Immortality Chapter 249 Clay Bodhisattva reappears
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 249 การปรากฏตัวของหนี่ปู่ซา.
Chapter 249 Clay Bodhisattva reappears
泥菩萨再现
การปรากฏตัวของหนี่ปู่ซา.
หลังจากที่จงซานและกงจูเฉียนโหยวจากไป,ทุกกลุ่มที่จากไปหมดแล้ว,เสวียนหยวนที่ลืมตาขึ้นมาในทันที.
"เอาล่ะ,ทุกคนจากไปแล้ว,ออกมาได้!"เสวียนหยวนที่กล่าวออกมาเบาๆ.
พื้นที่รอบๆที่มองไม่เห็นใคร,ทว่าบนภูเขาของเสวียนหยวนนั้น,มีคนอีกคนหนึ่งที่ปรากฏตัวออกมาช้าๆ.
ชุดคลุมสีดำที่ปกปิดไปทั่วร่าง,ร่างของเขาที่ถูกคลุมด้วยผ้าคลุมดำ,จนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าด้านในได้เลยแม้แต่น้อย.
"ไม่ใช่เขา?
เจ้าเป็นใคร."เสวียนหยวนที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ตระกูลของอาจารย์ได้ตายไปหมดแล้ว,เจ้าเรียกข้าว่า,หนีปูซา."ชายในชุดดำที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.
หนี่ปู่ซา,แน่นอนว่าเขาคือคนที่จงซานพบที่เกาะหมาป่าสวรรค์,คาดไม่ถึงเลยว่าจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่.
"หนีปูซาอย่างงั้นรึ?"เสวียนหยวนที่แสดงท่าทางสงสัย.
"สายโลหิตของข้า,ผู้ที่ได้รับสืบทอดสายโลหิตแต่ละรุ่นนั้น,จะถูกเรียกว่าหนีปู่ซา."หนีปู่ซาอธิบาย.
"อืม,เจ้ามาที่นี่มีจุดประสงค์อะไร?"เสวียนหยวนที่กล่าวออกมาเล็กน้อย.
"ข้ามาแจ้งเจ้า,ว่าไม่จำเป็นต้องเฝ้าอีกต่อไปแล้ว,ผนึกดังกล่าวนี้มีอายุเพียงแค่หนึ่งพันปี,มันเกินขีดจำกัดที่จะผนึกแล้ว,มันกำลังจะพังทลายอย่างไม่ต้องสงสัย,ทว่าเมืองเฟิงหลิงนั้นนับว่าพิเศษพวกเราได้จัดเตรียมสร้างผนึกพื้นที่ใหม่อีกครั้งแล้ว,โชคนี้มาพร้อมภัยพิบัติ,หมื่นปีที่จะใช้ในการปิดผนึก,ดูเหมือนว่าสายโลหิตของตระกูลข้าจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องในทุกๆรุ่น."หนีปู่ซากล่าวออกมาเบาๆ.
"ผนึกดังกล่าวนี้ได้ผนึกอะไรเอาไว้?"เสวียนหยวนที่จ้องมองไปยังหนีปูซา.
"มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะมีในโลกใบนี้,หากว่าเจ้าสนใจก็อยู่ต่อไปได้,หากว่าไม่สนใจ,ก็สามารถจากไปได้ในทันที."หนีปู่ซ่ากล่าว.
"สี่เดือนหลังจากนี้,เจ้าเองก็ไม่อยู่อย่างงั้นรึ?"เสวียนหยวนที่จ้องมองไปยังหนีปูซา.
"สายโลหิตของข้านั้น,ใช้เวลานับหมื่นปีพยายามที่จะชำละล้างมันออกไป,แน่นอนว่าข้าไม่ต้องการที่จะยั่วยุมันอย่างแน่นอน,ข้าเพียงแค่มาแจ้งข่าวต่อเจ้า,เจ้าสามารถไปได้ทุกเวลา,ไม่จำเป็นต้องรักษาคำมั่นยึดข้อตกลงในอดีต."หนีปู่ซากล่าว.
