วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2562

Immortality Chapter 163 Yi Yan

Immortality Chapter 163  Yi Yan

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 163 อี้เหยี่ยน.


บทที่ 163 อี้เหยี่ยน.




ทั้งสองฝั่งที่นำกลุ่มของตัวเองก้าวไปยังทางขึ้นภูเขาสีเหลี่ยม,ซึ่งมีฝั่งละราวๆ 40 คน,ซึ่งเมื่อเดินมาได้ได้ระยะ,ทั้งสองกลุ่มก็หยุด.



"แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ย,การเจรจาครั้งนี้เป็นการดำเนินการโดยท่านอย่างงั้นรึ?"กงจู่เฉียนโหยวที่โบกสะบัดพัดเผยยิ้มอย่างสง่างามออกมา.

แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่จ้องมองออกมาด้วยความเคารพ,กล่าวออกมาอย่างจริงจังกับฝ่ายตรงข้าม,"การเจรจาขุนเขาครั้งนี้,เป็นเรื่องสำคัญของทั้งสองฝ่าย,เป็นความรับผิดชอบของข้าเพียงเล็กน้อย,รอให้อุปราชมาถึงจากนั้นการเจรจาจะเริ่มขึ้น."
“Da dudu” (大都督) Great Commander อุปราช

"อย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวเผยสีหน้าเคร่งขรึมและคนอื่นที่ติดตามนางมาก็แสดงใบหน้าจริงจังด้วยเช่นกัน.

"แต่คาดไม่ถึงเลยว่าอุปราชของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีจะมา,เฉียนโหยวชื่นชมมานานแล้ว."กงจู่เฉียนโหยวเผยยิ้มออกมาด้วยความเคารพ.
 ไม่เพียงแค่กงจู่เฉียนโหยว,เหล่าคนด้านหลัง,ต่างก็เผยท่าทางเคารพด้วยเช่นกัน.
จงซานที่กำลังเฝ้ามองอยู่ไม่ไกลนัก,ในเวลานี้กำลังขมวดคิ้วไปมา.
แล้วอุปราชของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีเป็นใครกัน?เพียงแค่ได้ยิน,ก็ทำให้ได้รับความเคารพเป็นอย่างมาก,คาดไม่ถึงเลยแม้แต่ฝั่งศัตรูยังให้ความเคารพอย่างงั้นรึ? อุปราชวงศ์ราชันต์ต้ายวีของพวกเขาคงจะแข็งแกร่งมากมายยิ่งนัก.

ความแข็งแกร่งของแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยนั้นจงซานเข้าใจอย่างแจ่งแจ้ง,ก่อนหน้านี้แม้แต่ขุนพลของเขายังอยู่ในระดับหลอมกายธาตุ,แน่นอนว่าแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยต้องแข็งแกร่งเกินจะคาดได้,เมื่อกงจู่เฉียนโหยวต้องพบกับแม่ทัพเถี่ยเซี่ยยังแสดงท่าทางไม่แยแสนัก,ทว่าเมื่อได้ยินคำว่าอุปราช,ก็ทำให้ใบหน้าของนางจริงจังขึ้นมาทันที.

ใครคืออุปราชของราชวงศ์ราชันต์ต้ายวีกัน?

"อุปราชราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี,เป็นคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?"หนานป่าเทียนทีหันหน้าไปสอบถามสุ่ยอู๋เหิน.

ทว่าจงซานเองก็เงี่ยหูฟัง,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเองก็สนใจในตัวของอุปราชของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีเช่นกัน.

"อุปราชราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีไม่ได้แข็งแกร่ง,แต่กับร้ายกาจมาก."สุ่ยอู๋เหินกล่าว.
 "อย่างไรรึ?"หนานป่าเทียนที่เต็มไปด้วยความสงสัย,ไม่แข็งแกร่ง?ทว่ากับร้ายกาจมาก?หมายความว่าอย่างไร?

"อุปราช ราชวงศ์ราชันต์ต้ายวี,มีนามว่า "อี้เหยี่ยน"มีพลังฝึกตนเพียงระดับก่อตั้งวิญญาณ,ทว่าสถานะของเขานั้น,ไม่มีใครสามารถเทียบได้,ยืนอยู่เหนือทุกคนในกองทัพราชวงศ์ต้ายวี,ประสบความสำเร็จมากกว่าอุปราชในอดีตของต้ายวีซะอีก."สุ่ยอู๋เหินกล่าวอธิบาย.

"ท่านบอกว่าอี้เหยี่ยนมีพลังฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณอย่างงั้นรึ?"หนานป่าเทียนที่แสดงท่าทางไม่อยากเชื่อ.

"ถูกแล้ว,มาแล้ว!"สุ่ยอู๋เหินที่ชี้ไปยังทิศทางที่ไกลออกไปขณะพูด.

