วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Immortality Chapter 394 Divine Seal

Immortality Chapter 394  Divine Seal

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 394 


Chapter 394  Divine Seal
神印
  ผนึกเทวะ.

"ประสกทั้งสอง,ที่นี่คือวิหารหลงเฟิง."เซอคงที่ชี้ไปยังเส้นทางที่ขมุกขมัวด้านหน้า.

หมอกที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ,แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ไม่ใหญ่นัก,ทว่าก็สามารถมองเห็นเส้นทางลึกเข้าไปด้านใน,ดูเหมือนว่าหมอกมืดจะปกคลุมรัศมีห้ากิโลเมตรเลยทีเดียว,แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่ไม่น้อย,แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับคฤหาสน์ตงฟางของเขาที่เมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ได้แต่อย่างใด.



จงซานและเซียนเซิงซือที่สบตากันและกันแสดงท่าทางประหลาดใจเป็นอย่างมาก.

ก่อนหน้านี้ตลอดหลายวัน,ที่เข้ามาในเขตค่ายกลอรหันแสนภูผา,จงซานที่ได้ใช้บัวหงหลวน,ทว่ากับได้ยินเพียงเสียงสวดมนต์ทีดังขึ้นไม่หยุด,ดูเหมือนว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลอรหันต์แสนภูผา,เสียงของอรหันต์ที่ดังกระจายก้องไปทั่วทิศทาง.

คนอื่นๆย่อมไม่ได้ยินเสียง,มีเพียงแค่จงซานที่มีบัวหงหลวนถึงจะได้ยินเสียงดังกล่าวนี้ได้,ดังนั้นจึงอดไม่ได้เลยที่จะทำให้จงซานเต็มไปด้วยความสงสัย.

"ศิษย์พี่,ข้าพาแขกมา!"เซอคงกล่าวต่อคนดูแลค่ายกล,ใบหน้าที่แสดงท่าทางมีความสุข.

เสียงของเซอคงที่ดังผ่านเข้าไปในค่ายกลหมอก,ก่อนที่จะมีแสงสีทองผ่านออกมา,เป็นแสงของพระพุทธที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก.

ทันทีที่หมอกสลายหายไปช้าๆ,ทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นฉากของวิหารหลงเฟิง.

วิหารหลงเฟิงนั้นมีแท่นบูชาขนาดใหญ่บนยอดเขา,ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีขนาดใหญ่,มีรูปร่างเหมือนพลั่ว,ซึ่งมีตำหนักขนาดใหญ่อยู่ด้านบน,ด้านในนั้นมีเหล่านักบวชห่มเหลืองที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่เต็มไปหมด.

ในเวลาเดียวกันนั้น,ที่ไกลออกไป,มีนักบวชสามคนที่บินตรงมาทันที,สวมผ้าคลุมสีเหลืองเหมือนกับเซอคง.

"เสี่ยวเซิงเซอ,สองคนนี้คือผู้ศรัทธาที่เจ้านำมาอย่างงั้นรึ!"นักบวชทั้งสามที่เอ่ยออกมาในทันที.

"คารวะใต้ซือทั้งสาม!"จงซานที่เอ่ยออกมาเล็กน้อย.

"ศิษย์พี่ทั้งสาม,คนทั้งสองคือผู้ช่วยชีวิตของข้า,ในเวลานั้นกองกำลังปิศาจมายาได้ล้อมกรอบข้า,ทว่าคนเหล่านี้ได้สังหารกองกำลังดังกล่าวไปจนสิ้น,พรุ่งนี้ข้าจะนำผู้ช่วยชีวิตทั้งสองเดินทางไปยังดินแดนเทพพิสุทธิ์,วันนี้ข้าต้องการให้ผู้ช่วยชีวิตทั้งสองพักอยู่ในวิหารหลงเฟิงของพวกเราก่อน."เซอคงกล่าว.

"ดี!"นักบวชทั้งสามที่พยักหน้าทันที,ก่อนที่จะกวาดตามองไปยังจงซานและเซียนเซิงซือ.