"ข้าได้ให้คำสัญญากับอาจารย์ของเจ้า,ข้านั่งอยู่ที่นี่พันปี,จะให้ข้ายอมแพ้ทั้งที่เหลือเวลาอีกสีเดียวอย่างงั้นรึ?
ข้าจะไปแน่,ทว่าหลังจากที่ผ่านสี่เดือนแล้ว,ข้าจำเป็นต้องรักษาคำมั่นของข้าไว้."เสวียนหยวนที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,จากนั้นก็หลับตา,ไม่สนใจหนีปู่ซาอีกต่อไป.
"ตามใจเจ้า."หนีปู่ซาที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปในเวลาเดียวกัน.
เมืองเฟิงหลิง,บ้านพักหลังหนึ่ง.
เซี่ยเหยี่ยนนั่งอยู่ในห้องโถง,มือขวาของเขาที่ยื่นออกไปข้างหน้า,หล่อหลอมอะไรบางอย่างซึ่งปรากฏแสงที่ส่องออกมาจากหน้าผากของเขาช้าๆ,ดวงตาปิดแน่น,ราวกับว่ากำลังร่ายอาคมบางอย่าง.
มารฉู่ป้านั้นยืนอยู่ข้างๆ,ขมวดคิ้วไปมา,ชำเลืองมองไปยังสิ่งของบางอย่างขนาดนิ้วโป้มือที่ด้านหน้าของเซียเหวี่ยนที่กำลังควบรวมกัน.
จากนั้น,ที่หน้าผากของเซียนเหยียนก็ปล่อยลำแสงพุ่งออกมา,ปราณสีดำทมิฬที่กระจายฟุ้งออกไปนั้น,ได้รวมตัวกันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างสมบูรณ์มีขนาดเท่ากับนิ้วโป้งมือ,ดูเหมือนกับเมล็ดแห่งความมืดที่มีกลิ่นอายที่มืดมิดแผ่ออกมา.
เม็ดสีดำที่หล่นลงมาที่มือของเซียนเหยี่ยน,ปล่อยคลื่นปราณแห่งความมืดออกมาเป็นระยะ.
เซียเหยี่ยนที่ค่อยๆลืมตา,พร้อมกับเผยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา.
"เส้าจู่,นี่คือเมล็ดมารอย่างงั้นรึ?"ฉู่ป้าที่ชำเลืองมองออกไปด้วยท่าทางอัศจรรย์ใจ.
"อืม,เมล็ดมาร,เมล็ดมารแต่ละเมล็ด,สามารถช่วยในการบำเพ็ญเพียร,และยังมีวิธีใช้อย่างอื่นด้วย,หากว่าถูกปลูกลงในคนอื่นที่ไม่ได้ฝึกวิชามาร,จะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้,ไม่ต่างจากทาสของข้า,ทุกคนที่ถูกปลูกมันลงไปจะกลายเป็นเพียงแค่สาวใช้ให้ข้าเท่านั้น."เซียเหยี่ยนที่เผยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย.
"เส้าเหยีย,ท่านต้องการที่จะปลูกมันลงไปในร่างของเนียนโหยวโหยวอย่างงั้นรึ?"มารฉู่ป้ากล่าว.
"ใช่แล้ว,เนียนโหยวโหยว,เจิ้นเหรินแดนเทพอมตะ,มีร่างสถิตเทวะ,หากว่าข้าไม่ได้นางมันจะคุ้มค่ากับเมล็ดมารนี้ได้อย่างไร?
กล้าที่จะทำให้ข้าขายหน้าเหรอ,หลังจากที่นางกลายเป็นทาสข้าแล้ว,ข้าจะให้นางคุกเข่าขอความเมตาจากข้า,ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า."เซียเหยียนที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
"เส้าเหยีย,แม้ว่าจะเป็นเนียนโหยวโหยว,แต่ด้วยพลังของนางเวลานี้ก็ยังนับว่ายังไม่คู่ควร."ฉู่ป้ากล่าว.
