Immortality Chapter 639 Premeditation of Unaging World
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 639 แผนการที่วางเอาไว้ของโลกอมตะ
Chapter 639 Premeditation of Unaging World
不老界的预谋
แผนการที่วางเอาไว้ของโลกอมตะ
จงซานไม่ได้ต้องการรั้งรอดูการต่อสู้ระหว่างหนานกงเซิ่งและเผ่าอูสองคนได้,การต่อสู้กับเผ่าอูคนเดียวก่อนหน้านี้,ทำให้จงซานใช้พลังไปเกือบหมด,การเปิดหลุมสังสารวัฏกินพลังเป็นจำนวนมาก.
แม้นว่าขนาดของมันไม่ได้ใหญ่มากนัก,หากแต่ก็เปิดขึ้นถึงเจ็ดจุด,นับว่ามีพลังเทียบได้กับการเปิดหลุมขนาดใหญ่เพื่อจัดการเทพอสูรซือเนาก่อนหน้านี้เลย,แม้ว่ามันจะไม่ทำให้เขาหมดสติทันที,ทว่าตอนนี้ร่างกายของเขาก็อ่อนล้าอย่างที่สุด.
เขาไม่มีเวลาพอที่จะเรียกหยินโหลวหรี่ด้วยซ้ำ,อีกอย่างเขาเองก็ต้องระมัดระวังด้วยเช่นกัน,คนผู้นี้เขาเพิ่งรู้จัก,เขาที่อยู่ในเส้นแบ่งความเป็นความตาย,ไม่สามารถมั่นใจที่จะฝากชีวิตเอาไว้ได้.
จงซานในเวลานี้,พุ่งตรงไปยังเส้นทางที่กู่เฉียนโหยวได้เดินทางออกไป.
พื้นที่บางแห่งยังมีฝนโลหิตตกลงมาอยู่,ท้องฟ้าที่มืดคลึ้ม,จงซานที่เปลี่ยนร่างเป็นร่างเงา,เคลื่อนที่ไปบนพื้นดิน,เวลานี้,เห็นเพียงแค่เงาดำที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว.
แน่นอนว่าคือร่างแยกเงาจงซานนั่นเอง.
และเวลาเดียวกันยังมีร่างโคลนของเขาอยู่,เวลานี้ได้ยื่นมือออกไปคว้าไปยังสิ่งของบางอย่าง.
ธวัชซิงหวงหนึ่งในธวัชห้าเหลี่ยม!
พร้อมกับไม้เท้าของเผ่าอู,ทั้งสองนั้นไม่สามารถเก็บในกำไลเก็บของได้,ทว่าทักษะของร่างเงาของจงซานนั้นไม่ธรรมดา,ตราบเท่าที่ไม่มีขนาดใหญ่กว่าตัว,ถึงแม้ว่าจะเป็นเซียนฉี,ก็สามารถใส่เข้าไปในร่างแยกเงาเพื่อเก็บได้.
ได้สมบัติทั้งสองชิ้นมา,ร่างโคลนจงซานก็พุ่งตรงตามร่างหลักไปในทันที.
เป็นความจริงไม่นานหลังจากนั้น,หยินโหลวหรี่และเทียนเซียวก็ฟื้นขึ้นมา.
ทันทีที่เขาฟื้นขึ้นมา,ความทรงจำสุดท้ายที่พวกเขาพบนั้นน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
หลุมสังสารวัฏ? ถูกไม้เท้าทำลายหลุมสังสารวัฏ?
คนทั้งสองที่มองหน้ากันและกัน,พร้อมกับกวาดตามองไปยังพื้นที่รอบๆมีผู้ฝึกตนมากมายที่หมดสติ.
ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกัน?
จงซานตายแล้วรึ? ถูกคนของเผาอูสังหารไปอย่างงั้นรึ?
ไม่ใช่,หากจงซานตาย,พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร? แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
จงซานสังหารเผ่าอูอย่างงั้นรึ? เป็นไปได้ด้วยรึ?
จงซานและคนของเผ่าอูตกตายไปทั้งคู่เลยรึไม่?
ในใจของทั้งสองที่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างสมบูรณ์,ต่างก็จ้องมองหน้ากันและกัน,ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้.
เวลาผ่านไป,คนที่ฟื้นคืนสติก็มากขึ้นเรื่อยๆ.
สายตาทุกคนที่กวาดตามองพื้นที่รอบๆ,รับรู้ว่าได้ถูกช่วยเอาไว้,ก็เผยแววตาตื่นเต้นดีใจ,ในเวลาเดียวกัน,ทุกคนที่เห็นหนานกงเซิ่งและคนเผ่าอูยังต่อสู้กันอยู่ห่างออกไป.
ทุกคนที่หวาดผวาขึ้นมาในทันที,เร่งรีบหนีอย่างรวดเร็ว,หากไม่หนีในตอนนี้,ต้องแย่อย่างแน่นอน.
ในเวลาเดียวกัน,ที่พื้นที่ไกลออกไปปรากฏริ้วเงาคนของราชวงศ์สวรรค์ต้าเหยี่ยนห้าสิบคน,ที่จ้องมองไปยังเหล่าผู้ฝึกตนถูกช่วยเอาไว้,มีคนที่เข้าไปรายงานซิงไท่โต่วอย่างรวดเร็ว.