ที่จริง,ทุกคนทั้งสองฝั่ง,ต่างก็รอคอยอย่างใจเย็น,จ้องมองไปยังทิศไกลออกไปเห็นจุดๆหนึ่งบนท้องฟ้า.

กงจู่เฉียนโหยวของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวและคนอื่นๆต่างก็ยืนนิ่ง,นอกจากนี้ในแววตาของพวกเขาเองก็เต็มไปด้วยความเคารพ,ทว่าฝั่งตรงข้ามพวกเขานั้น,สายตาของพวกเขาแทบจะเรียกได้ว่าเทิดทูน,อุปราชกองกำลังที่หนึ่ง,แม้แต่แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยยังกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น.

จุดแสงที่ค่อยๆใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ,จงซานสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน.

เกี้ยวขนาดใหญ่,ดูเหมือนว่าจะเป็นบ้านหลังหนึ่งด้วยซ้ำ,มีแท่น 16 อัน,ซึ่งมีคนหามอยู่,ยืนอยู่บนเมฆสีขาว,ยกขึ้นด้วยความระมัดระวัง,แม้แต่คนหามเกี้ยวยังอยู่ในระดับก่อตั้งวิญญาณ,นี่คือยอดยุทธ์ระดับสูงในเกาะหมาป่าสวรรค์เลย,คนเหล่านี้สามารถเป็นประมุขสำนักได้,คาดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะเป็นได้แค่คนหามเกี้ยว?

แน่นอนจงซานเห็นได้ชัดเจนว่าทุกคนที่หามเกี้ยวให้กับอี้เหยี่ยนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณ.

เกี้ยวที่เหินมานั่น,ดูมั่นคงเป็นอย่างมาก,มีม่านสีขาวปกคลุมทั่วเกี้ยว,ไม่มีสายลมพัดเข้าไปได้เลยแม้แต่น้อย.แม้จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วก็ตาม.

อี้เหยียน,ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก!

เกี้ยวขนาดใหญ่ที่ค่อยๆเหินลงมาข้างๆภูเขาสี่เหลี่ยมช้าๆ,ด้านหน้ากลุ่มคน.

เกี้ยวที่ค่อยๆวางอยู่บนพื้นพื้น,โดยมีผู้ฝึกตน 16 คนที่ยืนประจำตำแหน่งอยู่รอบๆ,ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

กงจู่เหยียนโหยวที่จ้องไปยังเกี้ยวขนาดใหญ่ที่หยุดลง,ทว่าทุกคนก็ไม่ได้ขยับแต่อย่างใด,เพราะว่าพวกเขาอยู่คนล่ะฝั่งกับราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวนั่นเอง.

แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยและคนอื่นๆที่วิ่งเข้าไปอยู่ด้านหน้าเกี้ยวยักษ์เพื่อต้อนรับ,แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยไม่ได้เปิดประตูออกมา,เขาที่รอคอยให้ประตูและผ้าม่านเปิดออกมาเอง.

จงซานสามารถมองเห็นจากที่ไกลออกไป,ที่ด้านในเกี้ยวนั้นดูหรูหราอย่างที่สุด,ภายในส่องประกายระยิบระยับเจิดจ้า,ประดับประดาอยู่ภายใน,จงซานหลายวันเห็นอยู่ในตลาดเมืองอู๋ซวัง,ไข่มุกเรืองแสงแต่ละลูกนั้นมีราคาถึงสองหมื่นศิลาวิญญาณระดับสูงเลยทีเดียว.

ประตูของเกี้ยวยักษ์ที่เปิดออกมาเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น.

"อุปราช!"แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่เอ่ยออกมาบาๆ.

"แค๊กๆ"

เสียงไอที่ดังลอดออกมาจากภายในเกี้ยวยักษ์,เสียงที่ดูหนักหนา,แสดงถึงอาการป่วยที่มีมาหลายปี,เป็นเสียงเหมือนกับคนป่วยหนักคนหนึ่ง.

"แค๊กๆ"

"แค๊กๆ" "แค๊กๆ" "แค๊กๆ"

กองกำลังเรือนหมื่นเองก็รอคอยการมาของเสียงไอที่อยู่ด้านใน,ในเวลานี้,ไม่มีใครโอดครวญแม้แต่น้อย,ยังคงรอคอยอย่างอดทนเจ้าของเสียงไอในเกี้ยวยักษ์.

จงซานที่เฝ้ามองอยู่อีกฝัง,แววตาของเขาที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง,คนที่กำลังไออย่างหนักนั่นต้องเป็นอี้เหยี่ยนอย่างแน่นอน,ทว่าร่างกายดูเหมือนว่ากำลังฝืนตัวเองอยู่รึ?กับสถานการณ์เช่นนี้,คาดไม่ถึงเลยว่ากลับกำลังไอต่อเนื่องแทบไม่หยุดเลย.

