Immortality Chapter 363 Zhong Shan truly strongest superiority
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 363 จงซานผู้ร้ายกาจ.
Chapter 363 Zhong Shan truly strongest superiority
钟山的真正最强优势
จงซานผู้ร้ายกาจ.
"สุ่ยจิงไม่รู้ว่าเป็นประโยชน์หรือไม่,ฉีเทียนโห่วเอง,คงจะระมัดระวังตัวอย่างดี,หวังว่าคงจะช่วยตงฟางโห่วได้บ้าง."สุ่ยจิงกล่าว.
"ไม่เลย,ข้อมูลของเซียนเซิงสุ่ยจิง,นับว่ามีประโยชน์มาก,ตอนนี้ข้าจะได้มุ่งเน้นไปที่ฉีเทียนโห่วเพียงคนเดียว."จงซานที่สูดหายใจลึก.
"หืม?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่แสดงท่าทางประหลาดใจ.
"ก่อนหน้านี้พวกเราเองก็สงสัยเช่นกัน,ว่าอาจจะเป็นฉีเทียนโห่ว,แต่ก็ไม่กล้ายืนยันว่าเขาจะกล้าสังหารน้องสาวในสายโลหิตของตัวเองได้,ทว่าเขากลับทำ."จงซานที่กล่าวพลางถอนหายใจ.
"ในเมื่อเป็นประโยชน์,อีกไม่กี่วัน,ฝ่าบาทต้องให้ท่านสรุปผลที่ท้องพระโรง,ท่านมีหลักฐานที่เป็นประโยชน์ที่จะเอาผิดฉีเทียนโห่วแล้วอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.
"ไม่เลย,ฉีเทียนโห่วนั้นวางแผนมาเป็นเวลานาน,น้ำไม่รั่วสักหยด,ไม่มีจุดอ่อนเลย,เขาที่ทำลายข้อสงสัยทุกอย่างไปจนหมดสิ้น,ที่พวกเรามีตอนนี้,ไม่มีหลักฐานเอาผิดเขาได้เลยสักนิด."จงซานที่สูดหายใจลึก.
"ในเมื่อหลักฐานถูกทำลายไปจดหมด,เช่นนั้นข้อมูลของข้าเองคงจะไม่เป็นประโยชน์,หากว่ามีพยานล่ะก็,แต่ดูเหมือนว่าด้วยฝีมือของฉีเทียนโห่วแล้ว,คงไม่ปล่อยให้มีพยานหลงเหลืออยู่แน่."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.
"ไม่ๆ,ในเมื่อมั่นใจว่าเป็นฉีเทียนโห่ว,เช่นนั้นย่อมมีพยานอย่างแน่นอน."จงซานกล่าว.
"ข้าไม่คิดหรอกนะแค่ข้าคนเดียวจะเพียงพอในฐานะพยาน."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ข้ารู้,พยานที่ข้ากล่าวนั้นไม่ใช่เจ้า,ทว่ายังเป็นคนอื่น,และยังมีสองคนอีกด้วย."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ.
"สองคนอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ใช่แล้ว,หนึ่งคือฉีเทียนโห่ว,อีกหนึ่งก็คือหยิงหนิงนั่นเอง."จงซานกล่าว.
"พวกเขาอย่างงั้นรึ?
ฉีเทียนโห่วจะยอมเผยพิรุธออกมาอย่างงั้นรึ?
ส่วนหยิงหนิงนางไม่ใช่ว่าตายแล้วแล้วรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.
"หยิงหนิงนั้นตายแล้ว,ทว่านางสามารถที่จะมาบอกความจริงต่อพวกเราได้,ข้าจะไปพบกับอาวุโสเทียน!"จงซานที่คิดใครครวญและกล่าวออกมา.
"อาวุโสเทียน?
เจ้าจะให้อาวุโสเทียนอัญเชิญดวงวิญญาณของหยิงหนิงอย่างงั้นรึ?"
"ใช่แล้ว!"จงซานกล่าว.