"ไป!"เทียนเซียวไร้ซึ่งลังเล,นำคนตระกูลเทียนรีบหนีอย่างรวดเร็ว.
หยินโหลวหรี่เองก็เช่นกัน,จดจ้องมองคนตระกูลเทียนที่เร่งรีบหนีไป,แววตาของเขาที่หรี่เล็ก,ก่อนที่จะมุ่งหน้ายังอีกทาง,หยินโหลวหรี่จะต้องเดินทางไปยังราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้ง,ก่อนหน้านี้จงซานได้เอ่ยปากชวนเขาเอาไว้,หยินโหลวหรี่ต้องการพิสูจน์,ต้องการรับรู้ด้วยว่าจงซานยังอยู่ดีหรือไม่?
พื้นที่รอบๆเวลานี้,เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่เร่งรีบหนี,พวกเขาไม่กล้ารั้งรอแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว,คนเผ่าอูและหนานกงเซิ่งนั้นทรงพลังเกินธรรมดา,หากชักช้า,พวกเขาจะไร้ซึ่งโอกาสไปตลอดกาล.
ต่อหน้าผู้ฝึกตนจำนวนมาก,คนของราชวงศ์สวรรค์ต้าเหยี่ยนไม่กล้าขวางเอาไว้,ซิงไท่โต่วที่ยังคงไล่ล่าเก็บธวัชห้าเหลี่ยม,ไม่รู้ว่าได้ไปจำนวนเท่าไหร่แล้ว,ไม่ว่าอย่างไรก็มีส่วนหนึ่งที่ตกอยู่ในมือของจงซานเรียบร้อยแล้ว.
แทบจะในทันที,คนมากมายที่กระจายไปคนละทิศทาง.
ในหุบเขาแห่งหนึ่ง,เนียนโหยวโหยวและคนของโลกอมตะ.
ชายผมม่วงที่เป็นผู้นำ,ในเวลานี้ยืนอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง,จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมอกสีแดง,ที่มุมปากเผยยิ้มที่เย็นชาออกมา.
เนียนโหยวโหยวที่อยู่ข้างๆ,บนไหล่ของนางนั้นมีอสูรน้อยขนปุยเทพอสูรบรรพชน.
"ศิษย์น้อง,เจ้ามีอะไรถึงได้มาหาข้าในวันนี้?"ชายในผมสีม่วงที่หันหน้าจ้องมองไปยังเนียนโหยวโหยว,ที่มุมปากนั้นเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา.
"ศิษย์พี่,ท่านพบเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งอย่างงั้นรึ?"เนียนโหยวโหยวสอบถาม.
"ใช่แล้ว,ศิษย์น้อง,ในเมื่อเจ้าเอ่ยปาก,ว่าแต่เจ้ามีความเห็นอะไรหรือไม่?"ชายผมม่วงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
จากนั้น,ชายผมม่วงที่โบกมือ,พร้อมกับสร้างภาพด้วยวิชาของเขาเองปรากฏภาพของคนกลุ่มหนึ่งขึ้น.
เห็นคนกลุ่มดังกล่าว,เนียนโหยวโหยวดวงตาหดเกร็ง,แววตาสาดประกายด้วยความไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย,นี่มัน,จะเป็นไปได้อยางไร?
คนกลุ่มดังกล่าวก็คือกู่เฉียนโหยว,เซียนเซียน,เซียนเซิงซือ,อาวุโสจิวโถวและกลุ่มภูติหมาป่า,แม้ว่าเนียนโหยวโหยวจะไม่รู้จักทั้งหมด,ทว่ากู่เฉียนโหยวนางจดจำได้ดี.
ย้อนไปในอดีตที่เมืองเฟิงหลิงสถานที่ผนึกแปดหางสวรรค์แห่งจุดจบ,เนียนโหยวโหยวที่ไล่ตามจงซาน,ซึ่งนางได้เขม่นกับกู่เฉียนโหยวไม่น้อย,ในเวลานั้นนางที่เย้าแหย่กันและกัน,กล่าวได้ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันดีทีเดียว.
หมายความว่าอย่างไร?
แววตาของเนียนโหยวโหยวที่ประหลาดใจอย่างที่สุด,กู่เฉียนโหยวเดินทางมายังภพหยินอย่างงั้นรึ?
เมื่อไหร่,หรือว่าเมื่อครั้งกู่เฉิงตงแยกสวรรค์,สะบั้นปฐพีอย่างงั้นรึ?
ไม่ๆ,หลังจากนั้นเมื่อครั้งราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้งบุกเบิกดินแดน,กู่เฉียนโหยวยังอยู่เคียงข้างจงซานอยู่เลย,ไม่ใช่เวลานั้นแน่.
ในเมื่อไม่ใช่เวลานั้น,นางมายังภพหยินอย่างงั้นรึ?
ถึงกระนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ,สิ่งสำคัญในเมื่อกู่เฉียนโหยวลงมายังภพหยิน,แล้วจงซานล่ะ?
จงซานยอมแพ้ที่ภพหยางแล้ว,ลงมาด้านล่างอย่างงั้นรึ?
จงซานอยู่ในภพหยินอย่างงั้นรึ?
