วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Immortality Chapter 789 Being mentally and physically exhausted

Immortality Chapter 789  Being mentally and physically exhausted

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 789 เหนื่อยล้าทั้งใจและกาย.


Chapter 789  Being mentally and physically exhausted
心力交瘁
  เหนื่อยล้าทั้งใจและกาย.

โลงศพขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าจงซานเวลานี้,มันได้แผ่กลิ่นอายที่เงียบสงบไปจนถึงความรู้สึกอ้างว้างไร้ที่สิ้นสุด.

ความรู้สึกนี้,แม้นว่าจะแผ่ออกมาเพียงเล็กน้อย,ทว่าทุกคนที่จับจ้องก็รู้สึกโศกเศร้าขึ้นมาบางๆ,ความเหงาอ้างว้าง,ที่ทำให้ทุกคนสับสน.



เป็นความเศร้าที่ไม่สามารถขัดขืนได้?

สายตาของทุกคนที่จ้องมองโลงศพสีม่วงด้วยท่าทางจริงจัง!

"จงซานมันคืออะไรอย่างงั้นรึ? ทำไมมันถึงทำให้ข้า ต้องอยากร้องไห้ด้วยล่ะ?"เทียนหลิงเอ๋อที่กุมแขนเสื้อของจงซาน,ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย.

"ใครที่อยู่ในโลงศพนี้กัน?"กู่เฉียนโหยวที่สูดหายใจลึกระงับความเศร้าเอาไว้.

เป็นใครกัน?

คิดถึงสถานะของกงเชียนแล้ว,ภายในใจของทุกคนที่รัดตรึง,สิ่งนี้คือสิ่งที่กงเชียนให้ความสำคัญ,จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมันมาอยู่ที่นี่?

"หนี่ปู่ซา,พวกเจ้าเข้าไปในแดนเทพอมตะได้อย่างไร?"จงซานสอบถาม.

"พวกเราได้ใช้วิชาลับสวรรค์ลี้ลับ,พลางตัวเข้าไป,ไม่มีใครพบพวกเราเลย,กงเชียนเองคงจะมั่นใจจนเกินไป,รอบๆโลงศพม่วงนี้จึงไม่มีค่ายกลใดๆวางอยู่เลย."หนี่ปู่ซาตอบ.

"ฝ่าบาท,สิ่งที่อยู่ด้านในนี้คืออะไรกัน?"หวังคูที่กล่าวเสียงสั่นเช่นกัน.

ทุกคนที่อยู่ที่นี่,ภายในใจของพวกเขาที่หนักอึ้ง,จนไม่กล้าที่จะคาดเอาสิ่งของที่อยู่ด้านใน.

นี่คืออะไร?เพราะว่าทุกคนต่างรู้สึกได้ว่า,หากว่าเรื่องนี้ถูกส่งออกมา,ไม่ใช่แค่กงเชียนเท่านั้นแน่ที่ต้องการ,บางทีคนจากโลกใบใหญ่เองคงจะต้องการเข้าร่วมแย่งชิงด้วยแน่,หากเรื่องนี้แผ่ออกไปจะต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ.

"ไม่ว่าจะคาดเดาอย่างไร,ก็ไม่สามารถบอกได้จริง,ยังไงซะการเปิดออกน่าจะชัดเจนที่สุด!"จงซานที่กล่าวพลางกลืนน้ำลายลงคอ.

"อืม!"ทุกคนทีพยักหน้ารับ.

"เปิดได้หรือไม่?"จงซานที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.

"ครับ!"เซียนเซิงซือพยักหน้า.

"งั้นก็เปิดโลงศพ!"จงซานที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"รับทราบ!"

ทุกคนที่เปลี่ยนเป็นเงียบจดจ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.

เซียนเซิงซือที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับศพ,เวลาได้ก้าวเข้าไปด้านหน้า,ก่อนที่จะสะบัดมือไปยังตะปูผนึกโลงศพ.

โลงศพทั่วไป,โดยทั่วไปจะมีตะปูเจ็ดตัว,ทว่าโลงศพสีม่วงนี้มีถึงสิบตัว,ไม่รู้ว่ามีความหมายใดหรือไม่?

