Immortality Chapter 692 Killing one's sovereign
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 692 สังหารราชันย์.
Chapter 692 Killing one's sovereign
弑君
สังหารราชันย์.
ที่ทางตะวันออกของราชวงศ์ต้าเจิ้ง,เป็นราชวงศ์ราชันย์ตงหลินนั่นเอง.
ผ่านมาสองเดือนแล้ว,นับตั้งแต่เข้าโจมตีต้าเจิ้ง,หากแต่ไม่คืบหน้าเลยแม้แต่น้อย.
ตำหนักเสนาบดี,มีเหล่าขุนนางหลายคนที่มารวมตัวกันอีกครั้ง.
"เสนาบดี,ข้อมูลจากแนวหน้า,กองทัพของพวกเรายังคงเดินหน้าก่อสงครามอยู่!"
"ท่านเสนาบดี,สองเดือนแล้ว,พวกเราขาดรายได้ไปมากมาย,รายได้ไม่กระเตื้องเลย,ท่านจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้นะรึ?"ขุนนางคนหนึ่งที่กล่าวด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ.
เสนาบดีที่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยเสียงที่ขึงขัง,"ศิลาวิญญาณนั้นเรื่องเล็ก,เจ้าจะรีบร้อนไปเพื่ออะไร?สิ่งสำคัญนั้น,คือเจ้าคือข้าราชบริพารของราชวงศ์ราชันย์ตงหลินอยู่รึไม่?"
"เรื่องเล็กรึ? ท่านเสนาบดี,ท่านคิดว่าเป็นเรื่องเล็กอย่างงั้นรึ?
ท่านบอกข้าสิ,ท่านเองเป็นถึงสมาชิกขั้นเจ็ด,สองเดือนที่แล้ว,แต่ละวันสุญเสียศิลาวิญญาณระดับสูงไปวันล่ะหลายร้อยล้านศิลาวิญญาณระดับต่ำ,นับจากวันนั้น,หากว่าไม่เกิดสงคราม,พวกเราจะมีศิลาวิญญาณเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่กัน,สองเดือนนี้,พวกเราควรจะได้รับศิลาวิญญาณกว่าเจ็ดพันล้านศิลาวิญญาณระดับต่ำแล้ว,ท่านเสนาบดี,ลองบอกสิว่ามันเป็นเรื่องเล็กหรือไม่?"ขุนนางคนหนึ่งที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
"ไช่,หากว่ายังคงเป็นเช่นนี้,ท่านเสนาบดี,ท่านอาจจะสูญเสียรายได้ไปกว่าหมื่นล้านศิลาวิญญาณระดับต่ำ,หรือแสนล้าน,ท่านคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กอยู่อีกรึ?"ขุนนางอีกคนที่กล่าวเสริม.
"แต่ว่า,ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องภัคดีต่อราชวงศ์ราชันย์ตงหลิน!"ท่าทางของเสนาบพีตอนนี้รู้สึกอักอ่วนด้วยเช่นกัน.
"ภัคดี? ราชามีสายโลหิตกับท่านอย่างงั้นรึ?
ทำไมท่านถึงต้องซื่อสัตย์ขนาดนั้น? พวกเราก็ไม่ต่างจากสุนัขรับใช้ไม่ใช่รึไง?"ขุนนางคนหนึ่งที่กล่าวโพลงออกมาทันที.
"สามหาว!"ดวงตาของเสนาบดีที่ดวงตาเบิกกว้าง.
ทว่าเหล่าขุนนางเวลานี้,เกือบทั้งหมดไร้ซึ่งความภัคดีไปเรียบร้อยแล้ว,ใครกันที่ทำให้รายได้ของพวกเขาขาดหาย,ล้วนเป็นศัตรูทั้งหมด.
ขณะที่เสนาที่การกำลังโต้แย้งพูดคุยกับเหล่าขุนนางคนอื่นๆ,ที่ด้านนอกก็มีเสียงดังขึ้นในทันที."ใต้เท้า!"
"มีเรื่องอะไร?"เสนาบดีที่กล่าวออกมาเสียงดังด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ.
"เซียนเซิงเถี่ยและสหายของเขาขอเข้าพบ!"บ่าวรับใช้ที่เอ่ยออกมาในทันที.
"เซียนเซิงเถี่ย?"เหล่าขุนนางที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อน.
"รีบเชิญเร็วเข้า!"ขุนนางที่กล่าวต่อเสนาบดีในทันที.
"เชิญเข้ามา!"เสนาบดีเอ่ย.
"รับทราบ!"
จากนั้น,บ่าวรับใช้ก็นำคนทั้งสองเข้ามาภายในห้องโถง.
หากจงซานอยู่ที่นี่,แน่นอนว่าต้องรับรู้ว่าคนที่มีนามว่าเซียนเซิงเถี่ย,ที่จริงก็คือผู้ใต้บังคับบัญชาของอี้เหยี่ยน,เถี่ยเสวี๋ย,ส่วนอีกคนก็คือคนที่พาจงซานไปยังราชวงศ์สวรรค์ต้าหลี่ก่อนหน้านี้,อ๋องหงเพลิง,อู๋โหลว!
"เซียนเซิงเถี่ย,เชิญด้านนี้เลย!"เหล่าขุนนางหลายคนที่กล่าวเสนอหน้าเป็นทิวแถว.
"เชิญ!"เสนาบดีที่กล่าวออกมาทันที.
"รบกวนทุกท่านแล้ว,ต้องขออภัยด้วย,นี่คือสหายของข้า,ทุกท่านเรียกเซียนเซิงหวู่ก็ได้!"เถี่ยเสวี๋ยที่บอกกล่าวต่อทุกคน.
