Immortality Chapter 367 Zhong Shan compels the murderer
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 367 จงซานบังคับเผยฆาตกร.
Chapter 367 Zhong Shan compels the murderer
钟山逼出凶手
จงซานบังคับเผยฆาตกร.
ดวงวิญญาณของหยิงหนิงได้หายไปแล้ว,เวลานี้ยังไม่ได้ล้างความผิดให้กับกงจูเฉียนโหยวด้วยซ้ำ,จงซานยังไม่สามารถพิสูจน์ได้,ทว่าจงซานกับไม่รู้สึกเป็นกังวล,นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าเขารู้สึกพึงพอใจด้วยซ้ำ.
เพราะว่าเวลานี้จงซานได้ทำการกำหนดฆาตกรเอาไว้แล้ว,ฉีเทียนโห่ว,หลังจากที่หยิงหนิงปรากฏ,จิตใจของฉีเทียนโห่วตอนนี้วุ่นวายสับสนไร้ซึ่งความสุขุมไปเรียบร้อยแล้ว.
กับจิตใจที่สับสนวุ่นวาย,ความคิดที่โกลาหล,จิตใจปั่นไป่วน,ง่ายดายที่จะถูกชักจูงปั่นป่วนความคิด.
นี่คือสภาวะที่จงซานนั้นต้องการ.
"ฝ่าบาท,ทุกท่านญาติพี่น้องตระกูลกู่ทุกท่าน,ใต้เท้าทุกคน,ขอให้ทุกท่านโปรดจ้องมองมายังคันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุ!"จงซานที่ชี้ไปยังคันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุสีเขียวมรกต
ทุกๆคนต่างก็จดจ้องมองไปพร้อมๆกัน.
"นี่คืออาวุธที่ใช้สังหารจวินจูหยิงหนิง,คันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุ,ฉีเทียนโห่วเองก็บอกแล้วว่ากงจูเฉียนโหยวใช้สิ่งนี้สังหารหยิงหนิง,ข้าต้องการถามทุกคนว่าแล้วนางสามารถนำสิ่งนี้เข้าไปในตำหนักได้อย่างไร?
ในวันนั้นมีแขกมากมาย,ใครเห็นกงจูเฉียนโหยวนำคันศรและลูกศรนี้เข้าไปข้างในกัน?"จงซานที่จ้องมองไปยังทุกคนที่อยู่รอบๆ.
"ไม่เลย,ไม่มีใครเห็น,คันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุนี้คือของวิเศษที่มีจิตวิญญาณ,เป็นของวิเศษระดับเก้า,ไม่สามารถเก็บเอาไว้ในกำไลเก็บของได้,กงจูเฉียนโหยวที่เพิ่งก้าวไปถึงระดับจักรพรรดิแท้,ทุกคนต่างก็รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้เอง,เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะหลอมมันเข้ากับร่างกาย,กล่าวอีกอย่างหนึ่ง,คันศรและลูกศรนี้ไม่ใช่อาวุธติดตัวของกงจูเฉียนโหยว."จงซานที่กล่าวยืนยัน.
กับคำพูดของจงซานนั้น,เหล่าขุนนางทุกคนต่างก็พยักหน้า,เหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่ต่างก็ต้องจ้องมองไปยังจงซาน,เป็นความจริงเหมือนที่จงซานกล่าว.
"ฮ่าอ่า,ไม่ใช่ว่ากู่เฉียนโหยวนำเข้าไปในตำหนักจวินจู่,ก่อนที่จะนำมาใช้หรอกรึ,หรือไม่นางก็ซ่อนเอาไว้ในตำหนักจวินจูก่อนแล้ว?
หรือไม่ก็ให้คนอื่นนำเข้าไปในตำหนักของจวินจู่?"ฉีเทียนโห่วกล่าวออกมาทันที,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าข้อกล่าวหากงจูเฉียนโหยวนั้นมีข้อบกพร่องแล้ว.
"ก่อนหน้านี้มันซ่อนอยู่ในตำหนักจวินจู่อย่างงั้นรึ?
กงจูเฉียนโหยวเพิ่งเข้าไปในตำหนักจวินจู่ก่อนเกิดเรื่องเท่านั้น,หลายต่อหลายปีไม่เคยมีใครเคยเห็นคันศรนี้มาก่อนเลยไม่ใช่รึ?