"ไม่ถูกสิ,หากว่าสามารถอัญเชิญได้,อาวุโสเทียนย่อมต้องรู้เรื่องก่อนแล้ว,เช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถอัญเชิญได้หรอกรึ?."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"ไม่ว่าอย่างไร,ข้าก็ต้องการไปสอบถามก่อน!"จงซานที่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"อืม!"กงจูเฉียนโหยวที่ทำได้แค่เพียงพยักหน้า.
"เซียนเซิงสุ่ยจิง,อยู่ดื่มน้ำชาก่อนก็แล้วกัน,ข้าขอตัวออกไปก่อน."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางร้อนใจ.
"อืม!"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่พยักหน้า.
จากนั้น,จงซานก็นำจื่อเห่าจากไปในทันที,เหลือเพียงแค่อาต้าอาเอ้อที่คอยปกป้องกงจูเฉียนโหยว.
หลังจากที่จงซานจากไปแล้ว,เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,"ไม่คิดเลยว่าจะเห็นจงซานเร่งรีบเช่นนี้,นี่คงเป็นเพราะว่าเรื่องของกงจู,ถึงได้ดูเร่งรีบ!"
"เฮ้ เฮ้!"กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มอย่างมีความสุข.
"อาวุโสเทียนไม่สามารถอัญเชิญดวงวิญญาณของหยิงหนิงได้จริงๆรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.
"ไม่รู้อะไรมากนัก,อาวุโสเทียนได้ลองพยายามแล้ว,แต่ก็ไม่สามารถอัญเชิญได้,ดูเหมือนว่าคงมีอะไรสักอย่างกับดวงวิญญาณของหยิงหนิง,ฉีเทียนโห่วนั้นชาญฉลาด,กับแผนฆาตกรรมนี้,ไม่มีจุดอ่อนเลย,ไม่มีช่องว่าง,ให้สืบสวนเลยแม้แต่น้อยเดียว,ไม่ว่าจะหลักฐานใด,เวลาเกิดเหตุ,ทุกอย่างสมบูรณ์จนไม่มีหวัง."กงจูเฉียนโหยวที่ได้แต่ถอนหายใจ.
"ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องเป็นกังวล!"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"หืม?"กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังเซียนเซิงสุ่ยจิงด้วยความสงสัย.
"ท่านก็รู้ว่ามีใครคอยปกป้องท่านอยู่,ฉีเทียนโห่วนับว่าเป็นคนที่มีเชาว์ปัญญาที่โดดเด่น,ฉลาดล้ำเกินกว่าใคร,ทว่าเทียบกับท่าน,เทียบกับข้า,เทียบกับจงซาน,ก็ยังนับว่าด้อยกว่า,ส่วนจงซานนั้น,เขาเหนือล้ำกว่าอย่างสิ้นเชิง,ถึงแม้ว่าจะเป็นข้ายังรู้สึกด้อยกว่า,ฉีเทียนโห่วนั้นยังอยู่ห่างเขาอีกไกล."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าวรับรอง.
"หืม?
ข้าจำได้ว่าเมื่อคราเข้าสอบเกอจี,เจ้าก็กล่าวออกมาแล้ว."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"ถูกแล้ว,ทว่าในเวลานี้,มันแตกต่างจากเช่นเคย,ไม่ใช่เชาว์ปัญญาโดยกำเนิด,ทว่ามันเป็นอะไรที่เหนือกว่านั้น."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.
"หืม?มันคืออะไรรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางสงสัยใคร่รู้.
"เจนจัด!"เซียนเซิงกล่าว.
"เจนจัดรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ถูกแล้ว,เจนจัด,เป็นความฉลาดที่มีประสิทธิภาพร้ายกาจเป็นอย่างมาก,เมื่อได้รู้จักกับจงซานหลายต่อหลายปี,ข้าสัมผัสได้ว่าวิธีการและนิสัยของเขานั้นเต็มไปด้วยความร้ายกาจอยู่มากมายนับไม่ถ้วน,เป็นความร้ายกาจที่ไม่ใช่แค่มีเชาว์ปัญญาที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น,ทว่าเป็นเรื่องที่ลึกลับซับซ้อนที่คนอื่นไม่สามารถจะมีได้,ไม่ว่าจะเป็นความรู้,ประสบการณ์,นิสัย,มุมมอง,วิธีการ,ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกัน,ร้ายกาจ,จะคิดว่าเขามีอะไรที่เหนือกว่าเชาว์ปัญญา,ข้าสามารถรับประกันได้ว่าทุกวิธีที่จงซานทำนั้นล้วนแล้วแต่ต้องก้าวไปได้อย่างถูกทางถูกต้องแน่นอน."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.
"ทุกเรื่องก้าวไปได้ถูกทางถูกต้องอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่แสดงท่าทางงงงวยเช่นเดิม.
"ใช่แล้ว,เพียงแค่เชาว์ปัญญานั้นทำให้ได้เปรียบในช่วงเวลาๆหนึ่ง,ทว่าจงซานนั้นร้ายกาจยิ่งกว่า,เขาสามารถที่จะแผดเผาทำลายทุกรายระเอียดทุกเส้นทาง,จนทำให้มันเหลือเพียงแค่เส้นทางเส้นเดียวที่ถูกต้องได้,กล่าวได้ว่าหากท่านไม่พบกับจงซาน,เรื่องในครั้งนี้,คงยากที่จะก้าวมาถึงนี้ได้ไม่ใช่รึ?
ตราบเท่าที่มันเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง,ไม่ว่าอย่างไร,ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง,มันคือคือเรื่องที่ถูกต้อง,เขาสามารถที่จะทำให้มันเป็นเส้นทางที่ถูกต้องได้."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวรับรองพลางทอดถอนใจ.
"ทว่า,การทำมาได้ถึงขนาดนี้,ท่านควรรู้ว่ามันยากขนาดใหน?
นี่คือความร้ายกาจ,ที่สามารถทำเรื่องที่ยาก,ยากมากๆได้,สามารถที่จะหาเส้นทางที่ไม่มีใครหาได้,เจอ,ความเจนจัดของจงซานนั้น,ฉีเทียนโห่วไม่สามารถเทียบได้,นอกจากนี้,เมื่อครั้งที่ฉีเทียนโห่วติดอยู่ในเรือนโอสถ,เมื่อครั้งก้าวไปสู่ระดับจักรพรรดิแท้ในเวลานั้น,แม้ว่ามันจะทำให้เขาได้รับเชาว์ปัญญาที่เหนือล้ำเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าเดิม,ทว่าเขาก็สูญเสียเวลาอันมีค่าไป,เขาไม่รับรู้เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นหรือเปลี่ยนไปที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้,ดังนั้นเทียบกับประสบการณ์ที่จงซานมีนั้น,ไม่สามารถเอามาเทียบกันได้เลย."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวต่อพลางสูดหายใจลึก.
"เจ้าหมายความว่าฉีเทียนโห่วด้อยกว่าจงซาน,หรือแม้แต่เจ้าอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"เฮ้เฮ้,หากข้ากล่าวว่าเชาว์ปัญญาคือแนวตั้ง,ความร้ายกาจคือแนวนอน,กงจูคงไม่กล่าวว่าสุ่ยจิงไม่คิดจะถ่อมตัวเลยเป็นแน่."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"เฮ้เฮ้!"กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาด้วยความสุข,ต้องไม่ลืมว่าเวลานี้กำลังกล่าวถึงเรื่องของจงซานอยุ่.
"ข้าขอยกตัวอย่าง,เกี่ยวกับข่าวลือด้านนอกนั่น! ข้าคิดว่าเป็นฝีมือของจงซานที่จงใจปล่อยข่าวออกมาอย่างแน่นอน."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.
"หืม,ทำไมถึงคิดอย่างนี้ล่ะ?"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"จงซานที่สร้างภาพพจน์ของตัวเองออกมานั้น,ก็เพื่อกงจูนั่นเอง."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.