"คุ้มค่าอย่างงั้นรึ?ที่จริงคนที่เหมาะสมนั้น,คืออาจารย์ของเนียนโหยวโหยว,แต่นางเวลานี้แข็งแกร่งเกินไป,ทว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร,ด้วยการฝึกฝนจากข้า,เนียนโหยวโหยวไม่ช้าก็เร็วก็จะทรงพลังเทียบเท่าอาจารย์ของนาง."เซียนเหยียนที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย.
........
ภายในเมืองเฟิงหลิง,ห้องโถงแห่งหนึ่ง.
ซือจื่อหานจิว,ซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะ,โดยมีเซียนเซิงโจวและเซียนเซิงโหยว,พร้อมกับเหล่าขุนพลที่กำลังรายงานเรื่องต่างๆอยู่.
"ซือจื่อ,เมื่อวานพวกเราพบกับกงจูเฉียนโหยว."เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรายงาน.
"กงจูเฉียนโหยวอย่างงั้นรึ?"ซือจือหานจิวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ครับ,น่าจะเพิ่งเดินทางมาถึง,บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับค่ายกลฮวงจุ้ยเป็นแน่."เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเอง.
"คงมาด้วยเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว! เอ้เอ้,อย่าไปยุงกับนางดีกว่า."ซือจื่อหานจิวที่คิดใคร่ครวญและกล่าวออกมา.
"ครับ."เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวรับคำ.
"แล้วที่ข้าให้ไปสืบเจออะไรบ้าง?"ซือจื่อหานจิวที่กล่าวออกมา.
"ไม่เลย,ดูเหมือนว่าค่ายกลฮวงจุ้ยนั้นจะถูกสร้างขึ้นมาก่อนราชวงศ์ต้ากวงซะอีก,และองค์ราชันย์เกือบทุกคน,ต่างก็สั่งการให้เจ้าเมืองไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าวด้วย."เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอ่ย.
"ในอดีตนั้นก่อนตั้งต้ากวงนั้น,ได้มีคนที่มีนามว่า"หนี่ปูซ่า"ช่วยต้ากวงพิชิตเมืองสิบเมือง,และได้ทูลขอพื้นที่หวงห้ามแห่งนั้นเอาไว้,ผ่านมากว่า
2300
ปีแล้ว,จวบจนถึงตอนนี้,ทำให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้ใครเข้าไป,ทว่าข้าเองก็ต้องการที่จะรู้เช่นกันว่าภายในค่ายกลฮวงจุ้ยนั่นได้ฝังสิ่งใดเอาไว้."ซือจื่อหานจิวที่ได้ขมวดคิ้วไปมา.
"รายงาน."
ที่ด้านนอกห้องโถงนั้นมีเสียงของเจ้าหน้าที่ของเขาดังขึ้นในทันที.
เจ้าหน้าที่ที่วิ่งเข้ามาภายในห้องโถงอย่างรวดเร็ว,พร้อมกับยกมือขึ้นส่งสารข้อความเป็นกระดาษสีดำออกไปให้เขา
"เรียนซือจื่อ,ที่ด้านนอกนั้นมีชายในชุดดำปรากฏตัวขึ้นในทันที,เขากล่าวว่ามีนาม,"หนีปูซา,"และได้ได้มอบสิ่งนี้มา,ให้ส่งสิ่งนี้ให้กับท่าน,,"เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเอ่ย.
"พรึด"
ซือจือหานจิวที่ลุกขึ้นในทันที,หนีปู่ซาอย่างงั้นรึ?
"คนล่ะ?"ซือจื่อหานจิวที่กล่าวออกมาในทันที.
"ไปแล้ว,เขาได้มอบสารนี้มา,จากนั้นก็ไม่รู้ว่าหายไปใหน."เจ้าหน้าที่กล่าว.
"นำมา."ซือจื่อหานจิวที่เอ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว.
เจ้าหน้าที่ยื่นสารดังกล่าวออกไปให้กับซือจื่อ.
ซือจื่อหานจิวที่อ่านสารดังกล่าว,ขมวดคิ้วแน่น,ดวงตาประหลาดใจและไม่แน่ใจไปพร้อมๆกัน.
