วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563

Immortality Chapter 609 Dense fog lotus seed

Immortality Chapter 609  Dense fog lotus seed

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 609   เม็ดบัวรวมหมอก.


Chapter 609  Dense fog lotus seed
雾莲
  เม็ดบัวรวมหมอก.

บนพื้นดินที่ลานงานแต่งเดิม,ค่ายกลเทพเหมันต์ทำลายโลกเวลานี้,คาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเจดีย์ฉีหลิงกำราบอย่างราบคาบ,แสงสีทองที่ทวีพลังมากขึ้น,ทำให้แดนเยือกแข็งมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ.



ทุกคนที่เผยสีหน้าแววตาตื่นตกใจ,แสงสีทองของเจดีย์นี้คืออะไรกัน? ค่ายกลเทพเหมันต์ทำลายโลก,ที่พวกเขาได้ยินมานั้น,เป็นค่ายกลที่ทรงพลังสามารถกักขังระดับสวรรค์แท้ได้,คาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกแสงสีทองนี้ทำลาย.

เจดีย์ที่ส่องประกายแสงสีทองปกคลุมทั่วบริเวณ,พร้อมกับเสียงสวดมนต์ที่ดังก้องอยู่ในหัวของเหล่าคนแดนเทพอมตะ,ราวกับเสียงสายฟ้าฟาด,ทำให้พวกเขาไม่สามารถควบคุมจิตใจตัวเองได้.

แสงของเจดีย์ที่ยังคงฉายส่อง,เวลานี้กำลังปลดปล่อยกลิ่นอายโถมทับไปยังภูเขาน้ำแข็งยักษ์.

ไม่ไกลออกไป,กุยโซวที่ใช้ทักษะ"เทียน"เมฆสายฟ้าสีน้ำเงินที่เข้าโจมตีกับพลังของหวังคู.

บนศีรษะของหวังคูเอง,ก็ปรากฏเมฆสายฟ้าสีดำ,ทักษะเทียน,ที่มีสีดำเหมือนหมึก,กลิ่นอายแห่งความตายที่น่าเกรงขามแผ่ออกไปทุกทิศทุกทาง,ขณะที่คนมากมายเห็นทักษะเทียนของเขา,ถึงกับรู้สึกขนลุก,หวาดกลัวขึ้นมาในทันที,แม้แต่ถอยผงะ,ท้องฟ้าแห่งความตาย,เป็นปฏิปักษ์กับสิ่งมีชีวิตอย่างรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง.

"เทียนโหม๋ว?"กุยโซวที่อุทานออกมาด้วยความตกใจ.

กับทักษะเทียนของเขานี้น่าหวั่นเกรงเปี่ยมล้นไปด้วยปราณปิศาจ,หวังคูผู้นี้เป็นใครมาจากใหนกัน.

กุยโซวหลังจากทำการหยั่งเชิงอีกฝั่งด้วยทักษะเทียน,เวลานี้ก็ไม่ลงมืออีกต่อไป,เพราะเขาสามารถบอกได้ว่าทักษะเทียนของเขานั้นด้อยกว่าของหวังคู.

ทั้งคู่ที่กลับสู่ความสงบประจันหน้าจ้องมองคุมเชิงกันและกัน.
...........................

มุกซิงเฉิงที่กำลังเล็งไปที่อู๋หวน,ทำให้อู๋หวนไม่สามารถลงมือได้,ทำได้แค่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเท่านั้น.

"เจ้าไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของจงซานอย่างงั้นรึ? ตอนนี้บางที่คงถูกนวีชิงเฮวยสังหารตายไปแล้ว!"อู๋หวนที่กลายต่ออันหวงเพื่อทำลายสมาธิหาช่องว่าง.

"จื่อจิ้นอู๋หวน,ท่านไม่จำเป็นต้องใช้แผนการอะไร,จู่เหรินนั้นคือประมุขของราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้ง,เกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเองนั้นได้ครุ่นคิดไว้ก่อนอย่างระเอียดแล้ว!"อันหวงกล่าวออกมาเล็กน้อย.

อันหวงไม่ลดการป้องกัน,ทว่ายังคงจ้องมองไปยังอู๋หวน,ดวงตาไม่กระพริบทีเดียว.

