Immortality Chapter 260 Primordial Holy Capital
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 260 นครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์.
Chapter 260 Primordial Holy Capital
太古圣都
นครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์.
อีกสองเดือนหลังจากนี้ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวจะเปิดสอบเกอจี.
จงซานอายุ 96 ปี,ระดับแกนทองขั้นที่หก!
อีกหนึ่งวันที่พวกเขาจะไปถึงนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์,ภายในหุบเขาแห่งหนึ่ง,จงซานที่ทำการหยุดพักเป็นครั้งสุดท้าย,เป็นการเตรียมตัวที่จะเข้าไปยังเมืองหลวงนั่นเอง,พร้อมทั้งปรับสภาพด้วยความหนาแน่นของพลังวิญญาณ,ภายในเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์.
ภายในหุบเขา,อาต้า,อาเอ้อและกงจูเฉียนโหยว,ที่รอคอยจงซาน,ซึ่งเวลานี้กำลังปิดตาบำเพ็ญควบคุมลมหายใจ.
เกี่ยวกับการเตรียมการของเขาก่อนหน้านี้,สองปีมาแล้ว,ที่หอการค้าต้าหรง,ได้เดินทางไปยังนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์,ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง.
หอการค้าต้าหรง,ซึ่งนำทีมโดยจงเจิ้ง,แม้ว่าจะยังดูอ่อนแอ,ทว่าจงซานรู้ถึงความสามารถของจงเจิ้งดี,เขาที่ได้ศึกษาวิชาต่างๆมาจากจงซานมาหลายสิบปี,การเปิดตลาด,และทำการค้านั้นนับว่าอยู่ในอันดับต้นๆ,หอการค้าต้าหรงนั้น,แม้ว่าไม่มีอิทธิพล,ไม่มีความแข็งแกร่ง,ไม่มีเส้นสายในเวลานี้,การเปิดตลาดเอง,ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก.
แต่ก็ไม่ยากนักที่จะดำเนินการ.
.......
"โฮกกกกกกก"
หุบเขาข้างๆ,เวลานี้ได้ยินเสียงคำรามของพยัคฆ์เสียงดังสนั่น.
อาต้าที่อยูปกป้องจงซาน,กงจูเฉียนโหยวและอาเอ้อที่เหินลอยออกไปยังด้านนอกหุบเขาดังกล่าว.
ที่หุบเขาด้านซ้ายมือ,ที่ด้านนอกหุบเขา,มีพยัคฆ์ขนาดสี่สิบเมตรหลายร้อยตัว,เป็นกองกำลังพยัคฆ์,ซึ่งระดับของพยัคฆ์พลังขั้นต่ำของมันก็อยู่ในระดับก่อตั้งวิญญาณแล้ว.
บนพยัคฆ์ตนหนึ่งที่นำหน้ามานั้น,มีชายผู้หนึ่งในชุดเกราะโลหะ,พร้อมกับดาบยักษ์ถืออยู่.
เห็นกงจูเฉียนโหยวที่ออกมาจากภายในหุบเขา,เหล่านักรบหลายร้อยคนที่คุกเข่าลงข้างเดียวในทันที,พร้อมทั้งกล่าวออกมาว่า"ยินดีต้องรับกงจูกลับนครศักดิ์สิทธิ์."
"อืม,พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวพลางขมวดคิ้ว.
"เนื่องด้วยฉีเทียนโหยวได้สั่งการ,ให้เดินทางมาต้อนรับกงจูเฉียนโหยวล่วงหน้า."ขุนพลคนหนึ่งที่ตอบ.
"ฉีเทียนโหว?
เจ้ามารอตั้งแต่เมื่อไหร่?"กงจูเฉียนโหยวที่เอ่ยถาม.
"สองวันที่แล้ว,พวกเราพันคน,ได้แยกออกไปยังพื้นที่สิบแห่ง,ผู้น้อยโชคดีที่ได้มาพบท่าน,ซึ่งรอกงจูมาสักระยะแล้ว."ขุนพลดังกล่าวเอ่ย.
กงจูที่ขมวดคิ้วแน่น,พยักหน้ารับ"พวกเจ้ารอสักครู่!"
"ครับ!"เหล่าทหารที่รับคำในทันที.