"ซือจื่อ,เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงเจ้าที่สอบถามออกมาในทันที.
ซือจื่อหายจิวที่อ่านสารสีดำเพ่งพิศใครครวญกับข้อความดังกล่าว
:
ในผนึกฮวงจุ้ยนั้น,ได้ผนึก
"แปดหางสวรรค์แห่งจุดจบ"เป็นปิศาจร้ายของสวรรค์และปฐพี,ซึ่งถูกผนึกเอาไว้กว่าหนึ่งหมื่นปีแล้ว,จำเป็นต้องผนึกเมืองเฟิงหลิงด้วยผนึกฮวงจุ้ยอีกชั้น,สี่เดือนหลังจากนี้
แปดหางสวรรค์แห่งจุดจบจะออกมา,ทุกคนจะต้องตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้,จงอพยพคนออกจากเมืองเฟิงหลิงซะ,ถือว่าเป็นความเห็นใจเล็กๆเพื่อสะสมกุศล,นี่คือการเตือนครั้งสุดท้าย,จะทำตามหรือไม่นั้น,ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเจ้าแล้ว.
ซือจื่อหานจิวที่จ้องมองแสดงท่าทางลังเลไม่แน่ใจ,ทั้งเซียนเซิงโหยวและเซียนเซิงโจวเองก็จ้องมองใครครวญ,พร้อมกับขมวดคิ้วไปมา.
"ซือจื่อ!"ทั้งสองที่วางสารแจ้งเตือนคืนให้กับซือจื่อหานจิว.
"เซียนเซิงทั้งสองมีความเห็นอย่างไร?"ซือจื่อหานจิวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ควรจะประกาศให้ทุกคนได้รับรู้,จะอพยพหรือไม่นั้นก็คืออยู่กับเจตจำนงของสวรรค์"เซียนเซิงเจากล่าว.
"เช่นนั้นไว้ใกล้ถึงวันแล้วค่อยประกาศออกไปก็ได้,หากว่ากระทำตอนนี้เกรงว่ามันจะเปล่าประโยชน์,พวกเขาอาจจะไม่ให้ความร่วมมือก็เป็นได้."เซียนเซิงโหยวที่กล่าว.
"ดี,เช่นนั้นก็รอจนเกือบถึงวันสุดท้ายก็แล้วกัน."ซือจือหานจิวพยักหน้า.
"ตกลง."คนทั้งสองที่พยักหน้าเห็นด้วย.
....
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น,ภายในห้องโถงในหุบเขาแห่งหนึ่งในเมืองเฟิงหลิง.
กงจูเฉียนโหยวที่สวมชุดผู้ชาย,ในมือนั้นถือพัดกระดาษ,เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย."เซียนเซิง,ท่านคิดว่าเนียนโหยวโหยวจะมาหาท่านหรือไม่?"
ได้ยินคำพูดของกงจูเฉียนโหยว,จงซานที่ฝืนยิ้มออกมา,หลายวันมานี้,เนียนโหยวโหยวที่มาราวีเขาโดยตลอด,ทำไมเนียนโหยวโหยวต้องมา,จงซานสามารถที่จะคาดเดาได้ว่านางนั้นต้องการที่จะเอาชนะเขา,ต้องการให้เขาชื่นชมและรักใคร่ในตัวนาง,ด้วยวิชาป่วนใจของนางนั้นไม่มีผลต่อเขา,ทำให้นางนั้นมีความต้องการจะเอาชนะมากกว่าเดิม,หญิงสาวผู้นี้เป็นคนที่มีความมั่นใจตัวเองสูงมาก,นางไม่สามารถทนได้,หากว่านางไม่สามารถทำให้เป้าหมายของนางลุ่มหลงในตัวนางได้,อาจจะเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของนาง,ทำให้นางไม่ยอมแพ้,จึงได้ใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้เขานั้นหลงเสน่ห์ในตัวนางก็เป็นได้.
