Immortality Chapter 461 The body of Middle Position
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 461 ร่างมรรคาระดับกลาง.
Chapter 461 The body of Middle Position
中位之身
ร่างมรรคาระดับกลาง.
หลังจากกลับไปถึงคฤหาสน์ตงฟาง! สิ่งแรกที่จงซานทำคือการหลอมผลวสันต์พันปี.
ไม่ว่าอย่างไรการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองก็นับว่าเป็นความสำคัญ,ต้นไม้พันปี,ที่มีจิตวิญญาณของสวรรค์และปฐพีหล่อหลอมมากกว่าพันปี,กว่าจะให้ผลในแต่ละครั้ง,ต้องใช้เวลานับพันปี,และยังออกผลเพียงแค่ห้าผลเท่านั้น,แน่นอนว่ามันมีพลังที่ลึกล้ำฝังอยู่ในนั้น.
หลังจากที่กลืนผลวสันต์พันปีเข้าไปแล้ว,พลังมากมายตอนนี้กำลังไหลอาบไปทั่วร่าง,จงซานที่นั่งบำเพ็ญอยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือน.
ท้ายที่สุดหนึ่งเดือนหลังจากนั้น,จงซานก็ก้าวไปถึงระดับหนึ่งหลอมกายธาตุ.
ภายในห้องโถงฝึกฝนการต่อสู้,ดวงตาของจงซานที่หลับลงปิดแน่น,ทว่าวิญญาณเทวะ,ตอนนี้ได้ก้าวออกมาแล้ว,พร้อมกับก้าวออกมาด้านนอกตำหนักตงฟาง,ก่อนที่จะกลับคืนร่างในที่สุด.
วิญญาณเทวะของเขานั้นยังคงอ่อนแออยู่,ไม่ดีนักที่จะออกจากร่างเป็นเวลานาน,นอกจากนี้จงซานเพียงแค่ต้องการตรวจสอบผลของมันเท่านั้น,หากไม่อยู่ในสภาวะเป็นตาย,เขาจะไม่ยอมนำมันออกจากร่างแน่นอน.
ในเวลานี้,ตั้งแต่อยู่ที่เกาะหมาป่าสวรรค์,จงซานเองก็ได้ศึกษา,"สายฟ้าสวรรค์ผันแปร"มาก่อนแล้ว.
กับวิชาดังกล่าวนี้,จงซานรับรู้ว่ามันเป็นวิชาที่ไม่ธรรมดาเลย.
จงซานที่ก้าวออกมานอกห้องโถง,ร่างกายของเขาที่ส่องประกายแป็บๆ,บนท้องฟ้าทันใดนั้นก็เกิดเมฆสายฟ้าขนาดหนึ่งมู่ขึ้น,นี่เป็นหนึ่งในกระบวนท่าของวิชาใหม่,สายฟ้าหนึ่งมู่ที่ดูดซับพลังสายฟ้าที่อยู่รอบๆ,ก่อนที่จะล่วงหล่นลงมาด้านล่างอย่างรุนแรง.
หนึ่งมู่,นับว่าเล็กมา,ทว่ามันไมได้กินแก่นแท้ของเขา,นี่เป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวร่างกาย,ทดสอบกระบวนท่า,ดังนั้นจึงไม่ต้องการสร้างความวุ่นวาย,นอกจากนี้วิชาดังกล่าวยังอยุ่ในขั้นแรกเท่านั้น,และยังเพิ่มพลังให้กับเขาได้ถึงสิบเท่า.
ทว่าเมื่อไหร่ที่เขาก้าวไปถึงระดับหลอมกายธาตุสมบูรณ์แบบเมื่อไหร่,ไม่ใช่ว่าสามารถสร้างเมฆสายฟ้าปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าได้เลยรึ?
นอกจากนี้ยังสามารถส่งสายฟ้าลงไปยังจุดที่เขาต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ.
คิดได้เช่นนี้แล้ว,ภายในใจของจงซานที่ตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก,แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
วันนี้จงซานเดินทางไปยังโรงเตี้ยมหยุนไหลในเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์.
"ฟูฉิน!"จงเจิ้งที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
"สถานการณ์เป็นอย่าไงรบ้าง?"จงซานที่กล่าวออกมา.