"สหายของเซียนเซิงเถี่ย,ก็คือสหายของพวกเรา,เซียนเซิงหวู่ก็เป็นสหายของพวกเราด้วย!"ขุนนางคนหนึ่งที่เอ่ยออกมาในทันที.
เถี่ยเสวี๋ยที่เผยยิ้มภายในแววตาที่ลอบถอนหายใจเบาๆ.
"ไม่รู้ว่าเซียนเซิงเถี่ยเดินทางมาวันนี้มีอะไรอย่างงั้นรึ?"เสนาบดีสอบถามออกไป.
"อืม,ข้านำข่าวมาแจ้งต่อทุกท่าน!"เถี่ยเสวี๋ยที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"อืม?"
"ทางหอการค้าตัดสินใจที่จะยกระดับให้กับท่านเสนาบดีเป็นสมาชิกขั้นที่แปด,ทว่าสำหรับทุกท่าน,หากว่าทุกท่านสามารถหาลูกข่ายขั้นที่สองได้สามร้อยคนล่ะก็,จะถูกยกระดับให้เป็นสมาชิกขั้นที่เจ็ดอย่างเป็นทางการเช่นกัน!"เถี่ยเสวี๋ยกล่าว.
ได้ยินคำพูดของเถี่ยเสวี๋ยแล้ว,เหล่าขุนนางที่โลหิตสูบฉีดขึ้นมาทันที,รู้สึกตื่นเต้นดวงตาแดงซ่านไปเลยทีเดียว.
"นี่ท่านพูดจริงๆอย่างงั้นรึ?"ขุนนางคนหนึ่งที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
ในแต่ละขั้นจะได้ผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้นในทุกๆขั้น,การที่สามารถยกระดับขึ้นอีกขั้นก็จะได้ผลตอบแทนเป็นสองเท่าเป็นอย่างต่ำ!
"แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง!
อย่างไรก็ตาม,สองเดือนมานี้ลูกข่ายของแต่ละท่านไม่เห็นเพิ่มขึ้นเลย,พวกเราไม่ได้อบรมลูกข่ายของพวกท่านเลย,สินค้าเองก็ไม่ได้จัดส่ง,ทุกท่านพยายามที่จะหาวิธีการแก้ปัญหาอยู่หรือไม่?"เถี่ยเสวี๋ยที่กล่าวสอบถามออกมา.
"วิธี?
พวกเราเองก็กำลังคิดเช่นกันทว่าว่าแต่มีวิธีการอะไรบ้าง!"ขุนนางคนหนึ่งที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
"ทุกท่านน่าจะรู้ว่าสงครามเกิดขึ้นเช่นนี้,พวกเราได้เสียศิลาวิญญาณกองเท่าภูเขา,พวกท่านไม่มีเสียดายกันเลยรึ?
ข้ามาที่นี้ก็เพื่อให้คำแนะนำด้วยหากแต่จะต้องเก็บเป็นความลับ,ไม่รู้ว่าทุกท่านต้องการคำแนะนำหรือไม่?"เถี่ยเสวี๋ยที่กล่าวหยั่งเชิง.
"เซียนเซิงเถี่ยเชิญกล่าว,ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสำคัญใด,พวกเราจะไม่แพร่งพรายอย่างแน่นอน!"ขุนนางอีกคนที่กล่าวออกมา.
"เพียงแค่ครึ่งปี,ในการสะสมศิลาวิญญาณ,ตราบเท่าแค่มีเวลาครึ่งปี,พวกท่านทุกคนก็เพียงพอที่จะเสพสุขไปชั่วชีวิต,แม้แต่ผ่านไปเก้าชั่วโคตรยังไม่ต้องกังวล,หรือแม้แต่สร้างราชวงศ์วาสนาขึ้นมาเอง,ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย!เถียเสวี๋ยที่เอ่ยชักนำ.
"ตั้งราชวงศ์วาสนาเองอย่างงั้นรึ?"เหล่าขุนนางที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
"ทุกท่านที่ก้าวมาถึงระดับนี้ได้นั้น,ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีความสามารถอย่างชัดเจน,หากแต่เป็นเพียงแค่ขุนนางเท่านั้น,นั่นก็เพราะว่าทุกท่านยังไม่มีโอกาส,ไม่มีชาติกำเนิดที่ยิ่งใหญ่เพียงพอ,แต่ขอถามตามตรง,หากว่ามีศิลาวิญญาณเพียงพอ,หากพวกท่านต้องเปิดราชวงศ์วาสนายังจะเป็นเรื่องยากอีกรึ?
อย่างน้อยที่สุดย่อมสามารถเปิดราชวงศ์จักรพรรดิขึ้นมาได้,และนอกจากนี้ยังได้เพลิดเพลินกับวาสนาของราชวงศ์อีก,หากว่าทุกท่านพยายามอีกหน่อย,แม้แต่ก่อตั้งราชวงศ์ราชันย์เอง,ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้,หลายปีที่เป็นเพียงขุนนางนั้น,พวกท่านทุกคนน่าจะเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง,ภายใต้สวรรค์แห่งนี้,ใครกันที่ไม่ต้องการก้าวหน้าล่ะ?
พวกท่านสามารถเป็นประมุขของราชวงศ์,หรือแม้แต่ก้าวไปข้างหน้ากลายเป็นเซียนก็ยังได้,พวกท่านไม่ต้องการเขียนประวัติศาสตร์ด้วยตัวเองรึ!"เถียเสวี๋ยที่กล่าวชักนำต่อ.
