วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

Immortality Chapter 889 Bai Si

Immortality Chapter 889 Bai Si

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 889 เป๋าซือ.


Chapter 889 Bai Si
褒姒
เป๋าซือ.

เซิ่งหวังไท่อี้ที่ลงมือจัดการเหล่าผู้ฝึกตนให้ลอยออกไปด้านนอกค่ายกลชะตา.

เซิ่งหวังไท่อี้นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,เป็นยอดฝีมือในระดับเซียนโบราณ,ยากที่จะมีใครสามารถต่อกรกับเขาได้.



ทว่าในเวลาเดียวกันนี้,ทำให้ทุกคนต่างคาดเดาสถานะของหม่ากู ภายในใจว่าเป็นคนที่ลึกลับเป็นอย่างมาก,คาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถสั่งการเซียนโบราณได้? อีกทั้งยังเป็นเซิ่งหวังไท่อี้ที่เป็นเซียนโบราณ,ที่เคยเป็นศิษย์ของปราชญ์เทพ.

ทำไมถึงต้องรับฟังคับสั่งของหม่ากู,เพียงเพราะว่านางรับรู้ชะตาแห่งชีวิตของเซิ่งหวังไท่อี้,เพียงแค่รับรู้ก็สามารถกุมชะตาของคนอื่นได้อย่างงั้นรึ?สำคัญขนาดนั้นเลยรึ?แล้วเซิ่งหวังไท่อี้ไม่สามารถขัดขืนได้เลยรึ?

คิดถึงคนที่สามารถควบคุมเซิ่งหวังไท่อี้ได้,ก็ทำให้พวกเขาหวาดกลัวขึ้นมา.

หลายๆคนที่เวลานี้เริ่มหลบลี้หนีจาก,ไม่กล้าเข้ามาใน,พวกเขาที่ออกไปด้านนอกคอยจับจ้องมองหาโอกาส,ทำได้แค่นั้น.

ดูเหมือนว่าเซิ่งหวังจะคอยปกป้องหม่ากู่ไปเรื่อยๆ,จนไม่มีใครเข้าใกล้ได้แล้วตอนนี้.

ในเวลานี้ภายในค่ายกลชะตา,เหลือแค่เพียงเฉิงไป่อี้.

"เซิ่งหวังไท่อี้,นางเป็นใคร? นางเป็นใคร?"เฉิงไป่อี้ที่สอบถามออกมาด้วยท่าทางร้อนรน.

เซิ่งหวังไท่อี้จ้องมองไปยังเฉิงไป่อี้,ดวงตาหรี่เล็กลง,หากแต่ไม่ตอบอะไร.

"นางคือคนจากหลายแสนปีที่แล้ว,เป็นคนที่งามล่ม........!"เฉิงไป่อี้ที่ไม่ยินดีที่จะยอมแพ้.

"หุบปาก!!"เซิ่งหวังไท่อี้ที่ตะคอกออกไปเสียงดัง.

คนที่อยู่รอบๆถึงกับหัวใจเต้นไปมา,ทุกคนต่างสงสัยจดจ้องมองไปยังเซิ่งหวังไท่อี้เป็นสายตาเดียวกัน.

"เฉิงไป่อี้,ข้าเห็นแก่หน้าของประมุขนิกายจื่อเซียว,จึงไม่ได้ทำร้ายเจ้า,ทว่าเจ้า,กับยังพูดมากไม่ให้ความเคารพอีก,อย่าหาว่าข้าโหดร้าย,หากเจ้ากล้ายังพูดอีกล่ะก็,ข้าไม่สามารถอภัยให้กับเจ้าได้อีกแล้ว,ใต้สวรรค์แห่งนี้ยังมีสิ่งที่เจ้าไม่สามารถล่วงเกินได้."เซิ่งหวังไท่อี้ที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

ใต้สวรรค์แห่งนี้มีสิ่งที่เจ้าไม่สามารถล่วงเกินได้? ทุกคนที่จ้องมองไปยังหม่ากู,เป็นอะไรที่เกินจริงไปหรือไม่? นี่เขารับรู้สถานะของนาง,ใต้สวรรค์แห่งนี้ไม่สามารถล่วงเกินได้อย่างงั้นรึ?

"ข้า,ข้าเพียงแค่.........!"เฉิงไป่อี้ที่กล่าวกระอึกกระอัก.

ดูเหมือนว่าในเวลานี้,เฉิงไป่อี้ที่รับรู้สถานะของนางแล้วว่าสำคัญขนาดใหน,หม่ากู? สตรีผู้นี้ไม่สามารถล่วงเกินได้อย่างงั้นรึ?

