Immortality Chapter 719 Ying Vs Tian Shenzi
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 719 หยิง ปะทะ เทียนเสิ่นจื่อ.
Chapter 719 Ying Vs Tian Shenzi
嬴vs天神子
หยิง ปะทะ เทียนเสิ่นจื่อ.
เทียนเสิ่นจื่อจดจ้องมองเทียนหลิงเอ๋อ,ซึ่งเป็นประมุขตระกูลเทียนในเวลานี้.
เขาที่ส่งตราสวรรค์ลอยออกไป,กลับไปยังเทียนหลิงเอ๋ออีกครั้ง,เทียนหลิงเอ๋อที่กุมตราสวรรค์เอาไว้,แสดงท่าทางราวกับเป็นสมบัติล้ำค้า,กลัวว่าเทียนเสิ่นจื่อจะนำมันไปจากนาง.
เทียนเสิ่นจื่อที่จ้องมองประมุขที่ไร้เดียงสา,ก็ส่ายหน้าไปมา,พร้อมกับสูดหายใจลึก,จดจ้องมองไปยังจงซาน.
สามีภรรยาก็เหมือนคนๆเดียวกัน,แม้นว่า,ประมุขในเวลานี้จะไม่แข็งแกร่ง,ทว่าสามีของนางก็นับว่าเป็นราชันย์ที่แข็งแกร่ง.
จงซานที่รอคอยอย่างใจเย็น,เทียนเสิ่นจื่อที่จดจ้องมองจงซาน,ก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา
พร้อมกับถอนหายใจ,"น้อยมาก,น้อยมากจริงๆ!"
"อะไรน้อยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
ในเวลานี้,กองกำลังทหารที่อยู่รอบๆได้ถอนกำลังออกไปแล้ว,เหลือเพียงแค่เทียนเสิ่นจื่อ,อาวุโสเทียน,เทียนหลิงเอ๋อ,จงซาน,หนีปู่ซาและหยินโหลวหรี่,หกคนเท่านั้น.
"เจ้าเก็บเกี่ยววาสนายังน้อยอยู่,กรรมวาสนาเองก็ยังน้อยมากเช่นกัน!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
"น้อยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
หยินโหลวหรี่ที่อยู่ข้างๆถึงกับพูดไม่ออกทีเดียว,นี่ยังเรียกว่าน้อยอีกรึ?
ราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้ง,วาสนาในเวลานี้มากยิ่งกว่าราชวงศ์สวรรค์ในภพหยินซะอีก,นี่ยังว่าน้อยอีกรึ?
ส่วนกรรมวาสนานั้น,หากเทียบกับแดนเทวะล่ะก็ห่างกันไม่มากแล้ว.
"เจ้าที่รับรู้วิธีการบำเพ็ญวาสนาและกรรมวาสนา,นับว่าไม่ธรรมดา,ในโลกใบใหญ่นั้นมียอดฝีมือไม่กี่คนเท่านั้นที่รับรู้เรื่องนี้!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
"อาวุโสโปรดชี้แนะ,วาสนาและกรรมวาสนา,ทำอย่างไรถึงจะผสานเข้ากันได้?"จงซานที่กล่าวสอบถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง.
"ธรรมชาติแล้วพวกมันเข้ากันได้,ทว่า,อย่างแรก,ชะตา,อย่างที่สองโชค,อย่างที่สามฮวงจุ้ย,อย่างที่สี่กรรม,อย่างที่ห้าชื่อเสียง,ทั้งหมดนั้นไม่สามารถขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
ดวงตาของจงซานที่เป็นประกาย,กล่าวออกมาด้วยความเคารพ,"ขอได้โปรดให้อาวุโสชี้แนะด้วย!"
"สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟ้าดินคืออะไร?"เทียนเสิ่นจื่อสอบถามออกมา.
"วิถี?"จงซานที่กล่าวคาดเดา.
เทียนเสิ่นจื่อที่ส่ายหน้าไปมา.
"ชีวิต!"จงซานที่คาดเดาอีกครั้ง.
"อืม!
ถูกเพียงครึ่งเดียว."เทียนเสิ่นจื่อที่พยักหน้าด้วยท่าทางชื่นชม.
"หืม?"
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"เทียนเสิ่นจื่อสอบถามออกไป.
"ไม่มีอะไร!"จงซานที่กล่าวออกมาตามจริงๆ.
ชีวิต,จงซานที่เลือนลางกับแนวคิดนี้,มันคืออะไร?
ชะตาอย่างงั้นรึ?
"สายแรก,ชะตา,สายสอง,โชค,สายที่สาม,ฮวงจุ้ย,สายที่สี่กรรม,สายที่ห้าชื่อเสียง,สี่สายหลัง,โชคและกรรมวาสนานั้นเข้ากันได้,ส่วนอีกสี่สาย,มีเพียงแค่รวบรวมทั้งหมดไว้ให้กลายเป็นหนึ่งเท่านั้น,และจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้เลย!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
"สี่สายรวมเป็นหนึ่ง,คือการบำเพ็ญชะตา?
แล้วโชคและกรรมวาสนาที่รวมกัน,เรียกว่าอะไร?"จงซานที่กล่าวสอบถาม.
"ลิขิต!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวตอบ.
"ลิขิต?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ใช่,ลิขิต,ก็คือพื้นฐานของการบำเพ็ญชะตา!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าวออกมาเล็กน้อย.
"ลิขิตอย่างงั้นรึ?
ลิขิตก็คือส่วนหนึ่งของความสามารถอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาสอบถาม.
"ลิขิต?
แน่นอนว่ามันคือส่วนหนึ่งของชะตา,หากแต่เพียงแค่ลิขิตหากว่าฝึกสำเร็จ,ถึงแม้ว่าจะเป็นปราชญ์เทพก็ล่วงหล่นจากสวรรค์ได้!"เทียนเสิ่นจื่อที่ราวกับว่ารู้สึกโศกเศร้าไปพร้อมๆกัน.