ได้ยินคำพูดของเถี่ยเสวี๋ย,เหล่าขุนนางที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อน,แววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น,บ้าคลั่งฮึกเหิมขึ้นเรื่อยๆ.
"แต่ว่า?"เสนาบดีที่ขมวดคิ้วไปมา.
"แต่ว่าพวกท่านไม่สามารถจากที่นี่ไปในตอนนี้,เพราะว่าทุกท่านมีลูกข่ายจำนวนมากที่นี่,หากแต่เพราะว่าสงครามเท่านั้น,ถึงทำให้ศิลาของทุกท่านลดลง,พวกเราควรที่จะแก้ไขเรื่องนี้,ว่าแต่ทุกท่าต้องการความมั่นคั่งจริงหรือไม่,การจะอยู่ที่นี่เพื่อให้ได้รับรายได้อย่างมั่นคงนั่น,ทุกท่านคิดว่าจะต้องทำอย่างไร?"เถี่ยเสวี๋ยที่กล่าวสอบถามชักนำ.
"ต้องทำอย่างไร?"
พวกเขาที่อยู่ในราชวงศ์ราชันย์ตงหลิน,หากต้องการรายได้ก็ต้องหยุดสงครามลงก่อน.
"หากว่าไม่มีราชวงศ์ราชันย์ตงหลิน,ใครที่จะหยุดพวกท่านได้ล่ะ?
ถึงแม้นว่าอยู่ด้วยตัวเอง,ถึงไม่มีราชวงศ์ราชันย์ตงหลิน,พวกท่านก็สามารถอยู่ได้,ขอเพียงแค่มีความมั่งคั่งไม่ว่าจะอยู่ใหนในโลกหล้านี้ก็เป็นไปได้ได้ทั้งนั้น!"เถี่ยเสวี๋ยที่ยังคงกล่าวชักนำ.
ได้ยินคำพูดดังกล่าว,ทุกคนที่ได้แต่เงียบ,ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นซับซ้อน,จับจ้องมองเถี่ยเสวี๋ยเป็นระยะๆ,ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก.
เห็นทุกคนเงียบ,เถี่ยเสวี๋ยเงียบไปไม่เอ่ยต่ออีกต่อไป,รอคอยอย่างอดทน.
ผ่านไปครู่หนึ่ง,ท้ายที่สุดก็มีขุนนางคนหนึ่งราวกับคิดอะไรได้,แววตาที่เปลี่ยนเป็นเย็นชาหนักแน่น,"สังหารราชันย์?"
กับคำพูดของขุนนางคนดังกล่าว,ทุกคนที่จ้องมองไปยังเขา,ใบหน้าที่เปลี่ยนไป,จากนั้นก็หันหน้าจับจ้องมองมายังเสนาบดีพร้อมๆกัน.
ใบหน้าของเสนาบดีเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว,เห็นได้อย่างชัดเจนว่า,ใจหนึ่งก็คล้อยไปกับคำชี้นำ,อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้าทำ.
"ท่านเสนาบดี,หลังจากนี้ท่านเป็นสมาชิกขั้นที่แปด,ทุกๆวันจะได้ศิลาวิญญาณมากมายขนาดใหนกัน?
หากว่าท่านต้องการล่ะก็,ข้ายินดีเสนอให้ท่านเป็นราชันย์คนต่อไปเลย!"ขุนนางอีกคนที่กล่าวออไปในทันที.
"พวกเรายินดีที่จะรับท่านเป็นราชันย์คนใหม่."เหล่าขุนนางที่โค้งคารวะพร้อมๆกัน.
เสนาบดีที่เห็นเหล่าขุนนางที่กระทำเช่นนั้น,ดวงตาของเขาก็เป็นประกายเช่นกัน,ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นขมวดเข้าหากัน,"แล้วใครกันล่ะจะเป็นคนสังหารล่ะ?"
เป็นเรื่องยากเช่นกันที่จะตัดใจสังหารราชันย์ของพวกเขาเอง.
"สหายของข้าเอง,เซียนเซิงหวู่,ที่จริงเขามีระดับราชันย์แท้,สามารถลอบสังหารราชันย์ตงหลินได้ด้วยตัวคนเดียว,เพียงแต่ราชันย์ตงหลินนั้นมีพลังของแผ่นดินปกป้อง,การจะลอบสังหารเขานั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่าย,ทว่าหากได้รับการช่วยเหลือจากพวกท่านทุกคน,ราชวงศ์แห่งนี้ก็จะเปลี่ยนชื่อเป็นราชวงศ์อื่น!"เถี่ยเสวี๋ยที่กล่าวออกมาด้วยความหนักแน่น.
หลังจากนั้นสามวัน,ราชวงศ์ราชันย์ตงหลิน,ได้จัดงานวันเกิดเสนาบดี,ภายในหุบเขาแห่งหนึ่งได้มีการจัดงานเลี้ยงใหญ่โตและเชิญเหล่าขุนนางมากมายทั่วทั้งราชวงศ์ราชันย์ตงหลิน,งานเลี้ยงในวันนี้,เสนาบดีนั้นได้ถูกวางยาสังหารเป็นคนแรก,จากนั้นค่ายกลก็ถูกเปิดการใช้งานทั่วทั้งตำหนักเสนาบดี,ท้ายที่สุด,เหล่าขุนนางของราชวงศ์ราชันย์ต้าหลินก็ถูกสังหารไปทั้งหมด,เพียงแค่ไม่ถึงสองชั่วยามเท่านั้น,ขุนนางมากกว่าครึ่งของต้าหลินถูกสังหารไปภายในตำหนักเสนาบดี.