ภายใต้ส่วนหนึ่งของลาน,ด้านล่างโพลงโคลนใต้ดิน,ในเวลานี้เป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก,คลื่นโคลนที่สั่นไหวอย่างรุนแรงบ้าคลั่ง,ในเวลานี้เปลี่ยนเป็นเงียบสงบ,เหมือนกับผืนน้ำที่ไม่มีคลื่น.

เกิดอะไรขึ้นกันแน่? หมายความว่าอย่างไร?

ภายใต้โพลงโคลนขนาดยักษ์.

นวีชิงเฮวยที่ถอยหลังออกมาหลังจากที่จงซานดึงหมอกหงหลวนออกไป,ร่างของนางที่ขยับได้,เร่งรีบถอนตัวถอยห่างออกไปไกล,ใบหน้าที่ยังคงจ้องมองจงซานด้วยความเย็นชา.

"หวังว่าคำพูดของข้า,เจ้าจะจำใส่ใจ,ข้าไม่ต้องการพูดอีกเป็นครั้งที่สอง!"ใบหน้าของจงซานที่ดูเคร่งขรึม.

ทว่านวีชิงเฮวยในเวลานี้,นางจะยอมง่ายๆอย่างงั้นรึ?ความเกลียดชังที่ราวกับว่ามันได้ปิดหูปิดตานางแล้ว.

"ข้าบอกเจ้าแล้ว,หากข้าไม่ตายวันนี้,ข้าจะต้องกุดหัวเจ้า!"ใบหน้าของนางที่เต็มไปด้วยความเย็นชา.

จากนั้นที่ด้านนอกที่สงบเงียบ,ภายในโพรงโคลนที่เงียบสงบ,ทันใดนั้นก็สั่นไหวไปมา,กลายเป็นระลอกคลื่นที่รุนแรง,จิตสังหารที่ปะทุขึ้นมา,ทุกคนจ้องมองตาโต,คลื่นสึนามิกำลังปรากฏขึ้น,บนอากาศเมฆสายฟ้า,ทักษะเทียน,ที่กำลังโถมกระหน่ำปลดปล่อยกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่โถมทับลงมา.

ภายใต้โพรงโคลน,ดวงตาของนวีชิงเฮวยที่จ้องมองจงซาน,ทันใดนั้นกระบี่สีดำยาวก็ปรากฏขึ้น,นางที่จ้องมองจงซานเขม็ง,ในเวลานี้,นางที่ไม่กล้าเข้าไปในระยะประชิด,พร้อมกับสร้างม่านพลังคุ้มกาย,ด้วยหวั่นเกรงต่อหมอกหงหลวนของจงซาน.

เห็นนวีชิงเฮวยที่ยังหัวแข็ง,จงซานที่เผยท่าทางเหยียดหยัน.

"ผู้หญิงอกโตสมองกลวง!"จงซานที่กล่าวออกมาเสียงดัง,ในเวลาเดียวกัน,มือขวาของเขาที่ทำสัญลักษณ์มือเป็นรูปดอกบัวไปพร้อมกันในทันที.

ได้ยินจงซานด่าว่านางอกโตสมองกลวง,นวีชิงเฮวยที่สั่นด้วยความโกรธ,กระบี่สีดำที่น่าเกรงขวาง,คลื่นโคลนมากมายที่พุ่งเป็นเส้นตรงไปยังร่างของจงซานอย่างบ้าคลั่ง.

จงซานที่ยังคงแค่นเสียง,มือที่ทำสัญลักษณ์เป็นรูปดอกบัวก็คลายออก.

"โพล๊ะ!"

นวีชิงเฮวยที่ราวกับรู้สึกว่าภายในร่างกายของนางมีอะไรบางอย่างระเบิด,พลังมากมายมหาศาลที่แผ่ไปทั่วร่าง,หัวใจของนางที่หดเกร็ง,เป็นไปได้อย่างไร? อะไรภายในร่างของนางที่ระเบิด?

นวีชิงเฮวยที่รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที,ทว่าตอนนี้ทุกอย่างมันสายไปแล้ว,นวีชิงเฮวยที่รู้สึกทั่วร่างอ่อนระทวยไปในทันที,กระบี่ของนางที่สิ้นพลังไปด้วยเช่นกัน,นางที่หยุดชะงัก,เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร,แววตาของนางที่เผยสีหน้าหวาดผวาขึ้นมา.