ทว่า,ด้วยตัวเขานั้นมีเคล็ดวิชาหงหลวน,ทำให้วิชามารยาต่างๆนาๆของนางไร้ผล,จนเป็นเหตุให้นางนั้นรู้สึกสงสัยในตัวเขามากกว่าเดิมด้วย.
"กงจู,ปลาฮวงจุ้ยนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร."จงซานที่เปลี่ยนหัวข้อในทันที,กับเรื่องๆนี้ไม่เหมาะนักที่จะนำมาสนทนากับหญิงสาว.
เห็นจงซานที่เปลี่ยนเรื่อง,กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อยและไม่กล่าวถึงอีกต่อไป,"ปลาฮวงจุ้ยนั้น,ที่จริงเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลฮวงจุ้ย,ทำไมมันถึงได้ปรากฏขึ้นที่เมืองเฟิงหลิงล่ะ,นั่นก็อธิบายได้ว่าค่ายกลฮวงจุ้ยเวลานี้เกิดการเปลี่ยนแปลง,ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางใด,ก็สามารถบอกได้ว่าตำแหน่งของค่ายกลฮวงจุ้ยตอนนี้มันเริ่มขยับแล้ว,เป็นไปได้ว่ามันจะเปิดออกมา,ที่ภายในนั้นอาจจะปรากฏเป็นค่ายกลสังหาร,ทำให้ปลาฮวงจุ้ยนั้นหนีออกมา,การเปลี่ยนแปลงของค่ายกลนั้นมีทั้งโชคร้ายและโชคดีพร้อมๆกัน."
"เช่นนั้น,จำนวนของปลาฮวงจุ้นนั้นก็ไม่สามารถบอกอะไรได้,ทว่าจำเป็นต้องไปดูด้วยตัวเองสินะ."จงซานกล่าว.
"แต่ว่า,เมืองเฟิงหลิงนั้นมีคนหลายล้านคน,จะบอกได้รึว่ามีคนเจอ?ก่อนหน้านี้ข้าและอาต้าอาจพบเข้ากับโชค,ทว่าก็มีคนไม่น้อยเช่นกันที่ได้พบเข้ากับปลาฮวงจุ้ย,จึงไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่าข้างในนั้นซ่อนอะไรเอาไว้?"อาเอ้อที่กล่าวออกมาด้วยความกังวล.
"ไม่,ข้ารู้ว่าจะต้องมีใครคนหนึ่งรู้เรื่องนี้แน่นอน."กงจูเฉียนโหยวกล่าวรับรอง.
"เนียนโหยวโหยวรึ?"อาเอ้อที่แสดงท่าทางสงสัย.
"ไม่ใช่,เสียวฉิวสุ่ย!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"เสี่ยวชิวสุ่ย?"อาเอ้อที่แสดงท่าทางประหลาดใจ.
"ดี,ข้าจะบอกรูปลักษณ์ของเขาให้กับเจ้า,จงไปค้นหาเขาภายในเมืองเฟิงหลิงแห่งนี้,เขาที่ไล่ล่าปลาฮวงจุ้ย,ต้องอยู่ในเมืองเฟิงหลิงนี้แน่,ตอนนี้บางทีอาจจะอยู่ที่ใหนในเมืองแห่งนี้."กงจูเฉียนโหยวกล่าวรับรอง.
"ครับ."อาเอ้อที่กล่าวรับคำในทันที.
"เซียนเซิง,เนียนโหยวโหยวมา."อาต้าที่กล่าวรายงาน.
"กงจูท่านอธิบายใบหน้าของเสียวฉิวสุ่ยให้อาเอ้อแล้วกัน,ข้าจะไปดูเอง."จงซานเอ่ย.
"อืม."กงจูเฉียนโหยวที่พยักหน้า,ทว่าคิวของนางที่ขมวดไปมา,เห็นชัดเจนว่านางนั้นไม่ค่อยเป็นมิตรกับเนียนโหยวโหยวนัก.
จงซานที่เดินออกมาจากห้องโถง,ทันทีที่เห็นเนียนโหยวโหยวถึงกับตะลึงงันเล็กน้อย,เนียนโหยวโหยวนางแต่งตัวอะไรมา?
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น