"นี่เพียงแค่ครึ่งเดียว,แล้วอีกครึ่งล่ะ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาสอบถาม.
เทียนเสิ่นจื่อที่ราวกับว่าคาดหวังเรื่องบางอย่างได้,"เหลืออีกครึ่งหนึ่ง,หากว่าสามารถครองอีกครึ่งหนึ่งได้,ก็จะได้รับความเป็นอมตะที่แท้จริง,ในโลกใบใหญ่นั้น,แม้แต่ปราชญ์เทพก็ไม่สามารถครอบครองมันได้,มันเป็นเรื่องที่ยาก,ยากมากๆ!"
"อมตะ?
อะไรที่เรียกว่าอีกครึ่งกัน?"จงซานที่ดวงตาเป็นประกาย.
เทียนเสิ่นจื่อที่เปรยตามอง,สูดหายใจลึกแล้วกล่าวออกมาว่า"เจ้าหนู,อย่าได้หวังสูงเกินไป,อีกครึ่งหนึ่งไม่ควรต้องสนใจในตอนนี้,ก่อนอื่นเจ้าควรจะสำเร็จการบำเพ็ญลิขิตให้แตกฉานก่อนแล้วค่อยมาพูดคุยกันอีกครั้ง!"
"ครับ,ขอบคุณ,อาวุโสช่วยชี้แนะ,ก้าวแรกนั้นการจะทำให้ลิขิตกลายเป็นรูปเป็นร่างต้องทำอย่างไรอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวสอบถามอย่างเคร่งขรึม.
"การก่อรูปสัมผัสถึงลิขิตนั้น,ขึ้นกับลิขิตของเจ้า,ทุกคนนั้นมีแตกต่างกันไป,ข้าไม่สามารถส่งต่อให้กับเจ้าได้,ขึ้นอยู่กับการหยั่งรู้ของเจ้าเอง!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
"ครับ!"จงซานพยักหน้าอย่างจริงจัง.
เทียนหลิงเอ๋อที่กระพริบตาปริบๆดวงตากลมโตดูบ้องแบ้ว,เห็นชัดเจนว่านางไม่เข้าใจในสิ่งที่เทียนเสิ่นจื่อกล่าวเลยแม้แต่นิดเดียว.
เทียนเสิ่นจื่อที่จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อแล้วกล่าวออกมาว่า,"ประมุขตระกูลเทียน!"
เทียนหลิงเอ๋อที่ไม่ได้หันหน้าไป,จงซานที่กระแซะนางเบาๆ.
"หืม?
เจ้าเรียกข้าเหรอ?"เทียนหลิงเอ๋อที่สอบถามออกมา.
เห็นท่าทางของเทียนหลิงเอ๋อที่ดูไร้เดียงสาอย่างที่สุดแล้ว,เทียนเสิ่นจื่อที่ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย."ตระกูลเทียนนั้นมีห้าชีพจร,ชีพจรชีวิต,ไม่ใช่ว่าเหลือเจ้าเพียงคนเดียวหรอกรึ?
แน่นอนว่าคงมีเพียงแค่เจ้าที่เป็นประมุขในตอนนี้!"
ได้ยินคำพูดของเทียนเสิ่นจื่อ,เทียนหลิงเอ๋อที่เบะปากเล็กของนาง,แสดงท่าทางไม่ดีนัก.
"ข้าเป็นเป็นเพียงบรรพชนในรุ่นก่อน,ตราสวรรค์นั้นไม่มีประโยชน์อะไรกับข้า,เจ้าเป็นประมุข,โปรดเข้ามาในตำหนักกับข้า,ข้าจะส่งต่อตำแหน่งประมุขอย่างเป็นทางการให้!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าวออกมา.
จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา,ส่วนเทียนหลิงเอ๋อนั้นจ้องมองจงซาน,ราวกับว่าเทียนเสิ่นจื่อนั้นเป็นหมาป่าชราที่กำลังล่าเหยื่อ,นางที่มองมายังจงซานเพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาให้.
ขณะที่จงซานกำลังจะกล่าวอะไรนั้น,เทียนเสิ่นจื่อที่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า,จดจ้องมองไปยังพื้นที่ไกลออกไป.
ทุกๆคนที่จดจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยเช่นกัน,เส้นแสงสีดำที่พาดผ่านกรีดทองฟ้ามาแต่ไกล,ก่อนที่จะปรากฏร่างๆหนึ่งในชุดราชวงศ์ได้หยุดอยู่บนท้องฟ้าต่อหน้าของทุกคนในทันที.
เซิ่งซ่างต้าฉิน,หยิง!
หยิงที่ใช้เวลาเดินทางหนึ่งวัน,ทั้งที่เส้นทางของเขานั้นไกลกว่าของซือหม่าเข่อหลายเท่า,หากแต่คนแรกที่มาถึงกับไม่ใช่ซือหม่าเข่อ.
ผ้าคลุมหลังของหยิงที่โบกสะบัดไปตีกับสายลมดังพรึบๆ.
จงซานเงยหน้ามองหยิง,หยิงที่จ้องมองจงซาน,พร้อมกับขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย,เห็นได้อย่างชัดเจนว่า,ภายในใจหยิง,ตัวตนของจงซานนั้น,มีอะไรมากมายที่ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาจ้องมองได้เลย.
จงซานที่พยักหน้าให้เพื่อแสดงการทักทาย.
หยิงที่พยักรับก่อนที่จะมองไปยังเทียนเสิ่นจื่อ.
คนทั้งสองที่จ้องมองกันและกัน,แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย.