นั่นก็หมายความว่าจะต้องมีคนนำมันเข้าไปในวันนั้น? จะต้องมีใครสักคนที่นำเข้าไปโดยแฝงในรูปของขวัญ,แต่ดูเหมือนว่ามีแค่คนผู้เดียวที่นำของขวัญเข้าไปโดยห่อของขวัญเอาไว้เพื่อมอบให้กับหยิงหนิง,ซึ่งนั่นก็คือใต้เท้าหม่าจูหรี."จงซานกล่าว.
"จงซาน,เจ้ากำลังกล่าวหาข้า,ข้าเป็นคนแรกที่เห็นเหตุการ,จะเป็นข้าได้อย่างไร?"หม่าจูหรีที่กล่าวออกมาด้วยความกระวนกระวาย,ดวงตาทั้งสองข้างที่ลุกวาว.
"บางที่เจ้ากับกู่เฉียนโหยววางแผนร่วมมือกันอย่างงั้นรึ?"ฉีเทียนโห่วที่หันหน้าไปมองหม่าจูหรีในทันที.
ในเมื่อของขวัญของหม่าจูหรีได้ห่อปิดบังเอาไว้คนเดียวเขาจึงได้กล่าวหาทันที,ถึงแม้ว่าจะเสียใจ,ทว่าฉีเทียนโห่วก็พร้อมที่จะสละหม่าจูหรีในทันที,ตราบเท่าที่กงจูเฉียนโหยวกลายเป็นฆาตกร,จะให้เขายอมแพ้ได้อย่างไร?น้องสาวของตัวเองยังสละได้,ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าลุงตัวเองจะสละไม่ได้?
"ฉีเทียนโห่ว,เจ้า!"หม่าจูหรีที่ชำเลืองมองด้วยท่าทางตะลีตะลาน.
"ไม่ใช่ใต้เท้าหม่า,ห่อของขวัญนั่นเป็นสัตว์เลี้ยงของหยิงหนิง,กบห้าเหมันตร์,จวบจนถึงวันนี้ยังไม่ได้เปิดเลยด้วย,นอกจากนี้ขนาดของกล่องนั้นก็ไม่เพียงพอที่จะบรรจุคันศรเทพวายุ,ลูกศรเองก็มีความยาวมากจนเกินไป."จงซานที่กล่าวปัดไปในทันทีเช่นกัน.
"ขอบคุณตงฟางโห่ว!"หม่าจูหรีที่กล่าวขอบคุณจงซานในทันที.
ทุกคนในห้องโถงต่างก็เพ่งพิศ,เซิ่งซ่างที่แสดงท่าทางสนใจ,เกิดผลกระทบครั้งใหญ่,ทุกคนในเวลานี้คาดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย,หลานแท้ๆที่กล่าวหาลุงตัวเองอย่างคาดไม่ถึง.
ฉีเทียนโห่วที่จิตใจสับสน,ความเยือกเย็นได้มลายหายไป,ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงไปมาไม่หยุด,เป้าหมายของเขา,คือทำให้กงจูเฉียนโหยวตกเป็นฆาตกร,ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไร,เขายอมที่จะทำทุกอย่าง.
เหล่าขุนนางที่นิ่งงันจ้องมองออกไปด้วยความสับสน.
กับข้อกล่าวหาของกงจูเฉียนโหยว,ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มอ่อนลงมากขึ้นและก็มากขึ้นแล้ว,เพราะว่าคันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุนั้นไม่ใช่สิ่งที่นางนำมา.
"ในเมื่อไม่ใช่หม่าจูหรี,เช่นนั้นคันศรและลูกศรเทพวายุ,ไปอยู่ในตำหนักของหยิงหนิงได้อย่างไร?"ฉีเทียนโห่วที่ชำเลืองมองไปยังจงซาน.
"คันศรเทพวายุนั้นเดิมทีก็อยู่ในตำหนักจวินจู่,กงจูเฉียนโหยวก็บอกแล้วว่าหยิงหนิงเป็นคนนำมันออกมา,ส่วนลูกศรนั้น,ซ่อนอยู่ในศาลาสถานที่ฆาตกรอยู่."จงซานกที่กล่าวยืนยันหนักแน่น.
