วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Immortality Chapter 639 Premeditation of Unaging World

Immortality Chapter 639  Premeditation of Unaging World

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 639 แผนการที่วางเอาไว้ของโลกอมตะ


Chapter 639  Premeditation of Unaging World
不老界的预谋
  แผนการที่วางเอาไว้ของโลกอมตะ

จงซานไม่ได้ต้องการรั้งรอดูการต่อสู้ระหว่างหนานกงเซิ่งและเผ่าอูสองคนได้,การต่อสู้กับเผ่าอูคนเดียวก่อนหน้านี้,ทำให้จงซานใช้พลังไปเกือบหมด,การเปิดหลุมสังสารวัฏกินพลังเป็นจำนวนมาก.


แม้นว่าขนาดของมันไม่ได้ใหญ่มากนัก,หากแต่ก็เปิดขึ้นถึงเจ็ดจุด,นับว่ามีพลังเทียบได้กับการเปิดหลุมขนาดใหญ่เพื่อจัดการเทพอสูรซือเนาก่อนหน้านี้เลย,แม้ว่ามันจะไม่ทำให้เขาหมดสติทันที,ทว่าตอนนี้ร่างกายของเขาก็อ่อนล้าอย่างที่สุด.

เขาไม่มีเวลาพอที่จะเรียกหยินโหลวหรี่ด้วยซ้ำ,อีกอย่างเขาเองก็ต้องระมัดระวังด้วยเช่นกัน,คนผู้นี้เขาเพิ่งรู้จัก,เขาที่อยู่ในเส้นแบ่งความเป็นความตาย,ไม่สามารถมั่นใจที่จะฝากชีวิตเอาไว้ได้.

จงซานในเวลานี้,พุ่งตรงไปยังเส้นทางที่กู่เฉียนโหยวได้เดินทางออกไป.

พื้นที่บางแห่งยังมีฝนโลหิตตกลงมาอยู่,ท้องฟ้าที่มืดคลึ้ม,จงซานที่เปลี่ยนร่างเป็นร่างเงา,เคลื่อนที่ไปบนพื้นดิน,เวลานี้,เห็นเพียงแค่เงาดำที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว.

แน่นอนว่าคือร่างแยกเงาจงซานนั่นเอง.

และเวลาเดียวกันยังมีร่างโคลนของเขาอยู่,เวลานี้ได้ยื่นมือออกไปคว้าไปยังสิ่งของบางอย่าง.

ธวัชซิงหวงหนึ่งในธวัชห้าเหลี่ยม! พร้อมกับไม้เท้าของเผ่าอู,ทั้งสองนั้นไม่สามารถเก็บในกำไลเก็บของได้,ทว่าทักษะของร่างเงาของจงซานนั้นไม่ธรรมดา,ตราบเท่าที่ไม่มีขนาดใหญ่กว่าตัว,ถึงแม้ว่าจะเป็นเซียนฉี,ก็สามารถใส่เข้าไปในร่างแยกเงาเพื่อเก็บได้.

ได้สมบัติทั้งสองชิ้นมา,ร่างโคลนจงซานก็พุ่งตรงตามร่างหลักไปในทันที.

เป็นความจริงไม่นานหลังจากนั้น,หยินโหลวหรี่และเทียนเซียวก็ฟื้นขึ้นมา.

ทันทีที่เขาฟื้นขึ้นมา,ความทรงจำสุดท้ายที่พวกเขาพบนั้นน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

หลุมสังสารวัฏ? ถูกไม้เท้าทำลายหลุมสังสารวัฏ?

คนทั้งสองที่มองหน้ากันและกัน,พร้อมกับกวาดตามองไปยังพื้นที่รอบๆมีผู้ฝึกตนมากมายที่หมดสติ.

ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกัน?

จงซานตายแล้วรึ? ถูกคนของเผาอูสังหารไปอย่างงั้นรึ? ไม่ใช่,หากจงซานตาย,พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร? แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? จงซานสังหารเผ่าอูอย่างงั้นรึ? เป็นไปได้ด้วยรึ?

จงซานและคนของเผ่าอูตกตายไปทั้งคู่เลยรึไม่?

ในใจของทั้งสองที่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างสมบูรณ์,ต่างก็จ้องมองหน้ากันและกัน,ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้.

