วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2562

Immortality Chapter 162 Mountain Square discussion

Immortality Chapter 162  Mountain Square discussion

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 162 การประชุมขุนเขา.


บทที่ 162 การประชุมขุนเขา.




เมืองอู๋ซวัง,เกาะลอยฟ้าเขตม่านสีแดง.

สถานที่แห่งนี้,มีเกาะลอยฟ้าสามเกาะเชื่อมต่อกัน,บนเกาะลอยฟ้าแห่งหนึ่งมีเนินเขาแห่งหนึ่ง,ซึ่งมีน้ำตกและมีบ้านพักสองหลังที่สวยงามพร้อมทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยมรอบๆพื้นที่แห่งนี้.
 
จงซานที่นั่งสมาธิอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง,ขณะที่นั่งบำเพ็ญพลังฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง.

หลายวันมานี้เขาได้ทำการเตร็ดเตร่ไปยังย่านธุรกิจ,จงซานที่ทำการตรวจสอบของวิเศษเกือบทุกอย่าง,เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ,ทว่าจงซานเองก็ไม่ได้ใช้เม็ดยาในการแลกของวิเศษแต่อย่างใด,ถึงเขาจะมีเม็ดยาอย่างเพียงพอ,ทว่าเขาก็ไม่ต้องการที่จะเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของเขามากนัก,อย่างน้อยภายในสายตาของคนอื่นๆ,ทุกคนควรจะรับรู้ว่าเขาเองก็ไม่ได้มีเม็ดยามากมายขนาดนั้น.

สถานที่แห่งนี้คือบ้านพักของสุ่ยอู๋เหิน,เป็นเกาะลอยฟ้า,เป็นพื้นที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณมากมาย,พื้นที่รอบๆงดงามเป็นหนึ่งในคฤหาสน์ของเมืองอู๋ซวัง.

ด้วยการมองลงไปจากบนเกาะลอยฟ้า,สามารถมองเห็นภาพฉากเกือบทั้งหมดของเมืองอู๋ซวัง,เมืองแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก,ใหญ่โตยิ่งกว่าสำนักไคหยางหลายเท่า,เมืองอู๋ซวังเต็มไปด้วยเทือกเขาขนาดใหญ่มากมาย,อาจเรียกได้ว่าเป็นมหานครเลยก็ว่าได้.

การลงทะเบียนเอกสารยังไม่แล้วเสร็จ,ทว่าจงซานก็ไม่ได้กังวลอะไร,ทว่าตอนนี้เขายังคงรอคอยอย่างอดทน.

หนานป่าเทียนเองก็อาศัยอยู่บ้านอีกหลังข้างๆกัน.

"จงซาน,ป่าเทียน."ที่ด้านนอกห้องนั้นมีเสียงของสุ่ยอู๋เหินที่ดังขึ้นมาในทันที.

จงซานที่ได้ยินเสียง,จึงค่อยเดินออกมาช้าๆ.

"การลงทะเบียนเอกสารเสร็จสิ้นแล้วอย่างงั้นรึ?"หนานป่าเทียนที่ออกมานอกประตูแล้วสอบถามออกมา.

"ยัง,ทว่าข้ามีข่าวดีมาบอก."สุ่ยอู๋เหินที่เผยยิ้มออกมา.

ในเวลานี้,จงซานที่เดินออกมานอกประตู.

"ข่าวดี?"จงซานที่สอบถามด้วยความสงสัย.

"ใช่แล้ว,มีความเป็นไปได้ที่ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวและราชวงศ์ราชันต์ต้ายวี,ต้องการเจรจาพักรบ,อย่างน้อยในระยะสั้นจะไม่มีสงครามเกิดขึ้น."สุ่ยอู๋เหินกล่าว.

"อืม,ท่านรู้ได้อย่างไร?"จงซานที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.

"บิดาของข้ากล่าวว่า,พรุ่งนี้เช้า,ที่ด้านนอกเมืองอู๋ซวัง,บนหุบเขาแห่งหนึ่ง,มีการจัดเตรียมการเจรจาระหว่างของขุนนางของทั้งสองฝ่าย,บิดาของข้าก็ไปด้วย,พวกเจ้าจะไปดูหรือไม่?"สุ่ยอู๋เหินกล่าว.

