วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563

Immortality Chapter 686 under the heavens Bu Ru

Immortality Chapter 686  under the heavens Bu Ru

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 686 สร้างผู้ศรัทธาทั่วทั้งแผ่นดิน.


Chapter 686  under the heavens Bu Ru
天下布儒
สร้างผู้ศรัทธาทั่วทั้งแผ่นดิน.

จื่อซวินจากไปแล้ว,จงซานที่ถอนหายใจเบาๆ!

สองวันหลังจากนั้น,สุ่ยจิงและเป่ยชิงซือก็เดินทางกลับมา!

"เป็นอย่างไรบ้าง?"จงซานที่จ้องมองสอบถามคนทั้งสอง.



"การพูดคุยกับกุยเสอเป็นไปอย่างราบรื่น!"เป่ยชิงซือที่เผยยิ้ม,แววตาที่เผยท่าทางพึงพอใจ.

"การพูดคุยขั้นต้น,นับว่าประสบผลสำเร็จดี,มีเหรอที่พวกเขาจะไม่ต้องการ,การชักชวนเส้าเหยี่ยเผ่าเต่าทมิฬ! หากว่าสามารถโน้มน้าวสำเร็จ,เผ่าเต่าทมิฬส่วนใหญ่ย่อมต้องยอมรับ!"สุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมากล่าวด้วยความมั่นใจ.

"เรื่องนี้มอบให้เจ้า,ข้าถึงจะสามารถวางใจได้!"จงซานที่กล่าวชื่นชมออกมา.

"ขอบพระทัยฝ่าบาท!"สุ่ยจิงที่พยักหน้ารับ.

"เรื่องนี้ต้องรบกวนเจ้าแล้ว,ไปพักผ่อนก่อนเถอะ!"

"ขอรับ!"สุ่ยจิงพยักหน้า,ก่อนที่จะจากไป.

เหลือเพียงเป่ยชิงซือและจงซานในห้องโถง.

"พวกเรากลับตำหนักกันเถอะ!"จงซานที่โอบพยุงเอวของเป่ยชิงซือและกล่าวออกมา.

"อืม!"ใบหน้าของเป่ยชิงซือที่แดงระเรื่อ.
..............

ราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ย! ภายในห้องโถงแห่งหนึ่ง!

ภายในตำหนักนั้นมีคนสี่คนยืนอยู่,กงเหล่ยเทียน,ตอนนี้ได้กลายเป็นเซิ่งซ่างของราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยไปแล้ว,เต๋าจวินเซิ่งหย๋า,เซอคงและกุยเซอ.

"ฝ่าบาท,สถานการตอนนี้ล่ะ?"เซอคองที่จับจ้องมองไปยังกงเหล่ยเทียน.

"อืม,เกี่ยวกับสร้างผู้ศรัทธาทั่วหล้า,ให้เจ้าเป็นคนรับผิดชอบ,หลังจากที่สงครามภาคเหนือสงบ,ข้าต้องการเผยแพร่ลัทธิออกไปให้ทั่ว,และสร้างลัทธิหงหรูขึ้นมาทั่วโลก!"กงเหล่ยเทียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"ขอรับ,เฉินจะเร่งรีบดำเนินการตามรับสั่งของฝ่าบาท!"เซอคงที่พยักหน้ารับ.

"เจ้าออกไปก่อน!"กงเหล่ยเทียนกล่าว.

"ขอรับ!"นักบวชเซอคงที่รับคำและเร่งรีบถอยออกไปทันที.

"สร้างผู้ศรัทธาทั่วหล้าอย่างงั้นรึ? ช่างเป็นคำพูดที่ใหญ่โตนัก,เจ้าต้องการกลืนกินทั่วโลกอย่างงั้นรึ?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่เปรยออกมา.

"ทุกๆอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป,แดนเทพอมตะเองไม่ใช่ว่าต้องการครองทั่วหล้าด้วยหรอกรึ?"กงเหล่ยเทียนที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ.

"แดนเทพอมตะ? เจ้าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแดนเทพอมตะหรอกรึ?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋ากล่าวออกมาเล็กน้อย.

"เป็นราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยไม่ใช่รึที่เป็นส่วนหนึ่งของแดนเทพอมตะ?"กงเหล่ยเทียนที่เผยยิ้มบางๆ.

เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่ชำเลืองมองกงเหล่ยเทียน,ท้ายที่สุดก็เผยรอยยิ้มที่แปลกประหลาด,หากแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา.