"เชิญผู้มีพระคุณท้องสอง,วิหารหลงเฟิงนั้นเป็นวิหารเล็กๆ,ดังนั้นจึงมีพื้นที่ไม่ใหญ่นัก,นอกจากนี้ค่ายกลยังดูหยาบกระด้าง,ดังนั้นอาจะไม่แข็งแกร่ง,บางครั้งก็มีคนนอกลอบผ่านเข้ามา."เซอคงที่กล่าวขณะนำจงซานไปยังที่พัก.

"ไม่มีปัญหา!"จงซานเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.

ไม่นานหลังจากนั้น,จงซานและเซียนเซิงซือถูกนำมายังส่วนหนึ่งของภูเขา,นับว่าเป็นวิหารที่ดูเงียบงันเป็นอย่างมาก.

ศิษย์พี่ทั้งสามของเซอคงเองดูเหมือนว่าจากไปแล้ว,มีเพียงเซอคงที่นำจงซานและเซียนเซิงซือเข้ามาด้านใน.

จงซานและเซียนเซิงซือถูกนำมายังห้องรับรองแห่งหนึ่ง,เป็นหนึ่งในห้องโถงของวิหารหลงเฟิง,เซอคงที่อธิบายรายระเอียดข้อห้ามต่างๆภายในค่ายกลอรหันต์แสนภูผาให้ฟังเล็กน้อย.

"ไม่ได้พักมานานแล้ว,ข้ารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย."จงซานกล่าวออกมาด้วยความสุภาพต่อเซอคง.

"ที่ด้านหลังนั้นมีน้ำพุร้อน,ทั้งสองพักผ่อนเถอะ,แล้วตอนเย็นข้าจะมาขอบคุณและต้อนรับทั้งสองอีกครั้ง."เซอคงกล่าว.

"ขอบคุณ!"จงซานกล่าวตอบรับ.

เซอคงที่ถอนตัวกลับไปในทันที,หลังจากทีนั้นภายในวิหารแห่งนี้ที่ดูเงียบงัน,จนจงซานต้องหรี่ตาจ้องมอง.

"เซียนเซิงซือ,มีกลิ่นธูปป่วนจิต,ระวังตัวด้วย."จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

"อืม!"เซียนเซิงซือที่พยักหน้ารับ.

คนทั้งสองที่จ้องมองหน้ากันและกัน,แสดงท่าทางจริงจัง.

"ท่านพบอะไรอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงซือจ้องมองไปยังจงซาน.

"ข้าสงสัยตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว,แต่ไม่แน่ใจ,คาดไม่ถึงเลยว่าเซอคงจะมีเจตนาร้ายแฝงอยู่."จงซานที่สูดหายใจลึก.

"หืม?"เซียนเซิงซือจ้องมองไปยังจงซาน.

"สำนักเล็กๆอย่างงั้นรึ? เป็นไปไม่ได้ว่าที่นี่คือสำนักเล็กๆ,เซอคงมีระดับก่อตั้งวิญญาณ,ศิษย์พี่ของเขาเองก็ควรจะมีระดับก่อตั้งวิญญาณ,และพวกเขายังกล่าวถึงอาจารย์ของตัวเองอีก,กับการมีคนที่มีระดับสูงหลายคน,ถึงแม้ว่าจะเป็นสำนักที่กำลังตกต่ำ,แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสำนักขนาดเล็ก? บางทีนี่อาจจะไม่ใช่สำนักด้วยซ้ำ,นอกจากนี้จากท่าทางของศิษย์พี่ของเซอคงแล้ว,ราวกับว่าพวกเขารับรู้มาก่อนแล้วว่า,เซอคงนั้นเดินทางไปยังเมืองเล็ก,กับไม่กล่าวถึงว่าเกิดสิ่งใดขึ้น? เขาที่จงใจบอกว่าให้พวกเรารอ,ก่อนที่จะพาไปยังแดนเทพพิสุทธิ์อย่างงั้นรึ? แน่นอนว่าเรื่องนี้ข้าก็พอคาดเดาได้แล้ว,จนกระทั่ง,ข้าได้กลิ่นของธูปป่วนจิตที่อยู่ในวิหารแห่งนี้,ชิ,ข้าบอกได้อย่างมั่นใจว่าเซอคงมีเจตนาร้ายอย่างแน่นอน."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ.

