Immortality Chapter 265 Zhong Shan strongest superiority!
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 265 เรื่องที่ร้ายกาจที่สุดของจงซาน
Chapter 265 Zhong Shan strongest superiority!
钟山最强优势!
เรื่องที่ร้ายกาจที่สุดของจงซาน!
ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว,การสอบแข่งขันเกอจี!
การสอบเกอจีนั้นมีเป้าหมายเพื่อคัดเลือกคนที่มีความสามารถเพื่อเข้ารับใช้ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว,เข้าเป็นขุนนางของต้าโหลว,ซึ่งแน่นอนว่ามีผู้ฝึกตนมากมายนับไม่ถ้วนได้เข้าร่วมสอบในครั้งนี้.
การทดสอบของราชวงศ์ต้าโหลวนั้นมีการแบ่งแยกการแข่งขันเป็นสองแบบ
คือทดสอบข้อเขียนและทดสอบทักษะยุทธ์.
การทดสอบทักษะยุทธ์นั้นง่ายมาก,ตราบเท่าที่มีความแข็งแกร่ง,ก็สามารถได้รับเลือก,ทว่าหากมีความสามารถเพียงอย่างเดียวก็จะเข้าไปถึงเพียงแค่กลุ่มสามเท่านั้น.
การทอสอบเกอจีนั้นแบ่งแยกออกเป็นสามกลุ่ม,คนที่ได้ระดับหนึ่งของสามส่วนนั้น,ก็จะได้เป็น
จวอหงวน,หรือก็คือคนที่ได้อันดับที่ดีที่สุดในสามส่วน,มีคะแนนรวมสูงสุดในสามคนนั่นเอง.
กลุ่มที่สอง 16 คน,ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องเป็นผู้ฝึกตนชั้นหนึ่งทั้งนั้น.
ส่วนที่สาม,72 คน,ขึ้นอยู่กับความรู้ทางการทหาร,ความแข็งแกร่ง,หรือข้อเขียนที่ยอดเยี่ยม.
จงซานที่มีพลังฝึกตน,ระดับหกแกนทอง,ซึ่งนับว่ามีพลังฝึกตนต่ำที่สุด,ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด,มีความเป็นไปได้สองทาง,การต่อสู้องค์รักษ์ชั้นสาม,การจะชนะการแข่งขันในครั้งนี้,การสอบข้อเขียนจำเป็นต้องทำให้ดีทดแทนในส่วนพลังฝึกตนของเขา,จะต้องเป็นงานเขียนที่ทำให้ผู้ตรวจสอบละเลยพลังฝึกตน,ถึงจะผ่านไปยังกลุ่มหนึ่งหนึ่งได้.
อย่างไรก็ตาม,ในส่วนที่หนึ่งงานเขียนเรียงความ,นี่คือการทอดสอบที่ยากและโดดเด่นที่สุด,ที่จะสามารถเอาชนะพลังฝึกตนที่เหนือกว่าได้.
การเอาชนะผู้ฝึกตนที่เหนือกว่าด้วยข้อเขียน?
จงซานที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองทีเดียว.
การทดสอบเกอจีนั้นเกิดขึ้นในวันเดียวกัน ,เป็นการรวมทุกคนมาพร้อมๆกัน,ไม่เพียงแค่รวมเหล่าขุนนาง,ทหารยังมีผู้ฝึกตนที่ซ่อนอยู่ทั่วหล้าเข้าร่วมและสังเกตการณ์.
เพราะว่าการสอบเกอจีนั้น,จะเป็นการให้กำเนิดผู้มากความสามารถที่น่าตื่นตะลึงขึ้นนั่นเอง.
ด่านแรก,การทดสอบทักษะยุทธ์
จงซานรับรู้ดีว่า,เขาไม่สามารถที่จะคว้าอันดับที่หนึ่งนี่ได้วยด้วยทักษะยุทธ์,ทว่าเขาก็ยังสามารถใช้การสอบข้อเขียนเพื่อเข้าสู่กลุ่มที่หนึ่งได้.
การจะเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่หนึ่ง,จำเป็นต้องล้มคนที่แข็งแกร่งที่เหมาะสมที่ถูกเตรียมเอาไว้สามคน.