จากนั้น,แววตาของทั้งคู่ที่เผยท่าทางตื่นตกใจเล็กน้อย.
"เจ้าเป็นใคร?"เทียนเสิ่นจื่อที่เผยท่าทางประหลาดใจจดจ้องมองไปยังหยิง.
หยิงเจิ้งที่จดจ้องมองเทียนเสิ่นจื่อด้วยความสงสัย,สายตาของเขาที่จ้องเขม็งไปยังดวงตะวันบนหน้าผากของเทียนเสิ่นจื่อ.
"ราชวงศ์สวรรค์ต้าฉิน,หยิง,แปดหมื่นปีที่แล้ว,คือบุคคลอันดับหนึ่งของโลกนี้,สองร้อยปีที่แล้วกลับคืนมาสู่บนโลกอีกครั้ง!"จงซานที่กล่าวตอบออกมาด้วยเสียงที่เคร่งขรึม.
แปดหมื่นปีที่แล้ว,คือบุคคลอันดับหนึ่งของโลกใบนี้อย่างงั้นรึ?
บุคคลอันดับหนึ่งในโลกใบนี้ย่อมหมายถึงคนที่มีความลึกล้ำเป็นอย่างมาก,ในโลกใบนี้ดูเหมือนว่าหยิงจะฟื้นคืนกลับมายังยุคสมัยนี้อีกครั้ง,ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเรียกตัวเองว่าที่หนึ่ง,อย่างน้อยก็นับได้ว่าเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้.
ข้อมูลเหล่านี้จงซานที่ใช้เวลาหลายปีค้นหาจากตำราโบราณมากมาย.
ในแต่ละยุคแต่ละสมัย,แน่นอนว่าย่อมปรากฏคนที่แข็งแกร่งและร้ายกาจปรากฏตัวขึ้นเสมอ,หยิง,คือบุคคลอันดับหนึ่งของยุคสมัยเมื่อ
แปดหมื่นปีที่แล้ว.
กู่เฉิงตง,อาจจะเรียกได้ว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของยุคสมัยนี้,หากแต่ก็ยังด้อยกว่าหยิงเล็กน้อย,ต้องไม่ลืมว่ากู่เฉิงตงนั้นยังด้อยกว่าหยิงเกี่ยวกับอายุไข,ไม่มีใครแน่นอนที่จะมีชีวิตอยู่ได้กว่าแปดหมื่นปี.
เซิ่งซ่างเจียงซือ,หยิง!
หยิงที่จ้องมองอัญมณีบนหน้าผากของเทียนเสิ่นจื่อ,สูดหายใจลึก.
"เป็นการตัดสินใจที่ร้ายกาจมาก,เป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญที่ยิ่งใหญ่จริงๆ,คาดไม่ถึงเลยว่าจะผสานกายเนื้อเข้ากับ,อำนาจลิขิต.ไม่สงสัยเลยว่า,ทำไมโลกใบเล็กถึงไม่ขับเจ้าออกไป,ร่างปุถุชน?
เป็นร่างปุถุชนที่แข็งแกร่งมากๆ!"หยิงที่แสดงความคิดเห็น.
"เจ้าเองก็ยังไม่ตาย,ร่างบริวาร,นับเป็นความกล้าที่ร้ายกาจมาก!
คาดไม่ถึงเลยว่าข้าตกตายไปหลายปี,ทวีปศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏยอดฝีมือที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง."เทียนเสิ่นจื่อที่สูดหายใจลึก.
"หนึ่งแสนปีที่แล้ว,บุคคลอันดับหนึ่งของทวีปศักดิ์สิทธิ์,อดีตประมุขตระกูลเทียน,เทียนเสิ่นจื่อ?"หยิงที่กล่าวสอบถาม.
"ถูกต้อง!"เทียนเสิ่นจื่อที่พยักหน้ารับ.
หนึ่งคือบุคคลอันดับหนึ่งของทวีปศักดิ์สิทธิ์เมื่อหนึ่งแสนปีที่แล้ว,อีกหนึ่งคือบุคคลอันดับหนึ่งของทวีปศักดิ์สิทธิ์เมื่อแปดหมื่นปีที่แล้ว.
สายตาของทั้งสองที่จ้องมองกันและกัน,คนอื่นๆไม่ได้เข้าไปรบกวน.
สายตาของทั้งสองที่จ้องมองกันด้วยความจริงจัง.
"ตระกูลเทียนช่างยิ่งใหญ่จริงๆ,ไม่ง่ายที่จะมีใครจัดการได้,ร่างกายที่ประกอบด้วยลิขิต,ไม่เคยเห็นมาก่อน,ในโลกใบใหญ่,ไม่เคยมีใครก้าวเป็นบนเส้นทางสายนี้!"หยิงที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสนใจ.
"กับกายเนื้อ,"ร่างบริวาร"นอกจากนี้ยังคืนชีพกลับมาได้ด้วย,ไม่เคยมีมาก่อน,ในโลกใบใหญ่,ไม่มีใครกล้าใช้เส้นทางสายนี้เช่นกัน!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาเบาๆ.
"ตระกูลเทียนที่ยิ่งใหญ่,ในอดีตนั้นได้กระจายไปทั่วหล้า,แม้แต่หลังจากนั้นสองหมื่นปี,ทุกๆคนต่างก็รับรู้ว่าห้าชีพจรของตระกูลเทียน,แต่ละชีพจร,คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปศักดิ์สิทธิ์,มีราชวงศ์สวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด,มีแดนเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด,มีผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยที่แข็งแกร่งที่สุด,มีผู้ฝึกตนโชคที่แข็งแกร่งที่สุด,และมีประมุขที่แข็งแกร่งที่สุด! และในมือยังมีหนึ่งในสิบของวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุด,ไม้เท้าเคลื่อนภูผา,ใช่ในมือที่,เจ้าถืออยู่ใช่หรือไม่?"หยิงที่กล่าวสอบถามด้วยความสนใจ.