ราชวงศ์ราชันย์ต้าหลิน,เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นในเมืองหลวง,พร้อมกับล่มสลายลงในไม่กี่วันถัดมา.
....
ที่ด้านนอกค่ายกลกระบี่สังหารเซียน,มีเหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่เดินทางมาเฝ้ามองค่ายกลที่ทรงพลังนี้.
ผ่านมาสองเดือนแล้ว,แดนเทพอมตะยังไม่สามารถจัดการราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้งได้อย่างงั้นรึ?
ราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้งแข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ?
ทุกคนที่ต่างเฝ้ามองทอดถอนใจ,ภายในค่ายกลกระบี่สังหารเซียน,ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งออกมา.
"ออกมาแล้ว,มีใครคนหนึ่งออกมาแล้ว!"
"นั่นมัน,กุยโซว?
จื่อจุ้นเผ่าเต่าทมิฬ,กุยโซวอย่างงั้นรึ?"
"ข้ารู้ว่ามีฮามาไล,และเต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่มาด้วยกัน,ว่าแต่พวกเขาไม่ออกมาอย่างงั้นรึ?
"ทัณฑ์สวรรค์?
นี่เขากำลังจะผ่านทัณฑ์สวรรค์อย่างงั้นรึ?"
"แดนเทพอมตะมาด้วยกันเจ็ดคน,ตอนนี้เหลือหกคนแล้วอย่างงั้นรึ?"
เสียงดังอื้ออึ้ง,สองเดือนมานี้,พวกเขาที่รอคอยเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างอดทน,เฝ้าคอยอย่างคาดหวัง,เวลานี้กุยโซวที่ออกมาก่อน,อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ใช่สมาชิกคนสำคัญอะไร,ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงเฝ้าคอยมองค่ายกลกระบี่สังหารเซียนต่อไป.
ภายในค่ายกลกระบี่,ปิศาจสวรรค์ที่กัดกินใจของฮามะไล,หากแต่เขาก็ถูกฝ่ามือของเต๋าจวินเซิ่งหย๋าปลุกให้ตื่น,ทว่าในเวลานี้ดูเหมือนว่าเขาจะดูไร้ซึ่งจิตใจ,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายในใจนั้นได้รับความเสียหายจากปิศาจสวรรค์ไม่น้อยทีเดียว.
"เต๋าจวินเซิ่งหย๋า,พวกเราจะทำอย่างไรดี?"แววตาของฮามะไลที่รู้สึกตื่นกลัวด้วยเช่นกัน.
"เป็นปิศาจสวรรค์ระดับต้นเท่านั้น,ไม่กล้าที่จะเข้าไปในค่ายกลกระบี่สังหารเซียนแต่อย่างใด,อีกสามทิศทางยังคงปรกติดี,ปิศาจสวรรค์สามารถทะลวงผ่านมาได้แค่ทิศใต้เท่านั้น!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
จากนั้น,ฮามะไลก็ถอยห่างออกมาอยู่ด้านหลังเต๋าจวินเซิ่งหย๋า,ปิศาจสวรรค์ที่กัดกินใจเขานั้นความทรงจำดังกล่าวนั้นยังคงเหลืออยู่อย่างชัดแจ้ง.
ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น,ทันใดนั้น,ทั่วท้องฟ้าของต้าเจิ้ง,ทะเลวาสนาที่ขยายออกไปอีก,ดูมีพลานุภาพที่ทรงพลังแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าเดิม.
"เป็นไปไม่ได้,สองเดือน,สี่ราชวงศ์ราชันย์พ่ายแพ้แล้วอย่างงั้นรึ?
เป็นไปไม่ได้!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ.
นี่นับเป็นครั้งแรกที่เต๋าจวินเซิ่งหย๋าเผยท่าทางตกใจ,ทะเลวาสนาที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง,ทั้งที่ควรจะได้รับความเสียหายจากการเข้าโจมตีของราชวงศ์ราชันย์ทั้งสี่,เวลานี้กลับขยายเพิ่มมากขึ้น,เป็นไปได้อย่างไร?
วาสนาของต้าเจิ้งเพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้เลยรึ?
ต้าเจิ้งทรงพลังแข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ?
สองเดือนครึ่ง,นี่มาจากสี่ราชวงศ์ราชันย์อย่างงั้นรึ?
เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่รู้สึกหวั่นเกรง,เขาที่จ้องมองวาสนาที่เพิ่มมากขึ้น,วาสนามากมายที่สะสมรวมตัวกัน,มังกรทองวาสนา
19 เล็บที่ขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ,ดูน่าเกรงขามทรงพลังขึ้นเรื่อยๆแล้ว.
พลานุภาพพลังอำนาจของต้าเจิ้งที่แข็งแกร่งขึ้นอีกขั้น.
จงซานที่เงยหน้าขึ้นจ้องมองวาสนาที่มากมายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ,รอยยิ้มที่เผยออกมาอย่างสบายใจ.
"จะล่มสลายในไม่ช้าอย่างงั้นรึ?
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"
ใบหน้าของเต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่เปลี่ยนเป็นซีดขาว,แววตาที่งดงามของนวีชิงเฮวยที่ส่องประกาย,เริ่มมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ.
จงซานที่หัวเราะเสียงดัง,ก่อนที่จะหยุดลงและกล่าวต่อเต๋าจวินเซิ่งหย๋าว่า,"สองเดือน,ตอนนี้,ดูเหมือนว่าจะถึงตาข้าโต้กลับแล้ว!"
"โฮกกกกกก"เสียงมังกรทองวาสนาที่คำรามดังสนั่น.
า.