ที่ด้านหน้านั้นเป็นสนามประลองขนาดใหญ่,พื้นที่รอบๆนั้นมีผู้ชมจำนวนมากมายมหาศาลกำลังรอรับชม,กงจูเฉียนโหยว,อาต้าและอาเอ้อที่อยู่ฝั่งหนึ่ง,จ้องมองลงไปมุ่มหนึ่ง,ซึ่งมีจงซานที่ยืนเด่นกำลังก้าวเข้าไปกลางเวที.
ที่ใจกลางเวทีนั้น,มีคนอยู่สี่คน,จงซานที่ถือดาบยักษ์,ซึ่งมีคนสามคนในชุดคลุมสีม่วงยืนอยู่.
คนทั้งสามในชุดสีม่วงนั้นน่าจะเป็นคนที่เพ่งเข้ามาในกองทัพ,การเข้าร่วมการสอบนั้น,ส่วนมากมีระดับต่ำกว่าก่อตั้งวิญญาณน้อยมาก,ระดับแกนทองที่เข้าร่วมสนุกนะรึ?
แทบจะไม่มีเลย.
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามที่ถือดาบเหมือนดั่งเช่นจงซาน,พวกเขาที่จ้องมองไปยังจงซานอย่างไม่แยแส,พวกเขาที่เป็นทหารชาญศึก,เต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง,ด้วยระดับแกนทองระดับหก,ย่อมไม่อยู่ในสายตา.
คนทั้งสามทีกุมหมัดแน่น,จ้องมองไปยังยังซานด้วยความไม่สนใจ,ด้วยสถานะของจงซานที่ไม่ได้เป็นทหารด้วยซ้ำ,ย่อมไม่ใช่คู่มือของพวกเขา.
"เริ่ม!"
เสียงผู้ตัดสินที่ตะโกนออกมาเสียงดัง.
เพียงแค่ได้ยินเสียง,ทุกคนก็เริ่มเคลื่อนไหวในทันที!
"ตูมม! ตูมม! ตูมม! ตูมม! ตูมม!"
เสียงระเบิดดังสนั่น,เสาสายฟ้ามากมายที่ล่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า,ปกคลุมไปทั่วทั้งสนาม,ไฟฟ้าที่แล่นแปบๆ
ส่งเสียงคำรามลั่น,ทำให้ผู้ชมรอบๆถอนห่างออกไปอย่างรวดเร็ว,พื้นที่รอบๆใกล้ๆสนามแทบจะกลายเป็นว่างเปล่าในทันที.
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องแปลกไหม,พลังอำนาจที่ไม่เคยเห็น,สร้างความตื่นตะหนกให้กับทุกคน,นี่คือการต่อสู้ระดับแกนทองอย่างงั้นรึ?
แกนทองขั้นปลายอย่างงั้นรึ? นี่มันคือวิชาการต่อสู้อะไรกัน.
สายฟ้าที่ปกคลุมไปทั่วสนาม,สายฟ้าที่สะกดคนดู,นี่เป็นการต่อสู้ที่พวกเขาคาดไม่ถึง,นี่คือการต่อสู้ของระดับแกนทอง?
แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณบางคนยังรู้สึกหวาดหวั่น.
การต่อสู้ในระดับต่ำ,แต่กับสร้างความหวาดผวาให้กับทุกคน,แล้วใครจะสามารถต่อกรกับเขาได้.
"ตูมมมมมมมม!"
สายฟ้ามากมายที่คำรามลั่นระเบิดเสียงดังสนั่น,ครั้งแล้วครั้งเล่า,ตามการเคลื่อนไหวของดาบจงซาน,ตอนนี้มันกระจายวงออกจากกลางเวที,ตอนนี้คู่ต่อสู้ทั้งสามของเขากลายเป็นตอตะโก,ใบหน้าที่ชะโลมเหงื่อออกมาเป็นสาย,มือของพวกเขาที่ถือดาบสั่นสะท้าน,ไม่เพียงแต่หวาดผวา,พวกเขายังไร้ซึ่งพลังที่จะต้านทาน.
"ยอมแพ้ซะ!"จงซานที่เก็บดาบ,กล่าวออกมานุ่มนวล.
คนที่อยู่รอบๆนั้นจ้องมองดวงตากลมโต,จงซานที่ได้เปรียบ,เขาเก็บดาบ,โง่ไปแล้ว?