เซียนเซิงซือที่ถอนตะปูดอกแรก.

ตะปูที่ปักลงไปนั้นดูจะไม่ได้พิเศษอะไรมากนัก,ทุกๆดอกที่เขาถอนออกมา,จะทำให้ความเศร้าใจเพิ่มขึ้นทุก 10 เปอร์เซ็น,ตัวแล้วตัวเล่าที่ถอนออกมาจากโลกศพ,ทำให้หัวใจของทุกคนบีบรัด.

ดอกที่เก้า.

เหลือดอกที่สิบ,เซียนเซิงซือที่หันหน้าจับจ้องมองไปยังจงซาน.

ในเวลานี้หัวใจของเทียนหลิงเอ๋อที่หนักอึ้งถึงกับกุมแขนของจงซานเอาไว้แน่น,บางที่คงมีแค่เพียงกุมแขนของจงซานเอาไว้ถึงจะทำให้นางรู้สึกดีขึ้นได้.

จงซานที่พยักหน้าให้กับเซียนเซิงซือ.

จากนั้นเซียนเซิงซือที่ค่อยๆเปิดมันออกช้าๆ.

ขณะที่ถอนตะปูดอกสุดท้ายออกมา,ท้องฟ้าทั่วสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว,ทันใดนั้นก็กลายเป็นมืดคลึ้ม,ปิดบังท้องฟ้าในทันที,เสียงดังหึ่งๆ เสียงกำสรวลของท้องฟ้า,ดวงตะวันที่อับแสง,ทันใดนั้นก็กลายเป็นมืดมิด,บนท้องฟ้า,ลมหนาวที่โบกพัดเอื่อยๆ.
”~~!”
”~~!”

เสียงบรรเลงดนตรีอาลัยดังผ่านออกมา,เสียงดนตรีที่เต็มไปด้วยความเศร้า,ความหดหู่ใจที่เกิดจากการคร่ำครวญของฟ้าดิน.

ทั่วทั้งสวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว,ภายในหัวใจของคนทุกคนสั่นไหว,ท้องฟ้ามืดมิด,เสียงครวญของแตรสังข์ที่เศร้าระทม,จนต้องสะอื้นเสียงออกมา.
”~~!”

จงซาน,ที่สัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ,ท้องฟ้าที่สดใสกลายเป็นเศร้าโศก? ฟ้าดินร่ำไห้?

โลงศพนี้คืออะไรกัน?

"ฮือๆๆ,ข้าทนไม่ไหวแล้ว,ฮืออๆๆๆ!"เทียนหลิงเอ๋อที่ร้องไห้ออกมาเป็นคนแรก.

บรรยากาศที่หนักอึ้งเศร้าสลดนี้ทำให้ทุกคนเศร้าใจอย่างที่สุด,แม้นว่าจะไม่ได้ร้องไห้เช่นเทียนหลิงเอ๋อ,ทว่าใบหน้าเวลานี้กำลังเศร้าหมอง,อดกลั้นความโศกเศร้านี้เอาไว้.

จงซานที่นำมือของเทียนหลิงเอ๋อส่งให้เป่าเอ๋อ,หลิงเอ๋อที่ร้องไห้โฮกอดเป่าเอ๋อเอาไว้.

"เจี่ยเจี๋ย,ทำไมข้าถึงได้เศร้าเช่นนี้,เจี่ยเจี๋ย!"เทียนหลิงเอ๋อสะอึกสะอื้นซบหน้าร้องไห้.
”.....!”

ท้องฟ้าเวลานี้ฝนเริ่มโปรยลงมา,ราวกับว่าท้องฟ้ากำลังเศร้าใจจนหลั่งน้ำตา,สายฝนที่ล่วงหล่นลงพื้นที่รอบๆ,หากแต่ไม่ได้ล่วงหล่นลงใส่โลกศพสีม่วงเลยแม้แต่เม็ดเดียว.

