Immortality Chapter 686 under the heavens Bu Ru
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 686 สร้างผู้ศรัทธาทั่วทั้งแผ่นดิน.
Chapter 686 under the heavens Bu Ru
天下布儒
สร้างผู้ศรัทธาทั่วทั้งแผ่นดิน.
จื่อซวินจากไปแล้ว,จงซานที่ถอนหายใจเบาๆ!
สองวันหลังจากนั้น,สุ่ยจิงและเป่ยชิงซือก็เดินทางกลับมา!
"เป็นอย่างไรบ้าง?"จงซานที่จ้องมองสอบถามคนทั้งสอง.
"การพูดคุยกับกุยเสอเป็นไปอย่างราบรื่น!"เป่ยชิงซือที่เผยยิ้ม,แววตาที่เผยท่าทางพึงพอใจ.
"การพูดคุยขั้นต้น,นับว่าประสบผลสำเร็จดี,มีเหรอที่พวกเขาจะไม่ต้องการ,การชักชวนเส้าเหยี่ยเผ่าเต่าทมิฬ! หากว่าสามารถโน้มน้าวสำเร็จ,เผ่าเต่าทมิฬส่วนใหญ่ย่อมต้องยอมรับ!"สุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมากล่าวด้วยความมั่นใจ.
"เรื่องนี้มอบให้เจ้า,ข้าถึงจะสามารถวางใจได้!"จงซานที่กล่าวชื่นชมออกมา.
"ขอบพระทัยฝ่าบาท!"สุ่ยจิงที่พยักหน้ารับ.
"เรื่องนี้ต้องรบกวนเจ้าแล้ว,ไปพักผ่อนก่อนเถอะ!"
"ขอรับ!"สุ่ยจิงพยักหน้า,ก่อนที่จะจากไป.
เหลือเพียงเป่ยชิงซือและจงซานในห้องโถง.
"พวกเรากลับตำหนักกันเถอะ!"จงซานที่โอบพยุงเอวของเป่ยชิงซือและกล่าวออกมา.
"อืม!"ใบหน้าของเป่ยชิงซือที่แดงระเรื่อ.
..............
ราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ย! ภายในห้องโถงแห่งหนึ่ง!
ภายในตำหนักนั้นมีคนสี่คนยืนอยู่,กงเหล่ยเทียน,ตอนนี้ได้กลายเป็นเซิ่งซ่างของราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยไปแล้ว,เต๋าจวินเซิ่งหย๋า,เซอคงและกุยเซอ.
"ฝ่าบาท,สถานการตอนนี้ล่ะ?"เซอคองที่จับจ้องมองไปยังกงเหล่ยเทียน.
"อืม,เกี่ยวกับสร้างผู้ศรัทธาทั่วหล้า,ให้เจ้าเป็นคนรับผิดชอบ,หลังจากที่สงครามภาคเหนือสงบ,ข้าต้องการเผยแพร่ลัทธิออกไปให้ทั่ว,และสร้างลัทธิหงหรูขึ้นมาทั่วโลก!"กงเหล่ยเทียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ขอรับ,เฉินจะเร่งรีบดำเนินการตามรับสั่งของฝ่าบาท!"เซอคงที่พยักหน้ารับ.
"เจ้าออกไปก่อน!"กงเหล่ยเทียนกล่าว.
"ขอรับ!"นักบวชเซอคงที่รับคำและเร่งรีบถอยออกไปทันที.
"สร้างผู้ศรัทธาทั่วหล้าอย่างงั้นรึ?
ช่างเป็นคำพูดที่ใหญ่โตนัก,เจ้าต้องการกลืนกินทั่วโลกอย่างงั้นรึ?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่เปรยออกมา.
"ทุกๆอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป,แดนเทพอมตะเองไม่ใช่ว่าต้องการครองทั่วหล้าด้วยหรอกรึ?"กงเหล่ยเทียนที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ.
"แดนเทพอมตะ? เจ้าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแดนเทพอมตะหรอกรึ?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋ากล่าวออกมาเล็กน้อย.
"เป็นราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยไม่ใช่รึที่เป็นส่วนหนึ่งของแดนเทพอมตะ?"กงเหล่ยเทียนที่เผยยิ้มบางๆ.
เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่ชำเลืองมองกงเหล่ยเทียน,ท้ายที่สุดก็เผยรอยยิ้มที่แปลกประหลาด,หากแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา.
กงเหล่ยเทียนที่ชำเลืองมองเต๋าจวินเซิ่งหย๋า,แววตาที่มีความแปลกประหลาดแฝงอยู่.
"เอาล่ะ,กุยโซว,เจ้ากล่าวได้แล้ว!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่ชำเลืองมองมายังกุยโซวทันที.
กงเหล่ยเทียนเองก็ชำเลืองมองกุยโซวเช่นกัน.
"วันนั้น,พวกเราได้นำอู๋จิวเทียนกลับมา,ระหว่างทางได้พักรักษาบาดแผลที่เกาะอีกา............!"กุยโซวที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับการอู่จิวเทียนถูกช่วยไปตั้งแต่ต้นจนจบ.
."ช้าก่อน,เจ้าบอกว่าหวังคูเพียงแค่ประจันหน้ากับเจ้าเท่านั้นอย่างงั้นรึ?
ก่อนที่เจ้าจะหนีมาได้รึ?"กงเหล่ยเทียนที่ชำเลืองมองไปยังกุยโซว
กุยโซวที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย,เพียงแค่,อย่างงั้นรึ?
หมายความว่ารู้สึกผิดหวังอย่างงั้นรึ?
"อืม!"กุยโซวพยักหน้ารับด้วยท่าทางไม่ดีนัก.
"คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าทำกับข้าเป็นครั้งแรก!?"แววตาของกงเหล่ยเทียนที่เปลี่ยนเป็นเย็นชา.
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าที่เกาะหงส์เพลิงนั้น,กงเหล่ยเทีนที่คิดว่าหวังคูคือยอดฝีมือ,คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพียงแค่การโอ้อวดเท่านั้น.
"อะไรคือครั้งแรกอย่างงั้นรึ?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่แสดงท่าทางสงสัยเล็กน้อย.
"ไม่มีอะไร!"
"เกี่ยวกับอสุรกายแปดหาง,เจ้ารู้จักหรือไม่?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่สอบถามออกไป.
"ไม่เคยได้ยินเช่นกัน,ในโลกใบใหญ่นั้นมีเผ่าอสูรมากมาย,ยกเว้นปราชญ์เทพแล้ว,ใครจะรู้จักทั้งหมดล่ะ?"ไท่จื่อเหล่ยเทียนที่ส่ายหน้าไปมา.