กงจูเฉียนโหยวนำอาเอ้อกลับไปยังหุบเขาก่อนหน้,ซึ่งจงซานตอนนี้เตรียมตัวพร้อมแล้ว.
"กงจู,พวกเขารู้การเดินทางของพวกเราได้อย่างไร,มีใครบอกเขารึ?"อาต้าที่สอบถามกงจูเฉียนโหยวด้วยความสงสัย.
"การเดินทางไปยังเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์นั้น,มีเส้นทางที่แน่นอนอยู่,การจะคาดเดาทิศทางนั้นไม่ได้ยากนัก,แต่วันเวลาในการเดินทางนั้น,นับว่าค่อนข้างยากไม่สุ่ยจิงก็กู่หลิน,ไม่รู้ว่าเป็นใคร,แต่อย่างไรทั้งคู่ก็น่าจะคาดเดาได้."กงจูเฉียนโหยวขมวดคิ้วและกล่าวออกมา.
"ไม่ว่าอย่างไร,พวกเราก็เดินทางกันเถอะ."จงซานกล่าว.
"อืม."กงจูเฉียนโหยวพยักหน้า.
จากนั้น,คนทั้งสี่ก็ออกจากภูเขา.
ซึ่งทีด้านนอกหุบเขานั้น,มีกองกำลังพยัคฆ์หลายร้อยคนรอคอยอยู่,ทุกคนที่ยืนอยู่บนหัวของพยัคฆ์,ไม่นานหลังจากนั้น,ท่ามกลางฝูงพยัคฆ์นั้น,กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
พยัคฆ์ขาวตนหนึ่ง,ที่วิ่งเข้ามาหากงจูเฉียนโหยว.
เมฆสีขาวของนางที่เหินลงไปบนหัวของพยัคฆ์ขาว,พยัคฆ์ขาวที่ดูฉลาดเฉลียวเป็นอย่างมาก,ให้คนทั้งสี่ยืนอยู่ข้างบน.
"เดินทางได้."กงจูเฉียนโหยวสั่งการ.
"โฮกๆๆ."
พยัคฆ์ขาวคำราม,ก่อนที่จะเริ่มนำกองกำลังพยัคฆ์เดินทางกลับ.
ถัดจากนั้นหนึ่งวัน,จงซานสามารถมองเห็นนครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ไม่ไกลออกไปได้.
จากพื้นที่ไกลออกไป,จงซานสามารถมองเห็นประกายแสงสีทองที่อยู่บนฟ้าได้,แสงสีทองที่ม้วนกวดเข้าสู่ตรงกลาง.
วาสนา,นั่นคือการสะสมวาสนาของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว.
ซึ่งต่างจากวาสนาของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีนั้นเป็นมังกรทองหมุนวนล้อมรอบเมืองเทียนกง.
ทว่าของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว,นครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์,ประกอบด้วยมังกรวาสนาเป็นจำนวนมาก,จนกลายเป็นคลื่นมังกรที่ซัดสาด,แม้ว่ามังกรทองนั้นจะไม่ได้ใหญ่เหมือนกับของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี,ทว่ากับมีเป็นจำนวนมาก,มากมายนับไม่ถ้วนจนเห็นเป็นลูกคลื่นที่ซัดสาด,พัดมาจากทุกทิศทุกทาง.
วาสนาที่ดูราวกับปุยเมฆ,มันมีจำนวนมาก,จนเห็นเหมือนกับเหล่าเมฆาที่ล่องลอยม้วนกวดเข้าไปตรงกลางไม่หยุด.
นครบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์นั้น,ไม่มีกำแพงเมือง,ไม่จำเป็นต้องมีกำแพงเมือง,เพราะว่ามันได้ตั้งอยู่ใจกลางของราชวงศ์ต้าโหลว,เป็นการยากมากที่จะผ่านเข้ามาถึงเมืองหลวง.
เข้าโจมตีเมืองรึ?
มีเมืองกว่าหนึ่งร้อยเมืองที่กั้นขวาง,ด้วยเหตุนี้เมืองแห่งนี้จึงไม่จำเป็นต้องมีกำแพงเมือง.
