วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Immortality Chapter 210 Two set up the dead end

Immortality Chapter 210  Two set up the dead end

 นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 210 นัดหมายแห่งความตาย.



ตำหนักสวนตะวันตก.

ภายในห้องโถง,ทุกคนที่กำลังตรวจสอบข้อมูลบางอย่างในกระดาษ.

จงซาน,สุ่ยจิง,เฉียนโหยว,กู่หลิน,อาต้าและอาเอ้อที่จ้องมองไปพร้อมๆกัน.


ทุกคนเวลานี้กำลังขมวดคิ้วไปมา.

"นี่คือข้อมูลของนักโทษทั้งหมดของเมืองเทียนกง,ไม่เห็นว่าจะมีอะไรพิเศษอะไรเลย."กู่หลินที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ลู่เจี้ยนปิงผู้นี้นับว่าแปลกมาก,อาเอ้อ,เจ้าได้ลอกข้อมูลทั้งหมดของลู่เจี้ยนปิงมาหมดแล้วใช่ใหม."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"ใช่แล้ว,ลู่เจี้ยนปิงคนนี้,เป็นคนของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี,อาศัยอยู่ในต้ายวี,ก่อนหน้านี้เป็นพวกไร้เป้าหมายกินลมกินแล้ง,เป็นคุณชายเจ้าสำราญ,ต่อมาได้เข้ามาอยู่ในเมืองเทียนกง,นับว่าเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก,ในครั้งนั้นมีผู้เยาว์ของขุนนางที่ประลองฝีมือกัน,เขาที่ได้เข้าช่วยเหลือผู้เยาว์ขุนนางคนหนึ่ง,ที่ได้รับบาดเจ็บจากการประลอง,และยังได้กระตุ้นโทสะของบิดาผู้เยาว์ของอีกตระกูลจึงได้ถูกจับตัวไปพร้อมกับช่วงเวลาเดียวกับอาชญากรอู่หว่านลี่,เขาที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกในเวลานั้นเขาไม่พอใจได้ทำร้ายอู๋หวานลี่ต่างๆนาๆด้วยวิธีการสารพัด,จากนั้นเรื่องที่ลู่เจี้ยนปิงเคยช่วยผู้เยาว์อีกคน,พวกเขาที่ช่วยแก้ต่างและกลับคำตัดสินของเขาในตอนนั้น,ทำให้เขาถูกปล่อยตัวและได้รับการชดเชยจนได้ตำแหน่งขุนนาง,ทว่าเขากลับต้องการที่จะทำงานเป็นผู้คุมคุกเมืองเทียนกง,หลังจากนั้นเขาก็ทำงานที่คุกเมืองเทียนกงจวบจนถึงตอนนี้."

"เขาที่มีเรื่องกับอู๋หวานลี่อยู่เป็นประจำอย่างงั้นรึ?"กู่หลินที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ใช่แล้ว,ที่ขาซ้ายของอู๋หวานลี,มีบาดแผลที่เกิดจากฝีมือเขา,ทุกคนต่างก็รู้ดี."อาเอ้อกล่าว.

"ไม่น่าสงสัยในเวลานั้นที่เขาก้าวไปเตะขาขวาของอู่หว่านลี่."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดมือไปมา.

"ไม่ใช่ว่าเพราะว่าเขาจงใจหรอกรึ? เขาอาจจะจงใจคุ้มกันอู๋หวานลีก็ได้,เขาที่ควรจะไม่จำเป็นต้องสนใจในตัวของนักโทษ,เขาจะเป็นต้องสนใจด้วยเหรอว่าพวกเขาจะบาดเจ็บอย่างไร."กงจู่เฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.

"อาจจะใช่แต่โอกาสเป็นไปได้ก็นับว่าน้อยมาก,ลู่เจี้ยนปิงนั้นเป็นคนของราชวงศ์ราชันย์ต้าโหลว,แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรู้จักกับอู๋หวานลี่."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมา.

"อืม."กงจูเฉียนโหยวพยักหน้า.