แววตาของเนียนโหยวโหยวที่วุ่นวายลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที,ตัวนางที่เดินทางมายังภพหยินเพื่อหลบหน้าจงซาน,ไม่คิดที่จะพบจงซานอีกแล้ว,ทว่าทำไมจงซานต้องมายังภพหยินด้วย,ทำไมหลายปีมานี้นางกลับไม่สามารถลบเรื่องของเขาได้เลยอย่างงั้นรึ?
เขามาอย่างงั้นรึ?
เนียนโหยวโหยวที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย.
กับท่าทางวุ่นวายใจของนางไม่สามารถหลุดรอดไปจากสายตาชายผมม่วงอย่างแน่นอน.
"ศิษย์น้อง,เจ้าเป็นอะไรอย่างงั้นรึ?"ชายผมม่วงที่สอบถามออกมา.
ได้ยินเสียงของชายผมม่วง,เนียนโหยวโหยวที่ดึงสติกลับมา,ความวุ่นวายใจที่เก็บซ่อนเอาไว้ในทันที.
กับภาพฉายด้านหน้า,เนียนโหยวโหยวที่กล่าวออกมา,"ศิษย์พี่,ศิษย์น้องมีอะไรจะเตือนท่าน!"
"โอ้ว?เตือนข้า?
ศิษย์น้องต้องการเตือนอะไรอย่างงั้นรึ?"ชายผมสีม่วงที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
"ท่านรู้ใหมว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร?"เนียนโหยวโหยวสอบถามออกไป.
"ไม่รู้,แล้วอย่างไร?"
"ข้าเตือนศิษย์พี่อย่าไปหากเรื่องพวกเขาจะดีกว่า!"เนียนโหยวโหยวกล่าว.
"ไม่ควรหาเรื่องพวกเขาอย่างงั้นรึ?พูดอะไรน่าขันนัก,ทำไมถึงหาเรื่องพวกเขาไม่ได้?
ภายในโลกใบเล็กแห่งนี้,โลกอมตะของพวกเราจะมีใครกล้าหาเรื่องพวกเรากัน?"ชายผมสีม่วงกล่าวแย้ง.
"อย่างน้อย,ก็ไม่ควรหาเรื่องสตรีผู้นั้น!"เนียนโหยวโหยวที่ชี้ไปยังภาพฉายของกู่เฉียนโหยว.
"นางรึ? ฮ่าฮ่าฮ่า,หากเป็นคนอื่น,ข้าเองคงจะฟังคำแนะนำของศิษย์น้อง,แต่นางนั้นไม่!"ชายผมม่วงที่ส่ายหน้าไปมา.
"ทำไม?"เนียนโหยวโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"เพราะว่านางก็เหมือนกับศิษย์น้อง,มีร่างเทวะ,ร่างสถิตภูติวายุ,หากไม่เพราะข้ารู้ทักษะฮวงจุ้ยคงไม่รู้เช่นกัน,ในเมื่อข้ารู้แล้วคงไม่สามารถปล่อยไปได้,ต้องรู้ด้วยว่า,ตำหนักชีพจรวายุนั้นกำลังหาร่างสถิตธาตุวายุอยู่,พวกเราค้นหามานานแล้ว!"ชายผมม่วงที่เผยรอยยิ้มอย่างชั่วร้าย.
เนียนโหยวโหยวขมวดคิ้วไปมา,จ้องมองไปยังชายผมสีม่วงแล้วกล่าวว่า,"ท่านไม่รู้จักนาง,ไม่รู้ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังนาง,หากว่าไม่ปล่อยพวกเขาไป,ท่านจะต้องเสียใจ!"
"เสียใจรึ? ไม่เคยมีสิ่งใหนทำให้ข้าเสียใจ!"ชายผมสีม่วงที่กล่าวออกมาอย่างแข็งขืน.
"งานสำคัญของท่านประมุขกำลังจะเริ่มแล้ว,สิ่งสำคัญคือจับคนเหล่านี่อย่างงั้นรึ?
หวังว่าศิษย์พี่คงจะไม่ลืมหน้าที่ที่ท่านประมุขมอบหมายมาให้หรอกนะ?"เนียนโหยวโหยวที่กล่าวเตือนอีกครั้ง.
"ศิษย์น้อง,อย่าได้กล่าวอะไร,ข้ารู้ว่าจะต้องทำอะไร,เรื่องสำคัญของท่านประมุขยังไม่เริ่มเลย,เวลานี้เหลือเฟือที่จะจับคนเหล่านี้,เวลานี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้า,หากว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นข้าจะรับผิดชอบเอง,เจ้าไม่จำเป็นต้องลำบากใจ."ชายผมสีม่วงที่กล่าวอย่างหนักแน่น.
"หวังว่าศิษย์พี่จะไม่เสียใจ!"เนียนโหยวโหยวที่กล่าวอีกครั้ง,ก่อนที่จะจากไป.
ชายผมสีม่วงที่จ้องมองเนียนโหยวโหยวที่นำเทพอสูรบรรพชนจากไป,สายตาที่หรี่เล็ก,ใบหน้าเผยซ่อนความรู้สึกใคร่เอาไว้อยู่.
หมอกมากมายที่ชายผมม่วงสร้างขึ้น,ขวางกั้นกลุ่มของกู่เฉียนโหยวเอาไว้.
"นิมิต,มีนิมิตร้ายอีกแล้ว!