"หอการค้าต้าหรงนั้นมีเงินสามแสนล้านศิลาวิญญาณระดับสูง,ทว่าบุตรได้ทำการลงทุนต่อ,สร้างธุรกิจของหอการค้าต้าหรงขึ้นอีก,ตอนนี้ได้กระจายไปทั่วทิศ,และยังขยายไปยังราชวงศ์สวรรค์ต้าสุ่ยด้วย,ทว่า,ตอนนี้ยังจำเป็นต้องทำให้มั่นคงก่อน,จำเป็นต้องใช้เวลาสักเล็กน้อย."จงเจิ้งกล่าว.
"ถูกแล้วการมีเงินในมือถือว่าเป็นความสูญเปล่า,สู้นำไปลงทุนสร้างเงินดีกว่า,นอกจากนี้พวกเรายังต้องค้นหาข้อมูลของเหล่าผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งทั่วหล้า,สำหรับคนที่มีความสามารถ,จำเป็นต้องหามาใช้งานให้เป็นกำลังให้ราชวงศ์จักรพรรดิต้าเจิ้ง."จงซานกล่าว.
"ครับ!"จงเจิ้งที่กล่าวรับคำในทันที.
"อืม,ที่ข้ามาในวันนี้ข้ามีเรื่องให้เจ้าจัดการสองเรื่อง!"จงซานกล่าว.
"ฟู่ฉินโปรดกล่าว!"
"เรื่องแรกเจ้าจงส่งคนไปยังทะเลตะวันออก,ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกวิธีเจ้าแล้ว,วิธีพบกับเห่าเม่ยลี,นำกระดาษนี้,ไปให้นางได้เห็น."จงซานกล่าว,พร้อมกับนำกระดาษแผ่นเล็กๆที่บนกระดาษมีอักษรเขียนเอาไว้ว่า,"อนุสาวรีอมตะ!"
"ครับ."
"เรื่องที่สอง,เจ้าจงเดินทางไปยังวิหารต้าหมิงเป็นการส่วนตัว,ไปพบกับจงเทียน,แล้วบอกเขาให้เกลี้ยกล่อมผู้นำวิหารต้าหมิง,ให้เดินทางมาช่วยข้า."จงซานกล่าว.
"ฟู่ฉิน,จะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นเร็วๆนี้อย่างงั้นรึ?"จงเจิ้งที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.
"ใช่,เร็วๆนี้จะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น."จงซานพยักหน้า.
"หืม?"จงเจิ้งแสดงท่าทางสงสัยเล็กน้อย.
"ทำลายล้างแดนเทพพิสุทธิ!"จงซานกล่าว.
ได้ยินคำพูดของจงซาน,จงเจิ้งถึงกับตื่นตะใจเล็กน้อย,จงเจิ้งเองแน่นอนต้องรับรู้ว่าจงซานนั้นไม่ได้กล่าวล้อเล่นแน่,กับการกระทำเช่นนี้คือข่าวใหญ่ทีเดียว,แดนเทพพิสุทธิ์,ยักษ์ใหญ่,จะถูกทำลายอย่างงั้นรึ?
"ฟู่ฉินโปรดวางใจ,บุตรจะไปแจ้งพี่ใหญ่ด้วยตัวเองแน่นอน,การกำจัดแดนเทพพิสุทธิ์ครั้งนี้,คนของวิหารต้าหมิงต้องสนใจแน่,ที่นี่มีกรรมวาสนามากมายนับไม่ถ้วนเลย."จงเจิ้งกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"อืม!"จงซานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม.
.........
แดนเทพอมตะ!
กระท่อมที่หรูหราแห่งหนึ่ง.
เนี่ยนโหยวโหยวนั่งอยู่บนโต๊ะศิลา,ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลจ้องมองไปยังเจ้าทรงกลมขนปุย,อสูรเทพบรรพชน,เสี่ยวชิง.
อสูรน้อยขนปุยที่ท้องบวมเป่ง,ขยับไปมา,ด้วยความพึงพอใจ,เห็นได้ชัดเจนว่ามันได้รับการดูแลอย่างดีจากเนี่ยนโหยวโหยวและมันยังชอบอยู่ข้างๆเนี่ยนโหยวโหยวอีกด้วย.
"อี้ อี้ อี้ อี้!"