"ข่าวลืออะไรรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังสุ่ยจิง.
"เมื่อจงซานกลับมานั้น,กงจูนั้นถูกทุกคนปล่อยให้โดดเดี่ยวเดี่ยวดาย,ทุกคนต่างก็ตัดสัมพันธ์,กล่าวได้อย่างง่ายๆมีสามอย่าง,พี่น้อง,กฎหมายและประชาชน,ทั้งสามส่วนนี้,เป็นเหมือนกับภูเขาที่กดทับมายังตัวท่าน,จงซานที่ใช้ภาพพจน์ของต้วเอง,สลายสิ่งเหล่านั้นออกไป,ทำให้คำติฉินของผู้คนได้สลายหายไป,เมื่อภูเขาลูกนี้หายไปแล้ว,ภูเขาอีกสองลูก,ก็จะไม่มีห่วงกักขังท่านเอาไว้ได้."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.
"ปากของปวงชน,มีอะไรสำคัญอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"เรื่องนี้กงจูด้อยกว่าจงซานแล้ว,เรื่องความร้ายกาจ."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
กับการยกจงซานว่าเหนือกว่ากงจู,หากเป็นเมื่อก่อนสุ่ยจิงไม่กล้าอย่างแน่นอน,ทว่าตอนนี้สิ่งที่เขาเอ่ยนั้น,ไม่เพียงกงจูเฉียนโหยวไม่โกรธ,หนำซ้ำยังมีความสุขด้วยซ้ำ.
"อย่างไรรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"รากฐานส่วนประกอบของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวนั้นคือใครกันแน่?
ไม่ใช่เหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่,ทว่าเป็นฝ่าบาทและเหล่าประชาชนทั้งหมด,อะไรคือเจตจำนงสวรรค์อย่างงั้นรึ?
เจตจำนงสวรรค์ก็คือเจตจำนงของฝ่าบาท,อีกเดียวกันก็หมายถึงความคิดเห็นของปวงชน,ความคิดเห็นของปวงชนที่หันคมหอกไปที่เจ้า,ก็เหมือนเจตจำนงสวรรค์ที่หันคมหอกไปหาเจ้า,แต่หากว่าคมหอกนั้นหายไป,เจตจำนงสวรรค์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน.ส่วนญาติพี่น้องตระกูลกู่และกฎหมายนั้นยังมีอะไรให้ต้องกังวลอีกรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าว.
กงจูเฉียนโหยวที่สูดหายใจลึก,"เฉียนโหยวน้อมรับคำสั่งสอน!"
"เฮ้เฮ้,ข้าคงพูดมากเกินไป,จงซานนั้นรับรู้เรื่องนี้มากยิ่งกว่าข้าซะอีก,ข้าไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใด,หลังจากนี้เขาจะเป็นคนสอนท่านเอง."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
ตำหนักต้าเสวียนอ๋อง!
ต้าเสวียนอ๋องที่นั่งอยู่บนโต๊ะบัญชาการ,ที่ด้านหน้านั้นเป็นกุนซือที่หนึ่ง,ฟ่านอี้พิน.
"เจ้ามีความเห็นอย่างไร?"ต้าเสวียนอ๋องสอบถาม.
"ใกล้ถึงวันแล้ว,ตำหนักไท่กู่คงจะมีอะไรที่ยอดเยี่ยมให้ดู."ฟ่านอี้พินกล่าว.
"หืม?
ฆาตกรดูเหมือนว่าจะเป็นกู่หลินอย่างงั้นรึ?"ต้าเสวียนอ๋องที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"ฮึฮึ,ดูเหมือนว่าจะเป็นเขา,ทว่าฉีเทียนโห่วนั้นนับว่ามีเชาว์ปัญญาที่โดดเด่น,สามารถที่จะทำลายหลักฐานได้อย่างหมดจด,ไม่เหลือเลยแม้แต่น้อย,นอกจากนี้ดูเหมือนว่าจะซานจะไม่มีหลักฐานเลยแม้แต่น้อย,ข้าสามารถยืนยันได้."ฟ่านอี้พินกล่าว.