ไม้เท้าเคลื่อนภูผา?
สายตาของทุกคนที่จับจ้องมองไปยังไม้เท้าสีม่วงในมือของเทียนเสิ่นจื่อในทันที,ภายนอกนั้น,ไม่ได้แผ่กลิ่นอายที่พิเศษอะไรออกมา,เหมือนกับร่างของเทียนเสิ่นจื่อ,ที่ดูราวกับไร้พลัง,หากแต่ไม้เท้าในมือของเขาคือหนึ่งในสิบสมบัติโบราณ,ไม้เท้าเคลื่อนภูผาอย่างงั้นรึ?
"มีสายตาที่แหลมคม,บุคคลอันดับหนึ่งเมื่อแปดหมื่นปีที่แล้ว,ข้าคิดว่าเจ้าเองก็น่าจะมีหนึ่งในสมบัติโบราณด้วยใช่หรือไม่?"เทียนเสิ่นจื่อสอบถามออกไป.
"เป็นเวลานานมากแล้ว,ไม่เคยมีใครทำให้ข้าต้องนำของวิเศษออกมาใช้งาน,ยินดีจะเป็นคนๆนั้นหรือไม่?"สายตาของหยิงที่เผยท่าทางตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน.
"ตามที่เจ้าต้องการ!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
นี่คือสองคนที่เป็นบุคคลอันดับหนึ่งของทวีปศักดิ์สิทธิ์,ยอดฝีมือของแต่ละยุค,กับของวิเศษล้ำค่าที่พวกเขาถืออยู่,ราวกับว่ามันไม่เคยได้นำมาใช้ประโยชน์เลย,เป้าหมายในครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการทดสอบฝ่ายตรงข้าม,ต้องการรับรู้สถานะของแต่ละฝ่าย.
"เชิญ!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
ทุกคนที่อยู่รอบๆถอยห่างออกมา.
หยิงที่ยื่นมือออกไป,ทันใดนั้นราวกับว่าปรากฏจักรวาลที่กว้างใหญ่ขึ้น,ก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างที่ใหญ่โตล่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า,เป็นโลงศพสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่,กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่แผ่ออกมารอบๆโลงศพ,กลิ่นอายนี้,เต็มไปด้วยปราณสีม่วงที่ดูสง่ามีพลังอำนาจไม่ธรรมดา,มีพลานุภาพในการสะกดข่มทุกคนที่จ้องมอง.
สายตาของทุกคนที่เห็นของวิเศษดังกล่าว,ทำให้ภายในใจสั่นไหวด้วยความหวั่นเกรง,ราวกับว่ามันมีอำนาจที่ข่มขวัญทะลวงเข้าไปถึงจิตวิญญาณ,ร่างกายที่ราวกับว่าสั่นสะท้านยอมจำนนต่อโลกศพด้านหน้า.
"โลงศพสัมฤทธิ์กำราบโลก,หนึ่งในสิบสมบัติโบราณ!"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาพร้อมกับทอดถอนใจ.
โลงศพสัมฤทธิ์กำราบโลก,เป็นของหยิงตั้งแต่แรกแล้ว.
ทันทีที่โลงศพสัมฤทธิ์กำราบโลกล่วงหล่นลงมาจาบนท้องฟ้า,บรรยากาศรอบๆราวกับเปลี่ยนไป,เป็นสว่างใสบริสุทธิ์ผุดผ่อง.
แสงชำระล้างอย่างงั้นรึ?ดวงตาของจงซานที่หรี่เล็ก,บรรยากาศรอๆเปลี่ยนไปอย่างงั้นรึ?
เทียนเสิ่นจื่อที่ชี้ไม้เท้าเคลื่อนภูผาออกไปเล็กน้อย,ทันใดนั้นจากบนพื้นดิน,ปรากฏภูเขาขนาดมหึมาผุดขึ้นมาจากแผ่นดิน,พุ่งตรงไปยังโลงศพสัมฤทธิ์กำราบโลก.
พลังที่ยิ่งใหญ่สองสายที่เคลื่อนที่เข้าปะทะกันเสียงดังสนั่น.
”......”
ไร้ซึ่งเสียง,ไม่มีเสียงอย่างงั้นรึ?
ไม่ใช่แน่นอน,เสียงที่เกิดขึ้นดังเกินไป,ทำให้ทุกคนสูญเสียการได้ยินไปในทันที.
"กึก!"
ทุกคนที่หูดับไป,เสียงดังหึ่งๆที่เกิดขึ้นในหูนั้นเป็นเพราะหูพวกเขาได้รับความเสียหาย,เสียงที่เกิดขึ้นด้านนอกนั้นไม่สามารถได้ยินเลยแม้แต่น้อย.
หลังจากที่ไม้เท้าเคลื่อนภูผาและโลงศพกำราบโลกเข้าปะทะกัน,อากาศรอบๆไม่ได้ฉีกขาด,เพียงแค่เกิดเป็นลูกคลื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น.
สองของวิเศษโบราณที่เข้าปะทะกัน,ทำให้เกิดคลื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นรึ?
เป็นไปไม่ได้.
จงซานที่ไม่เชื่อแน่! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน,ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกันที่การต่อสู้ที่หนักหน่วงจะทำให้จงซานหูดับนับตั้งแต่ในอดีตแล้ว
กับการเข้าปะทะกันของพลังสองสายที่ทรงพลังแข็งแกร่ง.
ไม่นานหลังจากนั้น,ที่ไกลออกไปมีริ้วแสงเป็นทางยาว,เป็นตี้เสวียนชาที่เร่งรีบเดินทางมานั่นเอง.