จงซานเองก็คิดเหมือนกับเซียนเซิงสุ่ยจิงเหมือนกันว่าเป็นไปได้น้อย,ทว่าแม้เป็นไปได้น้อย,จงซานก็ไม่ยินดีที่จะตัดทิ้ง,บางที,อาจจะมีประโยชน์กับราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้งของเขาก็ได้,เพราะจงซานต้องการที่จะทำให้ราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้งของเขาแข็งแกร่ง,ดังนั้นหากว่ามีโอกาสอันใดเขาก็ควรที่จะทำมันทันที.

จงซานเองก็ไม่ได้แย้งอะไร,กับข้อสงสัยที่กงจูเฉียนโหยวและเซียนเซิงสุ่ยจิงตัดทิ้งไป,ต้องไม่ลืมว่ามันเป็นข้อสงสัยที่เล็กน้อยมาก,อีกอย่างหนึ่งมันก็ไม่ได้มีน้ำหนักอะไรนัก,ซึ่งเหตุผลที่เขาข้ามไปเตะขาขวาก็มีคำอธิบายแล้ว.

สายตาของทุกคนที่จับจ้องมองไปยังข้อมูลต่างๆที่พวกเขาได้รับมา.

"กงจู."ที่ด้านนอกห้องโถงนั้น,มีเสียงของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งดังขึ้น.

"เข้ามา!"กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมาและกล่าวออกไป.

ในเวลานั้น,เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว,พร้อมกับกุมกระดาษสีม่วงใบเล็กน้อยยื่นออกมา.

"กงจู,เจ้าหน้าที่ของราชวงศ์ราชันย์ต้ากวงได้ส่งคำเชิญมา."ขุนนางคนดังกล่าวพูด.

"โฮ้ว? ใครรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่รับบัตรเชิญดังกล่าวมา.

"พวกเขาส่งคำเชิญมา,และจากไปแล้ว."เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวตอบ.

"เห็นได้ชัดเจนหรือไม่?"กงจูเฉียนโหยวที่รับคำเชิญแล้วถามอีกครั้ง.

"ครับ,ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับต่ำ,ของฝั่งซือจื่อหานจิว,ไม่ผิดอย่างแน่นอน.

"ไปได้แล้ว!"กงจูเฉียนโหยวที่พยักหน้ารับ.

"ครับ."เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวรับคำและจากไปในทันที.

หลังจากที่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจากไปแล้ว,กงจูเฉียนโหยวก็เปิดคำเชิญดังกล่าว.

ทุกคนที่รอคอยกงจูเฉียนโหยวจ้องมองอย่างระมัดระวัง.

"เฉียนโหยว,ซื่อจื่อหานจิวส่งมาอย่างงั้นรึ?"กู่หลินที่สอบถาม.

กงจูเฉียนโหยวที่อ่านเสร็จก็ส่งไปให้กับกู่หลิน.

"อืม,ซือจื่อหานจิวที่เชิญพวกเราไปพูดคุยที่ทะเลสาบม่านหมอก,เพื่อปรึกษาเรื่องระหว่างสองราชวงศ์."กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ทะเลสาบม่านหมอกอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ขมวดคิ้วไปมา.

"อืม,ทะเลสาบม่านหมอก,ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเทียนกง,เป็นพื้นที่พิเศษ,ซือจื่อหานจิวที่ต้องการพูดคุยเรื่องของสองราชวงศ์,จึงได้เลือกสถานที่มิดชิด,เมืองเทียนกงนั้นมีคนจับตามองอยู่มากมาย,เขาจึงได้เลือกนอกเมืองเป็นทะเลสาบม่านหมอก,นับว่าเป็นภูมิประเทศที่ยอดเยี่ยม,หลังจากนี้สามวัน,ยามเว่ย,พูดคุยที่ทะเลสาบม่านหมอก."กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.
ยามเว่ย” () คือบ่ายโมงถึงบ่าย 3 กล่าวกันว่าเป็นช่วงเวลาที่แพะกำลังออกกินหญ้าแล้วต้นหญ้าจะงอกใหม่ได้ 

"ราชวงศ์ราชันย์ต้ากวงอย่างงั้นรึ? เป็นไปได้ว่าซือจื่อหานจิวจะขอคำปรึกษา,กับพวกเราเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเรากับต้ายวีอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมา.