"ฮ่าอ่า,บิดาของฉู่เฉียนโหยวที่ตายไป,หยิงหนิงอายุแค่เพียงสามขวบ,เจ้าจะบอกว่าหยิงหนิงอายุสามขวบสามารถซ่อนคันศรเทพวายุเอาไว้ได้อย่างงั้นเหรอ!"ฉีเทียนโห่วที่ชำเลืองมองไปยังจงซาน.
"คันศรเทพวายุนั้นไม่ใช่ของหยิงหนิงตั้งแต่แรกแล้ว,ทว่าเป็นของฆาตกรที่มอบให้กับนาง."จงซานที่จ้องเขม็งไปยังฉีเทียนโห่ว.
เห็นสายตาของจงซานที่กำลังใต่ถามนั้น,เดิมทีฉีเทียนโห่วไม่ได้รู้สึกอะไรแต่อย่างใด,ทว่าด้วยวิญญาณของหยิงหนิงที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้,ทำให้จิตใจของเขาสับสน,เวลานี้รู้สึกหวาดผวากับสายตาของจงซาน.
"ฆาตกร,เจ้ากำลังจะช่วยเหลือฆาตกร,เจ้ากำลังที่จะทำให้กู่เฉียนโหยวไม่ใช่ฆาตกร,แล้วในใจเจ้า,คิดว่าใครเป็นฆาตกรล่ะ?"ฉีเทียนโห่วที่สูดหายใจลึกจ้องมองออกไป.
"ฆาตกรนั่นก็คือ......."จงซานที่จงใจกล่าวลากเสียง,จ้องมองไปยังทุกคนที่อยู่รอบๆห้องโถงแห่งนี้.
กับเสียงของจงซาน,แทบจะทำให้หัวใจของทุกคนตื่นเต้น,ท้ายที่สุดเขากำลังจะเอ่ยชื่อฆาตกร.
ฉีเทียนโห่วที่จ้องมองจงซานที่ดูไม่รีบเร่ง,พลางกลืนน้ำลายคำโต,หัวใจที่หวั่นไหวเต้นแรงไปมา,ใครกัน?
จงซานกำลังจะกล่าวหาใคร,ฉีเทียนโห่วที่รู้สึกเป็นกังวลอย่างที่สุดหลายวันมานี้จงซานได้หลักฐานอะไรมา,เพราะว่าฉีเทียนโห่วคือฆาตกรตัวจริงนั่นเอง,หนำซ้ำจิตใจของตัวเองเวลานี้ยังเต็มไปด้วยความวุ่นวายโกลาหล.
จงซานที่จ้องมองไปยังรอบๆ,กวาดตามองทุกคนในท้องพระโรง,ท้ายที่สุดก็มาหยุดที่ฉีเทียนโห่ว,พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยเสียงที่ดังฉะฉานชัดเจน,"เจ้า,ฉีเทียนโห่ว!"
จงซานที่กล่าวออกมาเสียงดังในทันที,ชี้ไปยังฉีเทียนโห่ว,ด้วยกลิ่นอายแรงกดดันที่หนักหน่วง,กำลังโถมกระหน่ำไปยังฉีเทียนโห่ว,จนร่างของเขาที่ถอยไปข้างหลังโดยไม่รู้ตัว,ใบหน้าของเขาที่หลั่งเหงื่อที่เย็นเยือบออกมาอีกครั้งแล้ว.
คนทั่วห้องโถง,รวมถึงญาติพี่น้องตระกูลกู่ต่างส่งเสียงอื้ออึง,ฉีเทียนโห่ว?
ท้ายที่สุดจงซานก็กล่าวหาฉีเทียนโห่วอย่างงั้นรึ?
"ฮ่าอ่าฮ่าฮ่า,ฮ่าอ่าฮ่าฮ่า,ฮ่าอ่าฮ่าฮ่า,"ฉีเทียนโห่วที่หัวเราะแห้งๆด้วยความหวาดกลัว.
"หยิงหนิง,เป็นน้องสาวในสายโลหิตของข้า,ข้าจะสังหารนางได้อย่างไร,จงซาน,เจ้าบ้าไปแล้ว,เจ้าคิดที่จะใส่ร้ายข้าอย่างงั้นรึ?"ฉีเทียนโห่วแปลกใจ,ไม่แน่ใจ,กล่าวออกมาด้วยความร้อนรน.
"น้องสาวในสายเลือดรึ?หยิงหนิงนั้นไม่อยากเชื่อตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าจะตายด้วยฝีมือพี่ชายของตัวเอง."จงซานที่แค่นเสียงเย็นชา.
