วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Immortality Chapter 349 Yin-Yang two

Immortality Chapter 349  Yin-Yang two

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 349 ภพคู่หยิน-หยาง


Chapter 349  Yin-Yang two
阴阳两界
  ภพคู่หยิน-หยาง

"ภพหยิน?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา,ไม่ได้ถามอะไรต่อไปอีก.

อาวุโสเทียนที่หรี่ตาจ้องมองจงซาน,แล้วกล่าวออกมาว่า,"กู่เสวียน,กล่าวว่าการบัญชาทัพของเจ้าทรงพลังแข็งแกร่งเป็นอย่างมากอย่างงั้นรึ?"



"ท่านอ๋องกล่าวชมเกินจริง!"จงซานที่ชำเลืองมองออกไปเล็กน้อย.

"เช่นนั้นทหารของต้าโหลวหากให้เจ้าควบคุม,เมื่อต้องเข้าต่อกับกับทหารผีดิบและทหารผีร้ายของตำหนักสังสารวัฏก็คงได้สินะ!"อาวุโสเทียนเอ่ย.

"หืม,อาวุโส,ผู้เยาว์ไม่เข้าใจความหมาย."จงซานที่ส่ายหน้าไปมาสอบถาม.

"ที่นี่คือตำหนักสังสารวัฏของแดนอเวจี,ฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยที่โดดเด่น,คาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถเชื่อมต่อภพคู่หยินหยางได้,เชื่อมต่อคฤหาสน์สังสารวัฏ,หากต้องการทำลายค่ายกลฮวงจุ้ยนี้,จะต้องทำลายศัตรูให้สิ้นซาก!"อาวุโสเทียนกล่าว.

"ทำลายศัตรูให้สิ้นซากอย่างงั้นรึ?"หยินหนิงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางสงสัย.

"อืม,เด็กน้อย,พวกเจ้าเรียนมาตั้งมากมาย,ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ."อาวุโสเทียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"ค่ะ!"หญิงสาวทั้งสองที่ตอบรับในทันที.

หยิงหนิงที่จ้องมองไปยังเฉียนโหยว,เพราะว่าฟังจากท่าทางของอาวุโสเทียนแล้ว,ราวกับว่าจะเลือกใครเป็นศิษย์,ด้วยการเฝ้ามองการรับรู้ของใครเหนือกว่า,การสังเกตครั้งนี้ดูเหมือนว่าเป็นการทดสอบของทั้งสองสาวด้วย.

อาวุโสเทียนที่จ้องมองไปยังตำหนักปราณปิศาจที่ปกคลุมตำหนักสังสารวัฏ,ดวงตาที่หรี่เล็ก,ก่อนที่จะกระทืบเท้าลงไปด้านหน้าเบาๆ.

"ตูมมมมมมม"

แผ่นดินที่สั่นไหวเป็นระลอกคลื่น,เหล่าวิญญาณร้ายและเจียงซือที่อยู่รอบหลายร้อยเมตร,ถูกเปลี่ยนเป็นหมอกควัน,สลายหายไป.

อาวุโสเทียนที่สะบัดเมือเรียกเข็มทิศออกมา,เข็มทิศที่มีเข็มมากมายโคจรช้าๆ,ปลดปล่อยกลิ่นอายที่แปลกประหลาดออกมา.

ก่อนที่เขาจะปล่อยลงพื้น,เข็มทิศที่หล่นลงพื้น,จมลงพื้นดินหายไปเช่นกัน.

ในเวลาเดียวกัน,แสงสีทองที่ทอแสงกระจายสาดไปทุกทิศ,มากขึ้นและก็มากขึ้น,ยิ่งเวลาผ่านไป,พื้นที่ค่อยๆถูกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง.

เมื่อพื้นดินเป็นสีเหลืองทอง,เหล่าวิญญาณร้ายและเจียงซือก็ร้องโอดโอยโหยหวน,กลายเป็นหมอกหายไปเช่นกัน.

เข็มทิศที่จมลงพื้นดิน,อาวุโสเทียนที่ค่อยเดินออกไปค้ำไม้เท้า,ใบหน้าที่ดูมาดมั่น,ก้าวไปด้านหน้าอย่างช้าๆ,ร่างกายของเขาที่โอนอ่อนไปตามคลื่น,ก้าวเท้าไปตามตำแหน่ง,ทุกก้าวลึกลับ,ไปตามตำแหน่งการโคจรของเข็มทิศ.

"โฮกกกก!"

จากใหนไม่รู้,เสียงมังกรที่คำรามดังออกมาในทันที,มังกรทองมากมายที่พุ่งขึ้นมา,ปรากฏออกมาที่ด้านข้าง.จากทุกทิศทุกทาง.