"อืม,เมื่อไม่นานมานี้,จงซานได้ส่งทูตมายังตำหนักเต๋าทมิฬ,ต้องการเสนอนิรโทษกรรมให้กับเผ่าเต่าทมิฬ.........!"กุยโซวที่กล่าวต่อ.
"เสนอนิรโทษกรรมอย่างงั้นรึ?
เข้าไปหาเผ่าเต่าทมิฒตรงๆเลยรึ?"กงเหล่ยเทียนที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
"ใช่!"กุยโซวพยักหน้า.
"ท่านคิดว่าอย่างไร?."กงเหล่ยเทียนจับจ้องมองไปยังเต๋าจวินเซิ่งหย๋า.
เต๋าจวินเซิ่งหย๋าแค่นเสียงเหยียดหยัน,"ตอบรับข้อเสนอพวกเขาไป!"
"ให้รับข้อเสนอพวกเขาอย่างงั้นรึ?"กุยโซวที่ดวงตาเบิกกว้าง.
"แสร้งตอบรับ!"กงเหล่ยเทียนที่จ้องมองไปยังกุยโซวที่แสดงท่าทางสงสัย.
"แสร้งตอบรับรึ?
ให้ตอบรับหลอกๆ?"กุยโซวที่แสดงท่าทางสงสัย.
"อืม!
บางที่แดนเทพอมตะนั้นยังควบคุมราชวงศ์ราชันย์อีกหลายแห่งด้วย?"กงเหล่ยเทียนที่จับจ้องมองไปยังเต๋าจวินเซิ่งหย๋า.
"ใช่,อีกไม่นานพวกเราจะต้องกำจัดราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้ง,จงซานจะต้องหายไป,เร็วๆนี้เขาจะต้องพินาศสิ้น!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"จงซานอยู่ในสวนลอยฟ้าหลิงเซียว,เขาที่ยืมอำนาจฟ้าดินของต้าเจิ้งคุ้มครองตัวเอง,นอกจากนี้ยังมีตี้เสวียนชาอีก,การจะสังหารเขา,ไม่ใช่เรื่องง่าย!"กงเหล่ยเทียนที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"จะสังหารเขา,แน่นอนว่าจะต้องเตรียมการ,มีปัญหาอะไร,เจ้าต้องการเข้าร่วมกับพวกเราอย่างงั้นรึ?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่จับจ้องมองไปยังกงเหล่ยเทียน.
"ข้ารึ? เฮ้เฮ้,ในเมือท่านเตรียมการเรียบร้อยแล้ว,จำเป็นต้องให้ข้าไปเกี่ยวข้องด้วยรึ?
ราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยไม่ใช่ส่วนหนึ่งของท่านรึไง,สงครามภาคเหนือยังต้องการข้าดูแล,ลัทธิของข้าเองก็กำลังก่อตั้ง,ไม่สามารปลีกตัวได้!"กงเหล่ยเทียนกล่าวแย้ง.
"!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
"ขอให้ได้ชัยชนะ! กุดหัวจงซานได้!"กงเหล่ยเทียนเผยยิ้มชั่วร้ายออกมา.
"อืม!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าพยักหน้า.
"ไป!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋ากล่าวต่อกุยโซว.
"อืม!"
.............
สามเดือนหลังจากนั้น.
ราชวงศ์สวรรค์ต้าฉิน,ท้องพระโรง.
ในท้องพระโรงเวลานี้มีเหล่าขุนนางที่สวมชุดขุนนางเต็มไปด้วยความสง่างามเป็นจำนวนมาก.
บุรุษผู้หนึ่งในชุดคลุมสีเหลืองที่ดูสง่าอลังการ,มีลวดลายที่แปลกประหลาด,ใบหน้าที่ดูธรรมดา,แต่กับเต็มไปด้วยสง่าราศีอำนาจที่ยิ่งใหญ่แฝงอยู่,ทำให้คนอื่นเห็นต้องเคารพ,ยืนอยู่หัวแถวด้านขวา.
ส่วนด้านซ้ายนั้นก็คือเสนาบดีใหญ่หลี่ซือ!
แน่นอนว่าด้านหลังหัวแถวลำดับที่หนึ่งย่อมเป็นคนที่มีสถานะเทียบเท่ากับหลี่ซือ,เขาคือคนที่เพิ่งวิญญาณหวนกลับเมื่อเร็วๆหนี้,มือขวาของต้าฉิน,ลู่ปู้เหว่ย!
หยิงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือกว่าทุกคนทั่วแผ่นดินต้าฉิน,สถานะสูงสุดตลอดกาลไม่มีใครสามารถแทนที่ได้,ทุกคนที่ได้แต่จับจ้องแหงนมองได้ถึงอำนาจวาสนาที่สุงที่สุดของราชวงศ์สวรรค์ต้าฉิน.
"ไป๋ฉีที่สนามรบภาคเหนือเป็นอย่างไรบ้าง?"หยิงเอ่ยถาม.
หลี่ซือที่อยู่ด้านซ้ายแถวได้เร่งรีบก้าวออกมาในทันที,"กงอู๋อานไป๋นั้นได้ชัยชนะ,และฝังคนเป็นเป็นจำนวนมาก,กับการออกไปรบในครั้งนี้,เป็นสัญญาณดีในการฟื้นตัว."
"อืม!"หยิงพยักหน้า,แสดงท่าทางพึงพอใจ.
"เรียนฝ่าบาท!"หลี่ซือที่ขมวดคิ้วไปมาอีกครั้ง.
"หืม?"
"เมื่อเร็วนี้เฉินได้รับข่าว,ว่ามีราชวงศ์ราชันย์ทางตะวันตก,ปรากฏลัทธิบางอย่างขึ้น!"หลี่ซือกล่าวออกมาด้วยความเคารพ,ดวงตาที่เผยท่าทางเย็นชาเช่นกัน.
"ลัทธิอย่างงั้นรึ?"ใบหน้าของหยิงที่เผยแววตาเหยียดหยัน.
"น่าจะมาจากราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ย,เซิ่งซ่างองค์ใหม่,กงเหล่ยเทียน!"หลี่ซือกล่าวออกมาด้วยความสุขุม.
"กงเหล่ยเทียน? เฮ้เอ้,ผู้เยาว์ตระกูลกง?
คาดไม่ถึงเลยว่าจะมาเผยแพร่ลัทธิไกลถึงโลกใบเล็กแห่งนี้เลยรึ?"หยิงที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
"ฝ่าบาท,จะให้ฝังเหล่าสาวกลัทธิดังกล่าวหรือไม่?"หลี่ซือที่จับจ้องมองไปยังหยิง.