"ขอบคุณ,อาวุโสที่เมตตา!"คนทั้งสามที่ยกมือคาวะไปด้านหน้ากล่าวต่อจงซาน.
กรรมการที่งงงวยแต่ก็ประกาศออกมาว่า,"จงซานชนะ!"
จงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย,ก่อนที่จะก้าวถอยออกมา,กงจูเฉียนโหยวที่กำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น,ส่วนคนดูรอบๆนั้นกลับไม่เข้าใจเท่าใดนัก,พวกเขาที่ชำเลืองมองตาโต,แสดงท่าทางไม่อยากเชื่อออกมา.
หนึ่งกระบวนท่า? หนึ่งกระบวนท่าก็จบอย่างงั้นรึ?
จงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย,พร้อมกับยื่นหยกสถานะให้กับกรรมการ,ก่อนที่จะถอยกลับมาอยู่ข้างๆกงจูเฉียนโหยว.
จงซานที่กวาดตามองไปยังพื้นที่รอบๆ,เฝ้ามองการต่อสู้ของคนอื่น.
เซียนเซิงสุ่ยจิงเลือกที่จะใช้การทดสอบข้อเขียนจัดการผู้ฝึกตนสามคน,เห็นท่าทางของเซียนเซิงสุ่ยจิงแล้ว,จงซานที่เผยยิ้มออกมา,ความคาดหวังของเซียนเซิงสุ่ยจิงนั้นไม่ธรรมดาเลย.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่มีพลังฝึกตนจักรพรรดิแท้,หากว่าเขาลงมือล่ะก็,แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องทดสอบก็สามารถเข้าไปสู่กลุ่มสองได้อย่างไม่มีปัญหา,แต่กระนั้น,เขาก็ยังจำเป็นต้องเข้าทดสอบข้อเขียน,เพื่อที่จะก้าวไปยังกลุ่มทดสอบที่หนึ่ง.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่เลือกจะปิดบังความแข็งแกร่งตัวเองเอาไว้,ไม่มีใครรู้ได้แน่,เว้นแต่มีคนระดับเซิ่งซ่างเท่านั้นถึงจะมองออก.
ไม่คาดคิดเลยว่าจะปกปิดความลับของตัวเองเอาไว้,ยิ่งคนรู้น้อยก็ยิ่งปลอดภัย,ต่อหน้าฝูงชนเช่นนี้,เต็มไปด้วยอันตราย,จงซานย่อมรับรู้ถึงจุดประสงค์ข้อนี้ดี,เซียนเซิงสุ่ยจิงนั้นย่อมรับรู้ว่า,มีคู่ต่อสู้หรือฝ่ายตรงข้ามกำลังเฝ้ามองความสามารถของบัณฑิตใหม่อยู่.
"ยินดีกับเซียนเซิงสุ่ยจิงด้วย."จงซานที่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"เช่นกัน,เช่นกัน,คารวะกงจู."เซียนเซิงสุ่ยจิงทีเอ่ยออกมาในทันที.
"สุ่ยจิง,เจ้าต้องการรับสิทธิ์เพื่อเข้าไปทดสอบในกลุ่มหนึ่งอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวเอ่ย.
"ข้าจะพยายาม!"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมาขณะพูด.
เสียงของผู้คนรอบๆสนามการแข่งขันที่ดังเซ้งแซ่,ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน.
"เจ้าต้องการได้ลำดับหนึ่ง,เพื่อศิษย์พี่ของข้าอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ฝืนยิ้มออกมา,ทว่าก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาเช่นกัน.
"ที่จริงแล้ว,ข้าเองก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน,ในอดีตนั้น,เจ้าไม่เคยพบกับศิษย์พี่ของข้ามาก่อน,ทว่าข้าได้ยินข่าวลือมาว่าเจ้าค้นหาศิษย์พี่ของข้ามาตลอด,แม้แต่เห็นว่านางได้กลายเป็นหวังเฟยแล้ว,เจ้าถึงกับยินยอมรับปากรับใช้อ๋องต้าเสวียนจริงรึ?
ในเวลานั้น,ไม่ใช่ว่าไม่พบจะดีกว่าไม่ใช่รึ?"กงจูเฉียนโหยวที่สอบถามออกไปด้วยความสงสัย.
"ไม่."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ส่ายหน้าไปมาขณะพูด.