"ทำไมข้าต้องสังหารหยิงหนิงกัน,มันไม่มีเหตุผลเลย,ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการจะหาเรื่องใส่ร้ายข้าอย่างงั้นรึ?"ฉีเทียนโห่วในเวลานี้ที่พยายามทำให้ตัวเองสงบลง.
"ชิ,หากเจ้ายังไม่รู้,แล้วคนอื่นจะรู้ได้อย่างไร?
แต่ทำไมนะรึ?
ทำไมข้าบอกว่าเป็นเจ้า,เพราะว่าเจ้านั้นเต็มไปด้วยความโลภ,เห็นแก่ตัว,ไร้หัวใจ,ก่อนหน้านี้กู่หลินและกู่เฉียนโหยวหมั้นหมายกัน,ทว่าหลังจากที่กู่เฉียนโหยวได้ตำแหน่งกงจูแล้ว,นางก็ได้ใช้สถานะของตัวเอง,ตัดสัมพันธ์งานหมั้นหมายของเจ้าไป,ภายในใจของกู่หลินเวลานั้นเต็มไปด้วยความไม่ยินดี,ทว่าหลังจากที่เจ้าได้กลายเป็นฉีเทียนโห่ว,ต้องการที่จะคว้าหัวใจของกงจูเฉียนโหยวคืนความสัมพันธ์เป็นเหมือนดังเดิม,ทว่ามันไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้ว,ดังนั้นเจ้าต้องการที่จะกลับไปหมั้นหมายเหมือนที่เคยเกิดขึ้น,เจ้าต้องการทำให้นางสิ้นสถานะกงจู,เมื่อกงจูเฉียนโหยวสิ้นสถานะกงจูแล้ว,เจ้า,ด้วยสถานะฉีเทียนโห่วของเจ้าก็จะกลับมามีหวังอีกครั้ง,สามารถที่จะบังคับนางได้,ดังนั้นเจ้าจึงได้คิดแผนการมากมายขึ้นมาทั้งหมดยังไงล่ะ."
"หยิงหนิงนั้นเป็นหนึ่งในสายโลหิตตระกูลกู่,อีกทั้งยังเป็นคนที่อาจจะได้รับการคัดเลือกจากอาวุโสเทียน,อีกไม่นานนางจะต้องได้สถานะกงจูเช่นกัน,เจ้าได้ทำการกระตุ้นความสนใจเกี่ยวกับกงจูเฉียนโหยว,ทำให้นางเกิดความสงสัย,คาดไม่ถึงเลยว่าถึงกับใช้น้องสาวของตัวเอง,คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะลวงหลอกนาง,บอกกับหยิงหนิงว่ากู่เฉียนโหยวนั้นมีร่างสถิตธาตุวายุ,หากว่าอาวุโสเทียนรับรู้เรื่องนี้จะต้องเลือกนางเป็นศิษย์แน่นอน,ดังนั้นเจ้าจึงได้ให้หยิงหนิงยืมคันศรเทพวายุ,เพื่อที่จะล่อให้หยิงหนิงใช้คันศรเทพวายุทดสอบร่างสถิตของนาง,ทว่าเจ้าในวันนั้นก็ได้ซ่อนตัวยังอีกพื้นที่แห่งหนึ่ง,รอคอยโอกาส,ด้วยแผนการที่คลาดเคลื่อนไปเล็กน้อย,หลังจากที่เกิดระเบิดขึ้นครั้งหนึ่ง,หม่าจูหรีที่เกิดความสงสัย,จึงได้เดินทางไปตรวจสอบก่อน,ซึ่งเวลานั้นเจ้าได้ใช้ศรเทพวายุยิงหยิงหนิงแล้ว,ก่อนที่จะหลบหนีจากที่ซ่อนไป,พร้อมกับปล่อยให้เหล่าแขกเหรื่อมาเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้น."
"ไม่รู้ว่าสมมุติฐานของข้านั้นถูกต้องหรือไม่?
ฉีเทียนโห่ว?"จงซานที่จ้องมองเขม็งไปยังฉีเทียนโห่ว.