"นี่มัน,ผงป่วนทะเลลึกล้ำ ไร้สีไร้กลิ่น,ท่านพบมันได้อย่างไร?"เซียนเซิงซือที่ไม่เข้าใจจ้องมองไปยังจงซาน.

"หืม?"จงซานที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงซือด้วยท่าทางประหลาดใจ.

เขาที่พบเข้ากับควันป่วนจิตนี้,เพราะว่าบัวหงหลวน,ส่วนเซียนเซิงซือรู้ได้อย่างไร?นอกจากนี้ยังรู้จักชื่อมันด้วยรึ?

"เจ้าคิดว่าข้ารู้ได้อย่างไร."จงซานที่ส่ายหน้าไปมาเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย,หากแต่ไม่ได้คิดจะกล่าวถึงเหตุผล,ไม่ต้องการให้เซียนเซิงซือรับรู้.

เซียนเซิงซือจ้องมองไปยังจงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย,ไม่ได้ตอบเขา,จึงไม่ได้ถามต่อไป.

"ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหมายสมบัติสองอย่างที่ท่านเก็บมา!"เซียนเซิงซือกล่าว.

จงซานที่นำสิ่งของทั้งสองอย่างออกมาจากอกเสื้อ,เป็นถุงผ้าขนาดเล็กและหยกสีเขียว.

"เจ้ารู้จักสิ่งของทั้งสองสิ่งนี้รึ?"จงซานจ้องมองไปยังเซียนเซิงซือ.

"ข้าเคยเห็น."เซียนเซิงซือพยักหน้า.

"หืม?"

"ศิลามรกต,มันถูกเรียกว่า,ศิลาครวญวิญญาณ,สามารถเก็บวิญญาณเอาไว้ได้พันวัน."เซียนเซิงซือกล่าว.

"พันวัน?"

"ใช่,วิญญาณธรรมดาไม่สามารถอยู่ในภพหยางได้นานถึงหนึ่งพันวัน,ด้วยปราณหยางที่หนาแน่น,สามารถทำร้ายพวกเขาได้,ดังนั้นศิลาครวญวิญญาณนั้น,สามารถป้องกันพลังหยางไม่ให้เข้ามาทำลายดวงวิญญาณ,แน่นอนว่าภายในนั้นมีวิญญาณอยู่,ทำให้ไม่สามารถเก็บเอาไว้ในกำไลเก็บของ."เซียนเซิงซือตอบ.

"พวกเขานำดวงวิญญาณไปทำอะไร?"จงซานกล่าว.

"ใช้ฝึกวิชามารและกลั่นเป็นของวิเศษที่ร้ายกาจ,ยกตัวอย่าง, ยันต์ร้อยปิศาจ,หรือ ธวัชกลืนกินหมื่นปิศาจ.และอีกมากมาย."เซียนเซิงซือตอบ.

กับคำอธิบายของเซียนเซิงซือ,จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา,เข้าใจบางอย่างและสัมผัสได้ถึงปราณแห่งความมืดที่แผ่ออกมา,ดูทรงพลังอยู่ไม่น้อย.

"ตอนนี้ไม่สามารถเก็บเอาไว้ในกำไลเก็บของ,หลังจากนี้พันวัน,เหล่าดวงวิญญาณจะกลายเป็นพลังงานให้กับหยกมรกตนั่นโดยสมบูรณ์,และจะสามารถเก็บเข้าไปได้."เซียนเซิงซือตอบ.

"แล้วใช้เก็บดวงวิญญาณได้อย่างไร?"จงซานสอบถาม

"เพียงแค่เปิดใช้งานก็สามารถเก็บดวงวิญญาณที่อยู่ในรัศมีห้ากิโลเมตรได้,ดวงวิญญาณนั้นไม่สามารถทนต่อพลังหยาง,ทว่าการจะนำดวงวิญญาณภายในออกมา,จำเป็นต้องใช้อีกวิธี."เซียนเซิงซือตอบ.

จงซานที่สูดหายใจลึกขมวดคิ้วไปมา.