Chapter 692 Killing one's sovereign
弑君
สังหารราชันย์.
ที่ทางตะวันออกของราชวงศ์ต้าเจิ้ง,เป็นราชวงศ์ราชันย์ตงหลินนั่นเอง.
ผ่านมาสองเดือนแล้ว,นับตั้งแต่เข้าโจมตีต้าเจิ้ง,หากแต่ไม่คืบหน้าเลยแม้แต่น้อย.
ตำหนักเสนาบดี,มีเหล่าขุนนางหลายคนที่มารวมตัวกันอีกครั้ง.
"เสนาบดี,ข้อมูลจากแนวหน้า,กองทัพของพวกเรายังคงเดินหน้าก่อสงครามอยู่!"
"ท่านเสนาบดี,สองเดือนแล้ว,พวกเราขาดรายได้ไปมากมาย,รายได้ไม่กระเตื้องเลย,ท่านจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้นะรึ?"ขุนนางคนหนึ่งที่กล่าวด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ.
เสนาบดีที่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยเสียงที่ขึงขัง,"ศิลาวิญญาณนั้นเรื่องเล็ก,เจ้าจะรีบร้อนไปเพื่ออะไร?สิ่งสำคัญนั้น,คือเจ้าคือข้าราชบริพารของราชวงศ์ราชันย์ตงหลินอยู่รึไม่?"
"เรื่องเล็กรึ? ท่านเสนาบดี,ท่านคิดว่าเป็นเรื่องเล็กอย่างงั้นรึ?
ท่านบอกข้าสิ,ท่านเองเป็นถึงสมาชิกขั้นเจ็ด,สองเดือนที่แล้ว,แต่ละวันสุญเสียศิลาวิญญาณระดับสูงไปวันล่ะหลายร้อยล้านศิลาวิญญาณระดับต่ำ,นับจากวันนั้น,หากว่าไม่เกิดสงคราม,พวกเราจะมีศิลาวิญญาณเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่กัน,สองเดือนนี้,พวกเราควรจะได้รับศิลาวิญญาณกว่าเจ็ดพันล้านศิลาวิญญาณระดับต่ำแล้ว,ท่านเสนาบดี,ลองบอกสิว่ามันเป็นเรื่องเล็กหรือไม่?"ขุนนางคนหนึ่งที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
"ไช่,หากว่ายังคงเป็นเช่นนี้,ท่านเสนาบดี,ท่านอาจจะสูญเสียรายได้ไปกว่าหมื่นล้านศิลาวิญญาณระดับต่ำ,หรือแสนล้าน,ท่านคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กอยู่อีกรึ?"ขุนนางอีกคนที่กล่าวเสริม.
"แต่ว่า,ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องภัคดีต่อราชวงศ์ราชันย์ตงหลิน!"ท่าทางของเสนาบพีตอนนี้รู้สึกอักอ่วนด้วยเช่นกัน.
"ภัคดี? ราชามีสายโลหิตกับท่านอย่างงั้นรึ?
ทำไมท่านถึงต้องซื่อสัตย์ขนาดนั้น? พวกเราก็ไม่ต่างจากสุนัขรับใช้ไม่ใช่รึไง?"ขุนนางคนหนึ่งที่กล่าวโพลงออกมาทันที.
"สามหาว!"ดวงตาของเสนาบดีที่ดวงตาเบิกกว้าง.
ทว่าเหล่าขุนนางเวลานี้,เกือบทั้งหมดไร้ซึ่งความภัคดีไปเรียบร้อยแล้ว,ใครกันที่ทำให้รายได้ของพวกเขาขาดหาย,ล้วนเป็นศัตรูทั้งหมด.
ขณะที่เสนาที่การกำลังโต้แย้งพูดคุยกับเหล่าขุนนางคนอื่นๆ,ที่ด้านนอกก็มีเสียงดังขึ้นในทันที."ใต้เท้า!"
"มีเรื่องอะไร?"เสนาบดีที่กล่าวออกมาเสียงดังด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ.
"เซียนเซิงเถี่ยและสหายของเขาขอเข้าพบ!"บ่าวรับใช้ที่เอ่ยออกมาในทันที.
"เซียนเซิงเถี่ย?"เหล่าขุนนางที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อน.
"รีบเชิญเร็วเข้า!"ขุนนางที่กล่าวต่อเสนาบดีในทันที.
"เชิญเข้ามา!"เสนาบดีเอ่ย.
"รับทราบ!"
จากนั้น,บ่าวรับใช้ก็นำคนทั้งสองเข้ามาภายในห้องโถง.
หากจงซานอยู่ที่นี่,แน่นอนว่าต้องรับรู้ว่าคนที่มีนามว่าเซียนเซิงเถี่ย,ที่จริงก็คือผู้ใต้บังคับบัญชาของอี้เหยี่ยน,เถี่ยเสวี๋ย,ส่วนอีกคนก็คือคนที่พาจงซานไปยังราชวงศ์สวรรค์ต้าหลี่ก่อนหน้านี้,อ๋องหงเพลิง,อู๋โหลว!
"เซียนเซิงเถี่ย,เชิญด้านนี้เลย!"เหล่าขุนนางหลายคนที่กล่าวเสนอหน้าเป็นทิวแถว.
"เชิญ!"เสนาบดีที่กล่าวออกมาทันที.
"รบกวนทุกท่านแล้ว,ต้องขออภัยด้วย,นี่คือสหายของข้า,ทุกท่านเรียกเซียนเซิงหวู่ก็ได้!"เถี่ยเสวี๋ยที่บอกกล่าวต่อทุกคน.