Chapter 719 Ying Vs Tian Shenzi
嬴vs天神子
หยิง ปะทะ เทียนเสิ่นจื่อ.
เทียนเสิ่นจื่อจดจ้องมองเทียนหลิงเอ๋อ,ซึ่งเป็นประมุขตระกูลเทียนในเวลานี้.
เขาที่ส่งตราสวรรค์ลอยออกไป,กลับไปยังเทียนหลิงเอ๋ออีกครั้ง,เทียนหลิงเอ๋อที่กุมตราสวรรค์เอาไว้,แสดงท่าทางราวกับเป็นสมบัติล้ำค้า,กลัวว่าเทียนเสิ่นจื่อจะนำมันไปจากนาง.
เทียนเสิ่นจื่อที่จ้องมองประมุขที่ไร้เดียงสา,ก็ส่ายหน้าไปมา,พร้อมกับสูดหายใจลึก,จดจ้องมองไปยังจงซาน.
สามีภรรยาก็เหมือนคนๆเดียวกัน,แม้นว่า,ประมุขในเวลานี้จะไม่แข็งแกร่ง,ทว่าสามีของนางก็นับว่าเป็นราชันย์ที่แข็งแกร่ง.
จงซานที่รอคอยอย่างใจเย็น,เทียนเสิ่นจื่อที่จดจ้องมองจงซาน,ก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา
พร้อมกับถอนหายใจ,"น้อยมาก,น้อยมากจริงๆ!"
"อะไรน้อยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
ในเวลานี้,กองกำลังทหารที่อยู่รอบๆได้ถอนกำลังออกไปแล้ว,เหลือเพียงแค่เทียนเสิ่นจื่อ,อาวุโสเทียน,เทียนหลิงเอ๋อ,จงซาน,หนีปู่ซาและหยินโหลวหรี่,หกคนเท่านั้น.
"เจ้าเก็บเกี่ยววาสนายังน้อยอยู่,กรรมวาสนาเองก็ยังน้อยมากเช่นกัน!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
"น้อยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
หยินโหลวหรี่ที่อยู่ข้างๆถึงกับพูดไม่ออกทีเดียว,นี่ยังเรียกว่าน้อยอีกรึ?
ราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้ง,วาสนาในเวลานี้มากยิ่งกว่าราชวงศ์สวรรค์ในภพหยินซะอีก,นี่ยังว่าน้อยอีกรึ?
ส่วนกรรมวาสนานั้น,หากเทียบกับแดนเทวะล่ะก็ห่างกันไม่มากแล้ว.
"เจ้าที่รับรู้วิธีการบำเพ็ญวาสนาและกรรมวาสนา,นับว่าไม่ธรรมดา,ในโลกใบใหญ่นั้นมียอดฝีมือไม่กี่คนเท่านั้นที่รับรู้เรื่องนี้!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
"อาวุโสโปรดชี้แนะ,วาสนาและกรรมวาสนา,ทำอย่างไรถึงจะผสานเข้ากันได้?"จงซานที่กล่าวสอบถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง.
"ธรรมชาติแล้วพวกมันเข้ากันได้,ทว่า,อย่างแรก,ชะตา,อย่างที่สองโชค,อย่างที่สามฮวงจุ้ย,อย่างที่สี่กรรม,อย่างที่ห้าชื่อเสียง,ทั้งหมดนั้นไม่สามารถขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
ดวงตาของจงซานที่เป็นประกาย,กล่าวออกมาด้วยความเคารพ,"ขอได้โปรดให้อาวุโสชี้แนะด้วย!"
"สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟ้าดินคืออะไร?"เทียนเสิ่นจื่อสอบถามออกมา.
"วิถี?"จงซานที่กล่าวคาดเดา.
เทียนเสิ่นจื่อที่ส่ายหน้าไปมา.
"ชีวิต!"จงซานที่คาดเดาอีกครั้ง.
"อืม!
ถูกเพียงครึ่งเดียว."เทียนเสิ่นจื่อที่พยักหน้าด้วยท่าทางชื่นชม.
"หืม?"
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"เทียนเสิ่นจื่อสอบถามออกไป.
"ไม่มีอะไร!"จงซานที่กล่าวออกมาตามจริงๆ.
ชีวิต,จงซานที่เลือนลางกับแนวคิดนี้,มันคืออะไร?
ชะตาอย่างงั้นรึ?
"สายแรก,ชะตา,สายสอง,โชค,สายที่สาม,ฮวงจุ้ย,สายที่สี่กรรม,สายที่ห้าชื่อเสียง,สี่สายหลัง,โชคและกรรมวาสนานั้นเข้ากันได้,ส่วนอีกสี่สาย,มีเพียงแค่รวบรวมทั้งหมดไว้ให้กลายเป็นหนึ่งเท่านั้น,และจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้เลย!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
"สี่สายรวมเป็นหนึ่ง,คือการบำเพ็ญชะตา?
แล้วโชคและกรรมวาสนาที่รวมกัน,เรียกว่าอะไร?"จงซานที่กล่าวสอบถาม.
"ลิขิต!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวตอบ.
"ลิขิต?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ใช่,ลิขิต,ก็คือพื้นฐานของการบำเพ็ญชะตา!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าวออกมาเล็กน้อย.
"ลิขิตอย่างงั้นรึ?
ลิขิตก็คือส่วนหนึ่งของความสามารถอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาสอบถาม.
"ลิขิต?
แน่นอนว่ามันคือส่วนหนึ่งของชะตา,หากแต่เพียงแค่ลิขิตหากว่าฝึกสำเร็จ,ถึงแม้ว่าจะเป็นปราชญ์เทพก็ล่วงหล่นจากสวรรค์ได้!"เทียนเสิ่นจื่อที่ราวกับว่ารู้สึกโศกเศร้าไปพร้อมๆกัน.