อสูรน้อยขนปุยที่ราวกับพึงพอใจจนฮัมเพลงออกมา,เนียนโหยวโหยวจ้องมองอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้.
ขณะที่เนียนโหยวเต็มไปด้วยความสุขที่ยากจะเห็นได้นั้น,ทันใดนั้น,ใบหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที,รอยยิ้มได้มลายหายไปหมด,กลายเป็นความข่มขืนเข้ามาแทนที่.
เพราะว่าที่ด้านหน้าเนียนโหยวโหยวนั้น,ปรากฏหญิงสาวผู้หนึ่งขึ้นมาในทันที,เป็นอาจารย์ของนาง,เป็นคนที่นางทั้งเคารพและหวาดกลัว.
"อาจารย์!"เนียนโหยวโหยวที่เอ่ยออกมาทันที.
"ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?"หญิงสาวคนดังกล่าวออกมา,เสียงของนางที่หยดย้อนมากด้วยเสน่หา,หากว่ามีบุรุษอยู่ใกล้ๆคงจะแข้งขาอ่อนไปแล้ว.
"ดีขึ้นมากแล้ว!"เนียนโหยวโหยวที่ยังเต็มไปด้วยความเศร้า,ทว่าก็กล่าวตอบออกมาเช่นนั้น.
"ดีแล้ว,สองปีหลังจากนี้,สามราชวงศ์สวรรค์จะเข้าล้อมกรอบแดนเทพพิสุทธิ์,จงซานเองก็มีส่วนเกี่ยวข้อง,นี่คือโอกาสของเจ้าแล้ว,นี่คือโอกาสที่จะลบความรู้สึกของเจ้าแล้ว!"หญิงสาวคนดังกล่าวเอ่ย.
เนียนโหยวโหยวที่กัดริมฝีปากแน่น,พยายามที่จะระงับน้ำตาเอาไว้,พร้อมกับพยักหน้ารับ.
"อือ!"หญิงสาวคนดังกล่าวถอนหายใจเบาๆ,ก่อนที่ร่างของนางจะหายไปจากเนียนโหยวโหยว.
แทบจะในทันทีที่อาจารย์หายไป,เนียนโหยวโหยวที่น้ำตาไหลออกมาพรากๆ,นางในเวลานี้ไม่สามารถทนเอาไว้ได้,นางที่คิดไปต่างๆนาๆ,ทำไมอาจารย์ของนางถึงได้รู้ความลับเช่นนี้ได้,ตอนนี้นางเสียใจเศร้าใจจนถึงขีดสุด.
นางที่ร้องไห้ต่อหน้าเสียวชิง,จ้องมองเสียวชิงครุ่นคิดถึงคืนวันในโลกฝัน
นางที่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับสวีเซียนหลายปีเท่าไหร่? กับจงซาน?
นางที่ไม่สามารถแบกรับความเจ็บปวดในใจได้,นางยังคงกอดอสูรน้อยขนปุย,ไม่ว่ามันจะดิ้นขนาดใหน,นางกับกับไม่รู้,ตอนนี้ความรู้สึกของนางได้พังทลายแล้ว.
ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว,ผ่านมาอีกห้าเดือน.
สุ่ยอู๋เหินที่นำกองกำลังมาถึงเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ได้ในที่สุด.
"จอมพล,ผู้น้อยไร้ความสามารถ,ได้พ่ายแพ้,สูญเสียงทหารจงถึงหนึ่งแสนนาย!"สุยอู๋เหินที่กล่าวรายงานต่อหน้าจงซาน.
"ในการบัญชาการการชนะหรือพ่ายแพ้ย่อมต้องเกิดขึ้น,กับกองกำลังที่ยากจะต่อต้าน,การเหลือรอดกลับมาได้มากที่สุดก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว,กองกำลังจงเองก็จะสามารถยกระดับไปอีก,กับผลลัพธ์ในเวลานี้,ข้านับว่าพึงพอใจ."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
สุ่ยอู๋เหินที่จ้องมองด้วยท่าทางประหลาดใจ.คาดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าจอมพลจะกล่าวชมอย่างงั้นรึ?