"ส่วนถุงผ้านั้น,ข้าไมขอพูด,ทางที่ดีท่านไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวกับมัน,ไม่,ไม่ควรจะนำออกมาใช้ต่อหน้าคนอื่นๆ,เพราะมันเป็นสิ่งที่ดึงดูดคนอื่นเป็นอย่างมาก."เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมา,ดูเหมือนว่าภูมิหลังของถุงผ้านี้,จะเกี่ยวข้องกับความลับของภูมิหลังเซียนเซิงซือด้วย.

จงซานจ้องมองเซียนเซิงซือด้วยท่าทางประหลาดใจ,พร้อมกับพยักหน้ารับ,ก่อนที่จะเก็บของทั้งสองสิ่งเข้าไปในอกเสื้ออีกครั้ง.

"พวกเราควรทำอย่างไรเวลานี้?"เซียนเซิงซือที่จ้องมองไปยังจงซาน.

"แน่นอนว่าเซอคงสนใจสิ่งของดังกล่าวนี้,ไม่เช่นนั้นคงไม่เล่นละครพาพวกเรามาที่นี่,สถานที่แห่งนี้ไม่ควรจะอยู่นาน,พวกเราควรจะหาสถานที่หลบหนีจากที่นี่."จงซานที่กล่าวออกมา.

"คาดไม่ถึงว่าวิหารแห่งนี้ถึงจะมีขนาดเล็ก,หากแต่สัมผัสเทวะกับไม่สามารถตรวจค้นได้."เซียนเซิงซือที่ส่ายหน้าไปมา,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"อืม,ดูเหมือนว่าพวกเราจะถูกปิดกั้นเอาไว้ในค่ายกล,ตั้งแต่แรกที่เข้ามาก็ไม่สามารถใช้สัมผัสเทวะได้,ตอนนี้ดูเหมือนว่า,นี่ไม่ใช่ที่พักที่พวกเขาได้เตรียมให้พวกเรา,ทว่าเป็นที่คุมขังถึงจะถูก."

"จงซาน."

"เซียนเซิงซือ."

ทันในนั้นทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านนอก.

"เซอคง,ดูเหมือนว่าจะมาตรวจสอบผลของควันป่วนจิตอย่างงั้นรึ?

"ให้เขาเข้ามา! พวกเราจะได้ใช้โอกาสนี้จับเขาขังไว้ในคุกแห่งนี้!"

จงซานและเซียนเซิงที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง.

"แอ๊ดๆๆๆ"

ประตูวิหารที่ถูกผลักออกไปช้าๆ.

"ตูมมมมม"

จงซานที่ยกดาบฟันออกไปอย่างรุนแรง,พร้อมกับร่างของเขาก็พุ่งออกไปยังทางออกในทันที.

เซอคงที่บินออกไป,เซอคงคิดว่าคนทั้งคู่ติดอยู่ในโลกลวงตาไปแล้ว,ก่อนที่จะผลักประตูออก,คาดไม่ถึงเลยว่าทั้งคู่จะไม่ได้รับผลอะไรเลย,ชั่วระยะเวลาที่เขาเปิดประตูออกมา,ก็หนีออกมาได้ในทันที.

เซอคงที่หลบดาบของจงซานบินลอยออกมา.

ทันทีที่จงซานบินออกมา,เวลานี้เหล่านักบวชมากมายได้ออกมารออยู่แล้ว,ทุกคนต่างก็ถือดาบยาว,ยืนอยู่ไม่ห่าง,ดูเหมือนว่าพวกเขาได้เตรียมพร้อมที่จะสังหารพวกเขาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว,สายตาของทุกคนที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวจ้องมองไปยังจงซานเป็นสายตาเดียวกัน.

"โฮกกกกกก"

ซือคงที่ถูกลอบโจมตี,บินตามออกมา,ลอยอยู่กลางอากาศ,พร้อมกับเสียงคำรามดังออกมา,ทั่วร่างปรากฏปราณสีดำปะทุขึ้นมาทันที,ก่อนที่จะหยุดตัวลง,พร้อมกับหันหน้ามา,จ้องมองไปยังจงซานด้วยความดุร้าย.