เป็นความจริงแทบทั้งหมด,เป็นความจริงที่ทำให้ฉีเทียนโห่วเวลานี้หลังเหงื่อที่เย็นเยือบมากขึ้นและก็มากขึ้น,หากว่าอยู่ในสภาพปกติล่ะก็,ฉีเทียนโห่วย่อมใจเย็นพร้อมกับเผยยิ้มออกมาอย่างดูแคลนแน่นอน,เพราะว่าจงซานนั้นไม่ได้มีหลักฐานเลยแม้แต่น้อย.
อย่างไรก็ตาม,ฉีเทียนโห่วตอนนี้กำลังอยู่ในสภาวะสับสนหวาดผวา,จากการที่เห็นดวงวิญญาณของหยิงหนิงก่อนหน้านี้,จิตใจที่ไม่มั่นคงร้อนรน,ภายในใจที่เต้นแรง,กับคำพูดของจงซานที่เป็นความจริงโดยสมบูรณ์.
ทำให้อารมณ์ของฉีเทียนโห่วพังทะลายที่เห็นจงซานเล็งมาที่เขา.
กับข้อกล่าวหานี้,ถึงกับทำให้เขายืนไม่ตรงไปเลยทีเดียว.
ฟ่านอี้พินที่อยู่ไกลออกไปส่ายหน้าไปมา,ราวกับว่ามองเห็นผลสรุปแล้ว,ไท่จื่อทั้งสี่และราชครูจ้องมองไปยังจงซาน,ดวงตาที่ดูจริงจัง,ฝ่าบาทกู่เฉิงตงเองก็รอคอยอย่างอดทน.
"ฮ่าอ่าฮ่า,ฮีฮ่าอาฮ่า,ฮ่าฮ่าฮ่า."ฉีเทียนโห่วที่ยังคงหัวเราะแห้งๆออกมา,ราวกับว่าทำออกไปเพื่อบรรเทาความหวาดกลัวในใจของตัวเองให้เบาบางลง,ด้วยการหัวเราะ.
กับท่าทางที่ปิดไม่มิดนี้,ทำให้ทุกคนสนใจมอง,ทุกคนรู้สึกว่า,ฉีเทียนโห่วที่หัวเราะแห้งออกมานั้น,กำลังปิดบังความรู้สึกหวาดกลัวของตัวเองเอาไว้อยู่,มีสิ่งใดที่เขากำลังหวาดผวากัน,จิตใจของเขาที่ดูวุ่นวายสับสน,หรือว่าเป็นเพราะเขากำลังแก้ตัวอยู่หรือไม่?
นอกจากนี้ใบหน้าของฉีเทียนโห่วยังดูไม่ดีนักกับคำพูดของจงซาน,ท่าทางของฉีเทียนโห่วในเวลานี้,เขาไม่สามารถรักษาอาการสุขุมเอาไว้ได้แล้วอย่างงั้นรึ?
"ฉีเทียนโห่ว,มีอะไรให้หัวเราะกัน?"จงซานกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ข้าหัวเราะกับสมมติฐานของเจ้า,โง่เง่าเหมือนคนบ้า,ไม่ต่างจากขยะ!"ฉีเทียนโห่วที่ปฏิเสธในทันที,ทว่าจิตใจของเขาที่สับสนวุ่นวาย,จึงได้ขาดท่าทางและคำตอบที่สุขุมเหมือนเช่นดั่งเคย.
"เหงื่อของท่านดูเหมือนว่ามันจะหลั่งไหลออกมาไม่หยุดเลยนะ,ในเมื่อมันเป็นเพียงขยะ,ฉีเทียนโห่วกับหวาดกลัวอยู่อย่างงั้นรึ?
มันดูน่าแปลกใจจริงๆ!"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
ได้ยินคำพูดของจงซาน,ฉีเทียนโห่วรู้สึกว่าเหงื่อของตัวเองหลั่งออกมามากมาย,เขาที่พยายามที่จะเช็ดมันออกไปในทันที,ก่อนที่จะเริ่มโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องเหงื่อของตัวเอง.
อย่างไรก็ตามจงซานตอนนี้จะปล่อยให้เขาโต้เถียงอย่างงั้นรึ?
ตอนนี้จงซนที่สร้างสถานการณ์เพื่อกดดันให้กับฉีเทียนโห่ว,ทำให้สมองของเขาสับสน,จนไม่สามารถเปิดโอกาสให้เขาได้ใช้ความคิดได้อย่างเต็มที่,ทำให้เขาไม่สามารถที่จะตรองคำพูดของตัวเองได้,จงซานจงใจนั่นเอง,เพื่อที่จะทำให้การใตร่ตรองกรองความคิดของฉีเทียนโห่วมีปัญหา,ก่อนที่จะเป็นคนกดดันให้ฉีเทียนโห่วคายข้อมูลออกมาเอง.