สายตาของหลี่ซือนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร,เขาที่เกลียดชังลัทธิดังกล่าวเป็นอย่างมาก,หากไม่เพราะหยิงเขาคงจะลงมือไปแล้ว.
"ช้าก่อน,ข้าต้องการเห็นความสามารถของผู้เยาว์ตระกูลกง,จะมีความสามารถขนาดใหน! เหล่ยเทียนสินะ?!"หยิงที่กล่าวอย่างไม่แยแส.
"ขอรับ!"หลี่ซือที่พยักรับด้วยความเคารพ.
"ลู่ปู้เหว่ย,เจ้าฟื้นฟูกลับมาเป็นอย่างไรบ้าง?"หยิงที่จับจ้องมองไปยังลู่ปู้เหว่ย.
"ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เป็นห่วง,เฉินตอนนี้ฟื้นฟูกลับมา
1ในสิบส่วนแล้ว!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
"อืม!
การฟื้นฟูของเจ้านับว่าค่อนข้างเร็ว."หยิงพยักหน้า.
"ฝ่าบาท,แม้ว่าเฉินจะเพิ่งฟื้นหวนกลับมาไม่นาน,ที่จริงก็พบเรื่องที่น่าสนใจเข้าเช่นกัน!"ลู่ปู้เหว่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มในทันที.
"หืม?"
"ก่อนเมื่อวานนี้,เฉินได้รวบรวมข้อมูลทั่วหล้า,เพิ่งจะได้เห็นการรบด้วยสงครามการค้า,แผนการสวรรค์ล่ม,นับเป็นแผนที่ยอดเยี่ยม,วิเศษเป็นอย่างมาก,ไม่รู้ว่าฝ่าบาทเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่?"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้ง,จงซานอย่างงั้นรึ?"
"จงซาน,แผนการสวรรค์ล่มห้าขั้น,เพียงแค่สี่ขั้น,ก็นับว่ายอดเยี่ยมอย่างที่สุดแล้ว,คาดไม่ถึงเลยว่าหลายหมื่นปีมานี้,ในทวีปศักดิ์สิทธิ์จะมีคนที่มีความสามารถที่สามารถสร้างแผนการสวรรค์ล่มสงครามทางการค้าขึ้นมาได้อีกครั้ง,เฉินคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับคนเช่นนี้หลังจากฟื้นคืนกลับมา!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวพลางถอนหายใจเบาๆ.
"ท่านลู่,เห็นการล่าสัตว์แล้วจิตใจเบิกบานอย่างงั้นรึ?"หลี่ซือที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.
见猎心喜 สำนวน "เจี้ยนเลี่ยซินสี่" หรือ "เห็นการล่าสัตว์
จิตใจเบิกบาน" ใช้เพื่อเปรียบเปรยว่า นิสัยและความเคยชินเดิมๆ
นั้นยากที่จะลืม ยิ่งเมื่อพบแรงกระตุ้นเดิมๆ ก็มักจะอดใจไม่ไหว
"นานมาแล้ว,ที่ข้าไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น,เมื่อวานก่อนนี้ข้าเพิ่งเข้าใจแผนการสวรรค์ล่ม,และเมื่อวานก็ได้ทำการวิเคราะห์จงซาน,ข้อมูลต่างๆของเขาอย่างระมัดระวัง,คาดไม่ถึงบุคคลผู้นี้จะเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ,หลายปีที่มีพลังฝึกตนที่ต่ำมากแต่กลับสามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินสร้างความโกลาหลไปทั่วทั้งทวีปศักดิ์สิทธิ์."ลู่ปู้เหว่ยที่เผยยิ้มที่แปลกประหลาดออกมา.
"เกี่ยวกับการค้าหลายพันปีมานี้,ภายใต้สวรรค์น้อยนักที่ท่านลู่จะชำเลืองมอง!"หลี่ซือกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"เจ้าเคยเห็นจงซาน,คนผู้นี้เป็นอย่างไรบ้าง?"ลู่ปู้เหว่ยที่ชำเลืองมองไปยังหลี่ซือ.
"ในวันนั้นราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้งได้ยกระดับ,ข้าเองก็ได้เดินทางไป,เวลานั้นทูตของราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยรู้สึกหวาดกลัวเขาเป็นอย่างมาก,เป็นคนที่มีความสามารถในการปกครองสูงมาก,นอกจากนี้พรสวรรค์ทางร่างกายของเขานับว่าแย่มาก,หากแต่ราวกับว่านั่นมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องบางอย่าง!"หลี่ซือที่กล่าวครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น.
"พรสวรรค์ทางร่างกายอย่างงั้นรึ?
เขาที่อยู่บนเส้นทางฝึกตนเพียงสองร้อยปี?ด้วยพรสวรรค์ทางร่างกายที่ย่ำแย่อย่างงั้นรึ?"ดวงตาของลู่ปู้เหว่ยที่หรี่เล็ก,เผยท่าทางประหลาดใจเป็นอย่างมากออกมา.
"จงซานนับเป็นคนที่ร้ายกาจมาก,พลังฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งที่พรสวรรค์ทางร่างกายต่ำเตี้ย,เหนือยิ่งกว่าคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมซะอีก!"หลี่ซือตอบ.
"มีพรสวรรค์ทางร่างกายย่ำแย่อย่างใด?"
"ร่างสนิมทองแดง,หากเป็นคนทั่วไปจะก้าวไปถึงแค่ระดับแกนทองเท่านั้น!"หลี่ซือตอบ.
"สามารถที่จะสร้างราชวงศ์ราชันย์ได้,จะเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้อย่างไร?"ลู่ปู้เหว่ยส่ายหน้าไปมา.
"อืม,ไม่รู้ว่าท่านลู่พบอะไรน่าสนใจอีกอย่างงั้นรึ?"หลี่ซือสอบถามออกไปอีกครั้ง.
"ดูเหมือนว่าทางภาคใต้เวลานี้สงครามการค้าจะถูกนำมาใช้อีกครั้งแล้ว!"ใบหน้าของลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวอย่างมั่นใจ.
"หืม?"หยิงที่แสดงท่าทางสนใจขึ้นมาเหมือนกัน.
"แน่นอนว่าจะต้องเป็นจงซานเป็นคนเริ่ม."ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวอย่างมั่นใจอีกครั้ง.