"จำเอาไว้,จงลืมเรื่องในวันนี้ซะ,ไม่เช่นนั้น,เจ้าควรจะรับรู้ผลที่ตามมา,วิหารจื่อเซียวจะหายไปเป็นเถ้าถ่าน,ปราชญ์เทพจะไล่ล่า,เจ้าควรจะรับรู้ว่าผลที่ตามมา ว่าหมายความว่าอย่างไร!"เซิ่งหวังไท่อี้ที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง.

ปราชญ์เทพไล่ล่าอย่างงั้นรึ?

ได้ยินคำพูดของเซิ่งไทอี้,ทุกคนกลายเป็นโง่งมทันที,เป็นความจริงอย่างงั้นรึ?

ใครคือหม่ากู?

เฉิงไป่อี้ที่จ้องมองเซิ่งหวังไท่อี้ด้วยความลึกล้ำ,สูดหายใจลึกและกล่าวออกมาว่า,"ขอบคุณเซิ่งหวังไท่อี้,ไป่อี้รับฟังคำพูดของท่าน!"

"อืม!"เซิ่งหวังไท่อี้พยักหน้า.

"คนของนิกายจื่อเซียว,เดินทางกลับพร้อมกับข้า!"เฉิงไป่อี้กล่าวออกมาเสียงดัง.

แม้ว่าเฉิงไป่อี้จะไม่สอบถามสถานะของหม่ากู,ทว่า,ภายในใจของเขาในเวลานี้ดูเหมือนจะได้รับคำตอบแล้ว,ในเวลานี้,เขาไม่คิดที่จะเอาตัวเข้าไปขวางน้ำเชี่ยว,เขาที่ตัดสินใจนำคนของนิกายจื่อเซียวจากไปในทันที.

เขาไม่ต้องการสมบัติของเหนียงเหนียงนวี่หว๋าแล้ว.

เห็นคนของนิกายจื่อเซียวจากไปแล้ว,คนอื่นๆเวลานี้ต่างก็ขมวดคิ้วไปมา.

ปริศนาตัวโตที่ปกคลุมทุกคนไปทั้งหมด,หัวใจที่กลายเป็นเศร้าใจขึ้นมา.

จงซานสามารถยืนยันได้แล้ว,หม่ากูผู้นี้,จะต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก,เชื่อเสียง,ที่แม้แต่ปราชญ์เทพยังให้ความสำคัญ.

นางเป็นใคร?

"ทั้งสอง,ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีกแล้ว,แม้ว่าเจ้าจะมีระดับเซียนสวรรค์,เมื่อข้าพบพวกเจ้าแล้ว,ยังจะซ่อนตัวได้อีกรึ? ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถก้าวเข้ามาได้!"เซิ่งหวังไท่อี้ที่เวลานี้ปรากฏเพลิงเทวะลุกไหม้ปกคลุมไปทั่วร่าง.

นับตั้งแต่ต้นจนจบ,เซิ่งหวังไท่อี้ไม่หันไปมองหน้าหม่ากู่อีกเลย,เซิ่งหวังไท่อี้รู้สึกเสียใจอย่างที่สุดที่ได้เดินทางมายังทะเลแห่งนี้,หากรู้ล่ะก็,เขาจะไม่เหยียบเข้ามาเลยอย่างแน่นอน,ในเวลานี้,เขาได้แต่,รอว่ายามบ่ายจะผ่านไป,จากนั้นจะได้จากหม่ากู่ไปให้ไกล.

หลังจากที่เซิ่งหวังไท่อี้กล่าวออกมาเสียงดัง,จากบนอากาศได้ปรากฏชายสองคนที่ปรากฏออกมาคนละทิศ.

พวกเขาที่ดูแปลกประหลาด,จงซานที่ไม่รู้จักคนเหล่านั้นแม้แต่น้อย.

"เซิ่งหวังไท่อี้,ใครคือหม่ากู?"หนึ่งในพวกเขาที่สอบถามออกมา.

"เจ้าไม่ควรจะถาม,ไม่รู้ยะยังดีกว่า!"เซิ่งหวังไท่อี้ที่กล่าวออกมาด้วยเสียงที่เคร่งขรึม.

สถานการณ์ในเวลานี้อยู่ในสภาพวะติดตายไม่สามารถกระทำอะไรต่อไปได้อีก.