ทว่าไม่ว่าจะรอคอยไออย่างยาวนานแต่ก็ไม่มีใครแสดงท่าทางรังเกียจ,แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยและคนของเขายังเผยสีหน้าเป็นกังวลด้วยซ้ำและกลุ่มคนฝั่งของราชวงศ์สวรรค์เองก็ไม่มีใครแสดงใบหน้าเย้ยหยันแต่อย่างใด.

ด้วยเกียรติที่สูงศักดิ์นั้นเพียงพอที่จะทำให้กองทัพสามารถคอยได้.

ท้ายที่สุดหลังจากไอไปสักพักหนึ่ง,เสียงดังกล่าวก็ค่อยๆดีขึ้น.

สาวใช้ที่ค่อยๆเลื่อนม่านด้านในอีกชั้น,อย่างนุ่มนวล,จากนั้นก็ค่อยๆพยุงร่างของชายชราที่ผอมบางขึ้นมา.

ใบหน้าของชายชราที่ดูซีดเผือด,ทว่าดวงตายังเปล่งประกายส่องประกายคมกล้าเปี่ยมไปด้วยเชาว์ปัญญา,ด้วยการประครองของสาวใช้,ประตูทางเข้าของเกี้ยวก็ถูกเลื่อนออกมา.

จงซานที่เห็นชายชราก็เผยสีหน้าหวาดหวั่นขึ้นมาในทันที,นี่คือผู้ฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณอย่างงั้นรึ? ทำไมเขาถึงได้ดูอ่อนแอได้ถึงเพียงนี้? ความชรานี้,คือสัญญาณแห่งความตายหรือไม่?เขาถึงได้ดูอ่อนแอและชรามากเช่นนี้กัน.

ประตูเกี้ยวที่สามารถยกขึ้นลงปรับระดับความสูงได้,ด้วยเหตุนี้ทำให้อี้เหยียนสามารถก้าวเดินออกมาได้อย่างมั่นคง.

ในเวลาเดียวกัน,ทันทีที่เขาก้าวออกมา,แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่คุกเขาลงข้างหนึ่งพร้อมกับก้มหน้าให้กับอี้เหยี่ยนในทันที.

เห็นเหตุการณที่เกิดขึ้น,ทำให้จงซานตื่นตะลึงหนัก,แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ย,ผู้บัญชาการกองกำลังที่หนึ่งของอาณาจักรราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี,คาดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่อาวุโสที่แทบจะนอนอยู่กับเตียงก้าวออกมา,เขากับคุกเข่าลงทันที,ไม่,ดูเหมือนว่าเขายินดี,เป็นความยินดีที่จะเคารพเทิดทูนต่อผู้สูงเกียรติ,ชายชราอี้เหยี่ยนที่ค่อยๆก้าวออกมาช้าๆ.

อี้เหยี่ยนที่ค่อยก้าวออกมา,ทว่าดูเหมือนเหล่าสาวใช้จะดูอึกอักไม่กล้าก้าวผ่านแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ย,จงซานที่สามารถมองเห็นได้สาวใช้ที่ทำการพยุงร่างของอี้เหยี่ยนก็มีพลังฝึกตนอย่างน้อยก่อตั้งวิญญาณด้วยเช่นกัน.

อี้เหยี่ยนที่ก้าวออกมาจากเกี้ยวยักษ์,ก่อนที่จะค่อยๆพยุงกายขึ้น,ร่างที่ผอมบาง,พร้อมที่จะล้มทุกเมื่อ,สาวใช้ที่ก้าวเข้าไปเพื่อพยุงอี้เหยี่ยน.

อี้เหยี่ยนยกมือขึ้นห้ามสาวใช้เอาไว้,ก่อนที่จะยืนโต้ลม,กวาดตามองไปรอบๆ,เขาที่ก้าวไปด้านหน้า,ซึ่งมีเหล่าบริวารที่แสดงความเคารพ.เหล่าสาวใช้ที่เห็นอี้เหยี่ยนสามารถประครองกายได้,จึงทำได้แค่ยืนอยู่ด้านหลัง.

แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่ยืนขึ้น,จากนั้นก็ยกมือคารวะให้กับอี้เหยี่ยน,"คารวะอุปราช."

"คารวะอุปราช."เหล่าขุนพลและหทารทุกคนที่กล่าวแสดงความเคารพพร้อมๆกัน,กล่าวออกมาอย่างไม่ลังเล.

ทว่าอี้เหยี่ยนทำได้แค่เพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย.

เขาที่ก้าวตรงไปยังด้านหน้าซึ่งมีกลุ่มของกงจู่เฉียนโหยวและคนอื่นรออยู่.