"ข้อมูลต่างๆที่ท่านลู่ได้ดูเพียงแค่สองวันก็มั่นใจว่าส่งครามการค้าได้เริ่มขึ้นแล้วอย่างงั้นรึ?"หลี่ซือที่ขมวดคิ้วไปมา.
ลู่ปู้เหว่ยที่จ้องมองไปยังหลี่ซือแล้วกล่าวออกมาว่า,"ข้ารู้ว่าท่านนั้นเป็นคนระเอียดแค่ใหน,ทุกๆการเคลื่อนไหวของสถานการณ์ต่างๆแม้แต่การค้าขาย,ยังบันทึกได้อย่างระเอียด,ตลอดสามเดือนมานี้จากข้อมูลแล้ว,สามารถบอกได้เลยว่าภาคใต้กำลังเกิดสงครามการค้าที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน."
"สงครามการค้าที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินอย่างงั้นรึ?"หยิงที่สอบถามด้วยความสนใจ.
"ขอรับ,เฉินสามารถยืนยันได้ว่า,สงครามการค้าครั้งนี้,รุนแรงเป็นอย่างมากแน่นอน,จากความเห็นของข้า,มันดูรุนแรงและกว้างใหญ่ยิ่งกว่าแผนการสวรรค์ล่มซะอีก!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวด้วยความมั่นใจ.
"กว้างขวาง?"หยิงที่เคาะไปมาบนพนักมังกรสอบถาม.
"ครับ,กินพื้นที่ใหญ่มากๆ!"ดวงตาของลู่ปู้เหว่ยที่ขดเข้าหากัน.
"ใหญ่? ใหญ่ขนาดใหน?"หลี่ซือสอบถาม.
"มากกว่า 15 ราชวงศ์ราชันย์,หรือแม้แต่ทั่วทั้งราชวงศ์ราชันย์ในภาคใต้ทั้งหมดก็เป็นได้!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะพบกับคู่ต่อกรที่น่าสนใจเข้าแล้วสินะ!"หยิงที่เผยยิ้มแสดงท่าทางสนใจ.
"คู่ต่อกร?ยังไม่แน่ใจเช่นกัน,จะต้องพิจารณาว่าสงครามการค้าครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่,นอกจากนี้ที่ข้าเห็นยังพบว่ามีกลุ่มอิทธิพลอื่นเข้ามาแทรกแซงด้วยเช่นกัน."ลู่ปู้เหว่ยที่ส่ายหน้าไปมา.
"ข้าเองก็ต้องการเห็นเกี่ยวกับสงครามการค้าเช่นกัน!"หยิงเจิ้งที่เผยแววตาอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น.
"เฉินจะทำการวิเคราะห์เนื้อหาเกี่ยวกับสงครามการค้าให้เร็วที่สุด,และส่งมอบให้กับฝ่าบาท!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยความเคร่งขรึม.
"อืม!"
*******
《见猎心喜》 จี้ยนเลี่ยซินสี่ :
"เห็นการล่าสัตว์ จิตใจเบิกบาน"《见猎心喜》
见(jiàn) อ่านว่า เจี้ยน แปลว่า
พบ
猎(liè) อ่านว่า เลี่ย แปลว่า
ล่าสัตว์
心(xīn)
อ่านว่า ซิน แปลว่า ใจ
喜(xǐ)
อ่านว่า สี่ แปลว่า
เบิกบาน
ในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ(เป่ยซ่ง) มีปราชญ์ผู้รอบรู้นามว่า เฉิงห้าว
หรือ หมิงเต้าผู้เลื่องชื่อ
ในช่วงวัยหนุ่มเขาปักหลักเผยแพร่ความรู้อยู่ที่เมืองซีจิง
มณฑลลั่วหยางจนมีชื่อเสียงกว้างไกล อีกทั้งน้องชายของเขา นามเฉิงอี๋
ก็เป็นนักวิชาการผู้มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน ผู้คนจึงพากันเรียกพวกเขาในนาม
"เฉิงทั้งสอง"
ต่อมาแนวคิดของพวกเขาได้รับการสนับสนุนและพัฒนาต่อโดยปราชญ์แห่งลัทธิขงจื๊อนามจูซี
ผู้คนจึงเรียกแนวคิดของพวกเขาว่า "การศึกษาแนวเฉิงจู"
เมื่อเฉิงห้าวอายุ 16 ปี เขามีความชื่นชอบในการล่าสัตว์ยิ่งนัก
ต่อมาภายหลังเขาได้ทุ่มเทเวลาไปกับการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการจนไม่มีเวลา
และไร้กะจิตกะใจออกไปล่าสัตว์ ครั้งหนึ่งเขาจึงเอ่ยปากกับมิตรสหายว่า
"ข้าไม่มีนิสัยชอบการล่าสัตว์อีกต่อไปแล้ว"
ในตอนนั้นเอง สหายนาม โจว เม่าซู ได้เอ่ยโต้ตอบว่า
"ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป โปรดอย่าพูดออกมาง่ายๆ เช่นนั้น ด้วยว่าข้าเห็นว่าท่านมิใช่ไม่ชื่นชอบการล่าสัตว์
เพียงแต่ความรู้สึกนั้นถูกซุกซ่อนอยู่ส่วนลึกในจิตใจท่าน
ไม่แน่ว่าวันใดที่ท่านอดรนทนไม่ไหว ท่านอาจจะกลับไปสนุกสนานกับการล่าสัตว์
เช่นเดียวกับตอนที่ท่านยังเป็นหนุ่มก็เป็นได้"
เฉิงห้าวได้ฟังก็เพียงแต่หัวเราะ มิได้โต้ตอบอันใด
ผ่านมาอีก 12 ปีให้หลัง เฉิงห้าวจึงค่อยพบประสบการณ์ที่สหายบอกเล่า
ครั้งนั้นเขาอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากต่างเมือง
พลันพบเห็นผู้คนกำลังล่าสัตว์อยู่กลางท้องทุ่ง ทำให้เขานึกถึงความสนุกสนาน
และความตื่นเต้นในการล่าสัตว์ จนคันไม่คันมือแทบอดใจไม่ไหว แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของสหายเมื่อครั้งก่อน
จึงได้อดใจเดินทางต่อในที่สุด
สำนวน "เจี้ยนเลี่ยซินสี่" หรือ "เห็นการล่าสัตว์
จิตใจเบิกบาน" ใช้เพื่อเปรียบเปรยว่า นิสัยและความเคยชินเดิมๆ
นั้นยากที่จะลืม ยิ่งเมื่อพบแรงกระตุ้นเดิมๆ ก็มักจะอดใจไม่ไหว
ที่มา https://mgronline.com/china/detail/9530000026110
Chapter 686 under the heavens Bu Ru
天下布儒
สร้างผู้ศรัทธาทั่วทั้งแผ่นดิน.