ยาปลุกกำหนัด? เป็นยาปลุกกำหนัดประเภทใดกัน?

นวีชิงเฮวยที่รับรู้ได้ถึงผลของมันดี,ใบหน้าของนางที่แดงขึ้นเรื่อยๆ,ความปรารถนาในหัวใจที่พลุ่งพล่านไปหมด,เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร,ไม่ใช่ว่านางหนีจากเงื้อมมือจงซานได้แล้วรึ? นวีชิงเฮวยที่พยายามตรวจสอบร่างกายตัวเอง,หากแต่ไม่พบสิ่งใด,ทว่านี่มันหมายความว่าอย่างไร?

ร่างกายของนางที่อ่อนแอ,พลังที่หดหายไปทั้งหมดในทัน,นางที่ทรุดลง,ใบหน้าที่แดงซ่าน,หายใจหอบๆ,ดวงตาที่ปรือๆ,ร่างกายที่แห้งราวกับขาดน้ำ.

ทุกอย่างหดหายไป,ที่ด้านนอกเทียนของนางก็หายไปในทันที,คลื่นโคลนที่ราวกับสึนามิก็กลายเป็นสงบเงียบ,เป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดอย่างที่สุด,ทำให้คนมากมายด้านนอกคาดการณ์ไปต่างๆนาๆ,หมายความว่าอย่างไรกัน? ด้านในเกิดสิ่งใดขึ้น.

"ทำไมเป็นเช่นนี้?"นวีชิงเฮวยที่หายใจหนักหน่วงจ้องมองจงซานด้วยสายตาอ่อน.

ไม่เข้าใจ! นางที่ปกป้องร่างกายเอาไว้ดีแล้ว,ทำไมยังเกิดขึ้นอีก?

"ผู้หญิงอกโตสมองกลวง,ตอนนี้เชื่อรึยัง? เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้า,เจ้ายังภาคภูมิว่าตัวเองมีระดับสวรรค์แท้อีกรึ? นี่เจ้ามีสมองจริงๆรึไม่!"จงซานที่กล่าวอย่างไร้หัวใจ.

ขณะที่จงซานว่ากล่าวนาง,นวีชิงเฮวยที่ได้ยิน,อกโตสมองกลวง,คาดไม่ถึงเวลานี้นางจะไม่ได้โกรธมากมายเหมื่อนก่อนหน้า,ทว่ากลับเผยสีหน้าหวาดหวั่นจดจ้องมองไปยังจงซาน.

ก่อนหน้านี้หมายความว่าอย่างไร? ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?

"นี่คือ เม็ดบัวรวมหมอก,ข้าได้ปลูกไว้ในร่างของเจ้าสองเม็ด,และระเบิดออกมา,ในร่างของเจ้ายังเหลืออีกหนึ่ง,เจ้าบอกซิว่าตอนนี้ข้าควรจะทำอย่างไรกับกับเจ้าดี?"จงซานที่ก้าวมาด้านหน้านวีชิงเฮวยพร้อมเข้ากุมหน้าอกนางด้านหลังในตำแหน่งเดิม.

นวีชิงเฮวยในเวลานี้,ที่ควรจะโกรธ,หากแต่ภายในใจของนางกลับรู้สึกหวาดกลัว,ระดับสวรรค์แท้,คือสุดยอดผู้ฝึกตน,ยืนอยู่เหนือคนทั้งหมด,ราวกับเทพสวรรค์,ต่อหน้าจงซาน,คาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้,นางที่ถูกผูกรัด,กลายเป็นปลาบนเขียงให้สังหารหรือกระทำอะไรก็ได้อย่างงั้นรึ? เม็ดบัวรวมหมอก? มันคือยาปลุกกำหนัดอย่างหนึ่งงั้นรึ?

จงซานปลูกมันเอาไว้ในร่างของนางสองเมล็ดอย่างงั้นรึ?

นวีชิงเฮวยที่กัดริมฝีปากแน่น,ดวงตาเลือนๆ,พยายามจ้องมองจงซาน,ราวกับหญิงรับใช้อยู่ต่อหน้าผู้เป็นนาย.

