนักสังสารวัฏน่าจะเริ่มแล้ว,พวกเราเองก็ควรจะเริ่มเช่นกัน!"

"ไม่ต้องใจร้อน,รอให้ถึงตอนบ่าย,ให้ผู้คุ้มกันเปลี่ยนกะซะก่อน!"

อีกฝั่งหนึ่งภายในเมืองซ่าง,ที่ด้านตำหนักปู่ซือ.

หนานกงเซิ่งที่ให้สัญญาณกับเสี่ยวหวังที่รอคอยอยู่.

"มาแล้วอย่างงั้นรึ?"เสี่ยวหวังสอบถามออกไป.

"มาแล้ว,แปดต้าเซียน,สามร้อยเซียนสวรรค์,แปดร้อยเซียนปฐพี,เมื่อพวกเขามาแล้วก็อย่าให้ได้กลับไป,หากว่าสำเร็จขวัญกำลังใจของราชวงศ์สวรรค์ทั้งแปดคงจะลดลงเป็นอย่างมาก,นอกจากนี้หากว่าเซิ่งหวังล้มโหลวซิงเฉินได้อีกล่ะก็,แปดราชวงศ์สวรรค์ก็จะไร้ซึ่งพลังต้านทานพวกเราแล้ว!"หนานกงเซิ่งที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"เจ้ามั่นใจในค่ายกลมากเท่าไหร่?"เสี่ยวหวังที่สอบถามออกไป.

"ค่ายกลนี้ถูกเรียกว่า,กลหมากลวงสวรรค์."หนานกงเซิ่งที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"หืม?กลหมากลวงสวรรค์? ไม่ใช่ว่ามัน......!"เสี่ยวหวังที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ถูกแล้ว,มันมาจากภพหยาง,แม้นว่าขั้นแรกข้าจะสามารถแก้กลหมากได้,ทว่าการจะเข้าใจมันนั้นไม่ง่ายเลย,หลายปีมานี้ข้าศึกษาไม่หยุด,ทำการวิจัย,ครุ่นคิดอย่างระเอียด,แม้แต่สามารถนำมาใช้งานได้,นี่เป็นค่ายกลที่ร้ายกาจ,เป็นโอกาสดีที่จะใช้กับคนของแปดราชวงศ์สวรรค์,ไม่มีทางหนีไปได้! แม้แต่คนเดียว!"แววตาของหนานกงเซิ่งที่กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ.

"อืม!"

ระหว่างที่หนานกงเซิ่งกล่าวนี้,รอบๆเมืองซ่างก็ปรากฏหมอกขึ้นมาในทันที,อีกทั้งบนท้องฟ้าและแม้แต่อากาศยังปรากฏสายฟ้าลั่นแป๊บๆๆ,เหมือนเมื่อครั้งที่จงซานได้ทะลวงหมากของซูต้าจี้เพื่อเข้าไปในแดนลับ,แต่ละหมากที่เดินนั้นเต็มไปด้วยภัยพิบัติไร้ที่สิ้นสุด.

ที่ไกลออกไปนั้น,เหล่ายอดฝีมือที่แปดราชวงศ์สวรรค์ส่งมา,ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วไปมา.

"ไม่ได้การ,ไม่ได้การแล้ว,ทำไมท้องฟ้าถึงได้แปรปรวนเช่นนี้?"

"แย่แล้ว,บนเทือกเขาเวลานี้มืดไปหมดเลย!"

"ดูนั่น,ภูเขาอื่นๆกลายเป็นสีชาวโพลนไปแล้ว,เกิดอะไรขึ้นกัน!"

"ไม่ได้การแล้ว,พวกเราตกอยู่ในกับดักแล้ว,นี่มันค่ายกล!"คนผู้หนึ่งที่เข้าใจเรื่องค่ายกลกล่าวออกมาในทันที.

"ค่ายกล? หลิวถงเสวย,เจ้ามีความรู้เรื่องค่ายกลมากที่สุด,จะทำทะลวงออกไปอย่างไร?"

ทุกคนที่จ้องมองไปยังชายคนหนึ่ง.

แววตาของชายคนดังกล่าวที่สั่นไหวไปมา,ที่หน้าผากหลั่งเหงื่อที่เย็นยะเยือบออกมา.

"หายนะ,นี่มันค่ายกลโบราณ,พวกเขาจะมีค่ายกลเช่นนี้ได้อย่าง? คนของโลกใบเล็กมีค่ายกลเช่นนี้ได้อย่างไร? น่ากลัวเกินไปแล้ว,น่ากลัวเกินไปแล้ว!"แววตาของชายคนดังกล่าวเผยท่าทางตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก.

"หลิวถงเสวย,หมายความว่าอย่างไร? เจ้าพูดมา!"

"หนีก็ไม่ได้,บุกก็ไม่ได้,พวกเราทำอะไรไม่ได้แล้ว,ขยับไม่ได้อีกแล้ว!"หลิวถงเสวยที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว.

"หนีไม่ได้อย่างงั้นรึ? เช่นนั้นพวกเราจะบุกทะลวงเมืองซ่างทันที,เพียงแค่ทะลวงค่ายกล,พวกเรามียอดฝีมือมากมาย,มีเหรอที่จะไม่สามารถจัดการเมืองเล็กๆได้!"อีกคนที่กล่าวออกมาเสียงดัง.

"ไม่สามารถบุกได้,หนีก็ไม่ได้,อย่าขยับดีกว่า!"หลิวถงเสวยที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นร้อนรนหวาดกลัว.

"ขี้ขลาดตาขาว,ชิ!"ชายอีกคนที่แค่นเสียงเย็นชาพร้อมกับบินออกไป.

"ทุกคนตามข้ามา,ถล่มเมืองซ่าง!"ชายคนดังกล่าวที่ตะโกนออกไปเสียงดัง,ก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังทิศทางของเมืองซ่าง.

ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น,จากท้องฟ้าบนดวงดาว,สายฟ้าสีทองที่ทรงพลังแข็งแกร่งรวมตัวกันขึ้น,ถูกยิงตรงลงมาจากบนท้องฟ้า.

เร็วมาก,เร็วเกินไปแล้ว,ทะลวงผ่านหมู่มวลเมฆา.

"แม่ทัพหม่า,ระวัง!"หลายๆคนที่ร้องตะโกนเสียงดัง.

แม่ทัพหน้าที่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า,พร้อมกับปรากฏสายฟ้าสีทองที่น่าหวาดกลัวฟาดลงมาด้วยความเร็วสูง.

"โล่สวรรค์!"

"ตูมมม ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

แม่ทัพหม่าที่กางโล่ขนาดใหญ่ออกมา,ทว่ากับถูกฟาดด้วยสายฟ้าที่ทรงพลังระเบิดเสียงดังสนั่น,แม่ทัพหม่าที่ล่วงหล่นลงจากบนท้องฟ้า,ต่อหน้าทุกคน,ไม่มีใครรับรู้ว่าเป็นหรือตายไปแล้ว.


"นี่มันค่ายกลอะไรกัน?"หลายๆคนที่เวลานี้ถึงกับสะดุ้งตื่นตกใจเป็นอย่างมาก.






ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

ปัจจุบันแปลจบแล้ว 1672 ตอน สนใจติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ครับ

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ แปลจบแล้ว.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น