"ครับ!"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
"ต่อสู้ร้อยครั้งถึงจะสร้างวีระบุรุษ,กองกำลังจงในเวลานี้,เจ้าคิดว่าแตกต่างจากเมื่อก่อนหรือไม่?"จงซานที่ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ครับ,แม้ว่ากองกำลังจะจะพ่ายแพ้สูญเสียไปหนึ่งแสนคน,ทว่ากองกำลังจงในเวลานี้มีความแข็งแกร่งมากว่าเดิมสองเท่า."สุ่ยอู๋เหินกล่าวออกมาในทันที.
"ดี,เจ้าดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดี,กองกำลังทหารต่อไป,หลังจากนี้เจ้าจะต้องเป็นผู้นำพวกเขา."จงซานกล่าว.
"ครับ!"สุ่ยอู๋เหินที่ตอบรับในทันที.
"จอมพล,กองกำลังจงตอนนี้ก็ได้กลับมาแล้ว,เรื่องของท่านหญิงจอมพล,ที่ทำลายญาณปิดปากของอรหันต์กุยหวย,เผยออกไปดีหรือไม่?"หลินเซียวที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"แน่นอน,แน่นอนว่าจะต้องปล่อยออกไป!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
จงซานที่กล่าวทำให้ทุกคนหัวเราะเสียงดัง.
สองวันหลังจากนั้น,ทั่วทั้งเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์,เรื่องราวนี้ได้กลายเป็นเรื่องขำขันให้กับคนทั่วหล้า.
ท่านหญิงของกงตงฟาง,อรหันต์กุยหยวนที่พ่ายแพ้,ญาณปิดปากแตกสลาย,หวาดกลัวจนต้องหนีกลับแดนเทพพิสุทธิ์ในทันที,กลายเป็นสามเรื่องขำขันกระจายไปทั่ว.
ภายในร้านอาหาร,กลายเป็นเรื่องตลกให้ทุกคนได้เล่าอย่างสนุกสนาน.
"หู้วๆๆ,น่าขายหน้า,น่าหัวเราะ,ฮ่าฮ่าอ่าฮ่า!"
หลายๆคนที่กุมท้องหัวเราะ,"ข้าหัวเราะจะตายแล้ว,โหย,ไม่ใช่ว่าอรหันต์กุยหยวนคงช้ำใจตายแล้ว,ตอนนี้คนแดนเทพพิสุทธิ์รับรู้หรือยัง?
ฮ่าอ่าอ่าฮ่า."
"เหนือสวรรค์และปฐพี,อหังการ?
เชิญไปกินข้าว,ฮ่าฮ่าฮ่า,เชิญไปกินข้าวต้มรึ?"
เรื่องขำขันที่ทำให้ทุกคนได้หัวเราะ,ไม่เพียงแต่กลายเป็นเรื่องสนุกเท่านั้น,มันยังได้ทำลายชื่อเสียงของอรหันต์กุยหยวนจนย่อยยับ,ทว่าหลังจากนั้นไม่นานอรหันต์กุยหยวนที่ได้เดินทางไปยังราชวงศ์ราชันย์แห่งหนึ่ง,เพื่อเจรจางานบางอย่าง.
ดูเหมือนว่าอรหันต์กุยหยวนจะญาณแตกจริงๆรึ?
อรหันต์กุยหยวน,ช่างโชคร้ายจริงๆ!
และในท้องพระโรงของราชวงศ์สวรรค์,เหตุการณ์ขำขันเลื่อนลั่นสนั่นปฐพีครั้งนี้,ก็ได้ถูกนำมารายงานในท้องพระโรงต่อหน้าข้าราชบริพารทั้งหลาย,หลายๆคนที่ใบหน้ากระตุก,บางคนที่ต้องหัวเราะออกมา,ไม่สามารถยับยั้งตัวเองไว้ได้เช่นกัน.
กับการระทำของกงตงฟางในครั้งนี้,ไม่เพียงแต่ไปสร้างความวุ่นวายให้กับราชวงศ์สวรรค์ต้าหลีแล้ว,ขากลับมา,พบเจอกับอรหันต์กุยหยวนชวนไปกินข้าวอย่างงั้นรึ?
กับเพียงแค่เชิญไปกินข้าว,ถึงกับญาณปิดปากแตก,วิชาบำเพ็ญโบราณที่ยิ่งใหญ่พังทลายอย่างงั้นรึ?