"ทำไมจึงเป็นที่นี่,ไม่ใช่ว่าราชวงศ์ราชันย์ต้ากวงควรที่จะส่งทูตไปยังราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวหรอกรึ?"จงซานที่มีประกายแสงแห่งความสงสัย.

"บางที,เพราะว่าใช้เวลาในช่วงงานประลองของน่าหลานเพียวเสวี๋ยดีกว่า,การถอนกำลัง,และการบรรลุข้อตกลงนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก,นอกจากนี้หากว่าพวกเขาส่งทูตไปยังราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว,อาจจะทำให้ต้ายวีสงสัยก็เป็นได้."กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ไม่ใช่ว่าจงใจให้ราชวงศ์อื่นได้เห็น,เช่นนั้น...."จงซานที่คิดครู่หนึ่งและกล่าวออกมา.

กับคำพูดของจงซานทำให้สายตาของทุกคนหดเกร็ง,ล่อให้กงจูไปอย่างงั้นรึ? เช่นนั้นก็สังหารกงจูเฉียนโหยวเพื่อป้ายสีให้กับราชวงศ์ต้ายวีหรือไม่?

เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สูดหายใจยาว,พร้อมกับกล่าวว่า"อาจจะ,ทะเลสาบม่านหมอกไม่ไกลจากเมืองเทียนกง,แน่นอนว่าราชวงศ์ราชันย์จะต้องรู้ตัว,พวกเขาที่มีการลาดตะเวนอยู่เป็นประจำ,การจะลอบโจมตีนั้นเป็นไปได้ยาก,นอกจากนี้หากต้องการลอบสังหารพวกเราทุกคน,จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ล้ำเลิศ,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่มีทางที่ราชวงศ์ต้ายวีจะปล่อยให้ผู้เยี่ยมยุทธ์เช่นนั้นเข้ามาใกล้เมืองเทียนกงแน่."

"อืม,ด้วยมีเซียนเซิงสุ่ยจิง,อาต้า,อาเอ้อและข้า,การจะลอบโจมตีเรานั้น,ไม่น่าจะเป็นไปได้,มีเพียงแค่อย่างเดียวคือการสร้างค่ายกลลอบโจมตี,ทว่าภายในราชวงศ์ต้ายวีนั้นมีการลาดตะเวนอย่างเข็มงวด,จะสามารถติดตั้งได้อย่างไร?"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"เช่นนั้นถ้าคนที่วางค่ายกลเป็นคนของราชวงศ์ต้ายวีล่ะ?"จงซานที่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมา.

"คนของราชวงศ์ต้ายวีอย่างงั้นรึ?คนที่มีความสามารถยกเว้นอี้เหยียนแล้ว,ไม่มีใครกล้าแน่,ทว่าด้วยนิสัยของอี้เหยียนที่ผ่านๆมา,เขาที่เป็นคนระมัดระวัง,ไม่มีทางที่จะสร้างความเสี่ยงให้กับเมืองเทียนกงอย่างแน่นอน."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ส่ายหน้าไปมา.

"ถ้าเผื่อไว้ล่ะ?"จงซานที่หรี่ตาจ้องมองขณะพูด.

"หากเป็นเช่นนั้นจริง?ก็จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวอาจทำให้เกิดขั้วอำนาจของทวีปศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนไป,มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาที่จะสุมหัวร่วมมือกัน."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่คิดใครครวญ.

จงซานที่พยักหน้า,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอี้เหยียนนับว่าเก่งกาจสมคำเล่าลือ,คนผู้นี้ระวังตัวเป็นอย่างมาก,ทั้งจัดการกองกำลัง,และระบบกฎหมายเป็นไปอย่างระมัดระวัง,เขาที่แทบจะไม่มีข้อผิดพลาดเลย.

"เจ้าคิดในแง่ร้ายตลอดเวลาเลยรึ?พวกเราก็เห็นกันอยู่ว่าเป็นคนของซือจื่อหานจิวส่งมา,แล้วยังมีโอกาสจะเป็นคนอื่นอีกรึ?"กู่หลินที่ขมวดคิ้วกล่าวอกมา.