"นี่เพียงแค่ครึ่งเดียว,แล้วอีกครึ่งล่ะ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาสอบถาม.
เทียนเสิ่นจื่อที่ราวกับว่าคาดหวังเรื่องบางอย่างได้,"เหลืออีกครึ่งหนึ่ง,หากว่าสามารถครองอีกครึ่งหนึ่งได้,ก็จะได้รับความเป็นอมตะที่แท้จริง,ในโลกใบใหญ่นั้น,แม้แต่ปราชญ์เทพก็ไม่สามารถครอบครองมันได้,มันเป็นเรื่องที่ยาก,ยากมากๆ!"
"อมตะ?
อะไรที่เรียกว่าอีกครึ่งกัน?"จงซานที่ดวงตาเป็นประกาย.
เทียนเสิ่นจื่อที่เปรยตามอง,สูดหายใจลึกแล้วกล่าวออกมาว่า"เจ้าหนู,อย่าได้หวังสูงเกินไป,อีกครึ่งหนึ่งไม่ควรต้องสนใจในตอนนี้,ก่อนอื่นเจ้าควรจะสำเร็จการบำเพ็ญลิขิตให้แตกฉานก่อนแล้วค่อยมาพูดคุยกันอีกครั้ง!"
"ครับ,ขอบคุณ,อาวุโสช่วยชี้แนะ,ก้าวแรกนั้นการจะทำให้ลิขิตกลายเป็นรูปเป็นร่างต้องทำอย่างไรอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวสอบถามอย่างเคร่งขรึม.
"การก่อรูปสัมผัสถึงลิขิตนั้น,ขึ้นกับลิขิตของเจ้า,ทุกคนนั้นมีแตกต่างกันไป,ข้าไม่สามารถส่งต่อให้กับเจ้าได้,ขึ้นอยู่กับการหยั่งรู้ของเจ้าเอง!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
"ครับ!"จงซานพยักหน้าอย่างจริงจัง.
เทียนหลิงเอ๋อที่กระพริบตาปริบๆดวงตากลมโตดูบ้องแบ้ว,เห็นชัดเจนว่านางไม่เข้าใจในสิ่งที่เทียนเสิ่นจื่อกล่าวเลยแม้แต่นิดเดียว.
เทียนเสิ่นจื่อที่จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อแล้วกล่าวออกมาว่า,"ประมุขตระกูลเทียน!"
เทียนหลิงเอ๋อที่ไม่ได้หันหน้าไป,จงซานที่กระแซะนางเบาๆ.
"หืม?
เจ้าเรียกข้าเหรอ?"เทียนหลิงเอ๋อที่สอบถามออกมา.
เห็นท่าทางของเทียนหลิงเอ๋อที่ดูไร้เดียงสาอย่างที่สุดแล้ว,เทียนเสิ่นจื่อที่ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย."ตระกูลเทียนนั้นมีห้าชีพจร,ชีพจรชีวิต,ไม่ใช่ว่าเหลือเจ้าเพียงคนเดียวหรอกรึ?
แน่นอนว่าคงมีเพียงแค่เจ้าที่เป็นประมุขในตอนนี้!"
ได้ยินคำพูดของเทียนเสิ่นจื่อ,เทียนหลิงเอ๋อที่เบะปากเล็กของนาง,แสดงท่าทางไม่ดีนัก.
"ข้าเป็นเป็นเพียงบรรพชนในรุ่นก่อน,ตราสวรรค์นั้นไม่มีประโยชน์อะไรกับข้า,เจ้าเป็นประมุข,โปรดเข้ามาในตำหนักกับข้า,ข้าจะส่งต่อตำแหน่งประมุขอย่างเป็นทางการให้!"เทียนเสิ่นจื่อกล่าวออกมา.
จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา,ส่วนเทียนหลิงเอ๋อนั้นจ้องมองจงซาน,ราวกับว่าเทียนเสิ่นจื่อนั้นเป็นหมาป่าชราที่กำลังล่าเหยื่อ,นางที่มองมายังจงซานเพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาให้.
ขณะที่จงซานกำลังจะกล่าวอะไรนั้น,เทียนเสิ่นจื่อที่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า,จดจ้องมองไปยังพื้นที่ไกลออกไป.
ทุกๆคนที่จดจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยเช่นกัน,เส้นแสงสีดำที่พาดผ่านกรีดทองฟ้ามาแต่ไกล,ก่อนที่จะปรากฏร่างๆหนึ่งในชุดราชวงศ์ได้หยุดอยู่บนท้องฟ้าต่อหน้าของทุกคนในทันที.
เซิ่งซ่างต้าฉิน,หยิง!
หยิงที่ใช้เวลาเดินทางหนึ่งวัน,ทั้งที่เส้นทางของเขานั้นไกลกว่าของซือหม่าเข่อหลายเท่า,หากแต่คนแรกที่มาถึงกับไม่ใช่ซือหม่าเข่อ.
ผ้าคลุมหลังของหยิงที่โบกสะบัดไปตีกับสายลมดังพรึบๆ.
จงซานเงยหน้ามองหยิง,หยิงที่จ้องมองจงซาน,พร้อมกับขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย,เห็นได้อย่างชัดเจนว่า,ภายในใจหยิง,ตัวตนของจงซานนั้น,มีอะไรมากมายที่ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาจ้องมองได้เลย.
จงซานที่พยักหน้าให้เพื่อแสดงการทักทาย.
หยิงที่พยักรับก่อนที่จะมองไปยังเทียนเสิ่นจื่อ.
คนทั้งสองที่จ้องมองกันและกัน,แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย.
จากนั้น,แววตาของทั้งคู่ที่เผยท่าทางตื่นตกใจเล็กน้อย.