กู่เฉิงตงที่ได้ยินเรื่องนี้,ภายในใจเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน,แน่นอนว่าภายในกองกำลังจง,แม้ว่าจะเป็นกองกำลังส่วนตัวของจงซาน,ทว่า,ก็มีคนของกู่เฉิงตง
1-2 คนซ่อนอยู่,ไม่ยากที่จะสืบสวนเรื่องนี้,ทำให้สามารถได้รับการยืนยันได้ในทันที.
กู่เฉิงตงรับรู้อย่างดีว่าอรหันต์กุยหยวนที่บำเพ็ญปิดปากนั้น,จึงกาจเป็นอรหันต์ลำดับหนึ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดนั่นเอง.
"กงตงฟางจงซาน,ได้ช่วยเพิ่มอำนาจสวรรค์และชื่อเสียงให้กับราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว,กับการกระทำในครั้งนี้,ข้าขอแต่งตังให้กงตงฟางกลายเป็นกงตงฟางขั้นที่หนึ่ง!"กู่เฉิงตงที่เอ่ยปากในทันที.
กับคำพูดของกู่เฉิงตงที่กล่าวออกมา,ทำให้ทุกคนต้องหายใจหอบๆ,ได้เลือนระดับอีกแล้วรึ?
เวลานี้ร่างกายของเขามีมรรคาขั้นกลางแล้ว,วาสนาตอนนี้ได้เพิ่มพูนเข้ามาในร่าง,ทำให้เขามีพลังฝึกตนเพิ่มเป็นสิบเท่าในทันที?
กงตงฟางจงซาน,ได้รับการเลื่อนระดับที่เร็วเป็นอย่างมาก,เพียงแค่สิบปีเท่านั้น,ก็มีสถานะเป็นกงขั้นบนสุดแล้วรึ?
ไม่จำเป็นต้องรอรับราชโองการจากขันที,จงซานที่ตอนนี้อยู่ที่ตำหนักตงฟางทันใดนั้นก็รับรู้ว่ามีวาสนาที่ถูกแผ่พุ่งเข้ามาในร่าง,ร่างกายของเขาที่ได้รับมรรคาระดับกลางในทันที.
รวมกับวาสนาของราชวงศ์สวรรค์ต้าเจิง,ในเวลานี้เขามีระดับความเร็วการฝึกฝน
15 เท่าแล้ว,ตอนนี้แม้ว่าจะมีพรสวรรค์ทางร่างกายที่ย่ำแย่,ทว่าก็ไม่ต่างจากคนปรกติแล้ว.
อย่างไรก็ตาม,ภายในใจของจงซานนั้นไม่ได้ดีใจมากมายนัก,และยังต้องขมวดคิ้วแน่นอีกด้วยเช่นกัน.
"ฝ่าบาท!
มีอะไรอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงซือที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยความสงสัย.
จงซานที่สูดหายใจลึกและกล่าวออกมาว่า,"ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวใกล้จะถูกจุดสุดท้ายแล้ว,ตอนนี้เวลากระชั้นชิดเข้ามาแล้ว!"
จะให้กล่าวล่ะก็,โชควาสนาที่เขาได้รับ,แม้ว่ามันจะเพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนมาก,ทว่ามันก็ได้รับมาจากกู่เฉิงตง,ซึ่งเวลานี้เขาเตรียมที่จะลาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์แล้ว,ต่อไปวาสนาที่เขาได้รับมานี้จะต้องหายไปอีกในไม่นานนี้แล้ว.
"จอมพล,ที่ด้านนอก,เห่าเม่ยลีและราชันย์พิษปัจจิมขอพบ!"หลิวอู๋ซ่างที่เข้ามารายงานในทันที.
"เห่าเม่ยลี? จักรพรรดิพิษปัจจิม?
ให้พวกเขาเข้ามาได้เลย!"จงซานกล่าว.
"รับทราบ!"หลิวอู๋ซ่างที่พยักหน้าในทันที.
ไม่นานหลังจากนั้น,ก็มีคนสองคนที่เข้ามาในตำหนักตงฟาง.
"จงซาน,มีอะไรเจ้าขอให้ข้ามา?
เจ้าพบอะไรแล้วรึ?"
ยังไม่เข้ามาในตำหนักด้วยซ้ำ,เสียงของเห่าเม่ยลีที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองอหังการก็ดังขึ้นมาในทันที.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น