จื่อซวินจากไปแล้ว,จงซานที่ถอนหายใจเบาๆ!
สองวันหลังจากนั้น,สุ่ยจิงและเป่ยชิงซือก็เดินทางกลับมา!
"เป็นอย่างไรบ้าง?"จงซานที่จ้องมองสอบถามคนทั้งสอง.
"การพูดคุยกับกุยเสอเป็นไปอย่างราบรื่น!"เป่ยชิงซือที่เผยยิ้ม,แววตาที่เผยท่าทางพึงพอใจ.
"การพูดคุยขั้นต้น,นับว่าประสบผลสำเร็จดี,มีเหรอที่พวกเขาจะไม่ต้องการ,การชักชวนเส้าเหยี่ยเผ่าเต่าทมิฬ! หากว่าสามารถโน้มน้าวสำเร็จ,เผ่าเต่าทมิฬส่วนใหญ่ย่อมต้องยอมรับ!"สุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมากล่าวด้วยความมั่นใจ.
"เรื่องนี้มอบให้เจ้า,ข้าถึงจะสามารถวางใจได้!"จงซานที่กล่าวชื่นชมออกมา.
"ขอบพระทัยฝ่าบาท!"สุ่ยจิงที่พยักหน้ารับ.
"เรื่องนี้ต้องรบกวนเจ้าแล้ว,ไปพักผ่อนก่อนเถอะ!"
"ขอรับ!"สุ่ยจิงพยักหน้า,ก่อนที่จะจากไป.
เหลือเพียงเป่ยชิงซือและจงซานในห้องโถง.
"พวกเรากลับตำหนักกันเถอะ!"จงซานที่โอบพยุงเอวของเป่ยชิงซือและกล่าวออกมา.
"อืม!"ใบหน้าของเป่ยชิงซือที่แดงระเรื่อ.
..............
ราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ย! ภายในห้องโถงแห่งหนึ่ง!
ภายในตำหนักนั้นมีคนสี่คนยืนอยู่,กงเหล่ยเทียน,ตอนนี้ได้กลายเป็นเซิ่งซ่างของราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยไปแล้ว,เต๋าจวินเซิ่งหย๋า,เซอคงและกุยเซอ.
"ฝ่าบาท,สถานการตอนนี้ล่ะ?"เซอคองที่จับจ้องมองไปยังกงเหล่ยเทียน.
"อืม,เกี่ยวกับสร้างผู้ศรัทธาทั่วหล้า,ให้เจ้าเป็นคนรับผิดชอบ,หลังจากที่สงครามภาคเหนือสงบ,ข้าต้องการเผยแพร่ลัทธิออกไปให้ทั่ว,และสร้างลัทธิหงหรูขึ้นมาทั่วโลก!"กงเหล่ยเทียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ขอรับ,เฉินจะเร่งรีบดำเนินการตามรับสั่งของฝ่าบาท!"เซอคงที่พยักหน้ารับ.
"เจ้าออกไปก่อน!"กงเหล่ยเทียนกล่าว.
"ขอรับ!"นักบวชเซอคงที่รับคำและเร่งรีบถอยออกไปทันที.
"สร้างผู้ศรัทธาทั่วหล้าอย่างงั้นรึ?
ช่างเป็นคำพูดที่ใหญ่โตนัก,เจ้าต้องการกลืนกินทั่วโลกอย่างงั้นรึ?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่เปรยออกมา.
"ทุกๆอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป,แดนเทพอมตะเองไม่ใช่ว่าต้องการครองทั่วหล้าด้วยหรอกรึ?"กงเหล่ยเทียนที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ.
"แดนเทพอมตะ? เจ้าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแดนเทพอมตะหรอกรึ?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋ากล่าวออกมาเล็กน้อย.
"เป็นราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยไม่ใช่รึที่เป็นส่วนหนึ่งของแดนเทพอมตะ?"กงเหล่ยเทียนที่เผยยิ้มบางๆ.
เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่ชำเลืองมองกงเหล่ยเทียน,ท้ายที่สุดก็เผยรอยยิ้มที่แปลกประหลาด,หากแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา.
กงเหล่ยเทียนที่ชำเลืองมองเต๋าจวินเซิ่งหย๋า,แววตาที่มีความแปลกประหลาดแฝงอยู่.
"เอาล่ะ,กุยโซว,เจ้ากล่าวได้แล้ว!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่ชำเลืองมองมายังกุยโซวทันที.
กงเหล่ยเทียนเองก็ชำเลืองมองกุยโซวเช่นกัน.
"วันนั้น,พวกเราได้นำอู๋จิวเทียนกลับมา,ระหว่างทางได้พักรักษาบาดแผลที่เกาะอีกา............!"กุยโซวที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับการอู่จิวเทียนถูกช่วยไปตั้งแต่ต้นจนจบ.
."ช้าก่อน,เจ้าบอกว่าหวังคูเพียงแค่ประจันหน้ากับเจ้าเท่านั้นอย่างงั้นรึ?
ก่อนที่เจ้าจะหนีมาได้รึ?"กงเหล่ยเทียนที่ชำเลืองมองไปยังกุยโซว
กุยโซวที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย,เพียงแค่,อย่างงั้นรึ?
หมายความว่ารู้สึกผิดหวังอย่างงั้นรึ?
"อืม!"กุยโซวพยักหน้ารับด้วยท่าทางไม่ดีนัก.
"คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าทำกับข้าเป็นครั้งแรก!?"แววตาของกงเหล่ยเทียนที่เปลี่ยนเป็นเย็นชา.
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าที่เกาะหงส์เพลิงนั้น,กงเหล่ยเทีนที่คิดว่าหวังคูคือยอดฝีมือ,คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพียงแค่การโอ้อวดเท่านั้น.
"อะไรคือครั้งแรกอย่างงั้นรึ?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่แสดงท่าทางสงสัยเล็กน้อย.
"ไม่มีอะไร!"
"เกี่ยวกับอสุรกายแปดหาง,เจ้ารู้จักหรือไม่?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่สอบถามออกไป.
"ไม่เคยได้ยินเช่นกัน,ในโลกใบใหญ่นั้นมีเผ่าอสูรมากมาย,ยกเว้นปราชญ์เทพแล้ว,ใครจะรู้จักทั้งหมดล่ะ?"ไท่จื่อเหล่ยเทียนที่ส่ายหน้าไปมา.