ได้ยินคำพูดของกู่หลินแล้วจงซานและเซียนเซิงสุ่ยจิงถึงกับพูดไม่ออก,เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายนั้นเป็นเรื่องสำคัญ,จำเป็นต้องคิดในแง่ร้ายเผื่อไว้เสมอ,ไม่ควรที่จะคิดแต่แง่ดีจนเกินไป?

"ไม่ว่าอย่างไร,เซียนเซิงสุ่ยจิงต้องปกป้องกู่หลินให้ดี,อาต้า,อาเอ้อและข้าจะปกป้องเซีนเซิงเอง,ถึงแม้ว่ามีการซุ่มโจมตีเอง,พวกเราก็สามารถถอยกลับไปยังที่ปลอดภัยได้,นอกจากนี้คนที่ส่งสารเชิญมาก็คือซือจื่อหานจิว,พวกเราก็ควรที่จะตอบรับ."กงจูเฉียนโหยวตอบ.

"อืม."ทุกคนที่พยักหน้ารับคำ.
.....

ในเวลาเดียวกันนั้น,ภายในเมืองเทียนกง,ซือจื่อหานจิวในห้องโถงแห่งหนึ่ง.

ซือจื่อหานจิวที่ยืนอยู่กลางห้องโถง,ขมวดคิ้วไปมา,ในมือนั้นกุมสารเชิญ,ซึ่งมีเซียนเซิงโจวและเซียนเซิงโหยวยืนอยู่ข้างๆ.

"หลังจากนี้สามวัน,ยามเว่ย,นัดประชุมที่ป่าหมื่นต้นท้ออย่างงั้นรึ?"ซือจื่อหานจิวที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ซือจื่อ,เป็นแผนลวงหรือไม่?"เซียนเซิงโจวที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ไม่ใช่ว่าในสายตาของทุกคนในเวลานี้,ข้าเป็นเพียงซือจื่อธรรมดาๆทั่วไปหรอกเหรอ,ไม่มีใครที่จะมุ่งเป้ามาที่ข้าหรอก."ซือจื่อหานจิวที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"ซือจื่อ,คนที่ส่งสารนี้มา,ข้าจำได้ว่า,เป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างของกงจูเฉียนโหยว."เซียนเซิงโหยวกล่าว.

"เป็นไปได้ว่ากงจูเฉียนโหยวอาจเป็นตัวแทนของต้าโหลวก็ได้,พวกเขาอาจจะเตรียมการบางอย่างหลังจากที่การประลองระหว่างน่าหลานเพียวเสวี๋ยจบ,พวกเขาอาจะใช้โอกาสนี้หารือกับต้ากวงของพวกเราแบ่งแยกต้ายวีก็เป็นได้."ซือจื่อหานจิวที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ซือจื่อ,หากว่าเป็นเช่นนั้น,พวกเราจะตอบรับอย่างงั้นรึ?"เซียนเซิงโจวที่ขมวดคิ้วไปมา.

"หลังจากนี้สามวัน,เมื่อพูดคอยหารือที่ป่าหมื่นต้นท้อเสร็จ,ค่อยพูดกันอีกครั้ง."ซือจื่อหานจิวที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ครับ."เซียนเซิงโจวและเซียนเซิงโหยวที่พยักหน้ารับคำ.
...........

ตำหนักอุปราช.

อี้เหยียนอยู่บนตำหนักกลางทะเลสาบ,เขากำลังให้อาหารปลา,ซึงมีปลามากมายที่กำลังเข้ามากินอาหาร,ซึ่งมีแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยยืนอยู่ข้างๆ.

"เถี่ยเสวี๋ย."อี้เหยียนที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.

"อยู่นี่แล้ว."แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยรับคำในทันที.

"เจ้าส่งสารเชิญไปแล้วอย่างงั้นรึ?"อี้เหยียนสอบถามออกมา.

"ครับ,ข้าได้ส่งไปแล้ว,ข้าได้ซื้อขุนนางระดับล่างของพวกเราทั้งสองฝั่ง,ให้พวกเขาเป็นคนเขียนคำเชิญ,พร้อมกับไปส่งด้วยตัวเอง,โปรดวางใจพวกเขาได้อ่านคำเชิญอย่างแน่นอน."แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ดีแล้ว."อี้เหยียนเผยยิ้มที่ยากที่จะเห็น.