"เมล็ดบัวรวมหมอกนี้ถือว่าเป็นการเตือน,บอกเจ้าว่าอย่าได้มายั่วโมโหข้าอีกครั้ง,ส่วนอีกเมล็ดนั้น,ข้ามั่นใจว่า,ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีระดับสวรรค์แท้,อาจจะต้องใช้เวลาสักปี,หรือก็ เป็นไปไม่ได้ที่จะขับมันออกไปได้! ครั้งนี้ข้าไม่ได้มีอารมณ์กับเจ้า,ครั้งหน้า,เจ้าจะไม่โชคดีเช่นนี้! ภายในหนึ่งปี,คิดถึงใคร่ครวญถึงคำพูดของข้าเอาไว้ให้ดี!"จงซานกล่าวอย่างจริงจัง.

จากนั้นจงซานที่ขยับมือ,พร้อมกับดึงหมอกหงหลวนออกมาจากร่างกายผ่านหน้าอกของนางอีกครั้ง,ระหว่างนี้,มือสองข้างของเขาที่กุมไปที่หน้าอกของนวีชิงเฮวยขยำไปมาอีกครั้ง,ใบหน้าของนางที่ร้อนผ่าวร้อนระอุเป็นอย่างมาก.

นิ้วของเขาที่ดูดหมอกหงหลวนออกมาจากภายในร่างกายของนาง,ก่อนที่นางจะกลับมาเป็นปกติ.

นางที่หลบเลี่ยงหนีออกไปอย่างรวดเร็ว,นวีชิงเฮวยที่แทบบ้าคลั่งจ้องมองจงซานด้วยความโกรธ,ตกใจและหวาดกลัว.

นวีชิงเฮวยที่กัดริมฝีปากแน่น,ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมาแต่แต่น้อย,นางที่คิดได้แต่ว่าไม่กล้าลงมือกับจงซานอีกแล้ว,นางที่นำผ้าปิดหน้า,ออกมา,ปิดบังใบหน้าของนางใหม่.

จ้องมองผ้าปิดหน้า,จงซานที่ถอนหายใจ,เผยท่าทางเสียดายอยู่เล็กน้อย.

นวีชิงเฮวยที่จ้องมองตาขวางไปยังจงซาน,ก่อนที่จะเปิดแยกผืนดินออก,พื้นที่รอบๆที่กลับสู่สภาพเดิม.

จงซานที่กลับมายืนอยู่บนพื้นดิน!

"นับว่าเลือกทางที่ฉลาด!"จงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย,ก่อนที่จะบินจากไป.

นวีชิงเฮวยที่รู้สึกขมขื่น,จ้องมองจงซานที่บินจากไป.

"นวีชิงเฮวย,เจ้าทำอะไร? ทำไมไม่สังหารจงซาน?"อู๋หวนที่ตื่นตกใจตะโกนออกไปจากพื้นที่ไกลออกไป.

แม้ว่าอู๋หวนจะถูกกักตัวเอาไว้,ทว่าก็จดจ้องมองไปยังฝั่งของจงซานอยู่ตลอดเวลา,แม้นว่าโคลนเลนสีดำนั้น,สัมผัสเทวะไม่สามารถกวาดผ่านได้,ทว่าอู๋หวนเชื่อว่าจงซานไม่มีทางที่จะต่อกรกับนวีชิงเฮวยได้,ระดับจักรพรรดิแท้จะต่อกรกับระดับสวรรค์แท้ได้อย่างไร? ไม่มีทางอย่างแน่นอน.

ทำไมนวีชิงเฮวยถึงปล่อยจงซาน! นั่นก็เพราะว่านางต้องการทำอย่างงั้นรึ? ไม่รู้ว่านางมีเป้าหมายอะไรถึงได้ไม่สังหารจงซาน?

จงใจปล่อยอย่างงั้นรึ?

อู๋หวนที่ชำเลืองมองไปยังนวีชิงเฮวย.

นวีชิงเฮวยจ้องมองอู๋หวนอย่างเฉยเมย,ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย,ราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน.

"นวีชิงเฮวย,เจ้าต้องการที่จะขัดคำสั่งของเต๋าจวินเซิ่งหย๋าอย่างงั้นรึ?"อู๋หวนที่ตะโกนออกไปด้วยความโกรธ.
„The this time plan has defeated, everyone receives the hand!” Nu Qinghui turns the head to say to everyone.
"แผนการครั้งนี้ล้มเหลวแล้ว,ทุกคนวางมือ!"นวีชิงเฮวยที่หันหน้าไปมองทุกคน.