บนอากาศสูงขึ้นไป,พื้นที่ตรงกลาง,สถานที่รวบรวมวาสนา,เห็นเป็นหมอกเมฆที่หนาอัดแน่นกันอยู่.
เก้ามังกรที่กลายเป็นบัลลังก์,วาสนา,ที่กลายเป็นมังกรวาสนาขนาดใหญ่บนท้องฟ้า,เป็นมังกรที่กำลังโบยบินขึ้นไปบนฟ้า,รวมตัวกันเป็นบัลลังก์มังกร,ปลดปล่อยบารมีที่ยิ่งใหญ่ของบัลลังก์วาสนาเก้ามังกร.
เหนือบนบัลลังก์,เห็นเป็นร่างเงาที่ดูเลือนลาง,กำลังจ้องมองลงมาเบื้องล่าง,ผู้ที่สามารถนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ยิ่งใหญ่,จะเป็นใครได้ล่ะ?เว้นแต่เซิ่งซ่างราชวงศ์สวรรค์.
วาสนาสะสมที่รวมตัวกันเห็นเป็นภาพเงาเซิ่งซ่าง,นับว่าเป็นวาสนาที่หนาแน่นมาก,แม้ว่าจะมองจากพื้นที่ไกลออกไปยังสัมผัสได้,จงซานที่จ้องมองไปยังวาสนา,สัมผัสได้ถึงแรงสะกดข่ม,พลังที่ยิ่งใหญ่ไพศาล,เป็นพลังของฟ้าดินที่หนาแน่น,ปิดบังทั่วท้องฟ้า,จนรู้สึกอึดอัดเลยทีเดียว.
เขาคือคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด,อยู่ห่างจากตัวตนของเซียนไม่มากแล้ว.
นอกจากวาสนาของเซิ่งซ่างแล้ว,ยังสามารถมองเห็นแถวสองแถวของเหล่าราชบริพาร,ขุนนางและทหารหลายร้อยคน!อย่างไรก็ตามวาสนาของราชวงศ์สวรรค์ก็นับว่ามีจำนวนมากที่สุด.
แม้ว่าจะมองไม่เห็นเหล่าข้าราชบริพาร,ทว่าก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ,เพราะว่าตำหนักวาสนานั้น,เพียงเท่านี้ก็ทำให้รู้สึกถึงพลังที่ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าแล้ว.
กับแบบแปลนในการสะสมวาสนา,เป็นแบบแปลนศักดิ์สิทธิ์เช่นไร,ไม่สามารถบอกได้เลย.
แปลนศาลาเทวะ,นับว่าเป็นศาลาเทวะที่แท้จริงของราชวงศ์สวรรค์,เป็นพระราชวังที่เซิ่งซ่างทำงานอยู่,พื้นที่แห่งนั้นมีหมอกควันปกปิด,น้อยคนที่จะสามารถได้เห็นด้านใน.
เพราะว่าพื้นที่มีขนาดใหญ่,หมอกควันที่ปกปิดนั้นก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน,ไม่สามารถมองเห็นด้านในได้ชัดเจนนัก,เห็นเพียงประกายแสงที่ส่องสว่างออกมา.
พื้นที่รอบๆนั้น,มีเกาะลอยฟ้ามากมาย,เกือบทุกๆที่เต็มไปด้วยเกาะลอยฟ้ากระจายไปทุกทิศ,และยังมีการเคลื่อนไหวโคจรไปรอบๆมีเส้นทางที่ลึกล้ำ,มีเพียงไม่กี่ที่ที่หยุดอยู่กับที่,เกือบทุกเกาะจะค่อยโคจรไปช้าๆ.
ภายในเมืองที่มีผู้คนมากมายบินไปมา,กับภาพฉากที่คึกคัก,นับว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่งดงามเป็นอย่างมาก.
"เซียนเซิง,ท่านรู้หรือไม่ว่าทำไมเกาะต่างๆในนครศักดิ์สิทธิ์นั้น,ทำไมถึงได้เคลื่อนที่?"กงจูเฉียนโหยวที่ยืนเดิ่นเป็นสง่า,เผยยิ้มบางๆให้กับจงซาน.