เวลาผ่านไป,คนที่ฟื้นคืนสติก็มากขึ้นเรื่อยๆ.

สายตาทุกคนที่กวาดตามองพื้นที่รอบๆ,รับรู้ว่าได้ถูกช่วยเอาไว้,ก็เผยแววตาตื่นเต้นดีใจ,ในเวลาเดียวกัน,ทุกคนที่เห็นหนานกงเซิ่งและคนเผ่าอูยังต่อสู้กันอยู่ห่างออกไป.

ทุกคนที่หวาดผวาขึ้นมาในทันที,เร่งรีบหนีอย่างรวดเร็ว,หากไม่หนีในตอนนี้,ต้องแย่อย่างแน่นอน.

ในเวลาเดียวกัน,ที่พื้นที่ไกลออกไปปรากฏริ้วเงาคนของราชวงศ์สวรรค์ต้าเหยี่ยนห้าสิบคน,ที่จ้องมองไปยังเหล่าผู้ฝึกตนถูกช่วยเอาไว้,มีคนที่เข้าไปรายงานซิงไท่โต่วอย่างรวดเร็ว.

"ไป!"เทียนเซียวไร้ซึ่งลังเล,นำคนตระกูลเทียนรีบหนีอย่างรวดเร็ว.

หยินโหลวหรี่เองก็เช่นกัน,จดจ้องมองคนตระกูลเทียนที่เร่งรีบหนีไป,แววตาของเขาที่หรี่เล็ก,ก่อนที่จะมุ่งหน้ายังอีกทาง,หยินโหลวหรี่จะต้องเดินทางไปยังราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้ง,ก่อนหน้านี้จงซานได้เอ่ยปากชวนเขาเอาไว้,หยินโหลวหรี่ต้องการพิสูจน์,ต้องการรับรู้ด้วยว่าจงซานยังอยู่ดีหรือไม่?

พื้นที่รอบๆเวลานี้,เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่เร่งรีบหนี,พวกเขาไม่กล้ารั้งรอแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว,คนเผ่าอูและหนานกงเซิ่งนั้นทรงพลังเกินธรรมดา,หากชักช้า,พวกเขาจะไร้ซึ่งโอกาสไปตลอดกาล.

ต่อหน้าผู้ฝึกตนจำนวนมาก,คนของราชวงศ์สวรรค์ต้าเหยี่ยนไม่กล้าขวางเอาไว้,ซิงไท่โต่วที่ยังคงไล่ล่าเก็บธวัชห้าเหลี่ยม,ไม่รู้ว่าได้ไปจำนวนเท่าไหร่แล้ว,ไม่ว่าอย่างไรก็มีส่วนหนึ่งที่ตกอยู่ในมือของจงซานเรียบร้อยแล้ว.

แทบจะในทันที,คนมากมายที่กระจายไปคนละทิศทาง.

ในหุบเขาแห่งหนึ่ง,เนียนโหยวโหยวและคนของโลกอมตะ.

ชายผมม่วงที่เป็นผู้นำ,ในเวลานี้ยืนอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง,จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมอกสีแดง,ที่มุมปากเผยยิ้มที่เย็นชาออกมา.

เนียนโหยวโหยวที่อยู่ข้างๆ,บนไหล่ของนางนั้นมีอสูรน้อยขนปุยเทพอสูรบรรพชน.

"ศิษย์น้อง,เจ้ามีอะไรถึงได้มาหาข้าในวันนี้?"ชายในผมสีม่วงที่หันหน้าจ้องมองไปยังเนียนโหยวโหยว,ที่มุมปากนั้นเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา.

"ศิษย์พี่,ท่านพบเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งอย่างงั้นรึ?"เนียนโหยวโหยวสอบถาม.

"ใช่แล้ว,ศิษย์น้อง,ในเมื่อเจ้าเอ่ยปาก,ว่าแต่เจ้ามีความเห็นอะไรหรือไม่?"ชายผมม่วงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

จากนั้น,ชายผมม่วงที่โบกมือ,พร้อมกับสร้างภาพด้วยวิชาของเขาเองปรากฏภาพของคนกลุ่มหนึ่งขึ้น.

เห็นคนกลุ่มดังกล่าว,เนียนโหยวโหยวดวงตาหดเกร็ง,แววตาสาดประกายด้วยความไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย,นี่มัน,จะเป็นไปได้อยางไร?