"อืม,เมื่อไม่นานมานี้,จงซานได้ส่งทูตมายังตำหนักเต๋าทมิฬ,ต้องการเสนอนิรโทษกรรมให้กับเผ่าเต่าทมิฬ.........!"กุยโซวที่กล่าวต่อ.
"เสนอนิรโทษกรรมอย่างงั้นรึ?
เข้าไปหาเผ่าเต่าทมิฒตรงๆเลยรึ?"กงเหล่ยเทียนที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
"ใช่!"กุยโซวพยักหน้า.
"ท่านคิดว่าอย่างไร?."กงเหล่ยเทียนจับจ้องมองไปยังเต๋าจวินเซิ่งหย๋า.
เต๋าจวินเซิ่งหย๋าแค่นเสียงเหยียดหยัน,"ตอบรับข้อเสนอพวกเขาไป!"
"ให้รับข้อเสนอพวกเขาอย่างงั้นรึ?"กุยโซวที่ดวงตาเบิกกว้าง.
"แสร้งตอบรับ!"กงเหล่ยเทียนที่จ้องมองไปยังกุยโซวที่แสดงท่าทางสงสัย.
"แสร้งตอบรับรึ?
ให้ตอบรับหลอกๆ?"กุยโซวที่แสดงท่าทางสงสัย.
"อืม!
บางที่แดนเทพอมตะนั้นยังควบคุมราชวงศ์ราชันย์อีกหลายแห่งด้วย?"กงเหล่ยเทียนที่จับจ้องมองไปยังเต๋าจวินเซิ่งหย๋า.
"ใช่,อีกไม่นานพวกเราจะต้องกำจัดราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้ง,จงซานจะต้องหายไป,เร็วๆนี้เขาจะต้องพินาศสิ้น!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"จงซานอยู่ในสวนลอยฟ้าหลิงเซียว,เขาที่ยืมอำนาจฟ้าดินของต้าเจิ้งคุ้มครองตัวเอง,นอกจากนี้ยังมีตี้เสวียนชาอีก,การจะสังหารเขา,ไม่ใช่เรื่องง่าย!"กงเหล่ยเทียนที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"จะสังหารเขา,แน่นอนว่าจะต้องเตรียมการ,มีปัญหาอะไร,เจ้าต้องการเข้าร่วมกับพวกเราอย่างงั้นรึ?"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่จับจ้องมองไปยังกงเหล่ยเทียน.
"ข้ารึ? เฮ้เฮ้,ในเมือท่านเตรียมการเรียบร้อยแล้ว,จำเป็นต้องให้ข้าไปเกี่ยวข้องด้วยรึ?
ราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยไม่ใช่ส่วนหนึ่งของท่านรึไง,สงครามภาคเหนือยังต้องการข้าดูแล,ลัทธิของข้าเองก็กำลังก่อตั้ง,ไม่สามารปลีกตัวได้!"กงเหล่ยเทียนกล่าวแย้ง.
"!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
"ขอให้ได้ชัยชนะ! กุดหัวจงซานได้!"กงเหล่ยเทียนเผยยิ้มชั่วร้ายออกมา.
"อืม!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋าพยักหน้า.
"ไป!"เต๋าจวินเซิ่งหย๋ากล่าวต่อกุยโซว.
"อืม!"
.............
สามเดือนหลังจากนั้น.
ราชวงศ์สวรรค์ต้าฉิน,ท้องพระโรง.
ในท้องพระโรงเวลานี้มีเหล่าขุนนางที่สวมชุดขุนนางเต็มไปด้วยความสง่างามเป็นจำนวนมาก.
บุรุษผู้หนึ่งในชุดคลุมสีเหลืองที่ดูสง่าอลังการ,มีลวดลายที่แปลกประหลาด,ใบหน้าที่ดูธรรมดา,แต่กับเต็มไปด้วยสง่าราศีอำนาจที่ยิ่งใหญ่แฝงอยู่,ทำให้คนอื่นเห็นต้องเคารพ,ยืนอยู่หัวแถวด้านขวา.
ส่วนด้านซ้ายนั้นก็คือเสนาบดีใหญ่หลี่ซือ!
แน่นอนว่าด้านหลังหัวแถวลำดับที่หนึ่งย่อมเป็นคนที่มีสถานะเทียบเท่ากับหลี่ซือ,เขาคือคนที่เพิ่งวิญญาณหวนกลับเมื่อเร็วๆหนี้,มือขวาของต้าฉิน,ลู่ปู้เหว่ย!
หยิงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือกว่าทุกคนทั่วแผ่นดินต้าฉิน,สถานะสูงสุดตลอดกาลไม่มีใครสามารถแทนที่ได้,ทุกคนที่ได้แต่จับจ้องแหงนมองได้ถึงอำนาจวาสนาที่สุงที่สุดของราชวงศ์สวรรค์ต้าฉิน.
"ไป๋ฉีที่สนามรบภาคเหนือเป็นอย่างไรบ้าง?"หยิงเอ่ยถาม.
หลี่ซือที่อยู่ด้านซ้ายแถวได้เร่งรีบก้าวออกมาในทันที,"กงอู๋อานไป๋นั้นได้ชัยชนะ,และฝังคนเป็นเป็นจำนวนมาก,กับการออกไปรบในครั้งนี้,เป็นสัญญาณดีในการฟื้นตัว."
"อืม!"หยิงพยักหน้า,แสดงท่าทางพึงพอใจ.
"เรียนฝ่าบาท!"หลี่ซือที่ขมวดคิ้วไปมาอีกครั้ง.
"หืม?"
"เมื่อเร็วนี้เฉินได้รับข่าว,ว่ามีราชวงศ์ราชันย์ทางตะวันตก,ปรากฏลัทธิบางอย่างขึ้น!"หลี่ซือกล่าวออกมาด้วยความเคารพ,ดวงตาที่เผยท่าทางเย็นชาเช่นกัน.
"ลัทธิอย่างงั้นรึ?"ใบหน้าของหยิงที่เผยแววตาเหยียดหยัน.
"น่าจะมาจากราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ย,เซิ่งซ่างองค์ใหม่,กงเหล่ยเทียน!"หลี่ซือกล่าวออกมาด้วยความสุขุม.
"กงเหล่ยเทียน? เฮ้เอ้,ผู้เยาว์ตระกูลกง?
คาดไม่ถึงเลยว่าจะมาเผยแพร่ลัทธิไกลถึงโลกใบเล็กแห่งนี้เลยรึ?"หยิงที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
"ฝ่าบาท,จะให้ฝังเหล่าสาวกลัทธิดังกล่าวหรือไม่?"หลี่ซือที่จับจ้องมองไปยังหยิง.