"เจ้าเป็นใคร?"เทียนเสิ่นจื่อที่เผยท่าทางประหลาดใจจดจ้องมองไปยังหยิง.
หยิงเจิ้งที่จดจ้องมองเทียนเสิ่นจื่อด้วยความสงสัย,สายตาของเขาที่จ้องเขม็งไปยังดวงตะวันบนหน้าผากของเทียนเสิ่นจื่อ.
"ราชวงศ์สวรรค์ต้าฉิน,หยิง,แปดหมื่นปีที่แล้ว,คือบุคคลอันดับหนึ่งของโลกนี้,สองร้อยปีที่แล้วกลับคืนมาสู่บนโลกอีกครั้ง!"จงซานที่กล่าวตอบออกมาด้วยเสียงที่เคร่งขรึม.
แปดหมื่นปีที่แล้ว,คือบุคคลอันดับหนึ่งของโลกใบนี้อย่างงั้นรึ?
บุคคลอันดับหนึ่งในโลกใบนี้ย่อมหมายถึงคนที่มีความลึกล้ำเป็นอย่างมาก,ในโลกใบนี้ดูเหมือนว่าหยิงจะฟื้นคืนกลับมายังยุคสมัยนี้อีกครั้ง,ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเรียกตัวเองว่าที่หนึ่ง,อย่างน้อยก็นับได้ว่าเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้.
ข้อมูลเหล่านี้จงซานที่ใช้เวลาหลายปีค้นหาจากตำราโบราณมากมาย.
ในแต่ละยุคแต่ละสมัย,แน่นอนว่าย่อมปรากฏคนที่แข็งแกร่งและร้ายกาจปรากฏตัวขึ้นเสมอ,หยิง,คือบุคคลอันดับหนึ่งของยุคสมัยเมื่อ
แปดหมื่นปีที่แล้ว.
กู่เฉิงตง,อาจจะเรียกได้ว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของยุคสมัยนี้,หากแต่ก็ยังด้อยกว่าหยิงเล็กน้อย,ต้องไม่ลืมว่ากู่เฉิงตงนั้นยังด้อยกว่าหยิงเกี่ยวกับอายุไข,ไม่มีใครแน่นอนที่จะมีชีวิตอยู่ได้กว่าแปดหมื่นปี.
เซิ่งซ่างเจียงซือ,หยิง!
หยิงที่จ้องมองอัญมณีบนหน้าผากของเทียนเสิ่นจื่อ,สูดหายใจลึก.
"เป็นการตัดสินใจที่ร้ายกาจมาก,เป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญที่ยิ่งใหญ่จริงๆ,คาดไม่ถึงเลยว่าจะผสานกายเนื้อเข้ากับ,อำนาจลิขิต.ไม่สงสัยเลยว่า,ทำไมโลกใบเล็กถึงไม่ขับเจ้าออกไป,ร่างปุถุชน?
เป็นร่างปุถุชนที่แข็งแกร่งมากๆ!"หยิงที่แสดงความคิดเห็น.
"เจ้าเองก็ยังไม่ตาย,ร่างบริวาร,นับเป็นความกล้าที่ร้ายกาจมาก!
คาดไม่ถึงเลยว่าข้าตกตายไปหลายปี,ทวีปศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏยอดฝีมือที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง."เทียนเสิ่นจื่อที่สูดหายใจลึก.
"หนึ่งแสนปีที่แล้ว,บุคคลอันดับหนึ่งของทวีปศักดิ์สิทธิ์,อดีตประมุขตระกูลเทียน,เทียนเสิ่นจื่อ?"หยิงที่กล่าวสอบถาม.
"ถูกต้อง!"เทียนเสิ่นจื่อที่พยักหน้ารับ.
หนึ่งคือบุคคลอันดับหนึ่งของทวีปศักดิ์สิทธิ์เมื่อหนึ่งแสนปีที่แล้ว,อีกหนึ่งคือบุคคลอันดับหนึ่งของทวีปศักดิ์สิทธิ์เมื่อแปดหมื่นปีที่แล้ว.
สายตาของทั้งสองที่จ้องมองกันและกัน,คนอื่นๆไม่ได้เข้าไปรบกวน.
สายตาของทั้งสองที่จ้องมองกันด้วยความจริงจัง.
"ตระกูลเทียนช่างยิ่งใหญ่จริงๆ,ไม่ง่ายที่จะมีใครจัดการได้,ร่างกายที่ประกอบด้วยลิขิต,ไม่เคยเห็นมาก่อน,ในโลกใบใหญ่,ไม่เคยมีใครก้าวเป็นบนเส้นทางสายนี้!"หยิงที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสนใจ.
"กับกายเนื้อ,"ร่างบริวาร"นอกจากนี้ยังคืนชีพกลับมาได้ด้วย,ไม่เคยมีมาก่อน,ในโลกใบใหญ่,ไม่มีใครกล้าใช้เส้นทางสายนี้เช่นกัน!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาเบาๆ.
"ตระกูลเทียนที่ยิ่งใหญ่,ในอดีตนั้นได้กระจายไปทั่วหล้า,แม้แต่หลังจากนั้นสองหมื่นปี,ทุกๆคนต่างก็รับรู้ว่าห้าชีพจรของตระกูลเทียน,แต่ละชีพจร,คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปศักดิ์สิทธิ์,มีราชวงศ์สวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด,มีแดนเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด,มีผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยที่แข็งแกร่งที่สุด,มีผู้ฝึกตนโชคที่แข็งแกร่งที่สุด,และมีประมุขที่แข็งแกร่งที่สุด! และในมือยังมีหนึ่งในสิบของวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุด,ไม้เท้าเคลื่อนภูผา,ใช่ในมือที่,เจ้าถืออยู่ใช่หรือไม่?"หยิงที่กล่าวสอบถามด้วยความสนใจ.