"สหายของเซียนเซิงเถี่ย,ก็คือสหายของพวกเรา,เซียนเซิงหวู่ก็เป็นสหายของพวกเราด้วย!"ขุนนางคนหนึ่งที่เอ่ยออกมาในทันที.
เถี่ยเสวี๋ยที่เผยยิ้มภายในแววตาที่ลอบถอนหายใจเบาๆ.
"ไม่รู้ว่าเซียนเซิงเถี่ยเดินทางมาวันนี้มีอะไรอย่างงั้นรึ?"เสนาบดีสอบถามออกไป.
"อืม,ข้านำข่าวมาแจ้งต่อทุกท่าน!"เถี่ยเสวี๋ยที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"อืม?"
"ทางหอการค้าตัดสินใจที่จะยกระดับให้กับท่านเสนาบดีเป็นสมาชิกขั้นที่แปด,ทว่าสำหรับทุกท่าน,หากว่าทุกท่านสามารถหาลูกข่ายขั้นที่สองได้สามร้อยคนล่ะก็,จะถูกยกระดับให้เป็นสมาชิกขั้นที่เจ็ดอย่างเป็นทางการเช่นกัน!"เถี่ยเสวี๋ยกล่าว.
ได้ยินคำพูดของเถี่ยเสวี๋ยแล้ว,เหล่าขุนนางที่โลหิตสูบฉีดขึ้นมาทันที,รู้สึกตื่นเต้นดวงตาแดงซ่านไปเลยทีเดียว.
"นี่ท่านพูดจริงๆอย่างงั้นรึ?"ขุนนางคนหนึ่งที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
ในแต่ละขั้นจะได้ผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้นในทุกๆขั้น,การที่สามารถยกระดับขึ้นอีกขั้นก็จะได้ผลตอบแทนเป็นสองเท่าเป็นอย่างต่ำ!
"แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง!
อย่างไรก็ตาม,สองเดือนมานี้ลูกข่ายของแต่ละท่านไม่เห็นเพิ่มขึ้นเลย,พวกเราไม่ได้อบรมลูกข่ายของพวกท่านเลย,สินค้าเองก็ไม่ได้จัดส่ง,ทุกท่านพยายามที่จะหาวิธีการแก้ปัญหาอยู่หรือไม่?"เถี่ยเสวี๋ยที่กล่าวสอบถามออกมา.
"วิธี?
พวกเราเองก็กำลังคิดเช่นกันทว่าว่าแต่มีวิธีการอะไรบ้าง!"ขุนนางคนหนึ่งที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
"ทุกท่านน่าจะรู้ว่าสงครามเกิดขึ้นเช่นนี้,พวกเราได้เสียศิลาวิญญาณกองเท่าภูเขา,พวกท่านไม่มีเสียดายกันเลยรึ?
ข้ามาที่นี้ก็เพื่อให้คำแนะนำด้วยหากแต่จะต้องเก็บเป็นความลับ,ไม่รู้ว่าทุกท่านต้องการคำแนะนำหรือไม่?"เถี่ยเสวี๋ยที่กล่าวหยั่งเชิง.
"เซียนเซิงเถี่ยเชิญกล่าว,ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสำคัญใด,พวกเราจะไม่แพร่งพรายอย่างแน่นอน!"ขุนนางอีกคนที่กล่าวออกมา.
"เพียงแค่ครึ่งปี,ในการสะสมศิลาวิญญาณ,ตราบเท่าแค่มีเวลาครึ่งปี,พวกท่านทุกคนก็เพียงพอที่จะเสพสุขไปชั่วชีวิต,แม้แต่ผ่านไปเก้าชั่วโคตรยังไม่ต้องกังวล,หรือแม้แต่สร้างราชวงศ์วาสนาขึ้นมาเอง,ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย!เถียเสวี๋ยที่เอ่ยชักนำ.
"ตั้งราชวงศ์วาสนาเองอย่างงั้นรึ?"เหล่าขุนนางที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
"ทุกท่านที่ก้าวมาถึงระดับนี้ได้นั้น,ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีความสามารถอย่างชัดเจน,หากแต่เป็นเพียงแค่ขุนนางเท่านั้น,นั่นก็เพราะว่าทุกท่านยังไม่มีโอกาส,ไม่มีชาติกำเนิดที่ยิ่งใหญ่เพียงพอ,แต่ขอถามตามตรง,หากว่ามีศิลาวิญญาณเพียงพอ,หากพวกท่านต้องเปิดราชวงศ์วาสนายังจะเป็นเรื่องยากอีกรึ?
อย่างน้อยที่สุดย่อมสามารถเปิดราชวงศ์จักรพรรดิขึ้นมาได้,และนอกจากนี้ยังได้เพลิดเพลินกับวาสนาของราชวงศ์อีก,หากว่าทุกท่านพยายามอีกหน่อย,แม้แต่ก่อตั้งราชวงศ์ราชันย์เอง,ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้,หลายปีที่เป็นเพียงขุนนางนั้น,พวกท่านทุกคนน่าจะเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง,ภายใต้สวรรค์แห่งนี้,ใครกันที่ไม่ต้องการก้าวหน้าล่ะ?
พวกท่านสามารถเป็นประมุขของราชวงศ์,หรือแม้แต่ก้าวไปข้างหน้ากลายเป็นเซียนก็ยังได้,พวกท่านไม่ต้องการเขียนประวัติศาสตร์ด้วยตัวเองรึ!"เถียเสวี๋ยที่กล่าวชักนำต่อ.
ได้ยินคำพูดของเถี่ยเสวี๋ย,เหล่าขุนนางที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อน,แววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น,บ้าคลั่งฮึกเหิมขึ้นเรื่อยๆ.