ไม่?
ไม่เห็นเรื่องราวทั้งหมด,ไม่โอดครวญและเสียใจที่จะไล่ตาม?
เป็นเพียงข่าวลืออย่างงั้นรึ?
"ข้ารับรู้ประวัติศิษย์พี่มาก่อน,ศิษย์พี่นั้นไม่เคยรู้จักเจ้าอย่างแน่นอน,ความทรงจำของนางไม่ได้หายไป,ไม่เคยถูกผนึก,นางที่มีชีวิตธรรมดาทั่วไป,จนกระทั่งกลายเป็นหวังเฟยถึงเริ่มมีความซับซ้อน,แต่เจ้ากับชอบนางด้วยเหตุอันใด?
มันเป็นความรักที่หายากมาก,ข้าไม่เคยเห็นว่าจะมีคนที่มีความรักเช่นนี้มาก่อน."กงจูเฉียนโหยวที่แสดงท่าทางสงสัย.
"เอ้เฮ้,กงจูกำลังจะตำหนิข้าสินะ!"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ฝืนยิ้มออกมา.
เห็นใบหน้าท่าทางของสุ่ยจิง,กงจูเฉียนโหยวที่เงียบไปไม่ซักไซร้ต่อ,ทว่าจงซานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย,หากว่าเป็นดั่งที่กงจูเฉียนโหยวล่ะก็,ความรู้สึกของเขานั้นมันลึกลับยากที่จะหยั่งถึง,ทว่ามันเป็นความลึกล้ำเช่นไรกัน?
จากนั้นไม่นาน,สายตาของทุกคนที่จับจ้องมองไปเป็นสายตาเดียว,ฉีเทียนโหวในชุดลายปักษ์หงสาสะบัดปีก,ปลอกแขนสีทอง,รองเท้าโลหะดอกบัว,พร้อมทั้งในมือนั้นยังมีสัญลักษณ์มังกรทอง,เป็นคทาบนมือของเขา.ฉีเทียนโหยวที่แสดงท่าทางอหังการออกมา.
คนสามคนในระดับก่อตั้งวิญญาณที่เข้าประจันหน้ากับเขา,พุ่งเข้าหาฉีเทียนโหยว.
ฉีเทียนโหยวที่ยื่นไม้เท้าไปด้านหน้า.
"ตูมมมมมมมมมม"
เศษดินเศษหิน,รอบๆคนทั้งสามแม้แต่ดาบของพวกเขายังแตกหักพังทลายไป.
"ยังไม่ยอมแพ้อีกรึ?"ฉีเทียนโหวที่เผยยิ้มออกมาด้วยท่าทางอหังการ.
เห็นภาพที่เกิดขึ้น,จงซานที่เข้าใจได้ดี,ฉีเทียนโหวนั้น,กำลังเล่นสนุกไล่กวาดเล่นกับคู่ต่อสู้อยู่.
ทว่าในเวลาเดียวกัน.เหล่าผู้ฝึกตนมากมายต่างก็ส่งเสียงเฮ้ด้วยความสนุกสนาม.
แน่นอนว่าเหล่าผู้ชมย่อมชื่นชอบการต่อสู้ที่สนุกสนาน.
"สุ่ยจิง,เจ้าคิดว่ากู่หลินที่ฟื้นคืนกลับมาในครั้งหนี้,เป็นอย่างไร?"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวสอบถาม.
"แข็งแกร่ง,แข็งแกร่งมาก,สุ่ยจิงยังด้อยกว่า."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ส่ายหน้าไปมา.
"โอ้ว?คาดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่เซียนเซิงสุ่ยจิงยังด้อยกว่า.
"ใช่,เซียนเซิงจงซาน,คงไม่เคยเห็นพลังของกู่หลิน,ข้าเองก็เพิ่งเคยเห็นเมื่อไม่นานมานี้,ไม่เพียงแต่ความสามารถในการรบ,พลังของเขานั้นก็อยู่ในระดับสูง,อีกทั้งเชาว์ปัญญา,ความอหังการ,ที่เห็นนี้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น.เหมือนกับฉายาของเขา."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวออกมา
"ฉายา?ฉีเทียน?