พื้นที่รอบๆเต็มไปด้วยนิมิตร้าย,พวกเราไม่มีสถานที่ไปแล้ว,มีใครบางคนกำลังซุ่มโจมตีพวกเราโดยเฉพาะ,พวกเราจะต้องจบแบบอนาถแน่!"อาวุโสจิวที่กล่าวออกมาด้วยความกังวล.
"เอาล่ะ,ไม่ต้องกล่าวอะไร!"กู่เฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"เงียบได้แล้ว,เพียงแค่หมอกไม่ใช่รึ? ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย!"ใบหน้าของเซียนเซียนที่กล่าวเย้ย.
ในเวลาเดียวกัน,เซียนเซิงซือที่ส่งเจียงซือสำรวจได้กล่าวออกมา.
"เรียนฮวงโหว,ที่ทิศตะวันออกห้าสิบลี้มีเมืองหวง."เซียนเซิงซือกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"อืม! เช่นนั้นถอยไปตั้งหลักยังเมืองหวง!"กู่เฉียนโหยวพยักหน้า.
"รับทราบ!"ทุกคนที่รับคำในทันที.
"ฮวงโหว,นี่คือค่ายกลอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงซือที่ขมวดคิ้วไปมา.
"นี่คือค่ายกลฮวงจุ้ย,ข้าเคยศึกษามาบ้างจากอาวุโสเทียน,นอกจากนี้หนีปู่ซายังมอบตำราโบราณให้กับข้า,ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่สามารถทะลวงค่ายกลนี้ได้,ทว่าการจะป้องกันเอาไว้ก็ไม่ใช่ปัญหา,ตราบเท่าแค่ฝ่าบาทมาถึง,การจะแก้ไขเรื่องนี้ก็จะสามารถทำได้อย่างง่ายดาย!"กู่เฉียนโหยวที่กล่าวอย่างสุขุม.
"รับทราบ!"ทุกคนพยักหน้ารับ.
จากนั้น,ทุกคนก็เดินทางไปยังเมืองที่เซียนเซิงซือเอ่ย,สถานที่แห่งนี้มีหมอกที่หนาแน่นปกคลุมไปหมด,จนมองไม่เห็นพื้นที่ต่างๆได้เลยแม้แต่น้อย,สัมผัสเทวะที่ไม่สามารถใช้ค้นหาได้,เหมือนกับค่ายกลฮวงจุ้ยที่หนีปู่ซาเคยสร้าง,ซึ่งจงซานในเวลานั้นใช้หมาป่าระดับต้น,ในการคลำทาง,หากแต่เวลานี้ไม่มีหมาป่าระดับต้น,พวกเขาสามารถมองเห็นเมืองได้,โดยใช้เจียงซือดำดินสำรวจนั่นเอง.
เมืองหวงนั้นได้พังทลายลงแล้ว,นอกจากนี้ยังเป็นเมืองขนาดเล็ก,ที่เคยมีปุถุชนอาศัยอยู่.
"ตอนนี้รีบจัดงานเมืองเล็กนี้ก่อน,เตรียมกำจัดหมอกออกไปให้หมดจากพื้นที่ดังกล่าว,และสั่งคนออกไปวางผังเมืองใหม่สร้างหลักมังกรด้วย!"กู่เฉียนโหยวกล่าว.
"น้อมรับคำสั่งฮวงโหว!"ทุกคนรับคำสั่งในทันที.
จากนั้นกู่เฉียนโหยวก็สั่งการหลางเจียงและอ๋องหมาป่า,ให้รับผิดชอบที่แตกต่างกัน,จัดการบ้านเรือนที่พังทลาย.
ด้วยฝีมือของผู้ฝึกตนระดับสูงพริบตาเดียว,ผังเมืองก็ถูกปรับแต่งใหม่,จัดแจงตำแหน่งและการวางหลักมังกรกระจายไปทั่วเมือง.
"เปิด!"
กู่เฉียนโหยวที่ออกคำสั่ง,ตำแหน่งทั้ง 18
ทันใดนั้น,หลางเจียงที่นำธวัชออกมาพร้อมกับปักลงบนพื้นพร้อมๆกัน.
"วูซซซซซซ"
ธวัชที่ปักลงพื้น,ตอนนี้หายไปมองไม่เห็นอะไร,จากนั้นเหล่าหลางเจียงที่รับรู้ได้ในทันที,เมืองเล็กที่มีปราณพลังโคจรไปรอบๆ,ทว่าสถานที่พวกเขายืนอยู่นั้นไม่ขยับ,รูสึกราวกับว่าเมืองเล็กแห่งนี้กำลังหมุนโคจรอย่างรวดเร็ว,แผ่นดินที่ราวกับหมุนรอบพวกเขา,จนทำให้สมองของพวกเขาพร่ามัวเหมือนกัน.
อย่างไรก็ตาม,หมอกภายในเมืองหายไปช้าๆ,ทีละน้อยลดลงเรื่อยๆ,ถูกขับออกจากเมืองอย่างคาดไม่ถึง,แม้ว่าจะมีอยู่บ้าง,ทว่าก็ไม่มีผลอะไรกับพวกเขาแล้ว.
นี่คือค่ายกลฮวงจุ้ย,กู่เฉียนโหยวที่สามารถค้นหาตำแหน่งแห่งชีวิตเจอได้ในที่สุด.