กงเหล่ยเทียนที่ชำเลืองมองเต๋าจวินเซิ่งหย๋า,แววตาที่มีความแปลกประหลาดแฝงอยู่.

"เอาล่ะ,กุยโซว,เจ้ากล่าวได้แล้ว!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่ชำเลืองมองมายังกุยโซวทันที.

กงเหล่ยเทียนเองก็ชำเลืองมองกุยโซวเช่นกัน.

"วันนั้น,พวกเราได้นำอู๋จิวเทียนกลับมา,ระหว่างทางได้พักรักษาบาดแผลที่เกาะอีกา............!"กุยโซวที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับการอู่จิวเทียนถูกช่วยไปตั้งแต่ต้นจนจบ.

."ช้าก่อน,เจ้าบอกว่าหวังคูเพียงแค่ประจันหน้ากับเจ้าเท่านั้นอย่างงั้นรึ? ก่อนที่เจ้าจะหนีมาได้รึ?"กงเหล่ยเทียนที่ชำเลืองมองไปยังกุยโซว

กุยโซวที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย,เพียงแค่,อย่างงั้นรึ? หมายความว่ารู้สึกผิดหวังอย่างงั้นรึ?

"อืม!"กุยโซวพยักหน้ารับด้วยท่าทางไม่ดีนัก.

"คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าทำกับข้าเป็นครั้งแรก!?"แววตาของกงเหล่ยเทียนที่เปลี่ยนเป็นเย็นชา.

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าที่เกาะหงส์เพลิงนั้น,กงเหล่ยเทีนที่คิดว่าหวังคูคือยอดฝีมือ,คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพียงแค่การโอ้อวดเท่านั้น.

"อะไรคือครั้งแรกอย่างงั้นรึ?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่แสดงท่าทางสงสัยเล็กน้อย.

"ไม่มีอะไร!"

"เกี่ยวกับอสุรกายแปดหาง,เจ้ารู้จักหรือไม่?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่สอบถามออกไป.

"ไม่เคยได้ยินเช่นกัน,ในโลกใบใหญ่นั้นมีเผ่าอสูรมากมาย,ยกเว้นปราชญ์เทพแล้ว,ใครจะรู้จักทั้งหมดล่ะ?"ไท่จื่อเหล่ยเทียนที่ส่ายหน้าไปมา.

"อืม,เมื่อไม่นานมานี้,จงซานได้ส่งทูตมายังตำหนักเต๋าทมิฬ,ต้องการเสนอนิรโทษกรรมให้กับเผ่าเต่าทมิฬ.........!"กุยโซวที่กล่าวต่อ.

"เสนอนิรโทษกรรมอย่างงั้นรึ? เข้าไปหาเผ่าเต่าทมิฒตรงๆเลยรึ?"กงเหล่ยเทียนที่เผยท่าทางประหลาดใจ.

"ใช่!"กุยโซวพยักหน้า.

"ท่านคิดว่าอย่างไร?."กงเหล่ยเทียนจับจ้องมองไปยังเต๋าจวินเซิ่งหย๋า.

เต๋าจวินเซิ่งหย๋าแค่นเสียงเหยียดหยัน,"ตอบรับข้อเสนอพวกเขาไป!"

"ให้รับข้อเสนอพวกเขาอย่างงั้นรึ?"กุยโซวที่ดวงตาเบิกกว้าง.

"แสร้งตอบรับ!"กงเหล่ยเทียนที่จ้องมองไปยังกุยโซวที่แสดงท่าทางสงสัย.

"แสร้งตอบรับรึ? ให้ตอบรับหลอกๆ?"กุยโซวที่แสดงท่าทางสงสัย.

"อืม! บางที่แดนเทพอมตะนั้นยังควบคุมราชวงศ์ราชันย์อีกหลายแห่งด้วย?"กงเหล่ยเทียนที่จับจ้องมองไปยังเต๋าจวินเซิ่งหย๋า.

"ใช่,อีกไม่นานพวกเราจะต้องกำจัดราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้ง,จงซานจะต้องหายไป,เร็วๆนี้เขาจะต้องพินาศสิ้น!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"จงซานอยู่ในสวนลอยฟ้าหลิงเซียว,เขาที่ยืมอำนาจฟ้าดินของต้าเจิ้งคุ้มครองตัวเอง,นอกจากนี้ยังมีตี้เสวียนชาอีก,การจะสังหารเขา,ไม่ใช่เรื่องง่าย!"กงเหล่ยเทียนที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"จะสังหารเขา,แน่นอนว่าจะต้องเตรียมการ,มีปัญหาอะไร,เจ้าต้องการเข้าร่วมกับพวกเราอย่างงั้นรึ?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่จับจ้องมองไปยังกงเหล่ยเทียน.