"แต่ว่า?"เสนาบดีที่ขมวดคิ้วไปมา.
"แต่ว่าพวกท่านไม่สามารถจากที่นี่ไปในตอนนี้,เพราะว่าทุกท่านมีลูกข่ายจำนวนมากที่นี่,หากแต่เพราะว่าสงครามเท่านั้น,ถึงทำให้ศิลาของทุกท่านลดลง,พวกเราควรที่จะแก้ไขเรื่องนี้,ว่าแต่ทุกท่าต้องการความมั่นคั่งจริงหรือไม่,การจะอยู่ที่นี่เพื่อให้ได้รับรายได้อย่างมั่นคงนั่น,ทุกท่านคิดว่าจะต้องทำอย่างไร?"เถี่ยเสวี๋ยที่กล่าวสอบถามชักนำ.
"ต้องทำอย่างไร?"
พวกเขาที่อยู่ในราชวงศ์ราชันย์ตงหลิน,หากต้องการรายได้ก็ต้องหยุดสงครามลงก่อน.
"หากว่าไม่มีราชวงศ์ราชันย์ตงหลิน,ใครที่จะหยุดพวกท่านได้ล่ะ?
ถึงแม้นว่าอยู่ด้วยตัวเอง,ถึงไม่มีราชวงศ์ราชันย์ตงหลิน,พวกท่านก็สามารถอยู่ได้,ขอเพียงแค่มีความมั่งคั่งไม่ว่าจะอยู่ใหนในโลกหล้านี้ก็เป็นไปได้ได้ทั้งนั้น!"เถี่ยเสวี๋ยที่ยังคงกล่าวชักนำ.
ได้ยินคำพูดดังกล่าว,ทุกคนที่ได้แต่เงียบ,ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นซับซ้อน,จับจ้องมองเถี่ยเสวี๋ยเป็นระยะๆ,ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก.
เห็นทุกคนเงียบ,เถี่ยเสวี๋ยเงียบไปไม่เอ่ยต่ออีกต่อไป,รอคอยอย่างอดทน.
ผ่านไปครู่หนึ่ง,ท้ายที่สุดก็มีขุนนางคนหนึ่งราวกับคิดอะไรได้,แววตาที่เปลี่ยนเป็นเย็นชาหนักแน่น,"สังหารราชันย์?"
กับคำพูดของขุนนางคนดังกล่าว,ทุกคนที่จ้องมองไปยังเขา,ใบหน้าที่เปลี่ยนไป,จากนั้นก็หันหน้าจับจ้องมองมายังเสนาบดีพร้อมๆกัน.
ใบหน้าของเสนาบดีเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว,เห็นได้อย่างชัดเจนว่า,ใจหนึ่งก็คล้อยไปกับคำชี้นำ,อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้าทำ.
"ท่านเสนาบดี,หลังจากนี้ท่านเป็นสมาชิกขั้นที่แปด,ทุกๆวันจะได้ศิลาวิญญาณมากมายขนาดใหนกัน?
หากว่าท่านต้องการล่ะก็,ข้ายินดีเสนอให้ท่านเป็นราชันย์คนต่อไปเลย!"ขุนนางอีกคนที่กล่าวออไปในทันที.
"พวกเรายินดีที่จะรับท่านเป็นราชันย์คนใหม่."เหล่าขุนนางที่โค้งคารวะพร้อมๆกัน.
เสนาบดีที่เห็นเหล่าขุนนางที่กระทำเช่นนั้น,ดวงตาของเขาก็เป็นประกายเช่นกัน,ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นขมวดเข้าหากัน,"แล้วใครกันล่ะจะเป็นคนสังหารล่ะ?"
เป็นเรื่องยากเช่นกันที่จะตัดใจสังหารราชันย์ของพวกเขาเอง.
"สหายของข้าเอง,เซียนเซิงหวู่,ที่จริงเขามีระดับราชันย์แท้,สามารถลอบสังหารราชันย์ตงหลินได้ด้วยตัวคนเดียว,เพียงแต่ราชันย์ตงหลินนั้นมีพลังของแผ่นดินปกป้อง,การจะลอบสังหารเขานั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่าย,ทว่าหากได้รับการช่วยเหลือจากพวกท่านทุกคน,ราชวงศ์แห่งนี้ก็จะเปลี่ยนชื่อเป็นราชวงศ์อื่น!"เถี่ยเสวี๋ยที่กล่าวออกมาด้วยความหนักแน่น.
หลังจากนั้นสามวัน,ราชวงศ์ราชันย์ตงหลิน,ได้จัดงานวันเกิดเสนาบดี,ภายในหุบเขาแห่งหนึ่งได้มีการจัดงานเลี้ยงใหญ่โตและเชิญเหล่าขุนนางมากมายทั่วทั้งราชวงศ์ราชันย์ตงหลิน,งานเลี้ยงในวันนี้,เสนาบดีนั้นได้ถูกวางยาสังหารเป็นคนแรก,จากนั้นค่ายกลก็ถูกเปิดการใช้งานทั่วทั้งตำหนักเสนาบดี,ท้ายที่สุด,เหล่าขุนนางของราชวงศ์ราชันย์ต้าหลินก็ถูกสังหารไปทั้งหมด,เพียงแค่ไม่ถึงสองชั่วยามเท่านั้น,ขุนนางมากกว่าครึ่งของต้าหลินถูกสังหารไปภายในตำหนักเสนาบดี.
ราชวงศ์ราชันย์ต้าหลิน,เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นในเมืองหลวง,พร้อมกับล่มสลายลงในไม่กี่วันถัดมา.