Chapter 639 Premeditation of Unaging World
不老界的预谋
แผนการที่วางเอาไว้ของโลกอมตะ
จงซานไม่ได้ต้องการรั้งรอดูการต่อสู้ระหว่างหนานกงเซิ่งและเผ่าอูสองคนได้,การต่อสู้กับเผ่าอูคนเดียวก่อนหน้านี้,ทำให้จงซานใช้พลังไปเกือบหมด,การเปิดหลุมสังสารวัฏกินพลังเป็นจำนวนมาก.
แม้นว่าขนาดของมันไม่ได้ใหญ่มากนัก,หากแต่ก็เปิดขึ้นถึงเจ็ดจุด,นับว่ามีพลังเทียบได้กับการเปิดหลุมขนาดใหญ่เพื่อจัดการเทพอสูรซือเนาก่อนหน้านี้เลย,แม้ว่ามันจะไม่ทำให้เขาหมดสติทันที,ทว่าตอนนี้ร่างกายของเขาก็อ่อนล้าอย่างที่สุด.
เขาไม่มีเวลาพอที่จะเรียกหยินโหลวหรี่ด้วยซ้ำ,อีกอย่างเขาเองก็ต้องระมัดระวังด้วยเช่นกัน,คนผู้นี้เขาเพิ่งรู้จัก,เขาที่อยู่ในเส้นแบ่งความเป็นความตาย,ไม่สามารถมั่นใจที่จะฝากชีวิตเอาไว้ได้.
จงซานในเวลานี้,พุ่งตรงไปยังเส้นทางที่กู่เฉียนโหยวได้เดินทางออกไป.
พื้นที่บางแห่งยังมีฝนโลหิตตกลงมาอยู่,ท้องฟ้าที่มืดคลึ้ม,จงซานที่เปลี่ยนร่างเป็นร่างเงา,เคลื่อนที่ไปบนพื้นดิน,เวลานี้,เห็นเพียงแค่เงาดำที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว.
แน่นอนว่าคือร่างแยกเงาจงซานนั่นเอง.
และเวลาเดียวกันยังมีร่างโคลนของเขาอยู่,เวลานี้ได้ยื่นมือออกไปคว้าไปยังสิ่งของบางอย่าง.
ธวัชซิงหวงหนึ่งในธวัชห้าเหลี่ยม!
พร้อมกับไม้เท้าของเผ่าอู,ทั้งสองนั้นไม่สามารถเก็บในกำไลเก็บของได้,ทว่าทักษะของร่างเงาของจงซานนั้นไม่ธรรมดา,ตราบเท่าที่ไม่มีขนาดใหญ่กว่าตัว,ถึงแม้ว่าจะเป็นเซียนฉี,ก็สามารถใส่เข้าไปในร่างแยกเงาเพื่อเก็บได้.
ได้สมบัติทั้งสองชิ้นมา,ร่างโคลนจงซานก็พุ่งตรงตามร่างหลักไปในทันที.
เป็นความจริงไม่นานหลังจากนั้น,หยินโหลวหรี่และเทียนเซียวก็ฟื้นขึ้นมา.
ทันทีที่เขาฟื้นขึ้นมา,ความทรงจำสุดท้ายที่พวกเขาพบนั้นน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
หลุมสังสารวัฏ? ถูกไม้เท้าทำลายหลุมสังสารวัฏ?
คนทั้งสองที่มองหน้ากันและกัน,พร้อมกับกวาดตามองไปยังพื้นที่รอบๆมีผู้ฝึกตนมากมายที่หมดสติ.
ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกัน?
จงซานตายแล้วรึ? ถูกคนของเผาอูสังหารไปอย่างงั้นรึ?
ไม่ใช่,หากจงซานตาย,พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร? แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
จงซานสังหารเผ่าอูอย่างงั้นรึ? เป็นไปได้ด้วยรึ?
จงซานและคนของเผ่าอูตกตายไปทั้งคู่เลยรึไม่?
ในใจของทั้งสองที่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างสมบูรณ์,ต่างก็จ้องมองหน้ากันและกัน,ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้.
เวลาผ่านไป,คนที่ฟื้นคืนสติก็มากขึ้นเรื่อยๆ.
สายตาทุกคนที่กวาดตามองพื้นที่รอบๆ,รับรู้ว่าได้ถูกช่วยเอาไว้,ก็เผยแววตาตื่นเต้นดีใจ,ในเวลาเดียวกัน,ทุกคนที่เห็นหนานกงเซิ่งและคนเผ่าอูยังต่อสู้กันอยู่ห่างออกไป.
ทุกคนที่หวาดผวาขึ้นมาในทันที,เร่งรีบหนีอย่างรวดเร็ว,หากไม่หนีในตอนนี้,ต้องแย่อย่างแน่นอน.
ในเวลาเดียวกัน,ที่พื้นที่ไกลออกไปปรากฏริ้วเงาคนของราชวงศ์สวรรค์ต้าเหยี่ยนห้าสิบคน,ที่จ้องมองไปยังเหล่าผู้ฝึกตนถูกช่วยเอาไว้,มีคนที่เข้าไปรายงานซิงไท่โต่วอย่างรวดเร็ว.
"ไป!"เทียนเซียวไร้ซึ่งลังเล,นำคนตระกูลเทียนรีบหนีอย่างรวดเร็ว.