"หืม? การเจรจาระหว่างสองราชวงศ์? พวกเราไปได้อย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วสอบถาม.

"แน่นอน,พวกเรายืนอยู่ห่างจากบนภูเขาสามารถมองดูขึ้นไปได้,ตราบเท่าที่ไม่สร้างความวุ่นวาย,ย่อมไม่มีปัญหา."สุ่ยอู๋เหินกล่าว.

"แน่นอนว่าต้องไปอยู่แล้ว."จงซานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ตกลง,เมื่อถึงเวลาข้าจะมาเรียกเจ้า."สุ่ยอู๋เหินกล่าว.

ภายในเมืองอู๋ซวัง.

บนเกาะขนาดใหญ่ลอยฟ้าเกาะหนึ่ง.

บนเกาะลอยฟ้าแห่งนี้มีของตกแต่งที่แปลกประหลาดงดงาม,ตกแต่งรอบๆห้องโถงขนาดใหญ่,ซึ่งสถานทีแห่งนี้มีห้องโถงหลักอยู่หลายแห่ง,และในโถงแห่งหนึ่ง,ที่มีคนที่กำลังวุ่นวายอยู่ไม่น้อย,อยู่ในกลางห้องโถงนั้น.

บิดาของสุ่ยอู๋เหิน,หนานเฉิงตงสุ่ยเทียนหยา,ในเวลานี้กำลังยืนอยู่ด้วยความเคารพ,คำนับกับคนผู้หนึ่ง.

บนบัลลังก์ตรงกลางห้องโถงนั้นมีหญิงสาวที่สง่างาม,นางสวมชุดไหมสีดำ,เรียวขาที่เรียวงามเป็นเอกลักษณ์,แววตาที่ฉายความฉลาดล้ำออกมา,ท่าทางอหังการผู้ที่ยืนอยู่เหนือคนอื่นๆได้อย่างเปิดเผย.

หากว่าจงซานอยู่ที่นี่แล้วล่ะก็,ย่อมจดจำได้อย่างแน่นอน,หลายปีก่อนหน้านี้,เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ค่ายกลแปดประตูกุญแจทอง,กงจู่เฉียนโหยวซึ่งนางก็เป็นหนึ่งผู้เข้าร่วมแย่งชิงจิตวิญญาณค่ายกล,ด้านหลังของนางซ้ายขวามีองค์รักษ์ยืนอยู่,เป็นอาต้าและอาเอ้อนั่นเอง.

สุ่ยเทียนหยาโค้งคำนับกงจู่เฉียนโหยวด้วยความเคารพอย่างสูง,

"สุ่ยเทียนหยา,กระแสตอบรับในเมืองอู๋ซวังเป็นอย่างไรบ้าง?"กงจู่เฉียนโหยวสอบถาม

"เรียนกงจู,ผลตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก,ทว่าข้าจะพยายามทำอย่างเต็มที,"สุ่ยเทียนหยาที่ขมวดคิ้วไปมาพลางทอดถอนใจ.

"อืม,ต้าเสวียนหวัง,ครั้งนี้ได้ส่งบุตรชายกู่หลิน,รับผิดชอบดูแลอีกฝั่ง,กู่หลินมีผู้ช่วยที่มากความสามารถ,เซียนเซิงสุ่ยจิงเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่หายาก,ด้วยการมีเซียนเซิงสุ่ยจิงคอยช่วยเหลือพวกเขา,นับว่าเป็นงานยากของพวกเรา,ให้คนคอยจับต้าเซียนเซิงสุ่ยจิงเอาไว้."กงจู่เฉียนโหยวที่คิดใครครวญและกล่าวออกมา.

"ครับ."สุ่ยเทียนหยาที่ตอบรับในทันที.

"อืม,เรื่องนี้พักไว้ก่อนชั่วคราวก็แล้วกัน,วันพรุ่งนี้,มีการเจรจาระหว่างขุนเขา พวกเราจะทำให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้,เจ้ากลับไปเตรียมตัวได้."กงจู่เฉียนโหยวที่กล่าวออกมาอีกครั้ง.