คนกลุ่มดังกล่าวก็คือกู่เฉียนโหยว,เซียนเซียน,เซียนเซิงซือ,อาวุโสจิวโถวและกลุ่มภูติหมาป่า,แม้ว่าเนียนโหยวโหยวจะไม่รู้จักทั้งหมด,ทว่ากู่เฉียนโหยวนางจดจำได้ดี.

ย้อนไปในอดีตที่เมืองเฟิงหลิงสถานที่ผนึกแปดหางสวรรค์แห่งจุดจบ,เนียนโหยวโหยวที่ไล่ตามจงซาน,ซึ่งนางได้เขม่นกับกู่เฉียนโหยวไม่น้อย,ในเวลานั้นนางที่เย้าแหย่กันและกัน,กล่าวได้ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันดีทีเดียว.

หมายความว่าอย่างไร?

แววตาของเนียนโหยวโหยวที่ประหลาดใจอย่างที่สุด,กู่เฉียนโหยวเดินทางมายังภพหยินอย่างงั้นรึ? เมื่อไหร่,หรือว่าเมื่อครั้งกู่เฉิงตงแยกสวรรค์,สะบั้นปฐพีอย่างงั้นรึ? ไม่ๆ,หลังจากนั้นเมื่อครั้งราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้งบุกเบิกดินแดน,กู่เฉียนโหยวยังอยู่เคียงข้างจงซานอยู่เลย,ไม่ใช่เวลานั้นแน่.

ในเมื่อไม่ใช่เวลานั้น,นางมายังภพหยินอย่างงั้นรึ? ถึงกระนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ,สิ่งสำคัญในเมื่อกู่เฉียนโหยวลงมายังภพหยิน,แล้วจงซานล่ะ? จงซานยอมแพ้ที่ภพหยางแล้ว,ลงมาด้านล่างอย่างงั้นรึ?

จงซานอยู่ในภพหยินอย่างงั้นรึ?

แววตาของเนียนโหยวโหยวที่วุ่นวายลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที,ตัวนางที่เดินทางมายังภพหยินเพื่อหลบหน้าจงซาน,ไม่คิดที่จะพบจงซานอีกแล้ว,ทว่าทำไมจงซานต้องมายังภพหยินด้วย,ทำไมหลายปีมานี้นางกลับไม่สามารถลบเรื่องของเขาได้เลยอย่างงั้นรึ?

เขามาอย่างงั้นรึ? เนียนโหยวโหยวที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย.

กับท่าทางวุ่นวายใจของนางไม่สามารถหลุดรอดไปจากสายตาชายผมม่วงอย่างแน่นอน.

"ศิษย์น้อง,เจ้าเป็นอะไรอย่างงั้นรึ?"ชายผมม่วงที่สอบถามออกมา.

ได้ยินเสียงของชายผมม่วง,เนียนโหยวโหยวที่ดึงสติกลับมา,ความวุ่นวายใจที่เก็บซ่อนเอาไว้ในทันที.

กับภาพฉายด้านหน้า,เนียนโหยวโหยวที่กล่าวออกมา,"ศิษย์พี่,ศิษย์น้องมีอะไรจะเตือนท่าน!"

"โอ้ว?เตือนข้า? ศิษย์น้องต้องการเตือนอะไรอย่างงั้นรึ?"ชายผมสีม่วงที่เผยท่าทางประหลาดใจ.

"ท่านรู้ใหมว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร?"เนียนโหยวโหยวสอบถามออกไป.

"ไม่รู้,แล้วอย่างไร?"

"ข้าเตือนศิษย์พี่อย่าไปหากเรื่องพวกเขาจะดีกว่า!"เนียนโหยวโหยวกล่าว.

"ไม่ควรหาเรื่องพวกเขาอย่างงั้นรึ?พูดอะไรน่าขันนัก,ทำไมถึงหาเรื่องพวกเขาไม่ได้? ภายในโลกใบเล็กแห่งนี้,โลกอมตะของพวกเราจะมีใครกล้าหาเรื่องพวกเรากัน?"ชายผมสีม่วงกล่าวแย้ง.