ภายใต้ราชวงศ์ศวรรค์มีเพียงคนเดียว,คาดไม่ถึงเลยว่าเซิงซ่านจะมอบฉายา
"ฉีเทียนโหวให้กับเขา ไม่ใช่ว่าเซิงซ่างก็เทียบไม่ได้หรอกรึ?
ฉีเทียนโหยว,นั้นยังมีอะไรปิดบังไว้อยู่อีกรึ?"จงซานที่แสดงท่าทางสงสัย.
"ไม่,ตอนนี้ให้ข้าเดา,ตอนนี้อาจจะยังไม่คู่ควร,แต่เป็นฉายาในวันข้างหน้า,ทว่าเซียนเซิงจงซานนั้นไม่จำเป็นต้องกังวล,ถึงแม้ว่าฉีเทียนโหวจะแข็งแกร่ง,แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีเรื่องที่อ่อนด้อย,ทว่าเรื่องที่อ่อนด้อยนั้น,เซียนเซิงเหนือกว่าอย่างแน่นอน."เซียนเซิงสุ่ยจิงเอย.
"โอ้ว?เซียนเซิงสุ่ยจิงล้อข้าเล่นแล้ว."จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
"ข้าขอกล่าวตามจริง,แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถเทียบกับเซียนเซิงได้เลย,ถึงจะพยายามอีกหลายพันปี,ก็คงจะยังด้อยกว่าเซียนเซิง,ใต้หล้าแห่งนี้,คงยากที่จะมีใครเทียบกับท่านได้."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่จ้องมองจงซานและกล่าวออกมาอย่างจริงจัง.
"หืม?หมายถึงสิ่งใดรึ?
สิ่งที่เซี่ยนเซิงไม่มีใครสามารถเทียบได้?"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.
กงจูเฉียนโหยวที่ไม่รู้ว่าเซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าวถึงสิ่งใด.
"เซียนเซิงสุ่ยจิงล้อข้าอีกแล้ว,พลังฝึกตนของเขานั้นมีระดับต่ำกว่าสมองซะอีก,เซียนเซิงคงจะเข้าใจผิดอะไรอย่างแน่นอน."จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
จากท่าทางของจงซานแล้ว,เซียนเซิงสุ่ยจิงรับรู้ว่าจงซานตั้งใจบอกปัด,จงซานที่เข้าใจความหมายของเขาได้,ทว่าไม่ยินดีที่จะยอมรับเท่านั้น.
ทว่ากงจูเฉียนโหยวที่ชำเลืองมองไปยังเซียนเซิงสุ่ยจิง,ที่จริงแล้วเซียนเซิงสุ่ยจิงต้องการที่จะสื่อความหมายใด.
จากนั้นเซียนเซิงสุ่ยจิงที่เผยยิ้มออกมาขมๆ,"เรื่องความสุดยอดร้ายกาจของเซียนเซิงนั้น,ข้าไม่ได้หมายถึงพลังฝึกตน,ไม่ได้หมายถึงเชาว์ปัญญา,ทว่าเซียนเซิงนั้นกลับไม่เต็มใจที่จะรับมัน,เรื่องนี้ทำให้ผู้น้อยรู้สึกไม่สะดวกที่จะกล่าว."
เห็นเซียนเซิงสุ่ยจิงที่ไม่ยินดีที่จะกล่าวต่อหน้ากงจูเฉียนโหยวทำให้นางรู้สึกสงสัยในตัวจงซาน,จงซานมีความลับใดอย่างงั้นรึ?
มีอะไรที่นางยังไม่รู้,เขามีความลับมากมายขนาดนั้นเลยรึ?
เรื่องที่ร้ายกาจที่สุดของจงซานอย่างงั้นรึ?
จงซานนั้นมีความร้ายกาจมากมายอย่างแน่นอน,ไม่ใช่สถานะ,ไม่ใช่เชาว์ปัญญา,ไม่ใช่ยันต์หยกทมิฬ,ไม่ใช่บัวหงหลวน,ไม่ใช่ร่างแยกเงา,ไม่ใช่พันธะสัญญากับเผ่าหมาป่า,คาดไม่ถึงเลยว่าเซียนเซิงสุ่ยจิงจะมองเห็น,จงซานไม่สามารถรับได้ในเวลานี้,ถึงกล่าวไปใครจะเชื่อ,นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องร้ายกาจที่ต้องเก็บเป็นความลับอีกด้วย.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น