หยินโหลวหรี่เองก็เช่นกัน,จดจ้องมองคนตระกูลเทียนที่เร่งรีบหนีไป,แววตาของเขาที่หรี่เล็ก,ก่อนที่จะมุ่งหน้ายังอีกทาง,หยินโหลวหรี่จะต้องเดินทางไปยังราชวงศ์ราชันย์ต้าเจิ้ง,ก่อนหน้านี้จงซานได้เอ่ยปากชวนเขาเอาไว้,หยินโหลวหรี่ต้องการพิสูจน์,ต้องการรับรู้ด้วยว่าจงซานยังอยู่ดีหรือไม่?
พื้นที่รอบๆเวลานี้,เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่เร่งรีบหนี,พวกเขาไม่กล้ารั้งรอแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว,คนเผ่าอูและหนานกงเซิ่งนั้นทรงพลังเกินธรรมดา,หากชักช้า,พวกเขาจะไร้ซึ่งโอกาสไปตลอดกาล.
ต่อหน้าผู้ฝึกตนจำนวนมาก,คนของราชวงศ์สวรรค์ต้าเหยี่ยนไม่กล้าขวางเอาไว้,ซิงไท่โต่วที่ยังคงไล่ล่าเก็บธวัชห้าเหลี่ยม,ไม่รู้ว่าได้ไปจำนวนเท่าไหร่แล้ว,ไม่ว่าอย่างไรก็มีส่วนหนึ่งที่ตกอยู่ในมือของจงซานเรียบร้อยแล้ว.
แทบจะในทันที,คนมากมายที่กระจายไปคนละทิศทาง.
ในหุบเขาแห่งหนึ่ง,เนียนโหยวโหยวและคนของโลกอมตะ.
ชายผมม่วงที่เป็นผู้นำ,ในเวลานี้ยืนอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง,จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมอกสีแดง,ที่มุมปากเผยยิ้มที่เย็นชาออกมา.
เนียนโหยวโหยวที่อยู่ข้างๆ,บนไหล่ของนางนั้นมีอสูรน้อยขนปุยเทพอสูรบรรพชน.
"ศิษย์น้อง,เจ้ามีอะไรถึงได้มาหาข้าในวันนี้?"ชายในผมสีม่วงที่หันหน้าจ้องมองไปยังเนียนโหยวโหยว,ที่มุมปากนั้นเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา.
"ศิษย์พี่,ท่านพบเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งอย่างงั้นรึ?"เนียนโหยวโหยวสอบถาม.
"ใช่แล้ว,ศิษย์น้อง,ในเมื่อเจ้าเอ่ยปาก,ว่าแต่เจ้ามีความเห็นอะไรหรือไม่?"ชายผมม่วงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
จากนั้น,ชายผมม่วงที่โบกมือ,พร้อมกับสร้างภาพด้วยวิชาของเขาเองปรากฏภาพของคนกลุ่มหนึ่งขึ้น.
เห็นคนกลุ่มดังกล่าว,เนียนโหยวโหยวดวงตาหดเกร็ง,แววตาสาดประกายด้วยความไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย,นี่มัน,จะเป็นไปได้อยางไร?
คนกลุ่มดังกล่าวก็คือกู่เฉียนโหยว,เซียนเซียน,เซียนเซิงซือ,อาวุโสจิวโถวและกลุ่มภูติหมาป่า,แม้ว่าเนียนโหยวโหยวจะไม่รู้จักทั้งหมด,ทว่ากู่เฉียนโหยวนางจดจำได้ดี.
ย้อนไปในอดีตที่เมืองเฟิงหลิงสถานที่ผนึกแปดหางสวรรค์แห่งจุดจบ,เนียนโหยวโหยวที่ไล่ตามจงซาน,ซึ่งนางได้เขม่นกับกู่เฉียนโหยวไม่น้อย,ในเวลานั้นนางที่เย้าแหย่กันและกัน,กล่าวได้ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันดีทีเดียว.
หมายความว่าอย่างไร?
แววตาของเนียนโหยวโหยวที่ประหลาดใจอย่างที่สุด,กู่เฉียนโหยวเดินทางมายังภพหยินอย่างงั้นรึ?
เมื่อไหร่,หรือว่าเมื่อครั้งกู่เฉิงตงแยกสวรรค์,สะบั้นปฐพีอย่างงั้นรึ?
ไม่ๆ,หลังจากนั้นเมื่อครั้งราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้งบุกเบิกดินแดน,กู่เฉียนโหยวยังอยู่เคียงข้างจงซานอยู่เลย,ไม่ใช่เวลานั้นแน่.
ในเมื่อไม่ใช่เวลานั้น,นางมายังภพหยินอย่างงั้นรึ?
ถึงกระนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ,สิ่งสำคัญในเมื่อกู่เฉียนโหยวลงมายังภพหยิน,แล้วจงซานล่ะ?
จงซานยอมแพ้ที่ภพหยางแล้ว,ลงมาด้านล่างอย่างงั้นรึ?
จงซานอยู่ในภพหยินอย่างงั้นรึ?