"ท้องฟ้าร่ำไห้,สวรรค์กำลังโศกเศร้าอยู่อย่างงั้นรึ?"กู่เฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมาเผยท่าทางประหลาดใจ.

จงซานที่โบยบินขึ้นบนฟ้า,คนอื่นๆเองก็เช่นกัน,เพื่อที่จะมองเห็นภายในโลงศพได้ถนัด,มีสิ่งใดอยู่ด้านใน,ถึงกับทำให้สวรรค์ร้องไห้,มันคืออะไรกัน?

"จงซาน,เกิดอะไรขึ้น? ข้าเคยรู้สึกเศร้าเช่นนี้,ข้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์,คาดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะโศกเศร้าได้ถึงเพียงนี้."

บนลานดังกล่าว,ปรากฏสตรีผู้งดงามอีคนหนึ่งขึ้น,เป็นสตรีที่มีเพียงจงซานได้ยินเสียงของนาง.

เป็นหวนจีจากถ้ำร้อยสวรรค์นั่นเอง,ไม่รู้ว่านางมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่.

จงซานจ้องมองไปยังหวนจี้แว๊บหนึ่ง,หากแต่ไม่ได้ตอบอะไร,ก่อนที่จะหันหน้ามองโลงศพอย่างระวัง.

"เปิดโลงศพ!"จงซานที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.

"ครับ!"เซียนเซิงซือที่รับคำในทันที.

ทุกๆคนต่างก็บินขึ้นมา,เพื่อที่จะสามารถมองเห็นโลงศพได้ถนัด.

เซียนเซิงซือที่ทำมุทราเลื่อนฝาโลงออกช้าๆ.

โลงศพที่ค่อยๆถูกเปิดออกมาทีละน้อยทีละน้อย.

กลิ่นอายที่แปลกประหลาดไม่ได้แผ่ออกมา,เป็นเหมือนกับโลงศพทั่วไป,ถึงอย่างนั้น,ภายในโลงศพ,ราวกับว่ามีพลังที่หนักหน่วงกระแทกกระทั้นมายังหัวใจของจงซานอย่างรุนแรง.

โลงศพที่เปิดช้าๆ,เปิดออกมาเรื่อยๆ.

ทุกคนที่จับจ้องมองไปด้านใน.

ภายในโลกศพที่มีใครคนหนึ่งนอนอยู่,เป็นศพในชุดคลุมสีดำ,ศพที่นอนนิ่งงันอย่างสงบเงียบ,หากแต่ทุกคนกลับไม่สามารถมองเห็นใบหน้ารูปร่างของเขาได้อย่างชัดเจน.

ไม่,สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน,แต่ไม่สามารถจดจำได้,ไม่สามารถจดจำใบหน้าของเขาได้เลยแม้แต่น้อย,ทุกคนสามารถมองเห็นแต่ จะลืมใบหน้าของเขาไปในทันที,ไม่สามารถจดจำได้.

"พุ!"

กูเฉียนโหยวที่เลือดลมตีกลับ พ่นโลหิตคำโต.

"พุ!"

"พุ!"

คนแล้วคนเล่า,ที่เลือดลมตีกลับ,กับความโศกเศร้าที่เกินกว่าขอบเขต,เหนื่อยล้าทั้งใจและกาย.

มีเพียงแค่หวังคู,จงซาน,หวนจีที่ไม่ได้พ่นโลหิตออกมา.

หวังคูคือเผ่าโครงกระดูก,จึงไม่มีโลหิต,ส่วนหวนจีนั้นเป็นเพียงภาพเงา,จึงไม่มีโลหิตเช่นกัน,ส่วนจงซานนั้นมีโลหิตที่เอ่อออกมาด้วยเช่นกัน,หากแต่ใช้อำนาจวิเศษที่ทรงพลังระงับมันเอาไว้.