"อย่างน้อย,ก็ไม่ควรหาเรื่องสตรีผู้นั้น!"เนียนโหยวโหยวที่ชี้ไปยังภาพฉายของกู่เฉียนโหยว.

"นางรึ? ฮ่าฮ่าฮ่า,หากเป็นคนอื่น,ข้าเองคงจะฟังคำแนะนำของศิษย์น้อง,แต่นางนั้นไม่!"ชายผมม่วงที่ส่ายหน้าไปมา.

"ทำไม?"เนียนโหยวโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.

"เพราะว่านางก็เหมือนกับศิษย์น้อง,มีร่างเทวะ,ร่างสถิตภูติวายุ,หากไม่เพราะข้ารู้ทักษะฮวงจุ้ยคงไม่รู้เช่นกัน,ในเมื่อข้ารู้แล้วคงไม่สามารถปล่อยไปได้,ต้องรู้ด้วยว่า,ตำหนักชีพจรวายุนั้นกำลังหาร่างสถิตธาตุวายุอยู่,พวกเราค้นหามานานแล้ว!"ชายผมม่วงที่เผยรอยยิ้มอย่างชั่วร้าย.

เนียนโหยวโหยวขมวดคิ้วไปมา,จ้องมองไปยังชายผมสีม่วงแล้วกล่าวว่า,"ท่านไม่รู้จักนาง,ไม่รู้ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังนาง,หากว่าไม่ปล่อยพวกเขาไป,ท่านจะต้องเสียใจ!"

"เสียใจรึ? ไม่เคยมีสิ่งใหนทำให้ข้าเสียใจ!"ชายผมสีม่วงที่กล่าวออกมาอย่างแข็งขืน.

"งานสำคัญของท่านประมุขกำลังจะเริ่มแล้ว,สิ่งสำคัญคือจับคนเหล่านี่อย่างงั้นรึ? หวังว่าศิษย์พี่คงจะไม่ลืมหน้าที่ที่ท่านประมุขมอบหมายมาให้หรอกนะ?"เนียนโหยวโหยวที่กล่าวเตือนอีกครั้ง.

"ศิษย์น้อง,อย่าได้กล่าวอะไร,ข้ารู้ว่าจะต้องทำอะไร,เรื่องสำคัญของท่านประมุขยังไม่เริ่มเลย,เวลานี้เหลือเฟือที่จะจับคนเหล่านี้,เวลานี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้า,หากว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นข้าจะรับผิดชอบเอง,เจ้าไม่จำเป็นต้องลำบากใจ."ชายผมสีม่วงที่กล่าวอย่างหนักแน่น. 
 
"หวังว่าศิษย์พี่จะไม่เสียใจ!"เนียนโหยวโหยวที่กล่าวอีกครั้ง,ก่อนที่จะจากไป.

ชายผมสีม่วงที่จ้องมองเนียนโหยวโหยวที่นำเทพอสูรบรรพชนจากไป,สายตาที่หรี่เล็ก,ใบหน้าเผยซ่อนความรู้สึกใคร่เอาไว้อยู่.

หมอกมากมายที่ชายผมม่วงสร้างขึ้น,ขวางกั้นกลุ่มของกู่เฉียนโหยวเอาไว้.

"นิมิต,มีนิมิตร้ายอีกแล้ว! พื้นที่รอบๆเต็มไปด้วยนิมิตร้าย,พวกเราไม่มีสถานที่ไปแล้ว,มีใครบางคนกำลังซุ่มโจมตีพวกเราโดยเฉพาะ,พวกเราจะต้องจบแบบอนาถแน่!"อาวุโสจิวที่กล่าวออกมาด้วยความกังวล.

"เอาล่ะ,ไม่ต้องกล่าวอะไร!"กู่เฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.

"เงียบได้แล้ว,เพียงแค่หมอกไม่ใช่รึ? ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย!"ใบหน้าของเซียนเซียนที่กล่าวเย้ย.

ในเวลาเดียวกัน,เซียนเซิงซือที่ส่งเจียงซือสำรวจได้กล่าวออกมา.

"เรียนฮวงโหว,ที่ทิศตะวันออกห้าสิบลี้มีเมืองหวง."เซียนเซิงซือกล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"อืม! เช่นนั้นถอยไปตั้งหลักยังเมืองหวง!"กู่เฉียนโหยวพยักหน้า.