"ทำลายหลักฐานจนหมดไม่ดีอย่างงั้นรึ?"ต้าเสวียนอ๋องกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ทำลายหลักฐานทั้งหมดนับว่าดี,ทว่าหมดจดจนเกินไปมักไม่ค่อยดี,เพราะว่ายิ่งหมดจดเท่าไหร่,ก็ยิ่งเผยตัวตนของตัวเขาเองออกมา,ข้าบอกท่านอ๋องได้เลยว่า,จงซานผู้นี้เป็นคนที่ร้ายกาจมาก,ฉีเทียนโห่วนั้นเทียบกับเขาไม่ได้,มีเพียงแค่ท่านอ๋อง,ราชครู,และไท่จื่อทั้งสาม,หรือฝ่าบาทที่ร้ายกาจและลึกล้ำ
ที่เหนือกว่า,ข้าคิดว่า,ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีหลักฐานเลยแม้แต่น้อย,จงซานก็สามารถที่จะต้อนฉีเทียนโห่วให้จนมุมได้."ฟ่านอี้พินกล่าว.
"เจ้ามั่นใจถึงเพียงนั้นเลยรึ?"ต้าเสวียนอ๋องที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น,เรื่องราวจะเป็นเช่นไร,คงต้องรอให้ถึงวันรายงานถึงจะสามารถบอกได้,ทว่าเฉินสามารถยืนยันได้ว่า,ในท้องพระโรงวันนั้น,จงซานและฉีเทียนโห่วจะได้แสดงความสามารถ,จะเป็นใครคนใดคนหนึ่งที่จะสร้างเรื่องตื่นตะลึงออกมา,เฉินต้องการที่จะเห็นด้วยตาตัวเองด้วยเช่นกัน."ฟ่านอี้พินที่ครุ่นคิดและกล่าวออกมา.
"เจ้าต้องการที่จะไปเห็นอย่างงั้นรึ?"ต้าเสวียนอ๋องที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"หืม?"ฟ่านอี้พินที่ชำเลืองมองเล็กน้อย.
"ในวันรายงานผล,เหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่,แน่นอนต้องการเข้าไปดูด้วยแน่,เจ้าสามารถแฝงตัวไปกับเหล่าญาติพี่น้องตระกูลกู่,ข้าจะเป็นคนทูลเรื่องนี้ต่อฝ่าบาทเอง."ต้าเสวียนอ๋องกล่าว.
"ขอบคุณท่านอ๋อง!"ฟ่านอี้พินที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มในทันที.
"เจ้ากับข้ามีอะไรต้องเกรงใจด้วย?"ต้าเสวียนอ๋องกล่าวด้วยรอยยิ้ม.
....
นครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์,เขตแดนทิศเหนือที่เป็นเขตแดนที่มืดมิด,เต็มไปด้วยหมอกคลึ้มกระจายไปทั่วอากาศ,จนไม่สามารถมองเห็นพื้นที่ด้านในได้เลย.
จงซานและจื่อเห่าที่เหินลงบนเมฆด้านบน,ยืนอยู่ด้านนอกหมอกที่มืดคลึ้ม,กวาดตามองหมอกสีขาวที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา.
"จอมพล,อาวุโสเทียนอยู่ที่นี่อย่างงั้นรึ?"จื่อเห่าที่ขมวดคิ้วไปมา.
"เฉียนโหยวบอกว่าที่นี่,ต้องไม่ผิดพลาดแน่,พื้นที่รอบๆนี้เต็มไปด้วยหมอกสีดำ,เจ้าควรจะมีประสบการณ์มาก่อน
ที่สนามรบราชวงศ์ราชันย์ต้ากวงนะ."จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"นี่คือค่ายกลฮวงจุ้ยอย่างงั้นรึ?"จื่อเห่าที่ขมวดคิ้วไปมา.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น