คนผู้นี้เป็นใครกัน? รับรู้ได้แค่ว่าเป็นศพๆหนึ่ง,หนำซ้ำยังทำให้ทุกคนเหนื่อยล้าทั้งใจและกาย?แม้แต่ไม่สามารถจดจำใบหน้าของเขาได้,ทำไมถึงไม่สามารถจดจำได้ล่ะ? นอกจากนี้ยังทำให้ท้องฟ้ากำสรวล,ไม่ว่าจะเป็นใครที่พยายามมองหน้าของเขา,ก็ไม่มีใครสามารถบอกรูปลักษณ์ของเขาออกมาได้.

ที่ยังพอจำได้ก็คือเป็นศพที่มีผมยาว,ชุดคลุมสีดำ,บนชุดคลุมสีดำนั้นมีลายเส้นสีทองมากมาย.

หากแต่ส่วนอื่นๆนั้นกับไม่สามารถจดจำได้เลย.

จงซานที่พยายามสะกดกลั้นจิตใจ,เฝ้ามองออกไปด้วยความลึกล้ำ.

ส่วนคนอื่นๆเวลานี้ได้แต่เบือนหน้าหนีไม่กล้ามองอีกแล้ว.

ความเศร้าที่เกินจะหยั่ง,ที่ทำให้จิตใจและร่างกายไร้เรี่ยวแรง,หลายๆคนที่ไม่สามารถทนได้ถึงกับล่วงหล่นลงพื้น,พร้อมกับเร่งรีบนั่งสมาธิ,สงบจิตใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว.

หวนจีเองถึงกับถอยห่างออกไปอยู่ขอบๆของลาน,แม้แต่หวนจียังรู้สึกหวั่นเกรงศพดังกล่าว.

กับความโศกเศร้าที่มากมายเกินคำบรรยายนี้! จงซานที่มีประสบการเช่นนี้หลายๆครั้ง,จึงยังสามารถอดทนได้.

ศพ,เป็นศพใครกัน?

ทั่วทั้งสวนสวรรค์ลอยฟ้าในเวลานี้,ทุกๆแห่งเต็มไปด้วยความโศกเศร้า,สายฝนที่เทกระหน่ำลงมา,เหล่าประชาชนทั่วไปที่ร้องไห้โหยหวน,พวกเขาร้องออกไปโดยไม่รู้สาเหตุ,ร้องไห้ฟูมฟายราวกับว่าบิดามารดาได้สิ้นใจไปแล้ว.

ทั่วทุกหนแห่งของสวนสวรรค์ลอยฟ้าเต็มไปด้วยอารมณ์โศกเศร้า.

ความหดเหี่ยวรันทดใจ,ที่แม้แต่สวรรค์ยังร้องไห้.

ในเวลาเดียวกัน,ร่างแยกเงาของจงซานที่ดวงตาหดเกร็ง,เงยหน้าขึ้นไปมองทางทิศเหนือ,จากนั้นก็จับจ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.

"เซียนเซิงซือ,ปิดฝาโลง,และตอกตะปู!"จงซานที่กล่าวออกมาในทันที.

กับร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยล้า,เซียนเซิงซือเร่งรีบปิดฝาโลง,เมื่อฝาโลงถูกปิด,จากขอบฟ้าไกล,แสงสีม่วงก็ล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า.

ค่ายกลหนานกงเซิ่งที่ทำงานเองโดยอัตโนมัติ.

"ตูมมมมมมมมม!

ลำแสงสีม่วงที่กระแทกค่ายกลระเบิดดังสนั่น,อยู่ด้านบนลานตำแหน่งของจงซาน.
..............

สองวันหลังจากนั้น,สถานที่เมืองเซียนหยางเคยอยู่.

หยิงได้นำพาเมืองเซียนหยางโบยบินขึ้นสู่สวรรค์,บุคคลอันดับหนึ่งเมื่อแปดหมื่นปีที่แล้ว,ทรงพลังไร้เทียมทาน.

หยิงผู้นี้ได้กระทำการที่น่าตื่นตะลึงเอาไว้หลายอย่างก่อนจากไป,ไม่ว่าจะเป็นการกำราบสามกลุ่มอิทธิพลในภพหยินไปอย่างราบคาบ,แม้แต่ฝ่ามือของเขาที่สามารถทำร้ายยอดฝีมือจากโลกใบใหญ่ที่น่าสะพรึงจนกระดูแขนหัก.