เมื่อไหร่ไม่รู้,มังกรทองที่โผล่ขึ้นจากพื้นดิน,มันมีขนาดใหญ่โตเท่ากับภูเขา,กำลังร่ายรำบนอากาศ,เป็นมังกรทองวาสนา,ทั้งหมดพุ่งตรงไปยังตำแหน่งของอาวุโสเทียน.

วาสนารึ?

มังกรทองวาสนา,มีทั้งหมดเก้าตน,พุ่งตรงไปยังตำแหน่งของอาวุโสเทียน,ในขณะนั้นอาวุโสเทียนที่กำลังยืนอยู่อย่างมาดมั่น,ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมน่าเคารพ,มือทั้งสองข้าง,ที่นำมงกุฏผิงเทียนที่ส่องประกายแสงสีทองวับวาวออกมา.

อาวุโสเทียนที่สวมมงกุฏผิงเทียน,ทันทีที่เขาสวมมงกุฏผิงเทียน,มังกรทองวาสนาเก้าตนก็พุ่งเข้าร่างกายของอาวุโสเทียนอย่างบ้าคลั่ง.

"นั่นคือมงกุฏผิงเทียนอย่างงั้นรึ?"หยิงหนิงที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.

"ใต้สวรรค์แห่งนี้,มีเพียงแค่อาวุโสเทียนที่มีคุณสมบัติพอที่จะสวมมงกุฏผิงเทียน."กงจูเฉียนโหยวกล่าวออกมาพลางถอนหายใจเบา.

เพียงแค่สวมมุงกุฏผิงเทียนได้นิดหน่อยเท่านั้น,มังกรทองเก้าตนที่ราวกับว่าจะผลักดันตัวของพวกมันเพื่อออกจากร่างของอาวุโสเทียน.

ในเวลาเดียวกันนั้น,ไม่รู้ว่าจากที่ใหน,ท้องฟ้าด้านบนเกิดการเปลี่ยนแปลง.

ดูเหมือนว่าจะเป็นฝีมือของอาวุโสเทียนที่เปลี่ยนมันไปในทันที,เดิมทีก็ลึกลับแปลกประหลาดอยู่แล้ว,ทว่าทันใดนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเต็มไปด้วยพลังแข็งแกร่งขึ้นมา! นี่ต้องเป็นกลิ่นอายมรรคาระดับสูง,เป็นกลิ่นอายของเซิ่งซ่างอย่างงั้นรึ?

หลังจากที่ท้องฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง,บรรยากาศรอบๆเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน,ภูเขามากมายที่ผุดขึ้นมาจากบนพื้น,เกาะลอยฟ้าที่ปรากฏขึ้น,อาวุโสเทียนหายไปจากการจับจ้องของคนทั้งสาม.

"นี่มัน,นี่คือนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นรึ?"หยิงหนิงที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.

นครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นรึ?

จงซานที่จ้องมองพื้นที่รอบๆเปลี่ยนไปอย่างระมัดระวัง,บนท้องฟ้าทิศเหนือ,มีแสงจันทร์ที่ส่องถึง,เหล่าผีดินมากมายที่เกิดขึ้นไม่จำกัด,ปรากฏตำหนักสังสารวัฏนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่มืดมิด,กลิ่นอายภูติ,คละคลุ้งเต็มไปหมด,แตกต่างจากทิศใต้ที่บนท้องฟ้ามีนครวาสนา,ปกคลุมเขตแดนที่ไม่สิ้นสุด,เป็นนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นรึ?

ดูเหมือนกับนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์แต่แตกต่าง,มีสิ่งก่อสร้างมากมาย,และมีขนาดใหญ่โต,ทว่าไม่ได้มีผู้คนแต่อย่างใด.

"นครบรรพกาลศักดิ์,กู่เฉินตง!"เสียงที่ดังออกมาจากพื้นที่แห่งหนึ่ง,เป็นเสียงของอาวุโสเทียนนั่นเอง.

"เขตแดนอเวจีตำหนักสังสารวัฏ,แดนวัฏสงสาร!"เสียงที่ดังก้องกังวานของผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยอีกคน,มีเสียงแหบเครือเล็กน้อย.

ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยสองคน,พูดคุยกัน!

กู่เฉิงตง? เซิ่งซ่างราชวงศ์ต้าโหลว,อาวุโสเทียนได้ทำการสร้างโลกเชื่อมตัว,อัญเชิญเขตแดนบรรพกาลต้าโหลว,จำลองพลังของเซิ่งซ่างนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์.