"ขอรับ."สุ่ยเทียนยากล่าวอย่างเคารพ,จากนั้นก็ค่อยถอยจากห้องโถงไป.

กงจู่เฉียนโหยวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์,ตบไปที่พนักเก้าอี้เบาๆ,คิดครู่หนึ่งและกล่าวออกมาว่า."อาต้า."

"อยู่นี่แล้ว,"อาต้าก้าวออกมาด้านหน้าและตอบรับคำในทันที.

"นำองค์รักษ์สิบคน,ออกไปตรวจตราพื้นที่รอบๆอย่าได้ให้มีปัญหา."กงจู่เฉียนโหยวที่สั่งการในทันที.

"ครับ."อาต้ารับคำสั่ง,จากนั้นก็ออกจากห้องโถงไปในทันที.

เมืองอู๋ซวง,ตำหนักอีกแห่งหนึ่ง.

นี่คืออีกคนหนึ่งที่วิ่งตามกงจู่เฉียนโหยวไปที่ค่ายกลแปดประตูกุญแจทอง,กูหลิน,ซึ่งที่ด้านหลังนั้นมีชายที่โบกสะบัดพัดไปมา,บนโต๊ะมีแผนที่,เหมือนว่ากำลังวางกลยุทธ์บางอย่างอยู่.

ในเวลานี้ที่ด้านหน้าของพวกเรานั้นมีชายคนหนึ่งกำลังแสดงความเคารพอย่างสุดซึ้งอยู่.

ชายผู้นี้สวมชุดสีขาว,รูปร่างหน้าตาเหมือนกับปุถุชนอายุห้าสิบปี,ดูท่าทางสุขุม.

"โม่ไป่หลี่,ผลตอบรับภายในเมืองอู๋ซวังเป็นอย่างไรบ้าง?"กู่หลินกล่าวถาม.

"ซือจื่อโปรดวางใจ,แม้ว่าตอนแรกจะมีปัญหา,แต่ด้วยได้รับการแนะนำจากเซียนเซิง,สถานการณ์ตอนนี้นับว่ายอดเยี่ยม,หลังจากผ่านการเจรจาขุนเขาเสร็จสิ้น,พวกเราสามารถกำราบ หนานเฉิงตง สุ่ยเทียนหยาได้อย่างราบคาบแน่นอน."โม่ไป่หลี่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

"ดีแล้ว,ฟู่หวังให้ข้ามาจัดการเรื่องนี้,อย่าทำให้ข้าต้องผิดหวัง."กู่หลินกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"รับทราบ,ซือจื่อโปรดวางใจ,เรื่องนี้น่าจะมั่นใจได้กว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์."โม่ไป่หลีเผยยิ้มออกมา.

"หาได้เป็นเช่นนั้น,อย่าได้ประมาทกงจู่เฉียนโหยว."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่โบกสะบัดพัดขณะพูด.

"ใช่แล้ว,เฉียนโหยว,เฉียนโหยวนางฉลาดมาก,ไม่สามารถที่จะประมาทได้,อย่าได้เพิ่งมั่นใจในชัยชนะเกินไป,ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยชนะนางเลย,ดังนั้นครั้งนี้เจ้าจะต้องชนะให้ได้,ห้ามแพ้เด็ดขาด."กู่หลินลุกขึ้นและกล่าวออกมาด้วยความจริงจัง.

เห็นท่าทางของกู่หลินแล้ว,โม่ไป่หลีกล่าวออกมาว่า"ซือจื่อโปรดวางใจ,ตอนนี้แนวโน้มเข้าข้างพวกเราเป็นอย่างมาก,ถึงแม้ว่ากงจูเฉียนโหยวจะฉลาดหลักแหลมเพียงใด,ทว่าพวกเราก็มีเซียนเซิงสุ่ยจิง,พวกเราย่อมชนะแน่."