"แต่ว่า,พวกเขาจะไปรึ?"แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่ขมวดคิ้วไปมาพลางสอบถาม.

"ต้องไปแน่นอน."ดวงตาของอี้เหยียนที่หรี่เล็ก,ในมือของเขายังคงโยนอาหารปลาลงไปในบ่อ.

"ครับ."แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่ได้แต่รับคำ.

"ในเวลานั้น,เจ้าส่งคนไปจับตาพวกเขาที่ประตูเมือง,กงจูเฉียนโหยวจะต้องเดินทางไปยังประตูตะวันตก,ซือจื่อจะต้องเดินทางไปยังประตูทิศใต้,จากนั้นก็ให้มารายงานข้าในทันที."อี้เหยียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"ครับ."แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยรับคำ,เขามั่นใจว่าอี้เหยียนนั้นสามารถที่จะคาดเดาการเดินทางของเป้าหมายได้อย่างถูกต้องอย่างแน่นอน.
.................

หลังจากนั้น,ในเวลาเช้า.

กงจูเฉียนโหยวที่นำกู่หลิน,จงซาน,อาต้า,อาเอ้อ,และเซียนเซิงสุ่ยจิงออกจากตำหนักสวนตะวันตก.

"เอาล่ะ,พวกเราไปพบกับซือจื่อหานจิวได้แล้ว."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาได้รอยยิ้ม.

"อืม,ไม่รู้ว่าซือจื่อหานจิวต้องการจะกล่าวสิ่งใด."กู่หลินที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน.

ขณะที่เมฆสีขาวปรากฏขึ้นที่เท้าของทุกคน,ขณะที่ทุกคนกำลังจะมุ่งหน้าไปยังที่นัดหมาย,ในเวลานั้น,ทันใดนั้น,ที่หน้าผากของจงซาน,บัวหงหลวน,ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มในทันที.

การเปลี่ยนไปในทันทีเช่นนี้,ทำให้ภายในใจของจงซานสั่นไหว,โชคร้ายอย่างงั้นรึ?

โชคร้าย? ดวงตาของจงซานที่เบิกกว้าง,ทันทีที่เมฆสีขาวกำลังจะนำพาพวกเขาไปยังประตูตะวันตก,ในพริบตานั้นจงซานได้ยืนมือออกไปตามสัญชาติญาณ,เขาที่ยืนอยู่ด้านหลังกงจูเฉียนโหยว,จงซานได้ยืนมือขวาไปแตะไหล่ของกงจูเฉียนโหยวในทันที.

"เจ้าทำอะไรนะ?"กู่หลินที่ชำเลืองมองออกไปในทันที.

ในเวลานั้น,จงซานพบว่าตัวเองได้เสียมารยาทแล้ว,ทันใดนั้นก็โค้งคำนับ,"ขออภัย,กงจู,ผู้น้อยคิดเรื่องที่สำคัญได้ในทันที,จนเผลอตัวกระทำเรื่องเสียมารยาท."

แม้ว่ากงจูเฉียนโหยวจะยืนอยู่ด้านหน้าจงซาน,ทว่าการที่จงซานยืนมือออกมาสะกิดนางก่อนหน้านี้,กงจูเฉียนโหยวรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นในทันที,เป็นเหมือนกับสัญชาติญาณมากกว่า,ทว่าด้วยสัญชาติญาติของนางเองก็พบว่าจงซานไม่ได้ตั้งใจอย่างแน่นอน,ภายใจของนางที่เต็มไปด้วยความสงสัย,จงซานมีเรื่องอะไรถึงกับต้องสะกิดไหล่ของนาง.

กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา,กู่หลินที่ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ.


ทุกๆคนที่หันหน้ามาจ้องมองจงซานเป็นสายตาเดียวกัน,ดวงตาของกู่หลินที่ราวกับปะทุเปลวเพลิง,ก่อนหน้านี้เขาไม่พอใจจงซานอยู่แล้ว,เพราะว่ากงจูเฉียนโหยวให้ท้ายเขา,แต่ไม่คิดว่า,คนใช้ผู้นี้กับใจกล้าถึงขนาดนี้.



ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น