กลุ่มอิทธิที่อยู่รอบๆ,แม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงหลายคน,เมื่อปรากฏเซิ่งหวังไท่อี้ปรากฏขึ้นขวางคนอื่นๆ,ก็ไม่มีใครกล้าท้าทาย,นอกจากนี้ยังมีหม่ากูที่นั่งอยู่อย่างสงบ.

หลังจากที่หม่ากูสั่งให้ไท่อี้ออกมารับมือแล้ว,นางที่ยังคงนิ่งงันสุขุม.

"จงซาน,พวกเราจะทำอย่างไรดี? เซิ่งหวังไท่อี้ออกมาขวางเช่นนี้!"กงจูจิวเหว่ยที่ขมวดคิ้วไปมา.

จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย,พร้อมกับสอบถามออกไป,"อาวุโสซูต้าจี้เคยบอกว่ามีเพียงเจ้าที่เข้าไปในสถานที่สมบัติของเหนียงเหนียงนวีหว๋าได้ไม่ใช่รึ? จากนั้นมีอะไรอีก!"

กงจูจิวเหว่ยที่ครุ่นคิดและกล่าวออกมาว่า,"อืม,มีเพียงจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเท่านั้นที่จะสามารถเปิด,ตำหนักแห่งดวงดาว"ได้,ทว่าใต้สวรรค์แห่งนี้,มีเพียงข้าคนเดียว!"

"มีเพียงจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.

"ใช่,เผ่าจิ้งจอกผ่านมาหลายแสนปีมานี้ ไม่มีตงหลิงจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางมานานแล้ว,เพราะว่าสถานะดังกล่าวของข้าทำให้ข้าสามารถอาระวาดไปทั่วชิงชิวได้,ทั่วทั้งชิงชิว,ยกเว้นเซิ่งหวัง,ข้ามีสถานะสูงที่สุด!"กงจูจิวเหว่ยที่กล่าวยืนยัน.

"จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางยากที่จะปรากฏอย่างงั้นรึ?"

"ไม่ยาก,หากแต่ระหว่างยุคสมัยนั้นเกิดการขาดกลางขึ้นในทันที! ก่อนหน้านี้มีกันในทุกรุ่น!"กงจูจิวเหว่ยกล่าว.

"ขาดกลางระหว่างยุคสมัยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.

"ยุคสมัยของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง,กล่าวได้ว่าในยุคสมัยโบราณนั้น,เผ่าจิ้งจอกมีความรุ่งเรื่องเป็นอย่างมาก,อีกทั้งจื่อจุ้นเผ่าจิ้งจอก,ยังมีความงามเป็นหนึ่งของโลกใบนี้,นางยังเป็นฮวงโหวของราชันย์โจวโหยว(อ๋องโจวโหยว),เป่าซือ!ทว่าเมื่อต้าโจวล่มสลาย,เป่าซือก็ล่วงหล่นลงจากสวรรค์ด้วย,ทำให้เผ่าจิ้งจอกของข้านั้นตกต่ำ! สายโลหิตจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางที่ตกทอดมาจึงขาดลง."กงจูจิวเหว่ยที่กล่าวตอบ.

"ซือต้าจี้อีกคน,เป่าซืออีกคน,นับว่าเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงมากตั้งแต่โบราณแล้ว!"จงซานที่กล่าวพลางถอนหายใจ,นามของทั้งสองเป็นที่เลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน.

"ไม่ได้การ,จะบ่ายแล้ว!"กงจูจิวเหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางเป็นกังวล.

"ตำหนักแห่งดวงดาราที่เหนียงเหนียงนวี่หว๋าได้ทิ้งสิ่งตกทอดเอาไว้,เหล่าปราชญ์เทพไม่เข้าไปด้านในหรอกรึ?"จงซานที่สอบถามออกมาอีกครั้ง.

"ปราชญ์เทพ? อาจจะ,ทว่าอาวุโสซูต้าจี้กล่าวว่าปราชญ์เทพก็ไม่กล้าเข้าไปด้านใน."กงจูจิวเหว่ยตอบ.

"ไม่กล้าอย่างงั้นรึ? ภายใต้สวรรค์แห่งนี้,ยังมีสถานที่ที่ปราชญ์เทพไม่กล้าเข้าไปอีกรึ?"จงซานที่ตื่นตะลึง.

"ดังนั้นข้าจึงต้องการไปที่ตำหนักดวงดาวไงล่ะ!"กงจูจิวเหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางร้อนใจ.

จงซานที่จ้องมองไปยังกงจูจิวเหว่ย,และจ้องมองไปยังหม่ากู,ครุ่นคิดและกล่าวออกมาว่า,"บางที,บางที่หม่ากูอาจจะเปิดทางรอให้พวกเราเข้าไป!"