สายตาของหลี่ซือนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร,เขาที่เกลียดชังลัทธิดังกล่าวเป็นอย่างมาก,หากไม่เพราะหยิงเขาคงจะลงมือไปแล้ว.
"ช้าก่อน,ข้าต้องการเห็นความสามารถของผู้เยาว์ตระกูลกง,จะมีความสามารถขนาดใหน! เหล่ยเทียนสินะ?!"หยิงที่กล่าวอย่างไม่แยแส.
"ขอรับ!"หลี่ซือที่พยักรับด้วยความเคารพ.
"ลู่ปู้เหว่ย,เจ้าฟื้นฟูกลับมาเป็นอย่างไรบ้าง?"หยิงที่จับจ้องมองไปยังลู่ปู้เหว่ย.
"ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เป็นห่วง,เฉินตอนนี้ฟื้นฟูกลับมา
1ในสิบส่วนแล้ว!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
"อืม!
การฟื้นฟูของเจ้านับว่าค่อนข้างเร็ว."หยิงพยักหน้า.
"ฝ่าบาท,แม้ว่าเฉินจะเพิ่งฟื้นหวนกลับมาไม่นาน,ที่จริงก็พบเรื่องที่น่าสนใจเข้าเช่นกัน!"ลู่ปู้เหว่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มในทันที.
"หืม?"
"ก่อนเมื่อวานนี้,เฉินได้รวบรวมข้อมูลทั่วหล้า,เพิ่งจะได้เห็นการรบด้วยสงครามการค้า,แผนการสวรรค์ล่ม,นับเป็นแผนที่ยอดเยี่ยม,วิเศษเป็นอย่างมาก,ไม่รู้ว่าฝ่าบาทเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่?"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้ง,จงซานอย่างงั้นรึ?"
"จงซาน,แผนการสวรรค์ล่มห้าขั้น,เพียงแค่สี่ขั้น,ก็นับว่ายอดเยี่ยมอย่างที่สุดแล้ว,คาดไม่ถึงเลยว่าหลายหมื่นปีมานี้,ในทวีปศักดิ์สิทธิ์จะมีคนที่มีความสามารถที่สามารถสร้างแผนการสวรรค์ล่มสงครามทางการค้าขึ้นมาได้อีกครั้ง,เฉินคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับคนเช่นนี้หลังจากฟื้นคืนกลับมา!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวพลางถอนหายใจเบาๆ.
"ท่านลู่,เห็นการล่าสัตว์แล้วจิตใจเบิกบานอย่างงั้นรึ?"หลี่ซือที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.
见猎心喜 สำนวน "เจี้ยนเลี่ยซินสี่" หรือ "เห็นการล่าสัตว์
จิตใจเบิกบาน" ใช้เพื่อเปรียบเปรยว่า นิสัยและความเคยชินเดิมๆ
นั้นยากที่จะลืม ยิ่งเมื่อพบแรงกระตุ้นเดิมๆ ก็มักจะอดใจไม่ไหว
"นานมาแล้ว,ที่ข้าไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น,เมื่อวานก่อนนี้ข้าเพิ่งเข้าใจแผนการสวรรค์ล่ม,และเมื่อวานก็ได้ทำการวิเคราะห์จงซาน,ข้อมูลต่างๆของเขาอย่างระมัดระวัง,คาดไม่ถึงบุคคลผู้นี้จะเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ,หลายปีที่มีพลังฝึกตนที่ต่ำมากแต่กลับสามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินสร้างความโกลาหลไปทั่วทั้งทวีปศักดิ์สิทธิ์."ลู่ปู้เหว่ยที่เผยยิ้มที่แปลกประหลาดออกมา.
"เกี่ยวกับการค้าหลายพันปีมานี้,ภายใต้สวรรค์น้อยนักที่ท่านลู่จะชำเลืองมอง!"หลี่ซือกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"เจ้าเคยเห็นจงซาน,คนผู้นี้เป็นอย่างไรบ้าง?"ลู่ปู้เหว่ยที่ชำเลืองมองไปยังหลี่ซือ.
"ในวันนั้นราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้งได้ยกระดับ,ข้าเองก็ได้เดินทางไป,เวลานั้นทูตของราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยรู้สึกหวาดกลัวเขาเป็นอย่างมาก,เป็นคนที่มีความสามารถในการปกครองสูงมาก,นอกจากนี้พรสวรรค์ทางร่างกายของเขานับว่าแย่มาก,หากแต่ราวกับว่านั่นมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องบางอย่าง!"หลี่ซือที่กล่าวครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น.
"พรสวรรค์ทางร่างกายอย่างงั้นรึ?
เขาที่อยู่บนเส้นทางฝึกตนเพียงสองร้อยปี?ด้วยพรสวรรค์ทางร่างกายที่ย่ำแย่อย่างงั้นรึ?"ดวงตาของลู่ปู้เหว่ยที่หรี่เล็ก,เผยท่าทางประหลาดใจเป็นอย่างมากออกมา.
"จงซานนับเป็นคนที่ร้ายกาจมาก,พลังฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งที่พรสวรรค์ทางร่างกายต่ำเตี้ย,เหนือยิ่งกว่าคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมซะอีก!"หลี่ซือตอบ.
"มีพรสวรรค์ทางร่างกายย่ำแย่อย่างใด?"
"ร่างสนิมทองแดง,หากเป็นคนทั่วไปจะก้าวไปถึงแค่ระดับแกนทองเท่านั้น!"หลี่ซือตอบ.
"สามารถที่จะสร้างราชวงศ์ราชันย์ได้,จะเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้อย่างไร?"ลู่ปู้เหว่ยส่ายหน้าไปมา.
"อืม,ไม่รู้ว่าท่านลู่พบอะไรน่าสนใจอีกอย่างงั้นรึ?"หลี่ซือสอบถามออกไปอีกครั้ง.
"ดูเหมือนว่าทางภาคใต้เวลานี้สงครามการค้าจะถูกนำมาใช้อีกครั้งแล้ว!"ใบหน้าของลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวอย่างมั่นใจ.
"หืม?"หยิงที่แสดงท่าทางสนใจขึ้นมาเหมือนกัน.
"แน่นอนว่าจะต้องเป็นจงซานเป็นคนเริ่ม."ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวอย่างมั่นใจอีกครั้ง.
"ข้อมูลต่างๆที่ท่านลู่ได้ดูเพียงแค่สองวันก็มั่นใจว่าส่งครามการค้าได้เริ่มขึ้นแล้วอย่างงั้นรึ?"หลี่ซือที่ขมวดคิ้วไปมา.