"ข้ารึ? เฮ้เฮ้,ในเมือท่านเตรียมการเรียบร้อยแล้ว,จำเป็นต้องให้ข้าไปเกี่ยวข้องด้วยรึ? ราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยไม่ใช่ส่วนหนึ่งของท่านรึไง,สงครามภาคเหนือยังต้องการข้าดูแล,ลัทธิของข้าเองก็กำลังก่อตั้ง,ไม่สามารปลีกตัวได้!"กงเหล่ยเทียนกล่าวแย้ง.

"!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.

"ขอให้ได้ชัยชนะ! กุดหัวจงซานได้!"กงเหล่ยเทียนเผยยิ้มชั่วร้ายออกมา.

"อืม!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าพยักหน้า.

"ไป!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋ากล่าวต่อกุยโซว.

"อืม!"
.............

สามเดือนหลังจากนั้น.

ราชวงศ์สวรรค์ต้าฉิน,ท้องพระโรง.

ในท้องพระโรงเวลานี้มีเหล่าขุนนางที่สวมชุดขุนนางเต็มไปด้วยความสง่างามเป็นจำนวนมาก.

บุรุษผู้หนึ่งในชุดคลุมสีเหลืองที่ดูสง่าอลังการ,มีลวดลายที่แปลกประหลาด,ใบหน้าที่ดูธรรมดา,แต่กับเต็มไปด้วยสง่าราศีอำนาจที่ยิ่งใหญ่แฝงอยู่,ทำให้คนอื่นเห็นต้องเคารพ,ยืนอยู่หัวแถวด้านขวา.

ส่วนด้านซ้ายนั้นก็คือเสนาบดีใหญ่หลี่ซือ!

แน่นอนว่าด้านหลังหัวแถวลำดับที่หนึ่งย่อมเป็นคนที่มีสถานะเทียบเท่ากับหลี่ซือ,เขาคือคนที่เพิ่งวิญญาณหวนกลับเมื่อเร็วๆหนี้,มือขวาของต้าฉิน,ลู่ปู้เหว่ย!

หยิงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือกว่าทุกคนทั่วแผ่นดินต้าฉิน,สถานะสูงสุดตลอดกาลไม่มีใครสามารถแทนที่ได้,ทุกคนที่ได้แต่จับจ้องแหงนมองได้ถึงอำนาจวาสนาที่สุงที่สุดของราชวงศ์สวรรค์ต้าฉิน.

"ไป๋ฉีที่สนามรบภาคเหนือเป็นอย่างไรบ้าง?"หยิงเอ่ยถาม.

หลี่ซือที่อยู่ด้านซ้ายแถวได้เร่งรีบก้าวออกมาในทันที,"กงอู๋อานไป๋นั้นได้ชัยชนะ,และฝังคนเป็นเป็นจำนวนมาก,กับการออกไปรบในครั้งนี้,เป็นสัญญาณดีในการฟื้นตัว."

"อืม!"หยิงพยักหน้า,แสดงท่าทางพึงพอใจ.

"เรียนฝ่าบาท!"หลี่ซือที่ขมวดคิ้วไปมาอีกครั้ง.

"หืม?"

"เมื่อเร็วนี้เฉินได้รับข่าว,ว่ามีราชวงศ์ราชันย์ทางตะวันตก,ปรากฏลัทธิบางอย่างขึ้น!"หลี่ซือกล่าวออกมาด้วยความเคารพ,ดวงตาที่เผยท่าทางเย็นชาเช่นกัน.

"ลัทธิอย่างงั้นรึ?"ใบหน้าของหยิงที่เผยแววตาเหยียดหยัน.

"น่าจะมาจากราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ย,เซิ่งซ่างองค์ใหม่,กงเหล่ยเทียน!"หลี่ซือกล่าวออกมาด้วยความสุขุม.

"กงเหล่ยเทียน? เฮ้เอ้,ผู้เยาว์ตระกูลกง? คาดไม่ถึงเลยว่าจะมาเผยแพร่ลัทธิไกลถึงโลกใบเล็กแห่งนี้เลยรึ?"หยิงที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.