....
ที่ด้านนอกค่ายกลกระบี่สังหารเซียน,มีเหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่เดินทางมาเฝ้ามองค่ายกลที่ทรงพลังนี้.
ผ่านมาสองเดือนแล้ว,แดนเทพอมตะยังไม่สามารถจัดการราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้งได้อย่างงั้นรึ?
ราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้งแข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ?
ทุกคนที่ต่างเฝ้ามองทอดถอนใจ,ภายในค่ายกลกระบี่สังหารเซียน,ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งออกมา.
"ออกมาแล้ว,มีใครคนหนึ่งออกมาแล้ว!"
"นั่นมัน,กุยโซว?
จื่อจุ้นเผ่าเต่าทมิฬ,กุยโซวอย่างงั้นรึ?"
"ข้ารู้ว่ามีฮามาไล,และเต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่มาด้วยกัน,ว่าแต่พวกเขาไม่ออกมาอย่างงั้นรึ?
"ทัณฑ์สวรรค์?
นี่เขากำลังจะผ่านทัณฑ์สวรรค์อย่างงั้นรึ?"
"แดนเทพอมตะมาด้วยกันเจ็ดคน,ตอนนี้เหลือหกคนแล้วอย่างงั้นรึ?"
เสียงดังอื้ออึ้ง,สองเดือนมานี้,พวกเขาที่รอคอยเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างอดทน,เฝ้าคอยอย่างคาดหวัง,เวลานี้กุยโซวที่ออกมาก่อน,อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ใช่สมาชิกคนสำคัญอะไร,ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงเฝ้าคอยมองค่ายกลกระบี่สังหารเซียนต่อไป.
ภายในค่ายกลกระบี่,ปิศาจสวรรค์ที่กัดกินใจของฮามะไล,หากแต่เขาก็ถูกฝ่ามือของเต๋าจวินเซิ่งหย๋าปลุกให้ตื่น,ทว่าในเวลานี้ดูเหมือนว่าเขาจะดูไร้ซึ่งจิตใจ,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายในใจนั้นได้รับความเสียหายจากปิศาจสวรรค์ไม่น้อยทีเดียว.
"เต๋าจวินเซิ่งหย๋า,พวกเราจะทำอย่างไรดี?"แววตาของฮามะไลที่รู้สึกตื่นกลัวด้วยเช่นกัน.
"เป็นปิศาจสวรรค์ระดับต้นเท่านั้น,ไม่กล้าที่จะเข้าไปในค่ายกลกระบี่สังหารเซียนแต่อย่างใด,อีกสามทิศทางยังคงปรกติดี,ปิศาจสวรรค์สามารถทะลวงผ่านมาได้แค่ทิศใต้เท่านั้น!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
จากนั้น,ฮามะไลก็ถอยห่างออกมาอยู่ด้านหลังเต๋าจวินเซิ่งหย๋า,ปิศาจสวรรค์ที่กัดกินใจเขานั้นความทรงจำดังกล่าวนั้นยังคงเหลืออยู่อย่างชัดแจ้ง.
ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น,ทันใดนั้น,ทั่วท้องฟ้าของต้าเจิ้ง,ทะเลวาสนาที่ขยายออกไปอีก,ดูมีพลานุภาพที่ทรงพลังแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าเดิม.
"เป็นไปไม่ได้,สองเดือน,สี่ราชวงศ์ราชันย์พ่ายแพ้แล้วอย่างงั้นรึ?
เป็นไปไม่ได้!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ.
นี่นับเป็นครั้งแรกที่เต๋าจวินเซิ่งหย๋าเผยท่าทางตกใจ,ทะเลวาสนาที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง,ทั้งที่ควรจะได้รับความเสียหายจากการเข้าโจมตีของราชวงศ์ราชันย์ทั้งสี่,เวลานี้กลับขยายเพิ่มมากขึ้น,เป็นไปได้อย่างไร?
วาสนาของต้าเจิ้งเพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้เลยรึ?
ต้าเจิ้งทรงพลังแข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ?
สองเดือนครึ่ง,นี่มาจากสี่ราชวงศ์ราชันย์อย่างงั้นรึ?
เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่รู้สึกหวั่นเกรง,เขาที่จ้องมองวาสนาที่เพิ่มมากขึ้น,วาสนามากมายที่สะสมรวมตัวกัน,มังกรทองวาสนา
19 เล็บที่ขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ,ดูน่าเกรงขามทรงพลังขึ้นเรื่อยๆแล้ว.
พลานุภาพพลังอำนาจของต้าเจิ้งที่แข็งแกร่งขึ้นอีกขั้น.
จงซานที่เงยหน้าขึ้นจ้องมองวาสนาที่มากมายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ,รอยยิ้มที่เผยออกมาอย่างสบายใจ.
"จะล่มสลายในไม่ช้าอย่างงั้นรึ?
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"
ใบหน้าของเต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่เปลี่ยนเป็นซีดขาว,แววตาที่งดงามของนวีชิงเฮวยที่ส่องประกาย,เริ่มมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ.
จงซานที่หัวเราะเสียงดัง,ก่อนที่จะหยุดลงและกล่าวต่อเต๋าจวินเซิ่งหย๋าว่า,"สองเดือน,ตอนนี้,ดูเหมือนว่าจะถึงตาข้าโต้กลับแล้ว!"
"โฮกกกกกก"เสียงมังกรทองวาสนาที่คำรามดังสนั่น.
า.ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
ปัจจุบันแปลจบแล้ว 1672 ตอน
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ แปลจบแล้ว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น