ลู่ปู้เหว่ยที่จ้องมองไปยังหลี่ซือแล้วกล่าวออกมาว่า,"ข้ารู้ว่าท่านนั้นเป็นคนระเอียดแค่ใหน,ทุกๆการเคลื่อนไหวของสถานการณ์ต่างๆแม้แต่การค้าขาย,ยังบันทึกได้อย่างระเอียด,ตลอดสามเดือนมานี้จากข้อมูลแล้ว,สามารถบอกได้เลยว่าภาคใต้กำลังเกิดสงครามการค้าที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน."
"สงครามการค้าที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินอย่างงั้นรึ?"หยิงที่สอบถามด้วยความสนใจ.
"ขอรับ,เฉินสามารถยืนยันได้ว่า,สงครามการค้าครั้งนี้,รุนแรงเป็นอย่างมากแน่นอน,จากความเห็นของข้า,มันดูรุนแรงและกว้างใหญ่ยิ่งกว่าแผนการสวรรค์ล่มซะอีก!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวด้วยความมั่นใจ.
"กว้างขวาง?"หยิงที่เคาะไปมาบนพนักมังกรสอบถาม.
"ครับ,กินพื้นที่ใหญ่มากๆ!"ดวงตาของลู่ปู้เหว่ยที่ขดเข้าหากัน.
"ใหญ่? ใหญ่ขนาดใหน?"หลี่ซือสอบถาม.
"มากกว่า 15 ราชวงศ์ราชันย์,หรือแม้แต่ทั่วทั้งราชวงศ์ราชันย์ในภาคใต้ทั้งหมดก็เป็นได้!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะพบกับคู่ต่อกรที่น่าสนใจเข้าแล้วสินะ!"หยิงที่เผยยิ้มแสดงท่าทางสนใจ.
"คู่ต่อกร?ยังไม่แน่ใจเช่นกัน,จะต้องพิจารณาว่าสงครามการค้าครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่,นอกจากนี้ที่ข้าเห็นยังพบว่ามีกลุ่มอิทธิพลอื่นเข้ามาแทรกแซงด้วยเช่นกัน."ลู่ปู้เหว่ยที่ส่ายหน้าไปมา.
"ข้าเองก็ต้องการเห็นเกี่ยวกับสงครามการค้าเช่นกัน!"หยิงเจิ้งที่เผยแววตาอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น.
"เฉินจะทำการวิเคราะห์เนื้อหาเกี่ยวกับสงครามการค้าให้เร็วที่สุด,และส่งมอบให้กับฝ่าบาท!"ลู่ปู้เหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยความเคร่งขรึม.
"อืม!"
*******
《见猎心喜》 จี้ยนเลี่ยซินสี่ :
"เห็นการล่าสัตว์ จิตใจเบิกบาน"《见猎心喜》
见(jiàn) อ่านว่า เจี้ยน แปลว่า
พบ
猎(liè) อ่านว่า เลี่ย แปลว่า
ล่าสัตว์
心(xīn)
อ่านว่า ซิน แปลว่า ใจ
喜(xǐ)
อ่านว่า สี่ แปลว่า
เบิกบาน
ในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ(เป่ยซ่ง) มีปราชญ์ผู้รอบรู้นามว่า เฉิงห้าว
หรือ หมิงเต้าผู้เลื่องชื่อ
ในช่วงวัยหนุ่มเขาปักหลักเผยแพร่ความรู้อยู่ที่เมืองซีจิง
มณฑลลั่วหยางจนมีชื่อเสียงกว้างไกล อีกทั้งน้องชายของเขา นามเฉิงอี๋
ก็เป็นนักวิชาการผู้มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน ผู้คนจึงพากันเรียกพวกเขาในนาม
"เฉิงทั้งสอง"
ต่อมาแนวคิดของพวกเขาได้รับการสนับสนุนและพัฒนาต่อโดยปราชญ์แห่งลัทธิขงจื๊อนามจูซี
ผู้คนจึงเรียกแนวคิดของพวกเขาว่า "การศึกษาแนวเฉิงจู"
เมื่อเฉิงห้าวอายุ 16 ปี เขามีความชื่นชอบในการล่าสัตว์ยิ่งนัก
ต่อมาภายหลังเขาได้ทุ่มเทเวลาไปกับการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการจนไม่มีเวลา
และไร้กะจิตกะใจออกไปล่าสัตว์ ครั้งหนึ่งเขาจึงเอ่ยปากกับมิตรสหายว่า
"ข้าไม่มีนิสัยชอบการล่าสัตว์อีกต่อไปแล้ว"
ในตอนนั้นเอง สหายนาม โจว เม่าซู ได้เอ่ยโต้ตอบว่า
"ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป โปรดอย่าพูดออกมาง่ายๆ เช่นนั้น ด้วยว่าข้าเห็นว่าท่านมิใช่ไม่ชื่นชอบการล่าสัตว์
เพียงแต่ความรู้สึกนั้นถูกซุกซ่อนอยู่ส่วนลึกในจิตใจท่าน
ไม่แน่ว่าวันใดที่ท่านอดรนทนไม่ไหว ท่านอาจจะกลับไปสนุกสนานกับการล่าสัตว์
เช่นเดียวกับตอนที่ท่านยังเป็นหนุ่มก็เป็นได้"
เฉิงห้าวได้ฟังก็เพียงแต่หัวเราะ มิได้โต้ตอบอันใด
ผ่านมาอีก 12 ปีให้หลัง เฉิงห้าวจึงค่อยพบประสบการณ์ที่สหายบอกเล่า
ครั้งนั้นเขาอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากต่างเมือง
พลันพบเห็นผู้คนกำลังล่าสัตว์อยู่กลางท้องทุ่ง ทำให้เขานึกถึงความสนุกสนาน
และความตื่นเต้นในการล่าสัตว์ จนคันไม่คันมือแทบอดใจไม่ไหว แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของสหายเมื่อครั้งก่อน
จึงได้อดใจเดินทางต่อในที่สุด
สำนวน "เจี้ยนเลี่ยซินสี่" หรือ "เห็นการล่าสัตว์
จิตใจเบิกบาน" ใช้เพื่อเปรียบเปรยว่า นิสัยและความเคยชินเดิมๆ
นั้นยากที่จะลืม ยิ่งเมื่อพบแรงกระตุ้นเดิมๆ ก็มักจะอดใจไม่ไหว
ที่มา https://mgronline.com/china/detail/9530000026110
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น