"อีกฝั่งคือยมบาลซือเตียนแดนวัฏสงสารอย่างงั้นรึ? แดนสังสารวัฏ,ดินแดนที่อยู่ในเขตแดนอเวจี,อัญเชิญเปิดโลกมลทินห้า,กัปมลทิน (劫濁) ทัศนะมลทิน (見濁) กิเลสมลทิน (煩惱濁) สัตวทลทิน (眾生濁) และชีวมลทิน (命濁) ,เชื่อมต่อแดนภูติที่พิเศษ,คิดจะอัญเชิญแดนวัฏสงสาร? โอหังนัก!"อาวุโสเทียนที่สั่งการตำหนักหลวง,ลอยออกไป.พลังที่ยิ่งใหญ่ลอยอยู่บนฟากฟ้า,เข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้าม.

"โอหังหรือไม่,ลองดูก็จะรู้!" ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยที่กล่าวตอบโต้กันด้วยเสียงที่แหบเครือ.

"ตำหนักสังสารวัฏเป็นฐาน,กัปมลทิน (劫濁) ทัศนะมลทิน (見濁) กิเลสมลทิน (煩惱濁) สัตวทลทิน (眾生濁) และชีวมลทิน (命濁),ไม่รู้เลยว่าเจ้าคิดจะเลือกใช้ชีพจรทั้งห้าเหล่านี้?"อาวุโสเทียนที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.

"ห้าชีพจร เจ้าจะบอกว่าข้าไม่สามารถเทียบได้กับราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว,นครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นรึ?!"ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยอีกคนที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.

กับคำพูดของผู้ฝึกตนฮวงจุ้ย,จงซานที่คิดในใจ,อาวุโสเทียนที่พูดคุยกับอีกฝ่ายเรื่องตำหนักสังสารวัฏ,ดูจุกจิกเหมือนกับฟังการโต้เถียงของหญิงสาวสองคนซะมากกว่า.

"ตำหนักสังสารวัฏของเจ้า,จะทนอยู่ได้สักกี่น้ำ?"อาวุโสเทียนที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"หานจิว,ราชาภูติ ขอมอบหมายให้พวกเจ้าเป็นผู้นำทัพของตำหนักสังสารวัฏ,นำกองกำลังเจียงซือและภูติปิศาจ,ยกพลเข้ากัดกร่อน,นครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์เพื่อประลองวาสนา."ผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยที่ออกคำสั่งในทันที.

"ครับ!"เสียงสองเสียงหนึ่งเสียงเป็นไท่จื่อหานจิว,อีกเสียงเป็นของราชันย์ภูติก่อนหน้านี้นั่นเอง!

เดิมที่เหล่าเจียงซือและภูติปิศาจต่างก็เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง,ตอนนี้มันได้มารวมตัวกันที่ตำหนักสังสารวัฏ,อาบแสงจันทร์ของตำหนัก.

"จงซาน,ข้าของแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้นำทัพกู่เฉิงตง,นำกองกำลังของนครรบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์,เข้ากัดกร่อนตำหนักสังสารวัฎ,แข่งขันวาสนา!"เสียงของอาวุโสเทียนที่ดังขึ้นมาทันที.

"ครับ!"จงซานที่รับคำในทันที.

ร่างของจงซานที่เปลี่ยนไปในทันที,ทั่วร่างของเขาที่ปรากฏชุดเกราะโลหะและหมวกเล็ก,สนับแขน,ส่องประกายวับวาว,พร้อมกับไปปรากฏด้านหน้ากองกำลังทหารในชุดสีทอง,ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน.

เหล่าทหารในชุดเกราะสีทองมาจากใหนไม่รู้,แต่รับรู้แค่ว่า,หลังจากที่เขาสวมชุดเกราะสีทองแล้ว,เหล่าทหารด้านหลังเขานั้นต่างก็อยู่ในคำสั่งการของเขาในทันที.

ตำแหน่งของจงซานที่เปลี่ยนไป,ตอนนี้กำลังยืนอยู่บนลานกว้าง,อยู่ใจกลางของโลกที่แตกต่างทั้งสอง,ยืนอยู่ฝังของนครบรรพกาลศักดิ์สิทธ์,ซึ่งกำลังเข้าต่อกรกับฝ่ายตรงข้าม.

กองกำลังฝ่ายตรงข้ามนั้น,เป็นกองกำลังเจียงซือ,ที่ด้านหน้านั้น,ฝั่งตะวันออกมีไท่จื่อหานจิวที่กำลังจ้องมองด้วยความเกลียดชังมายังฝั่งของจงซาน.