"ฝ่าบาท,จะให้ฝังเหล่าสาวกลัทธิดังกล่าวหรือไม่?"หลี่ซือที่จับจ้องมองไปยังหยิง.

สายตาของหลี่ซือนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร,เขาที่เกลียดชังลัทธิดังกล่าวเป็นอย่างมาก,หากไม่เพราะหยิงเขาคงจะลงมือไปแล้ว.

"ช้าก่อน,ข้าต้องการเห็นความสามารถของผู้เยาว์ตระกูลกง,จะมีความสามารถขนาดใหน! เหล่ยเทียนสินะ?!"หยิงที่กล่าวอย่างไม่แยแส.

"ขอรับ!"หลี่ซือที่พยักรับด้วยความเคารพ.

"ลู่ปู้เหว่ย,เจ้าฟื้นฟูกลับมาเป็นอย่างไรบ้าง?"หยิงที่จับจ้องมองไปยังลู่ปู้เหว่ย.

"ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เป็นห่วง,เฉินตอนนี้ฟื้นฟูกลับมา 1ในสิบส่วนแล้ว!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

"อืม! การฟื้นฟูของเจ้านับว่าค่อนข้างเร็ว."หยิงพยักหน้า.

"ฝ่าบาท,แม้ว่าเฉินจะเพิ่งฟื้นหวนกลับมาไม่นาน,ที่จริงก็พบเรื่องที่น่าสนใจเข้าเช่นกัน!"ลู่ปู้เหว่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มในทันที.

"หืม?"

"ก่อนเมื่อวานนี้,เฉินได้รวบรวมข้อมูลทั่วหล้า,เพิ่งจะได้เห็นการรบด้วยสงครามการค้า,แผนการสวรรค์ล่ม,นับเป็นแผนที่ยอดเยี่ยม,วิเศษเป็นอย่างมาก,ไม่รู้ว่าฝ่าบาทเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่?"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้ง,จงซานอย่างงั้นรึ?"

"จงซาน,แผนการสวรรค์ล่มห้าขั้น,เพียงแค่สี่ขั้น,ก็นับว่ายอดเยี่ยมอย่างที่สุดแล้ว,คาดไม่ถึงเลยว่าหลายหมื่นปีมานี้,ในทวีปศักดิ์สิทธิ์จะมีคนที่มีความสามารถที่สามารถสร้างแผนการสวรรค์ล่มสงครามทางการค้าขึ้นมาได้อีกครั้ง,เฉินคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับคนเช่นนี้หลังจากฟื้นคืนกลับมา!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวพลางถอนหายใจเบาๆ.

"ท่านลู่,เห็นการล่าสัตว์แล้วจิตใจเบิกบานอย่างงั้นรึ?"หลี่ซือที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.

见猎心喜 สำนวน "เจี้ยนเลี่ยซินสี่" หรือ "เห็นการล่าสัตว์ จิตใจเบิกบาน" ใช้เพื่อเปรียบเปรยว่า นิสัยและความเคยชินเดิมๆ นั้นยากที่จะลืม ยิ่งเมื่อพบแรงกระตุ้นเดิมๆ ก็มักจะอดใจไม่ไหว

"นานมาแล้ว,ที่ข้าไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น,เมื่อวานก่อนนี้ข้าเพิ่งเข้าใจแผนการสวรรค์ล่ม,และเมื่อวานก็ได้ทำการวิเคราะห์จงซาน,ข้อมูลต่างๆของเขาอย่างระมัดระวัง,คาดไม่ถึงบุคคลผู้นี้จะเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ,หลายปีที่มีพลังฝึกตนที่ต่ำมากแต่กลับสามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินสร้างความโกลาหลไปทั่วทั้งทวีปศักดิ์สิทธิ์."ลู่ปู้เหว่ยที่เผยยิ้มที่แปลกประหลาดออกมา.

"เกี่ยวกับการค้าหลายพันปีมานี้,ภายใต้สวรรค์น้อยนักที่ท่านลู่จะชำเลืองมอง!"หลี่ซือกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"เจ้าเคยเห็นจงซาน,คนผู้นี้เป็นอย่างไรบ้าง?"ลู่ปู้เหว่ยที่ชำเลืองมองไปยังหลี่ซือ.