"รับทราบ!"ทุกคนที่รับคำในทันที.

"ฮวงโหว,นี่คือค่ายกลอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงซือที่ขมวดคิ้วไปมา.

"นี่คือค่ายกลฮวงจุ้ย,ข้าเคยศึกษามาบ้างจากอาวุโสเทียน,นอกจากนี้หนีปู่ซายังมอบตำราโบราณให้กับข้า,ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่สามารถทะลวงค่ายกลนี้ได้,ทว่าการจะป้องกันเอาไว้ก็ไม่ใช่ปัญหา,ตราบเท่าแค่ฝ่าบาทมาถึง,การจะแก้ไขเรื่องนี้ก็จะสามารถทำได้อย่างง่ายดาย!"กู่เฉียนโหยวที่กล่าวอย่างสุขุม.

"รับทราบ!"ทุกคนพยักหน้ารับ.

จากนั้น,ทุกคนก็เดินทางไปยังเมืองที่เซียนเซิงซือเอ่ย,สถานที่แห่งนี้มีหมอกที่หนาแน่นปกคลุมไปหมด,จนมองไม่เห็นพื้นที่ต่างๆได้เลยแม้แต่น้อย,สัมผัสเทวะที่ไม่สามารถใช้ค้นหาได้,เหมือนกับค่ายกลฮวงจุ้ยที่หนีปู่ซาเคยสร้าง,ซึ่งจงซานในเวลานั้นใช้หมาป่าระดับต้น,ในการคลำทาง,หากแต่เวลานี้ไม่มีหมาป่าระดับต้น,พวกเขาสามารถมองเห็นเมืองได้,โดยใช้เจียงซือดำดินสำรวจนั่นเอง.

เมืองหวงนั้นได้พังทลายลงแล้ว,นอกจากนี้ยังเป็นเมืองขนาดเล็ก,ที่เคยมีปุถุชนอาศัยอยู่.

"ตอนนี้รีบจัดงานเมืองเล็กนี้ก่อน,เตรียมกำจัดหมอกออกไปให้หมดจากพื้นที่ดังกล่าว,และสั่งคนออกไปวางผังเมืองใหม่สร้างหลักมังกรด้วย!"กู่เฉียนโหยวกล่าว.

"น้อมรับคำสั่งฮวงโหว!"ทุกคนรับคำสั่งในทันที.

จากนั้นกู่เฉียนโหยวก็สั่งการหลางเจียงและอ๋องหมาป่า,ให้รับผิดชอบที่แตกต่างกัน,จัดการบ้านเรือนที่พังทลาย.

ด้วยฝีมือของผู้ฝึกตนระดับสูงพริบตาเดียว,ผังเมืองก็ถูกปรับแต่งใหม่,จัดแจงตำแหน่งและการวางหลักมังกรกระจายไปทั่วเมือง.

"เปิด!"

กู่เฉียนโหยวที่ออกคำสั่ง,ตำแหน่งทั้ง 18 ทันใดนั้น,หลางเจียงที่นำธวัชออกมาพร้อมกับปักลงบนพื้นพร้อมๆกัน.

"วูซซซซซซ"

ธวัชที่ปักลงพื้น,ตอนนี้หายไปมองไม่เห็นอะไร,จากนั้นเหล่าหลางเจียงที่รับรู้ได้ในทันที,เมืองเล็กที่มีปราณพลังโคจรไปรอบๆ,ทว่าสถานที่พวกเขายืนอยู่นั้นไม่ขยับ,รูสึกราวกับว่าเมืองเล็กแห่งนี้กำลังหมุนโคจรอย่างรวดเร็ว,แผ่นดินที่ราวกับหมุนรอบพวกเขา,จนทำให้สมองของพวกเขาพร่ามัวเหมือนกัน.

อย่างไรก็ตาม,หมอกภายในเมืองหายไปช้าๆ,ทีละน้อยลดลงเรื่อยๆ,ถูกขับออกจากเมืองอย่างคาดไม่ถึง,แม้ว่าจะมีอยู่บ้าง,ทว่าก็ไม่มีผลอะไรกับพวกเขาแล้ว.


นี่คือค่ายกลฮวงจุ้ย,กู่เฉียนโหยวที่สามารถค้นหาตำแหน่งแห่งชีวิตเจอได้ในที่สุด.






ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น