ส่วนด้านตะวันตกนั้นเป็นวิญญาณร้าย,โดยมีราชันย์ภูติก่อนหน้านี้เป็นผู้นำทัพ.

ทัพทิศเหนือและทัพทิศใต้จะต้องเข้าประจัดบาล! ประลองกันอย่างงั้นรึ?

จงซานที่หลั่งเหงื่อที่เย็นเยือบออกมา,อาวุโสเทียนไม่เคยเข้าร่วมสงครามอย่างงั้นรึ? ถึงได้ร่ายอาคมให้มาปะจันหน้ากับศัตรูในพื้นที่โล่งๆเช่นนี้? คิดว่ามันจะได้เปรียบฝ่ายตรงข้ามอย่างงั้นรึ?

การรบเพื่อให้ได้เปรียบนั้น,อย่างน้อยก็ต้องรบในพื้นที่ขรุขระ,มีเทือกเขาแม่น้ำ,เพื่อคิดค้นกลยุทธ์ต่างๆเพื่อสร้างความได้เปรียบ,จัดกลุ่มไล่ล่าสังหารเหล่าศัตรู! ตอนนี้มันหมายความว่าอย่างไร? คิดที่จะใช้แค่จำนวนเข้าข่มอย่างเดียวก็พออย่างงั้นรึ?

อย่างไรก็ตาม,นี่นับว่าเป็นโชคของผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยฝ่ายตรงข้าม,พวกเขาก็อยู่ในสภาพภูมิประเทศแบบเดียวกัน! ไม่เช่นนั้นแล้วฝ่ายตรงข้ามคงจะใช้ประโยชน์จากสภาพภูมิประเทศ,ฝั่งตัวเองก็คงจบเช่นกัน.

กงจูเฉียนโหยวและหยิงหนิงที่ย้ายพื้นที่ไปอีกพื้นที่หนึ่ง.

กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยความกังวล.

"พี่เฉียนโหยว,จงซานในเวลานี้คงจะจบแล้ว,จำนวนทหารมีเพียงแค่ครึ่งเดียวของฝ่ายตรงข้าม,อีกทั้งการจะจัดการเจียงซือและปิศาจร้ายนั้น,แทบเป็นไปไม่ได้,อีกทั้งหากว่าตายในการรบ,ก็หมายความว่าตายจริงๆอย่างงั้นรึ?"หยิงหนิงที่กล่าวเหน็บแนมจ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.

ไม่ว่าจะเป็นคำพูดอะไรหากในอดีต,สำหรับกงจูเฉียนโหยวแล้วสามารถที่จะสุขุมใจเย็นอยู่ได้,ทว่าในเวลานี้อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับจงซาน,ภายในใจของนางที่ราวกับว่าร้อนรน,ไปทุกครั้ง,หมัดของนางที่กำแน่น,จ้องมองไม่กระพริบจับจ้องมองไปยังจงซาน,ภาวนาไม่ให้เขาเป็นอะไร.

เห็นท่าทางของกงจูเฉียนโหยวแล้วหยิงหนิงยิ้มออกมาด้วยความพอใจ,กงจูเฉียนโหยวที่เป็นห่วงจงซานออกนอกหน้า,เรื่องนี้อยู่ในการจับตาของอาวุโสเทียน,รับรองได้ว่านางได้เปรียบเห็นๆ,นอกจากนี้หากจงซานตายไปก็ดีแล้ว,สุดท้ายกงจูเฉียนโหยวจะได้กลับไปสู่อ้อมกอดพี่ชายนางอีกครั้ง.

"หานจิว,จะสำเร็จหรือล้มเหลว,ชะตาของต้ากวงอยู่ในมือของเจ้าแล้ว!"เสียงของผู้ฝึกตนฮวงจุ้ยอีกคนที่ดังออกมา.

"ครับอาวุโส,ผู้เยาว์จะทำให้ดีที่สุด!"หานจิวที่รับคำอย่างมาดมั่น.

"จงซาน,หากว่าเจ้าพ่านแพ้,เจ้าต้องตายจริงๆแน่!"อาวุโสเทียนที่กล่าวสำทับจงซานอีกครั้ง.

ได้ยินคำพูดของอาวุโสเทียน,จงซานทำได้แค่เงียบ,อาวุโสเทียนดูเหมือนว่าไม่ได้สนใจชีวิตเขาแม้แต่น้อย.

ทว่าสงครามได้เริ่มแล้ว,ไม่มีเวลาให้คร่ำครวญอีกต่อไป.