ไม่มีความจำเป็นต้องดื้นรั้นต่อไป,ตอนนี้ไม่ดำเนินการต่อ,อู๋หวนเองก็ถูกผนึกการเคลื่อนไหวแล้ว,เวลานี้ไม่มีทางสำเร็จได้.

ที่ไกลออกไปนั้น,ปิงเสวียนที่จ้องมองด้วยสายตาขุ่นเคือง,จ้องมองจงซานที่บินไปหาเป่ยชขิงซือ,มองเห็นเป่ยชิงซือที่โผเข้ากอดจงซาน,ใบหน้าของปิงเสวียนที่บิดเบี้ยว,มันจะเป็นไปได้อย่างไร,ไม่ใช่ว่าใช้คนไปตั้งมากมาย,แผนการครั้งใหญ่นี้,คาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่สามารถสังหารจงซานได้? ทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้?

"ครืนนนนนนนนนนนนนนนน"

ขณะที่นวีชิงเฮวยเตรียมจากไปนั้น,ที่ไกลออกไป,ลึกลงไปในตำหนักด้านในเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นติดต่อกันหลายๆครั้ง,เสียงดังทำให้ทุกคนสั่นตื่นตกใจ,หลังจากเกิดระเบิดติดต่อกัน,หวังคูที่ลอยอยู่บนอากาศจ้องมองออกไป,จากนั้นร่างกายของเขาก็หายไปจากกุยโซว,มาปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าจงซาน.

จงซานในเวลานี้กำลังปลอบเป่ยชิงซือที่กำลังน้ำตาคลออยู่บนอก,ขณะที่เห็นหวังคูมาถึง,ทันทีทันที,เป่ยชิงซือที่เร่งรีบผละออกจากอกจงซานทันที.

"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"จงซานกล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"มีผู้เยี่ยมยุทธ์,เพียงแค่สองลมหายใจก็สามารถทำลายม่านพลังป้องกันของข้าที่ผนึกกระบี่จิวเซียนเอาไว้ได้!"หวังคูกล่าวอย่างจริงจัง.

สองลมหายใจ? จงซานจำได้ดี,ก่อนหน้านี้หวังคูได้บอกว่าแม้จะเป็นระดับสวรรค์แท้,หากต้องการทะลวงค่ายกลของเขา,จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามชั่วยาม,หากแต่นี่,หมายความว่าอย่างไร? สองลมหายใจ,ใช้เวลาเพียงสองลมหายใจ?

เป็นความจริง,ขณะที่นวีชิงเฮวยและอู๋หวนกำลังโต้เถียงกันนั้น,ที่ด้านหน้าตำหนักกระบี่,ก็ปรากฏคนผู้หนึ่งขึ้น.

"คารวะเต๋าจวินเซิ่งหย๋า!"เหล่าผู้ฝึกนจักรพรรดิแท้ต่างก็แสดงความเคารพออกมาในทันที.

เต๋าจวินเซิ่งหย๋า,ในท้ายที่สุด,คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะปรากฏตัว?

เต๋าจวินเซิ่งหย๋าเพียงแค่พยักหน้า,ขณะที่จ้องมองไปยังกระบี่จิวเซียน,ซึ่งเวลานี้มีผนึกปิดกั้นอยู่,หนึ่งดำหนึ่งขาว.

เต่าจวินเซิ่งหย๋าที่ขมวดคิ้ว,ก่อนที่จะยื่นมือออกไปคว้ากระบี่,เพียงแค่มือของเต๋าจวินเซิ่งหย๋าก็สามารถทำลายผนึกได้.

"ซี่ๆๆๆๆ"

มือของเต๋าจวินเซิ่งหยาที่ไม่หยุด,ทะลวงไปยังคว้าด้ามของกระบี่จิวเซียน.


ด้วยแรงผลักและดึงออกมา,สามารถทะลายค่ายกลที่น่าเกรงขามให้แตกกระจายไปทุกทิศทาง,เพียงแค่สองลมหายใจ,ก็สามารถทำลายค่ายกลได้,ควรค่าแล้วที่เป็นประมุขเทพของแดนเทพอมตะ,ทรงพลังน่าเกรงขามนัก!




ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น