"อืม,ดีแล้ว,เจ้าไปเตรียมตัวในวันพรุ่งนี้,เกี่ยวกับการเจรจาระหว่างขุนเขาได้.หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องนี้แล้ว,ค่อยคุยกันอีกที."กู่หลินที่คิดและกล่าวออกมา.

"ครับ."โม่ไป่หลีกล่าวและออกจากห้องโถงไป.

หลังจากที่โม่ไป่หลีจากไปแล้ว,กู่หลินก็กล่าวต่อเซียนเซิงสุ่ยจิงทันที,"สุ่ยจิง,ท่านพ่อของข้าได้บอกให้ระวังเฉียนโหยวก็จริง,แต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่าชัยชนะจะเอนเอียงมาฝั่งเรามากแล้ว,หวังว่าเจ้าจะไม่ทำอะไรผิดพลาด,จะต้องทำได้รับชัยชนะให้ได้!"

"ซือจื่อโปรดวางใจสุ่ยจิงจะทำทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่โบกสะบัดพัดไปมาขณะพูด.
....

เมืองอู๋ซวัง,บนเกาะลอยฟ้าเกาะหนึ่ง.

โม่เหยี่ยนปิงที่บุกเข้ามาในห้องโถง.

"ท่านพ่อล่ะ?"โม่เหยียนปิงที่สอบถามคนรับใช้.

"นายท่านออกไปด้านนอกขอรับ."บ่าวรับใช้ตอบ.

"พรุ่งนี้มีการประชุมขุนเขา,ท่านพ่อจะออกไปเวลาใหน?แล้วสถานที่อยู่ที่ใหนรึ?"โม่เหยียนปิงที่ขมวดคิ้วไปมาขณะพูด.

"บ่าวไม่รู้ขอรับ."คนรับใช้รีบเอ่ยออกมาในทันที.

"เส้าเหยีย,เส้าเหยีย,"ในเวลาเดียวกัน,ทันใดนั้นก็มีคนผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา,เป็นเสี่ยวซานที่ถูกโม่เหยียนปิงส่งออกไปสืบข่าวนั่นเอง.

"เจ้าได้ข่าวมาแล้วรึ?"โม่เหยี่ยนปิงที่ขมวดคิ้วกล่าวออกมา.

"ครับ,เส้าเหยี่ย,คนสองคน,น่าจะเป็นศิษย์สำนักไคหยาง,นอกจากนี้ยังเป็นศิษย์น้องของสุ่ยอู๋เหิน."เสี่ยวซานที่กล่าวออกมา.

"โอ้ว? เชื่อได้หรือไม่?"โม่เหยี่ยนปิงกล่าวย้ำ.

"ครับ,คนรับใช้ของสุ่ยเทียนหยากล่าวออมาด้วยตัวเองเลย,ว่าคนทั้งสองเรียกสุ่ยอู๋เหินว่าศิษย์พี่."เสี่ยวซานกล่าว.

ได้ยินเสี่ยวซานกล่าวใบหน้าของโม่เหยี่ยนปิงเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ไปในทันที,"ดี,เป็นแค่ศิษย์น้องของสุ่ยอู๋เหิน,เจ้าพวกบ้านนอกสำนักไคหยางจากเกาะหมาป่าสวรรค์อย่างงั้นรึ?แค่ระดับแกนทอง?ชิ!,ไม่มีใครกล้าหาเรื่องข้าเช่นนี้,พวกมันคงไม่อยากหายใจแล้ว."
........

เช้าวันถัดมา.

ห่างออกไปทิศใต้ 800 ลี้จากเมืองอู๋ซวัง,พื้นที่รอบๆเป็นพื้นที่ราบ,เปิดกว้าง,มีเพียงแค่หุบเขาหยกสีขาวอยู่ใจกลาง.

ภูเขาหยกขาวนี้เป็นรูปจัตุรัส,มีความสูง 300 เมตร,พื้นที่ตะวันออก,ทิศใต้ และทิศตะวันตก,ทิศเหนือ,มีกองกำลังทหารประจำการอยู่ออกห่างรอบๆภูเขาแห่งนี้.

สถานที่แห่งนี้,มีนักรบอยู่เป็นจำนวนมากล้อมรอบปกป้องอยู่.