บนร่างของพยัคฆ์ขนาด 40
เมตร,ร่างของจงซานที่ดูเล็กกระจิดริด,จ้องมองไปยังภาพฉากที่ใหญ่โต,เกาะลอยฟ้ามากมายที่งดงาม,กำลงเคลื่อนที่เป็นวงโคจร,แต่ละเกาะนั้นมีขนาดใหญ่มาก,และยังลอยขึ้นสูงขึ้นไปกว่า
100,000 เมตรทีเดียว.
"ทำไมล่ะ?"จงซานที่แสดงท่าทางสงสัย.
"เพราะว่านครบรรพกาลศักดิสิทธิ์นั้น,เป็นค่ายกลขนาดโคตรมหึมา,เหล่าเกาะลอยฟ้านั้น,แทนชีวิตของค่ายกล,ถูกจัดวางเอาไว้ตามตำแหน่งของดาวดาว,และยังล่อลวงพลังจากสวรรค์เอาไว้ด้วย,เมื่อต้องพบเข้ากับอันตราย,ยังสามารถใช้พลังจากดวงดาราในการต่อกรกับศัตรู."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวยกยอ.
"ค่ายกลโคตรมหึมาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"ค่ายกลนี้ถูกเรียกว่า
ดาราเทวะบรรจบต้าโหลว."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"อืม."จงซานพยักหน้ารับทว่าในเวลานี้ภายในใจของเขาที่เต็มไปด้วยท่าทางตื่นตะลึงอย่างหนักเช่นกัน.
นี่คือราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว,เมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์.
เทียบกับราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้ง,เมืองเสวียน.
แตกต่างกันราวกับสวรรค์และโลก,ราวกับเมืองที่แข็งแกร่งที่สุด,กับเมืองที่อ่อนแอที่สุดในโลกหล้านี้เลยไม่ใช่รึ?
จงซานที่สูดหายใจลึก,รับรู้ได้ถึงความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง,ภายในใจจะเสียขวัญไม่ได้,เขาจะต้องเข้มแข็งกว่านี้,จากตัวอย่างของเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์นี้,เมืองหลวงเทวะของต้าเจิ้งจะต้องแข็งแกร่งและทรงพลังขึ้นในสักวัน!
ลู่เจี้ยนปิงที่ได้กลายเป็นคนของราชวงศ์ต้าเจิ้งแล้ว,ในอนาคตข้างนั้นจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป,เขาจะต้องพยายามอย่างจริงจัง,ในอนาคตเขาจะต้องขยับขยายก้าวข้ามดินแดนทุกแห่งให้จงได้.
"ภายในเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์นั้น,สามารถที่จะบินได้,สามารถใช้วิชาใดๆก็ได้,ทว่าไม่สามารถใช้วิชาที่มีอาณาเขตบริเวณกว้าง."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"วิชาอาณาเขตกว้างอย่างงั้นรึ?"จงซานที่แสดงท่าทางสงสัย.
"เกี่ยวกับอาณาเขตของวิชา,ไม่สามารถใช้วิชาที่มีผลในระยะสิบจั้งได้,ภายในเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์,เหล่ายอดฝีมือ,และผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน,ที่มีวิชาที่มีผลกว่าระยะสิบจั้ง,นอกจากนี้กฎเกณฑ์ของเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์,ห้ามใครฝ่าฝืน,แม้แต่ไท่จื่อ,หรืออ๋องระดับใหนก็ตาม."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
เป็นการบอกล่าวว่ากงจูเฉียนโหยว,นางเองก็ไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไรมากนัก.
พื้นทีที่กงจูเฉียนโหยวที่กำลังมุ่งหน้าไปนั้น,ทันใดนั้นก็มีประกายแสงโชติช่วงที่พุ่งออกมา,มันที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ,ประกายแสงของมันนั้นที่มีขนาดใหญ่กว่าสิบจั้งซะอีก,มันส่องประกายรัศมีนับร้อยนับพันไปจนถึงหมื่นจนถึงแสนจั้งทีเดียว! ใหญ่มาก.
กงจูเฉียนโหยวที่ชำเลืองมองตาโต,นางที่บังคับให้พยัคฆ์ขาวหยุดก้าวไปด้านหน้า.