"คารวะเซียนเซิงอี้เหยี่ยน."กงจู่เฉียนโหยวกล่าว.

"อืม,กงจู่เฉียนโหยว,ข้าได้ยินเรื่องของเจ้ามาไม่น้อยเลย."อี้เหยี่ยนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ผู้เยาว์มิกล้า,การเจรจาขุนเขาในวันนี้,อาวุโสเดินทางมา,ผู้เยาว์รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"กงจูเฉียนโหยวสุภาพไปแล้ว,เชิญ!"อี้เหยี่ยนกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,และผายมือเชื้อเชิญ.

"เชิญ!"กงจุเฉียนโหยวก็ตอบกลับในทันทีเช่นกัน.

จากนั้น,กงจูเฉียนโหยวและอี้เหยียนก็เดินนำกลุ่มคนทั้งสองฝั่ง.

อี้เหยี่ยนที่ก้าวช้าๆ,อย่างยากลำบาก,ดูเหมือนว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้นับว่าเป็นความยากลำบากที่จะก้าวขึ้นไปบนภูเขาสีเหลี่ยมอยู่เหมือนกัน,และดูเหมือนว่าอี้เหยี่ยนจะปฏิเสธไม่ให้ใครพยุง,เขาที่ก้าวขึ้นไปด้วยตนเอง,ทว่าก็ไม่มีใครเผยสีหน้าไม่พอใจแต่อย่างใด.

ภูเขาสีเหลี่ยมนั้นมีความสูงราวๆ 300 เมตร,ใช้เวลาพักหนึ่ง,รอคอยคนทั้งสองฝั่งก้าวขึ้นไปด้านบน.

บนลานยอดเขาสี่เหลี่ยมนั้น,ในมุมของจงซานไม่สามารถมองเห็นทุกคนได้ชัดเจน,ทว่าภายในใจของจงซานนั้นสามารถสัมผัสความน่าเกรงขามได้.

อี้เหยี่ยน? คนผู้นี้เป็นใครกัน?

หนานป่าเทียนที่อยู่ข้างๆ,สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อเช่นกัน,คนผู้นี้เป็นใคร? ดูน่าเกรงขามเกินไปแล้ว.

ภายในกระโจมของจงซาน,ยังมีอีกกระโจมหนึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป.

ภายในกระโจมนั้นมีคนสามคนยืนอยู่,และมีคนหนึ่งนั่งคุกเข่า,ซึ่งก็คือเสี่ยวซานผู้ใต้บังคับบัญชาของโม่เหยี่ยนปิงนั่นเอง.

โม่เหยียนปิงที่จ้องมองไปยังเสี่ยวซาน,แววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความยินดี.

"เส้าเหยี่ย,เป็นจงซานแน่นอน,ก่อนหน้านี้ผู้น้อยเห็นเขาอย่างแน่นอน."เสี่ยวซานกล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

"ดี,รอให้การเจรจาขุนเขาสำเร็จ,เมื่อนั้นข้าจะไปคิดบัญชีกับมัน."โม่เหยี่ยนปิงที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"เส้าเหยี่ยน,สุ่ยอู๋เหินจะให้พวกเราทำอย่างไร?จะต้องจัดการเขาด้วยอย่างงั้นรึ?"เสี่ยวซานที่เผยสีหน้าท่าทางเป็นกังวล.

"จัดการแค่สองคนก็พอ."โม่เหยี่ยนปิงที่จ้องมองออกไปยังกลุ่มคนด้านข้าง.

"สหายโม่อย่าได้เกรงใจ,พวกเราทั้งสอง,แน่นอนว่าสามารถช่วยขวางสุ่ยอู๋เหินได้,เขาไม่กล้าที่จะทำอะไรพวกเราได้แน่,ข้าและคนอื่นๆเพียงแค่อยากรู้,ว่าคนชื่อจงซานได้กระทำการล่วงเกินสหายโม่อย่างไร?"คนหนึ่งที่อยู่ข้างๆโม่เหยียนปิงกล่าวออกมาด้วยท่าทางสงสัย.

โม่เหยี่ยนปิงที่ขมวดคิ้วจ้องมองคนดังกล่าว,เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันน่าขายหน้าจนเกินไป,จนเขาไม่อยากจะกล่าวออกมาเลย.

"สหาย,เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น,ข้าไม่อยากจะเอ่ยถึงเลย."โม่เหยี่ยนปิงที่ส่ายหน้าไปมา.


เห็นท่าทางของโม่เหยี่ยนปิงแล้ว,ทั้งคู่ก็รับรู้ว่าไม่ควรที่จะถามออกไป,ก่อนที่จะพยักหน้าให้,และอีกคนกล่าวออกมา."สหายโม่โปรดวางใจ."

ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น