มีค่ายสองจุด,ทิศละหนึ่งแสนตามลำดับ.

แต่ละฝั่งมีทหาร 200,000 คนยึดตำแหน่งฝั่งละสองทิศ,ยืนนิ่งรอคอยอยู่.

ทั้งสองฝั่งต่างก็ส่งทหารออกมาประจำ,รักษาความปลอดภัยให้กับฝั่งตัวเอง,รอคอยการชุมนุมจะเริ่มขึ้น.

จงซาน,หนานป่าเทียน,และสุ่ยอู๋เหิน,ในเวลานี้ยืนอยู่ในกระโจมแห่งหนึ่ง,ยืนนิ่งอยู่ด้านนอกจ้องมองเข้าไปในวงล้อมของทหารรักษาความปลอดภัย.

จงซานที่จ้องมองรอคอยอย่างอดทน,เพราะว่าจงซานสามารถเห็นได้ว่า,ถึงแม้ว่าพื้นที่รอบๆจะมีทหารฝ่ายละ 200,000 คน,พวกเขาก็ยืนนิ่งไม่ส่งเสียงออกมาเลยแม้แต่น้อย,ได้ยินเพียงแค่เสียงลมพัด,ซึ่งตอนนี้รอคอยการประชุมจะเริ่มขึ้นเท่านั้น.

การประชุมในครั้งนี้,เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงจะเริ่มขึ้นนั่นเอง.

ในเวลานั้น,จากฝั่งตรงข้าม,ทันใดนั้น,ก็ปรากฏคนๆหนึ่งที่กำลังเดินขึ้นมา.

เมื่อเห็นคนผู้นี้,ดวงตาของจงซานที่หดเกร็งลงเลยทีเดียว,แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยเป็นคนที่เขาเพิ่งเจอมาเมื่อไม่นานมานี้,เขาคือแม่ทัพลำดับหนึ่งของราชวงศ์ราชันต์ต้ายวี,เถี่ยเสวี๋ยนั่นเอง.

แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่ก้าวออกมาจากกระโจมขนาดใหญ่ซึ่งมีเหล่าขุนพลต่างๆเดินตาม,ไม่มีใครกล้าก้าวล้ำหน้าเขาแม้แต่ครึ่งก้าว.

ในค่ายของฝ่ายตรงข้ามนั้น,แน่นอนว่าแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยคือคนที่มีสถานะสูงสุดนั่นเอง.

ฝ่ายตรงข้ามนั้นมีผู้ติดตามรวมแล้วราวๆ 40 คน,จงซานที่จับจ้องมองไปยังคนเหล่านั้น.

และอีกฝั่งหนึ่งอีกกระโจมใหญ่,ทันทีที่มีคนปรากฏออกมา,ดวงตาของจงซานถึงกับประกายตาแสดงท่าทางประหลาดใจขึ้นมาในทันที.

เพราะว่าคนกลุ่มนี้จงซานเคยเห็นมาก่อน,เก้าปีที่แล้วที่ได้เจอโดยบังเอิญ.

กงจู่เฉียนโหยว,เซียนเซิงสุ่ยจิงและกู่หลินอย่างงั้นรึ?องค์หญิงเฉียนโหยว?ประจวบเหมาะเช่นนี้เลยรึ? นอกจากนี้ที่ด้านหลังยังเป็นสุ่ยเทียนหยาที่นำเหล่าขุนพลต่างๆตามมา,พร้อมกับแสดงท่าทางเคารพเป็นอย่างมากต่อกงจู่เฉียนโหยว.


นี่นางคือกงจู่ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวอย่างงั้นรึ? คิดถึงเรื่องนี้ทำให้จงซานขมวดคิ้วย่นไปเลยทีเดียว,พลางถอนหายใจยาว,ฝืนยิ้มออกมา,ดูเหมือนว่าขุนนางระดับห้าราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว,จะดูไม่มั่นคงซะแล้ว,ดูเหมือนว่ามันจะบังเอิญซะเหลือเกนที่ได้พบกับคนคุ้นเคยที่ไม่สามารถที่จะคาดการณ์เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ได้เลย.

ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น