ดูเหมือนว่าจะไม่มีเรื่องอันใดเลยที่หยิงผู้นี้กระทำไม่สำเร็จ.

ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งกู่เฉิงตงแยกสวรรค์,สะบั้นปฐพีแม้แต่ล้มเหลว,เนี่ยฟ่านเฉินเองก็นำเหล่าข้าราชบริพารส่วนหนึ่งจากไป,ในเวลานี้หยิงเองก็นำเมืองทั้งเมืองจากไปด้วยเช่นกัน.

ทวีปศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้,ดูเหมือนว่าจะเต็นไปด้วยสุดยอดฝีมือมากมาย.

เมื่อหยิงจากไป,จงซานจึงต้องเชิญหน้ากับเต๋าจวินเซิ่งหย๋า.

"ในเมื่อไม่สามารถยืมอำนาจวิเศษของต้าเจิ้งมาช่วยได้,ข้าจะดูว่าครั้งนี้เจ้าจะมีปัญญาหนีไปได้หรือไม่!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน.

พื้นที่รอบๆปรากฏปราณกระบี่ที่พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า,ค่ายกลสังหารเซียน,เพียงแค่กระบี่ลู่เซียนเล่มเดียว,ก็สามารถใช้ออกมาด้วยค่ายกลกระบี่สังหารเซียนได้อย่างงั้นรึ?

ค่ายกลกระบี่สังหารเซียน,ปกคลุมตี้เสวียนชา,เต๋าจวินเซิ่งหย๋า,จงซานและกงเหล่ยเทียน,ซึ่งผู้ควบคุมมันก็คือฮามะไลนั่นเอง.

"เต๋าจวินเซิ่งหย๋า? นี่เจ้าทะลวงระดับมาอย่างงั้นรึ?"ตี้เสวียนชาที่กล่าวพลางขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.

"เจ้าเองก็เลื่อนระดับอย่างงั้นรึ?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.

สายตาของทั้งคู่ที่จ้องมองกันด้วยความเย็นชา,ก่อนหน้านี้ได้เพียงแค่คาดเดา,หากแต่ตอนนี้สามารถยืนยันได้แล้ว,ทั้งคู่ต่างก็มีระดับสวรรค์แท้ขั้นที่ 12 !

ตี้เสวียนชาที่ไม่กล้าดูแคลนเต๋าจวินเซิ่งหย๋า,ในทางกลับกันเต๋าจวินเซิ่งหย๋าก็เต็มไปด้วยความระวังตี้เสวียนชา,หลังจากที่กู่เฉิงตงเคยแยกสวรรค์,ทั้งเนี่ยฟ่านเฉินและหยิงต่างก็จากไปแล้ว,ใต้สวรรค์แห่งนี้,คนที่ตี้เสวียนชาต้องระวังก็มีเพียงแค่เต๋าจวินเซิ่งหย๋าแล้ว,นี่คือยอดฝีมือที่น่าเกรงขาม.

เพราะว่าความแข็งแกร่งของทั้งคู่นั้น,ไม่สามารถนำแค่พลังฝึกตนมาคำนวณอย่างเดียวได้,ยังมีความร้ายกาจ,ความน่าหวาดกลัวมากมายที่พวกเขาถือเอาไว้ในมือ.

"เจ้ากล้าต่อสู้กับข้าตัวต่อตัวหรือไม่?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋ากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา.

"หวังไว้เช่นนั้น!"แววตาของตี้เสวียนชาจิตต่อสู้กำลังลุกโชนขึ้นมาในทันที.

"จูเซียน,ข้าจะต่อสู้กับตี้เสวียนชาคนเดียว,ให้พวกเราออกไป,ส่วนเจ้าและกงเหล่ยเทียนสังหารจงซานให้ได้!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

พวกเขาพยักหน้ารับ.







ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

ปัจจุบันแปลจบแล้ว 1672 ตอน สนใจติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ครับ

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ แปลจบแล้ว.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น