"ในวันนั้นราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้งได้ยกระดับ,ข้าเองก็ได้เดินทางไป,เวลานั้นทูตของราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยรู้สึกหวาดกลัวเขาเป็นอย่างมาก,เป็นคนที่มีความสามารถในการปกครองสูงมาก,นอกจากนี้พรสวรรค์ทางร่างกายของเขานับว่าแย่มาก,หากแต่ราวกับว่านั่นมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องบางอย่าง!"หลี่ซือที่กล่าวครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น.

"พรสวรรค์ทางร่างกายอย่างงั้นรึ? เขาที่อยู่บนเส้นทางฝึกตนเพียงสองร้อยปี?ด้วยพรสวรรค์ทางร่างกายที่ย่ำแย่อย่างงั้นรึ?"ดวงตาของลู่ปู้เหว่ยที่หรี่เล็ก,เผยท่าทางประหลาดใจเป็นอย่างมากออกมา.

"จงซานนับเป็นคนที่ร้ายกาจมาก,พลังฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งที่พรสวรรค์ทางร่างกายต่ำเตี้ย,เหนือยิ่งกว่าคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมซะอีก!"หลี่ซือตอบ.

"มีพรสวรรค์ทางร่างกายย่ำแย่อย่างใด?"

"ร่างสนิมทองแดง,หากเป็นคนทั่วไปจะก้าวไปถึงแค่ระดับแกนทองเท่านั้น!"หลี่ซือตอบ.

"สามารถที่จะสร้างราชวงศ์ราชันย์ได้,จะเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้อย่างไร?"ลู่ปู้เหว่ยส่ายหน้าไปมา.

"อืม,ไม่รู้ว่าท่านลู่พบอะไรน่าสนใจอีกอย่างงั้นรึ?"หลี่ซือสอบถามออกไปอีกครั้ง.

"ดูเหมือนว่าทางภาคใต้เวลานี้สงครามการค้าจะถูกนำมาใช้อีกครั้งแล้ว!"ใบหน้าของลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวอย่างมั่นใจ.

"หืม?"หยิงที่แสดงท่าทางสนใจขึ้นมาเหมือนกัน.

"แน่นอนว่าจะต้องเป็นจงซานเป็นคนเริ่ม."ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวอย่างมั่นใจอีกครั้ง.

"ข้อมูลต่างๆที่ท่านลู่ได้ดูเพียงแค่สองวันก็มั่นใจว่าส่งครามการค้าได้เริ่มขึ้นแล้วอย่างงั้นรึ?"หลี่ซือที่ขมวดคิ้วไปมา.

ลู่ปู้เหว่ยที่จ้องมองไปยังหลี่ซือแล้วกล่าวออกมาว่า,"ข้ารู้ว่าท่านนั้นเป็นคนระเอียดแค่ใหน,ทุกๆการเคลื่อนไหวของสถานการณ์ต่างๆแม้แต่การค้าขาย,ยังบันทึกได้อย่างระเอียด,ตลอดสามเดือนมานี้จากข้อมูลแล้ว,สามารถบอกได้เลยว่าภาคใต้กำลังเกิดสงครามการค้าที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน."

"สงครามการค้าที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินอย่างงั้นรึ?"หยิงที่สอบถามด้วยความสนใจ.

"ขอรับ,เฉินสามารถยืนยันได้ว่า,สงครามการค้าครั้งนี้,รุนแรงเป็นอย่างมากแน่นอน,จากความเห็นของข้า,มันดูรุนแรงและกว้างใหญ่ยิ่งกว่าแผนการสวรรค์ล่มซะอีก!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวด้วยความมั่นใจ.

"กว้างขวาง?"หยิงที่เคาะไปมาบนพนักมังกรสอบถาม.

"ครับ,กินพื้นที่ใหญ่มากๆ!"ดวงตาของลู่ปู้เหว่ยที่ขดเข้าหากัน.

"ใหญ่? ใหญ่ขนาดใหน?"หลี่ซือสอบถาม.

"มากกว่า 15 ราชวงศ์ราชันย์,หรือแม้แต่ทั่วทั้งราชวงศ์ราชันย์ในภาคใต้ทั้งหมดก็เป็นได้!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"ดูเหมือนว่าเจ้าจะพบกับคู่ต่อกรที่น่าสนใจเข้าแล้วสินะ!"หยิงที่เผยยิ้มแสดงท่าทางสนใจ.