"สังหาร!"ไท่จื่อหานจิวที่ตะโกนเสียงดัง.

"สังหาร!!"ราชันย์ภูติที่คำรามออกไปเสียงดังเช่นกัน.

ฝ่ายตรงข้ามเป็นเจียงซือ,วิญญาณร้าย,ที่พุ่งตรงมายังกองทัพของจงซานอย่างรวดเร็ว.

สงครามที่เกิดขึ้นตรงข้าม,แสงจันทราและแสงตะวันที่เข้าห้ำหั่นกันและกัน,สองฝั่งที่กัดกร่อนทำลายกันและกันด้วยความมืดและแสงสว่าง,บรรยากาศที่มืดมิดอึมคลึมหนาวเย็นของตำหนักสังสารวัฏ,กับแสงสุริยันต์แผดเผาของเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์,นี่คือการปะทะกันของภพหยินและภพหยาง.

เหล่าทัพของเจียงซือและวิญญาณร้ายที่พุ่งเข้ามา,เข้าห้ำหั่นเปิดทางไปยังทิศทางของจงซาน,พื้นที่ขอบรอบๆ,ตอนนี้ทั้งแนวเขา,ตำหนักต่างๆที่ปรากฏยกขึ้นจากพื้นดิน,ส่วนนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์สิ่งก่อสร้างมากมาย,ภูเขาแม่น้ำหลายๆแห่งที่เริ่มยุบลง,ถูกฉีกขาดหายไปไม่ปรากฏอีก,จากนั้นพื้นที่หลายๆอย่างถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดเข้าแทนที่,ดูเหมือนว่าโลกทั้งสองนั้นต่างก็กำลังเข้ายึดครองโลกของอีกฝั่ง.

ทัพทั้งสองที่เข้าประจันหน้ากันและกัน,ด้วยการบัญชาทัพของแม่ทัพของทั้งสองฝั่ง.

จงซานนั้นไม่ได้โกรธเกรี้ยวแต่อย่างใด,แม้ว่าจะไม่มีภูเขา,ป่าไม้ให้หลบซ่อน,ทว่าจงซานก็ยังคงสงบนิ่งเหมือนดั่งเดิม,เพราะว่าการนำทัพในเวลานี้แตกต่างจากการนำทัพจริง,เหล่าทหารทั้งหมดในพื้นที่แห่งนี้สามารถควบคุมได้ตามใจปราณนา! เป็นไปตามความคิดทุกอย่างตามที่เขาสั่งการเลยก็ว่าได้!

จงซานที่สูดหายใจลึก,จ้องมองสองทัพที่บุกเขามาอย่างรวดเร็ว,จงซานที่โบกสะบัดมือออกไปเบาๆ,"ตั้งค่ายกล,แปดประตูกุญแจทอง!"


*********
โลกมลทินห้า (五濁惡世) หมายถึงกัปมลทิน (劫濁) ทัศนะมลทิน (見濁) กิเลสมลทิน (煩惱濁) สัตวทลทิน (眾生濁) และชีวมลทิน (命濁)
1.กัปมลทิน (劫濁) หมายถึงกัปที่เต็มไปด้วยภัยพิบัติ มลภาวะ โรคระบาด ภัยสงคราม ไร้ซึ่งความสงบสันติ มีแต่การแก่งแย่งชิงดีต่อกัน
2.ทัศนะมลทิน (見濁) หมายถึงเวไนยสัตว์ต่างมีจิตใจที่คละคลุ้งด้วยกิเลสตัณหา มีมิจฉาทิฎฐิอันเป็นทัศนะที่ผิดจากครรลอง
3.กิเลสมลทิน (煩惱濁) หมายถึงความไม่เข้าใจในสัจธรรม คลาดหลงจากจิตเดิม หลงยึดอยู่กับโลภ โกรธ หลง และยึดมั่นอยู่กับสภาวะความไม่จริงแห่งมายา
4.สัตวมลทิน (眾生濁) หมายถึงเวไนยสัตว์ที่ขาดซึ่งคุณธรรม ไร้ศีลธรรมจรรยา ขาดแคลนจิตสำนึกกตัญญูกตเวทิตา มีแต่การรบราฆ่าฟันและชิงดีชิงเด่นกันไม่รู้จบ

5.ชีวมลทิน (命濁) เหตุด้วยการสร้างกรรมและเวียนว่ายมาเนิ่นนาน จากเดิมที่เวไนยสัตว์ควรมีอายุที่ยืนยาวนับหมื่นปี จนที่สุดกลับมีอายุสั้นเพียงแค่ไม่ถึงร้อยปีเท่านั้น



ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น