ไม้เท้าเคลื่อนภูผา?
สายตาของทุกคนที่จับจ้องมองไปยังไม้เท้าสีม่วงในมือของเทียนเสิ่นจื่อในทันที,ภายนอกนั้น,ไม่ได้แผ่กลิ่นอายที่พิเศษอะไรออกมา,เหมือนกับร่างของเทียนเสิ่นจื่อ,ที่ดูราวกับไร้พลัง,หากแต่ไม้เท้าในมือของเขาคือหนึ่งในสิบสมบัติโบราณ,ไม้เท้าเคลื่อนภูผาอย่างงั้นรึ?
"มีสายตาที่แหลมคม,บุคคลอันดับหนึ่งเมื่อแปดหมื่นปีที่แล้ว,ข้าคิดว่าเจ้าเองก็น่าจะมีหนึ่งในสมบัติโบราณด้วยใช่หรือไม่?"เทียนเสิ่นจื่อสอบถามออกไป.
"เป็นเวลานานมากแล้ว,ไม่เคยมีใครทำให้ข้าต้องนำของวิเศษออกมาใช้งาน,ยินดีจะเป็นคนๆนั้นหรือไม่?"สายตาของหยิงที่เผยท่าทางตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน.
"ตามที่เจ้าต้องการ!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
นี่คือสองคนที่เป็นบุคคลอันดับหนึ่งของทวีปศักดิ์สิทธิ์,ยอดฝีมือของแต่ละยุค,กับของวิเศษล้ำค่าที่พวกเขาถืออยู่,ราวกับว่ามันไม่เคยได้นำมาใช้ประโยชน์เลย,เป้าหมายในครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการทดสอบฝ่ายตรงข้าม,ต้องการรับรู้สถานะของแต่ละฝ่าย.
"เชิญ!"เทียนเสิ่นจื่อที่กล่าวออกมา.
ทุกคนที่อยู่รอบๆถอยห่างออกมา.
หยิงที่ยื่นมือออกไป,ทันใดนั้นราวกับว่าปรากฏจักรวาลที่กว้างใหญ่ขึ้น,ก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างที่ใหญ่โตล่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า,เป็นโลงศพสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่,กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่แผ่ออกมารอบๆโลงศพ,กลิ่นอายนี้,เต็มไปด้วยปราณสีม่วงที่ดูสง่ามีพลังอำนาจไม่ธรรมดา,มีพลานุภาพในการสะกดข่มทุกคนที่จ้องมอง.
สายตาของทุกคนที่เห็นของวิเศษดังกล่าว,ทำให้ภายในใจสั่นไหวด้วยความหวั่นเกรง,ราวกับว่ามันมีอำนาจที่ข่มขวัญทะลวงเข้าไปถึงจิตวิญญาณ,ร่างกายที่ราวกับว่าสั่นสะท้านยอมจำนนต่อโลกศพด้านหน้า.
"โลงศพสัมฤทธิ์กำราบโลก,หนึ่งในสิบสมบัติโบราณ!"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาพร้อมกับทอดถอนใจ.
โลงศพสัมฤทธิ์กำราบโลก,เป็นของหยิงตั้งแต่แรกแล้ว.
ทันทีที่โลงศพสัมฤทธิ์กำราบโลกล่วงหล่นลงมาจาบนท้องฟ้า,บรรยากาศรอบๆราวกับเปลี่ยนไป,เป็นสว่างใสบริสุทธิ์ผุดผ่อง.
แสงชำระล้างอย่างงั้นรึ?ดวงตาของจงซานที่หรี่เล็ก,บรรยากาศรอๆเปลี่ยนไปอย่างงั้นรึ?
เทียนเสิ่นจื่อที่ชี้ไม้เท้าเคลื่อนภูผาออกไปเล็กน้อย,ทันใดนั้นจากบนพื้นดิน,ปรากฏภูเขาขนาดมหึมาผุดขึ้นมาจากแผ่นดิน,พุ่งตรงไปยังโลงศพสัมฤทธิ์กำราบโลก.
พลังที่ยิ่งใหญ่สองสายที่เคลื่อนที่เข้าปะทะกันเสียงดังสนั่น.
”......”
ไร้ซึ่งเสียง,ไม่มีเสียงอย่างงั้นรึ?
ไม่ใช่แน่นอน,เสียงที่เกิดขึ้นดังเกินไป,ทำให้ทุกคนสูญเสียการได้ยินไปในทันที.
"กึก!"
ทุกคนที่หูดับไป,เสียงดังหึ่งๆที่เกิดขึ้นในหูนั้นเป็นเพราะหูพวกเขาได้รับความเสียหาย,เสียงที่เกิดขึ้นด้านนอกนั้นไม่สามารถได้ยินเลยแม้แต่น้อย.
หลังจากที่ไม้เท้าเคลื่อนภูผาและโลงศพกำราบโลกเข้าปะทะกัน,อากาศรอบๆไม่ได้ฉีกขาด,เพียงแค่เกิดเป็นลูกคลื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น.
สองของวิเศษโบราณที่เข้าปะทะกัน,ทำให้เกิดคลื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นรึ?
เป็นไปไม่ได้.
จงซานที่ไม่เชื่อแน่! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน,ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกันที่การต่อสู้ที่หนักหน่วงจะทำให้จงซานหูดับนับตั้งแต่ในอดีตแล้ว
กับการเข้าปะทะกันของพลังสองสายที่ทรงพลังแข็งแกร่ง.
ไม่นานหลังจากนั้น,ที่ไกลออกไปมีริ้วแสงเป็นทางยาว,เป็นตี้เสวียนชาที่เร่งรีบเดินทางมานั่นเอง.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
ปัจจุบันแปลจบแล้ว 1672 ตอน สนใจติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ครับ
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ แปลจบแล้ว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น