พื้นที่ด้านหน้านั้น,ภายในเขตแดนเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์,เวลานี้ปรากฏดอกไม้ที่บานสะพรั่ง,ด้วยการใช้พลังฝึกตนในการควบคุม,ทำให้มันเบ่งบานชูช่อออกมาพร้อมๆกัน.
สิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้,ดวงตาของกงจูเฉียนโหยวที่กวาดตามองไปยังทุ่งดอกไม้ที่กว้างใหญ่,ดอกไม้มากมายมหาศาลที่เบ่งบานออกมา.
นี่เป็นดอกไม้จริงๆ,พร้อมทั้งส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว,ดอกไม้ที่มากมายนับไม่ถ้วน,มากมายจนไม่สามารถนับได้.
ราวกับว่าพื้นที่รอบๆนี้กลายเป็นภาพลวงตา.
นี่มันเกินกว่ารัศมีสิบจั้ง,ซ้ำยังอยู่ในเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์,ทำได้อย่างไร?
แม้ว่าจะไม่ใช่พื้นที่สำคัญก็ตาม,ทว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะขัดขื่นได้,นอกจากนี้ดอกไม้ที่เบ่งบานมากมายนับไม่ถ้วน,ตอนนี้กลีบดอกมันเริ่มหล่นลงมาจากท้องฟ้า,กลายเป็นภาพฉากที่ดูงดงามเป็นอย่างมาก.
กับเรื่องที่เกิดขึ้นภายในเมืองบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์,เหล่าองค์รักษ์ไม่เข้ามาหยุดเลยรึ?เกิดอะไรขึ้น?
กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองออกไปด้วยความประหลาดใจไม่แน่ใจไปพร้อมๆกัน,ทว่าที่ใจกลางของเหล่าดอกไม้งามนั่น,ที่ใจกลางลานจัสตุรัส,เวลานี้มีคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังยืนรออยู่,มีเซียนเซิงสุ่ยจิงที่ยืนอยู่ด้านหน้า,และยังมีอีกคนหนึ่งที่เปล่งประกาย,เต็มไปด้วยความอหังการอย่างถึงที่สุด.
ฉีเทียนโหว!
กู่หลิน!
ฉีเทียนโหยวกู่หลินที่สวมชุดหงสาสะบัดปีกสีทองม่วง,พร้อมกับชุดเกราะสีทอง,รองเท้ารากบัว,ที่มือขวาของเขานั้นถือปีกหงสา,ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความองอาจจ้องมองตรงไปยังกงจูเฉียนโหยวพลางก้าวออกไปหาช้าๆ.
เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่ได้รับคำสั่งจากฉีเทียนโหลว,ให้นำกลีบดอกไม้นับพันล้านโปรยปรายลงมาจากบนท้องฟ้า,เพื่อเป็นพิธีต้อนรับของฉีเทียนโห่ต่อกงจูเฉียนโหยว.
หลังจากที่ได้นำกระจกเงาหมื่นนครกลับมาได้,กับความดีความชอบที่เขาได้รับ,เขาได้ร้องขอให้สามารถใช้วิชาเพื่อทำการสร้างฉากรักโรแมนติกขึ้นภายในเมืองได้.
จากตำราแห่งความรัก,ด้วยเชาว์ปัญญาของฉีเทียนโหยวที่ได้ฟื้นฟูกลับมาทำให้เขาคิดเรื่องเช่นนี้ได้,เกี่ยวกับเรื่องของกงจูเฉียนโหยวที่เขาได้เอ่ยแผนสามแผนให้กับเซียนเซิงสุ่ยจิงฟัง,นี่เป็นแผนที่ดีที่สุด,โจมตีที่จิตใจ,เป็นการสร้างความประทับใจให้กับกงจูเฉียนโหยว,เมื่อน้ำหลากมาถึงเขื่อนก็สร้างเสร็จ,และได้ใจของนางมาเอง.
水到渠成( shuǐ dào qú chéng ). เมื่อน้ำหลากมาถึงเขื่อนก็สร้างเสร็จ
อุปมาว่า เมื่อเงื่อนไขต่างๆสุกงอม,เรื่องต่างๆก็จะบรรลุผลสำเร็จ.)
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น