"จะเป็นไปได้อย่างไร?"กงจูจิวเหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.

ทว่าในเวลาเดียวกัน,ที่ไกลออกไปนั้นหม่ากูที่เงยหน้าและกล่าวออกมาทันที.

"ต้นไม้อยากพักแต่ลมนั้นเล่า ไม่ยอมหยุดพัด,แผ่นดินกำลังจะเกิดการจลาจลครั้งใหญ่,แผนการของใครบางคนกำลังสร้างภัย,แม้แต่ทำให้เกิดกาลวิบัติ,ยังไม่ก้าวออกมาอีกเหรอ!"หม่ากูที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.

เซิ่งหวังไท่อี้ที่ขมวดคิ้วไปมา,แม้ว่าจะสงสัย,ทว่าก็ไม่กล้าเอ่ยถาม.

หม่ากูที่กวาดตามองไปยังฝูงชน,ท้ายที่สุดก็จดจ้องมองไปยังทิศทางของจงซานในทันที.

"ใครคือจิวเหว่ยชิงชิว?"หม่ากูที่กล่าวสอบถามออกไป.

"พรึดๆ!"สายตาของทุกคนที่จ้องมองเป็นสายตาเดียวกัน.

ทว่ากงจูจิวเหว่ยตอนนี้กลายเป็นงงงัน,เป็นเหมือนดั่งที่จงซานกล่าวเขาล่วงรู้อนาคตอย่างงั้นรึ?

"ค่ะ,คารวะอาวุโส!"กงจูจิวเหว่ยที่แสดงความเคารพออกมาในทันที.

"เลือกคนสองคนปกป้องเจ้า,เดินทางไปยังตำหนักดวงดาว!"หม่ากูกล่าว.

"ฮือฮ่า~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!”

รอบๆทิศกลายเป็นเสียงดังอื้ออึง,เกิดอะไรขึ้น,เป็นเรื่องจริงอย่างงั้นรึ?

ทุกๆคนที่ไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย,กงจูจิวเหว่ย? กงจูจิวเหว่ยศาลเทวะไท่ชู? นางโชคดีขนาดนี้เลยรึ?

ทว่ากงจูจิวเหว่ยในเวลานี้กลายเป็นตะลึงงันประหลาดใจอย่างที่สุดเช่นกัน,ใบหน้าของนางถึงกับแข็งค้าง!

"ฟิ้ว!"ที่ไกลออกไปนั้นปรากฏคนผู้หนึ่งที่บินเข้ามาใกล้ๆนางทันที.

"ยินดีกับกงจูจิวเหว่ยด้วย!"เซียนเซิงหลี่ที่เร่งรีบบินเข้ามาใกล้.

จากท่าทางของเซียนเซิงหลี่แล้วเห็นชัดเจนว่า,ต้องการเดินทางไปพร้อมกับกงจูจิวเหว่ยด้วย.

กงจูจิวเหว่ยที่สูดหายใจลึก,จากนั้นใบหน้าของนางที่เปลี่ยนเป็นดีใจเป็นอย่างมาก.

"จงซาน,อาโฝว,ตามข้ามา!"กงจูจิวเหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

เซียนเซิงหลี่ที่ฝืนยิ้มออกมา! ดูเหมือนว่ากงจูจิวเหว่ยจะเชื่อใจจงซานอย่างหมดใจ,ไม่รู้ว่าเซิ่งหวังรู้จะคิดอย่างไร.

ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายที่เต็มไปด้วยความอิจฉา,คนสามคนที่บินเข้าไปในค่ายกลชะตา.

"ยืนอยู่ตั้งนั้น!"หม่ากูที่ชี้ไปยังตำแหน่ง,ให้คนทั้งสามได้เข้าไปยืน.

"ค่ะ,อาวุโส!"

คนทั้งสามที่ยืนอยู่บนผืนทะเล.

"บินขึ้นไป!"หม่ากูที่ทำสัญลักษณ์พร้อมกับกล่าวออกมาเสียงดัง.

คนทั้งสามที่เต็มไปด้วยความสงสัยเล็กน้อย,เมื่อได้ยินคำพูดของหม่ากูว่าบิน.

"ฟิ้ว!!!"คนทั้งสามที่หายไปต่อหน้าทุกคนในทันที.

แม้นว่าจะเห็นว่าคนทั้งสามหายไปในทันทีเช่นกัน,ทว่ายังมีเซียนโบราณสามคนที่เห็นพวกเขาบินตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง.