แววตาของเนียนโหยวโหยวที่วุ่นวายลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที,ตัวนางที่เดินทางมายังภพหยินเพื่อหลบหน้าจงซาน,ไม่คิดที่จะพบจงซานอีกแล้ว,ทว่าทำไมจงซานต้องมายังภพหยินด้วย,ทำไมหลายปีมานี้นางกลับไม่สามารถลบเรื่องของเขาได้เลยอย่างงั้นรึ?
เขามาอย่างงั้นรึ?
เนียนโหยวโหยวที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย.
กับท่าทางวุ่นวายใจของนางไม่สามารถหลุดรอดไปจากสายตาชายผมม่วงอย่างแน่นอน.
"ศิษย์น้อง,เจ้าเป็นอะไรอย่างงั้นรึ?"ชายผมม่วงที่สอบถามออกมา.
ได้ยินเสียงของชายผมม่วง,เนียนโหยวโหยวที่ดึงสติกลับมา,ความวุ่นวายใจที่เก็บซ่อนเอาไว้ในทันที.
กับภาพฉายด้านหน้า,เนียนโหยวโหยวที่กล่าวออกมา,"ศิษย์พี่,ศิษย์น้องมีอะไรจะเตือนท่าน!"
"โอ้ว?เตือนข้า?
ศิษย์น้องต้องการเตือนอะไรอย่างงั้นรึ?"ชายผมสีม่วงที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
"ท่านรู้ใหมว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร?"เนียนโหยวโหยวสอบถามออกไป.
"ไม่รู้,แล้วอย่างไร?"
"ข้าเตือนศิษย์พี่อย่าไปหากเรื่องพวกเขาจะดีกว่า!"เนียนโหยวโหยวกล่าว.
"ไม่ควรหาเรื่องพวกเขาอย่างงั้นรึ?พูดอะไรน่าขันนัก,ทำไมถึงหาเรื่องพวกเขาไม่ได้?
ภายในโลกใบเล็กแห่งนี้,โลกอมตะของพวกเราจะมีใครกล้าหาเรื่องพวกเรากัน?"ชายผมสีม่วงกล่าวแย้ง.
"อย่างน้อย,ก็ไม่ควรหาเรื่องสตรีผู้นั้น!"เนียนโหยวโหยวที่ชี้ไปยังภาพฉายของกู่เฉียนโหยว.
"นางรึ? ฮ่าฮ่าฮ่า,หากเป็นคนอื่น,ข้าเองคงจะฟังคำแนะนำของศิษย์น้อง,แต่นางนั้นไม่!"ชายผมม่วงที่ส่ายหน้าไปมา.
"ทำไม?"เนียนโหยวโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"เพราะว่านางก็เหมือนกับศิษย์น้อง,มีร่างเทวะ,ร่างสถิตภูติวายุ,หากไม่เพราะข้ารู้ทักษะฮวงจุ้ยคงไม่รู้เช่นกัน,ในเมื่อข้ารู้แล้วคงไม่สามารถปล่อยไปได้,ต้องรู้ด้วยว่า,ตำหนักชีพจรวายุนั้นกำลังหาร่างสถิตธาตุวายุอยู่,พวกเราค้นหามานานแล้ว!"ชายผมม่วงที่เผยรอยยิ้มอย่างชั่วร้าย.
เนียนโหยวโหยวขมวดคิ้วไปมา,จ้องมองไปยังชายผมสีม่วงแล้วกล่าวว่า,"ท่านไม่รู้จักนาง,ไม่รู้ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังนาง,หากว่าไม่ปล่อยพวกเขาไป,ท่านจะต้องเสียใจ!"
"เสียใจรึ? ไม่เคยมีสิ่งใหนทำให้ข้าเสียใจ!"ชายผมสีม่วงที่กล่าวออกมาอย่างแข็งขืน.
"งานสำคัญของท่านประมุขกำลังจะเริ่มแล้ว,สิ่งสำคัญคือจับคนเหล่านี่อย่างงั้นรึ?
หวังว่าศิษย์พี่คงจะไม่ลืมหน้าที่ที่ท่านประมุขมอบหมายมาให้หรอกนะ?"เนียนโหยวโหยวที่กล่าวเตือนอีกครั้ง.
"ศิษย์น้อง,อย่าได้กล่าวอะไร,ข้ารู้ว่าจะต้องทำอะไร,เรื่องสำคัญของท่านประมุขยังไม่เริ่มเลย,เวลานี้เหลือเฟือที่จะจับคนเหล่านี้,เวลานี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้า,หากว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นข้าจะรับผิดชอบเอง,เจ้าไม่จำเป็นต้องลำบากใจ."ชายผมสีม่วงที่กล่าวอย่างหนักแน่น.
"หวังว่าศิษย์พี่จะไม่เสียใจ!"เนียนโหยวโหยวที่กล่าวอีกครั้ง,ก่อนที่จะจากไป.
ชายผมสีม่วงที่จ้องมองเนียนโหยวโหยวที่นำเทพอสูรบรรพชนจากไป,สายตาที่หรี่เล็ก,ใบหน้าเผยซ่อนความรู้สึกใคร่เอาไว้อยู่.
หมอกมากมายที่ชายผมม่วงสร้างขึ้น,ขวางกั้นกลุ่มของกู่เฉียนโหยวเอาไว้.
"นิมิต,มีนิมิตร้ายอีกแล้ว!