"ฉีเทียนโห่ว,เวลาบ่าย,ท่านอยู่ที่ใหน?"จงซานกล่าวออกไปเสียงดัง.
ทั่วทั้งห้องโถงเวลานี้เงียบสนิท,เวทีนี้ได้กลายเป็นของจงซานโดยสิ้นเชิง,ไม่มีใครกล้าขัดเขา.
กับเสียงที่ดังสะท้านท้องพระโรง,ฉีเทียนโห่วพยายามกลับมาสู่ความสงบก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า."ในศาลาซีหยวนตำหนักหยิงหนิง.
ซึ่งแน่นอนว่าในวันนั้นได้มีการบันทึกรายระเอียดเอาไว้หมดแล้ว,ฉีเทียนโห่วได้บันทึกเอาไว้ว่าเขาได้อยู่ที่ตำหนักซีหยวนพร้อมกับดื่มแล้วก็ดื่ม,ก่อนที่จะได้ยินหม่าจู่หรีตะโกนออกมา.
"อยู่ในศาลาซีหยวนทำอะไรอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ชำเลืองมองไปยังฉีเทียนโห่ว.
"ดื่มสุรา!"ฉีเทียนโห่วที่หลั่งเหงื่อที่เย็นเยือบออกมาโดยไม่ตั้งใจ.
"ดื่มรึ?"จงซานที่ถามออกมาไม่ให้เขาตั้งตัว.
"ดื่มและก็ดื่มและก็ดื่ม..."ฉีเทียนโห่วพยายามข่มใจ,ทำให้ตัวเองกลับมาอยู่ในสภาพปกติ.
"เป็นสุราแปดเซียนอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ชำเลืองมองไปยังฉีเทียนโห่ว.
สุราแปดเซียนนั้น,นับเป็นสุราที่ล้ำค่าราคาแพงมาก,เป็นสุราที่มีแต่เชื้อพระวงศ์ตระกูลกู่เท่านั้น.
"ใช่แล้ว,เป็นสุราแปดเซียน!"ฉีเทียนโห่วที่พยายามคืนสติ,ตอบกลับจงซานในทันที.
"สุราแปดเซียน,ในวันนั้นงานเลี้ยงของจวินจู่,มีสุราทุกชนิด,ยกเว้นสุราแปดเซียนเท่านั้น!"จงซานที่หรี่ตาจ้องอมง.
ได้ยินคำพูดของจงซาน,ฉีเทียนโห่วที่นิ่งงันเล็กน้อย,หัวใจของเขาในเวลานี้กลายเป็นสับสนวุ่นวายอีกครั้งแล้ว.
ที่จริง,สภาวะจิตใจของฉีเทียนโห่วที่เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว,เขาที่เริ่มตอบคำถามได้ดีชัดเจนขึ้น,แต่ท้ายที่สุดก็กลับกลายเป็นสับสนอีกครั้ง.
"เจ้านำมันเข้ามาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่เอ่ยถามออกไป.
"ใช่ๆ,ข้านำมันเข้ามา,ข้านำมันมาเอง."ฉีเทียนโห่วที่ตื่นกลัว,ไม่มีเวลาให้เขาคิดเลย,เขาเร่งรีบตอบออกไปก่อน,ตอบถามการชักจูงของจงซาน.
"ทำไมถึงต้องนำสุราแปดเซียนมาดื่มด้วยล่ะ?
เจ้ารู้มาก่อนแล้วว่าภายในงานเลี้ยงไม่มีสุราแปดเซียน,เจ้าจึงได้จัดหามาด้วยตัวเองอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวสอบถามออกมา.
"ข้า,ข้า,ข้า,ทำไมข้าต้องตอบด้วย!"ฉีเทียนโห่วที่ดูเหมือนร้อนรนหาคำตอบไม่ได้พาลโกรธขึ้นมาดื้อๆ.
"ใช่,ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าต้องตอบ! ไม่มีอะไรต้องสนใจ!"จงซานที่กล่าวหยัน.