"คู่ต่อกร?ยังไม่แน่ใจเช่นกัน,จะต้องพิจารณาว่าสงครามการค้าครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่,นอกจากนี้ที่ข้าเห็นยังพบว่ามีกลุ่มอิทธิพลอื่นเข้ามาแทรกแซงด้วยเช่นกัน."ลู่ปู้เหว่ยที่ส่ายหน้าไปมา.

"ข้าเองก็ต้องการเห็นเกี่ยวกับสงครามการค้าเช่นกัน!"หยิงเจิ้งที่เผยแววตาอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น.

"เฉินจะทำการวิเคราะห์เนื้อหาเกี่ยวกับสงครามการค้าให้เร็วที่สุด,และส่งมอบให้กับฝ่าบาท!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยความเคร่งขรึม.

"อืม!"

*******
见猎心喜》 จี้ยนเลี่ยซินสี่ : "เห็นการล่าสัตว์ จิตใจเบิกบาน"见猎心喜》

(jiàn) อ่านว่า เจี้ยน แปลว่า พบ
(liè) อ่านว่า เลี่ย แปลว่า ล่าสัตว์
心(xīn) อ่านว่า ซิน แปลว่า ใจ
喜(xǐ) อ่านว่า สี่ แปลว่า เบิกบาน

ในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ(เป่ยซ่ง) มีปราชญ์ผู้รอบรู้นามว่า เฉิงห้าว หรือ หมิงเต้าผู้เลื่องชื่อ ในช่วงวัยหนุ่มเขาปักหลักเผยแพร่ความรู้อยู่ที่เมืองซีจิง มณฑลลั่วหยางจนมีชื่อเสียงกว้างไกล อีกทั้งน้องชายของเขา นามเฉิงอี๋ ก็เป็นนักวิชาการผู้มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน ผู้คนจึงพากันเรียกพวกเขาในนาม "เฉิงทั้งสอง" ต่อมาแนวคิดของพวกเขาได้รับการสนับสนุนและพัฒนาต่อโดยปราชญ์แห่งลัทธิขงจื๊อนามจูซี ผู้คนจึงเรียกแนวคิดของพวกเขาว่า "การศึกษาแนวเฉิงจู"

เมื่อเฉิงห้าวอายุ 16 ปี เขามีความชื่นชอบในการล่าสัตว์ยิ่งนัก ต่อมาภายหลังเขาได้ทุ่มเทเวลาไปกับการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการจนไม่มีเวลา และไร้กะจิตกะใจออกไปล่าสัตว์ ครั้งหนึ่งเขาจึงเอ่ยปากกับมิตรสหายว่า "ข้าไม่มีนิสัยชอบการล่าสัตว์อีกต่อไปแล้ว"
ในตอนนั้นเอง สหายนาม โจว เม่าซู ได้เอ่ยโต้ตอบว่า "ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป โปรดอย่าพูดออกมาง่ายๆ เช่นนั้น ด้วยว่าข้าเห็นว่าท่านมิใช่ไม่ชื่นชอบการล่าสัตว์ เพียงแต่ความรู้สึกนั้นถูกซุกซ่อนอยู่ส่วนลึกในจิตใจท่าน ไม่แน่ว่าวันใดที่ท่านอดรนทนไม่ไหว ท่านอาจจะกลับไปสนุกสนานกับการล่าสัตว์ เช่นเดียวกับตอนที่ท่านยังเป็นหนุ่มก็เป็นได้" เฉิงห้าวได้ฟังก็เพียงแต่หัวเราะ มิได้โต้ตอบอันใด

ผ่านมาอีก 12 ปีให้หลัง เฉิงห้าวจึงค่อยพบประสบการณ์ที่สหายบอกเล่า ครั้งนั้นเขาอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากต่างเมือง พลันพบเห็นผู้คนกำลังล่าสัตว์อยู่กลางท้องทุ่ง ทำให้เขานึกถึงความสนุกสนาน และความตื่นเต้นในการล่าสัตว์ จนคันไม่คันมือแทบอดใจไม่ไหว แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของสหายเมื่อครั้งก่อน จึงได้อดใจเดินทางต่อในที่สุด

สำนวน "เจี้ยนเลี่ยซินสี่" หรือ "เห็นการล่าสัตว์ จิตใจเบิกบาน" ใช้เพื่อเปรียบเปรยว่า นิสัยและความเคยชินเดิมๆ นั้นยากที่จะลืม ยิ่งเมื่อพบแรงกระตุ้นเดิมๆ ก็มักจะอดใจไม่ไหว


ที่มา https://mgronline.com/china/detail/9530000026110






ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น