พื้นที่รอบๆเต็มไปด้วยนิมิตร้าย,พวกเราไม่มีสถานที่ไปแล้ว,มีใครบางคนกำลังซุ่มโจมตีพวกเราโดยเฉพาะ,พวกเราจะต้องจบแบบอนาถแน่!"อาวุโสจิวที่กล่าวออกมาด้วยความกังวล.
"เอาล่ะ,ไม่ต้องกล่าวอะไร!"กู่เฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"เงียบได้แล้ว,เพียงแค่หมอกไม่ใช่รึ? ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย!"ใบหน้าของเซียนเซียนที่กล่าวเย้ย.
ในเวลาเดียวกัน,เซียนเซิงซือที่ส่งเจียงซือสำรวจได้กล่าวออกมา.
"เรียนฮวงโหว,ที่ทิศตะวันออกห้าสิบลี้มีเมืองหวง."เซียนเซิงซือกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"อืม! เช่นนั้นถอยไปตั้งหลักยังเมืองหวง!"กู่เฉียนโหยวพยักหน้า.
"รับทราบ!"ทุกคนที่รับคำในทันที.
"ฮวงโหว,นี่คือค่ายกลอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงซือที่ขมวดคิ้วไปมา.
"นี่คือค่ายกลฮวงจุ้ย,ข้าเคยศึกษามาบ้างจากอาวุโสเทียน,นอกจากนี้หนีปู่ซายังมอบตำราโบราณให้กับข้า,ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่สามารถทะลวงค่ายกลนี้ได้,ทว่าการจะป้องกันเอาไว้ก็ไม่ใช่ปัญหา,ตราบเท่าแค่ฝ่าบาทมาถึง,การจะแก้ไขเรื่องนี้ก็จะสามารถทำได้อย่างง่ายดาย!"กู่เฉียนโหยวที่กล่าวอย่างสุขุม.
"รับทราบ!"ทุกคนพยักหน้ารับ.
จากนั้น,ทุกคนก็เดินทางไปยังเมืองที่เซียนเซิงซือเอ่ย,สถานที่แห่งนี้มีหมอกที่หนาแน่นปกคลุมไปหมด,จนมองไม่เห็นพื้นที่ต่างๆได้เลยแม้แต่น้อย,สัมผัสเทวะที่ไม่สามารถใช้ค้นหาได้,เหมือนกับค่ายกลฮวงจุ้ยที่หนีปู่ซาเคยสร้าง,ซึ่งจงซานในเวลานั้นใช้หมาป่าระดับต้น,ในการคลำทาง,หากแต่เวลานี้ไม่มีหมาป่าระดับต้น,พวกเขาสามารถมองเห็นเมืองได้,โดยใช้เจียงซือดำดินสำรวจนั่นเอง.
เมืองหวงนั้นได้พังทลายลงแล้ว,นอกจากนี้ยังเป็นเมืองขนาดเล็ก,ที่เคยมีปุถุชนอาศัยอยู่.
"ตอนนี้รีบจัดงานเมืองเล็กนี้ก่อน,เตรียมกำจัดหมอกออกไปให้หมดจากพื้นที่ดังกล่าว,และสั่งคนออกไปวางผังเมืองใหม่สร้างหลักมังกรด้วย!"กู่เฉียนโหยวกล่าว.
"น้อมรับคำสั่งฮวงโหว!"ทุกคนรับคำสั่งในทันที.
จากนั้นกู่เฉียนโหยวก็สั่งการหลางเจียงและอ๋องหมาป่า,ให้รับผิดชอบที่แตกต่างกัน,จัดการบ้านเรือนที่พังทลาย.
ด้วยฝีมือของผู้ฝึกตนระดับสูงพริบตาเดียว,ผังเมืองก็ถูกปรับแต่งใหม่,จัดแจงตำแหน่งและการวางหลักมังกรกระจายไปทั่วเมือง.
"เปิด!"
กู่เฉียนโหยวที่ออกคำสั่ง,ตำแหน่งทั้ง 18
ทันใดนั้น,หลางเจียงที่นำธวัชออกมาพร้อมกับปักลงบนพื้นพร้อมๆกัน.
"วูซซซซซซ"
ธวัชที่ปักลงพื้น,ตอนนี้หายไปมองไม่เห็นอะไร,จากนั้นเหล่าหลางเจียงที่รับรู้ได้ในทันที,เมืองเล็กที่มีปราณพลังโคจรไปรอบๆ,ทว่าสถานที่พวกเขายืนอยู่นั้นไม่ขยับ,รูสึกราวกับว่าเมืองเล็กแห่งนี้กำลังหมุนโคจรอย่างรวดเร็ว,แผ่นดินที่ราวกับหมุนรอบพวกเขา,จนทำให้สมองของพวกเขาพร่ามัวเหมือนกัน.
อย่างไรก็ตาม,หมอกภายในเมืองหายไปช้าๆ,ทีละน้อยลดลงเรื่อยๆ,ถูกขับออกจากเมืองอย่างคาดไม่ถึง,แม้ว่าจะมีอยู่บ้าง,ทว่าก็ไม่มีผลอะไรกับพวกเขาแล้ว.
นี่คือค่ายกลฮวงจุ้ย,กู่เฉียนโหยวที่สามารถค้นหาตำแหน่งแห่งชีวิตเจอได้ในที่สุด.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น