ในเวลานี้จงซานก็เข้าใจทุกอย่างได้ทั้งหมด,บนหน้าผากของเซอคงนั้น,มีตัวอักษรสีดำ,พร้อมกับปราณความมืดหมุนวนอยู่รอบๆตัวอักษรที่ส่องประกายกลิ่นอายความมืดมิด.

อักษร "เหยา" !

คาดไม่ถึงเลยว่าบนหน้าผากของเซอคงจะมีอักษรเหยา,ทว่าเขาไม่ได้เป็นนักบวชหรอกรึ? และคนอื่นๆเองก็เหมือนๆกัน,ทุกคนที่มีปราณแห่งความมืดแผ่ออกมา,บนหน้าผากมีอักษรเหยาปรากฏอยู่กันทุกคน.

กองกำลังปิศาจมายารึ? ทุกคนคือกองกำลังปิศาจมายา,เนื่องจากมีอักษรเหยาขึ้นบนหน้าผากนั่นเอง.

จงซานที่ตกใจเล็กน้อย,เซอคงเองคือหนึ่งในกองกำลังอาชาปิศาจมายาอย่างงั้นรึ? ไม่ได้การ,ที่แห่งนี้,นักบวชเหล่านี้,เกี่ยวข้องกันกับกองกำลังปิศาจมาอย่างรึอย่างไร?

วิหารพุทธ,ดูเหมือนว่าจะถูกเปิดค่ายกลอีกครั้งแล้ว,มีเพียงแค่จงซานที่ออกมาได้,เซียนเซิงซือยังอยู่ด้านใน,ทว่าสามารถมองออกมาจากด้านในได้,ทุกคนบนหน้าผากที่มีอักษรเหยา,ใบหน้าของเซียนเซิงซือแสดงท่าทางประหลาดใจไม่น้อยเลย.

ดูเหมือนว่าเซอคงต้องการสมบัติเหล่านั้นคืนตั้งแต่แรกแล้ว,นี่เป็นแผนของเขา.

"เจ้าไม่เป็นไรได้อย่างไร?"เสียงของเซอคงที่เต็มไปด้วยความเย็นชา.

"เจ้าเป็นคนของกองกำลังปิศาจมายาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางจริงจัง.

การที่เขาพบกับคนของกองกำลังปิศาจมายาเข้านั้นนับว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด,คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังอีก,คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังควบคุมการเคลื่อนไหวของกองกำลังปิศาจมายาอีกชั้นหนึ่ง,คนเหล่านี้มีสาขาอยู่ที่นี่อย่างงั้นรึ? เป็นองค์กรในการไล่ล่าสังหารอย่างงั้นรึ?

"ส่งถุงค้างคาว,และผนึกครวญวิญญาณมา."เซอคงแค่นเสียงเย็นชา.

"มีปัญญาอย่างงั้นรึ?? เซอคง,เจ้าเองก็มีระดับก่อตั้งวิญญาณ,ก่อนหน้านี้ที่สนามรบเจ้าก็เห็นแล้ว,เจ้าต้องการถูกข้าฟันด้วยดาบนี้อย่างงั้นรึ? ทุกคนที่อยู่นี่ยังไม่พอให้ข้าสังหารเลย."จงซานแค่นเสียงกล่าวออกไป.

"พวกนั้นก็แค่พวกคนโง่ใช้แล้วทิ้ง,ที่เปิดผนึกเทวะได้เท่านั้น,เป็นพวกไร้ฝีมือที่ถึงจะเปิดผนึกเทวะ,แต่กลับไม่สามารถเพิ่มพลังขึ้นมาได้หนึ่งอาณาจักร,ด้วยผนึกเทวะตอนนี้ข้ามีพลังระดับหลอมกายธาตุ,สถานที่แห่งนี้ทุกคนสามารถเปิดผนึกเทวะได้,ถุงคางคาวและศิลาครวญวิญญาณ,ไม่สามารถเปิดเผยสู่ภายนอกได้,ส่งกลับคืนมาให้ข้าซะ!"เซอคงที่แค่นเสียงเย็นชา.


ผนึกเทวะรึ? จงซานจ้องมองไปยังหน้าผากของเซอคงที่มีอักษร"เหยา."




ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น