คนทั้งสามที่บินขึ้นไปบนท้องฟ้า,เห็นเพียงแค่ริ้วแสงที่ปลายฟ้า,เห็นเป็นเหมือนกับอุโมงค์อากาศที่ทอดยาวขึ้นไปบนท้องฟ้า,ด้วยความเร็วที่บ้าคลั่งเป็นอย่างมาก.

เร็วมาก,เป็นความเร็วที่ทั้งสามไม่สามารถประมาณได้.

"นี่เป็นวิชาของปราชญ์เทพ! เป็นพลังแห่งกฏของเหนียงเหนียงนวีหว๋าได้สร้างขึ้นเมื่อในอดีต,สามารถนำคนขึ้นไปบนอากาศได้,บนตำหนักดวงดาวเหนียงเหนียงต้องเก็บของสำคัญไว้แน่."กงจูจิวเหว่ยกล่าว.

"อืม!"

"ว่าแต่จงซาน,เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าหม่ากูจะให้พวกเราไป?"กงจูจิวเหว่ยที่สอบถามด้วยความสงสัย.

"หม่ากูที่มาปรากฏตัววันนี้เป็นเรื่องที่หายากมาก,และยังปกป้องทางเข้า,ทั้งที่พื้นที่รอบๆนี้จะเปิดกว้าง,ซึ่งมีเพียงเจ้าที่สามารถเปิดมันได้,และมีคุณสมบัติที่จะไป! แต่ว่านะ,เจ้าไม่สงสัยเหรอว่ากลุ่มอิทธิพลเหล่านั้นทำไมจึงมีเหล่ายอดฝีมืออยู่น้อยมาก?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"น้อยมาก?"

"ใช่มีระดับเซียนโบราณอยู่ไม่กี่คนด้วยซ้ำ!"จงซานกล่าวยืนยัน.

"ใช่,เฉิงไป่อี้มา,ทำไมประมุขนิกายจื่อเซียวไม่มา? เซียนเซิงหลี่มา,หากแต่เซิ่งหวังไม่มา?"ซูอาโฝวที่พยักหน้าและกล่าวออกมา.

"เพราะว่าคนเหล่านั้นได้รับข่าวนี้มาก่อนแล้ว,จากนั้นก็ทำการบินตรงขึ้นไป! พวกเขาไม่ต้องการใช้อุโมงค์แสงเพื่อส่งตัว,หากเป็นพวกเขาล่ะก็การจะเดินทางไปยังดวงดาวโดยตรงอาจจะใช้เวลาเพียงไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ."จงซานที่กล่าวยืนยัน.

"หืม? เจ้ารู้ได้อย่างไร?"

"หม่ากูได้กล่าวอะไรก่อนหน้านี้.

"ใช่,หม่ากูกล่าวว่าแผนการของใครบางคนกำลังสร้างภัย,แม้แต่ทำให้เกิดกาลวิบัติ,ที่จริงเป็นเช่นนี้นะเอง!"กงจูจิวเหว่ยพยักหน้า.

"มีแค่นั้นอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สูดหายใจลึก.

"มีอะไรอีกรึ?"

"หม่ากูบางที่อาจจะเป็นเผ่าจิ้งจอก!"จงซานกล่าว.

"เผ่าจิ้งจอก? ใคร? เพราะว่านางสามารถใช้ดัชนีอากาศเผ่าจิ้งจอกได้นะรึ? วิชานี้คนอื่นๆเอง ก็สามารถเลียนแบบได้ไม่ใช่รึ!"กงจูจิวเหว่ยที่ส่ายหน้าไปมา.

จงซานที่ส่ายหน้าไปมา,หากแต่ไม่ได้กล่าวต่อ,เพราะว่ามันเป็นเพียงลางสังหรณ์,ที่จริงวิชาดังกล่าวเป็นวิชาเลียนแบบอย่างงั้นรึ,ไม่ใช่การเลียนแบบแน่,การเคลื่อนไหวนั่นเต็มไปด้วยความเชี่ยวชาญ,เป็นเหมือนกับวิชาต้นฉบับด้วยซ้ำ,ไม่ใช่วิชาเลียนแบบอย่างแน่นอน.

*******************************

樹欲靜而風不止
子欲養而親不在
ต้นไม้อยากพัก  แต่ลมนั้นเล่า ไม่ยอมหยุดพัด

บุตรอยากกตัญญูเลี้ยงดู  แต่พ่อแม่ไม่อยู่เสียแล้ว






ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

ปัจจุบันแปลจบแล้ว 1672 ตอน สนใจติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ครับ

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ แปลจบแล้ว.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น