"จงซาน,เจ้า..."ฉีเทียนโห่วที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยความโกรธและกระวนกระวายใจ.
"เจ้ามีเหงื่อไหลออกมามากมายเลยนะ!"จงซานที่จ้องมองไปยังใบหน้าของฉีเทียนโห่วแสดงท่าทางสงสัย.
ฉีเทียนโห่วที่ปากเหงื่อของตัวเองในทันที,ใบหน้าที่เต็มไปด้วยท่าทางขวัญหนีดีฝ่อ.
"หลายวันมานี้,เจ้าได้เผากระดาษเงินกระดาษทองให้กับหยิงหนิงที่ห้องไว้ทุกข์ทุกวัน,หยิงหนิงมาเข้าฝันเจ้าหรือไม่?
แล้วนางกล่าวกับเจ้าอย่างไรบ้าง?"จงซานที่กล่าวต่อจงซาน.
ฉีเทียนโห่วที่แสดงท่าทางทนไม่ไหว,ก่อนที่จะเอ่ยต่อฝ่าบาท"ฝ่าบาท,.."
"เอาล่ะ!กลับมาคำถามแรก,ทุกๆคนต่างก็รอเจ้าอยู่,ตอนบ่าย,เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?"จงซานที่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มถามออกมาทันที,
"ได้ยินคำพูดของจงซานที่เปลี่ยนเรื่อง,ฉีเทียนโห่วที่หายใจหอบๆกล่าวออกมาทันที,"ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรอกรึ?
ว่าข้ากำลังดื่มสุราที่ตำหนักซีหยวน!"
ฉีเทียนโห่วที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว,คำพูดสุดท้ายที่เขากล่าวออกมา,หลังจากที่กล่าวออกไปเสียงดัง,ร่างของเขาที่หายใจหอบๆ,จ้องมองไปยังจงซาน,ความรู้สึกที่ร้อนรนร้อนใจเต็มไปด้วยความวุ่นวาย.
จงซานส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะกล่าวออกมาทันที,"ข้าไม่ได้หมายความว่าเจ้าสังหารหยิงหนิงตอนบาย,ก่อนหน้านี้ข้าหมายถึงว่าเจ้าสังหารนางในตอนบ่าย!"
ฉีเทียนโห่วที่ไม่ได้ไต่ตรองให้ดี,เร่งรีบตอบออกมาทันที,"ข้าสังหารนางก่อนบ่ายแล้ว,ข้า......"
"อื้อ หึม!"
"อื้อ หึม!"
"อื้อ หึม!"
ทั่วทั้งห้องโถงที่เสียงดังอื้ออึง,เหล่าขุนนางมากมายหรือแม้แต่เหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่,ต่างก็แสดงท่าทางอัศจรรย์ใจส่งเสียงดังอื้ออึง,พูดคุยกันไปมา,กับคำพูดที่ได้ยิน,คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นฉีเทียนโห่ว?
เขาคือฆาตกรที่สังหารหยิงหนิงอย่างงั้นรึ? สังหารหยิงหนิง,ก่อนบ่ายแล้วอย่างงั้นรึ?
สังหารนางตอนใหนนั้นไม่สำคัญ,ที่สำคัญคือเขาสังหารหยิงหนิง,ฉีเทียนโห่วสังหารน้องสาวในสายโลหิต,เหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่และเหล่าข้าราชบริพารต่างก็รับรู้แล้วในที่สุด.
กับคำพูดที่ฉีเทียนโห่วหลุดออกไป,เดิมที่เป็นการล่อหลอกของจงซานเพื่อที่จะคายข้อมูลออกมา,ด้วยการใช้คันศรเทพวายุและลูกศรเทพวายุ.
ทำให้ฉีเทียนโห่วเผยข้อมูลออกมาเอง,เขาที่หลุดปากออกมาครึ่งประโยค,รู้ตัวและหยุดพูดในทันที.
"ข้าสังหารนางก่อนบ่ายแล้วอย่างงั้นรึ?"
"ข้าสังหารนางก่อนบ่ายแล้วอย่างงั้นรึ?"
"ข้าสังหารนางก่อนบ่ายแล้วอย่างงั้นรึ?"
กับคำที่เขากล่าวออกมา,เขาย่อมรับรู้ความหมายมันได้.
เขาเผยมันออกมาด้วยตัวเอง! เปิดเผยด้วยปากของตัวเอง!
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น