วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Immortality Chapter 157 Tie Xue

Immortality Chapter 157  Tie Xue

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 157 เถี่ยเสวี๋ย.  


บทที่ 157 เถี่ยเสวี๋ย.  




ชายคนหนึ่งที่มีหนวดเครารุงรัง,บินตรงออกมาจากหุบเขา,ดูมุทะลุ,ทว่า,ด้วยการเหยียบสายลม,ลอยออกมานั้น,อย่างน้อยที่สุดก็เป็นผู้ฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณ.

"ใครกัน,กล้าบุกรุกค่ายทหารของพวกเรา?"ชายคนดังกล่าวที่คำรามออกมาเสียงดัง.

"แม่ทัพเข้าใจผิดแล้ว,พวกเราแค่ผ่านทางมาก."อาวุโสกล่าวออกมาทันที.



"เข้าใจผิดอย่างงั้นรึ?ชิ! ไว้ชนะข้าได้ค่อยพูดอีกครั้ง,"ชายคนดังกล่าวที่ตะโกนออกมาเสียงดัง,จากมุมมองของจงซานแล้วการที่เห็นคนอื่นผ่านมา,เป็นเหมือนกับลอบมาดูการฝึกฝนทหารของพวกเขา.

ไม่สามารถที่จะต่อรองอะไรได้อีก,ดาบยักษ์ที่ถูกเงื้อฟันไปยังอาวุโสที่ถือกระบี่อยู่ในทันที.

ปราณดาบยักษ์ที่มีขนาดห้าสิบเมตรที่พุ่งตรงออกไป,กลายเป็นประกายแสงยืดยาวกว่า 800 ฟุตตรงไปด้านหน้าในทันที.

ทั่วทั้งท้องฟ้าสว่างจ้า,เต็มไปด้วยประกายแสงของปราณดาบ,ส่องประกายส่งคลื่นพลังออกไปรอบๆ.

ดูเหมือนว่าปราณดาบนั้นจะทรงพลังแทบจะปิดกั้นท้องฟ้าทั้งหมด.

ปราณดาบขนาดใหญ่,เต็มไปด้วยพลังที่รุนแรงไร้ขีดสุด,ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลออกไป,จงซานยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันวิญญาณมหาศาล,แทบจะทำให้หายใจติดขัดเลยทีเดียว.

ชายคนนี้เป็นแม่ทัพอย่างงั้นรึ? เป็นแม่ทัพที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้เลยรึ?

ด้วยจงซานที่ฝึกฝนเพลงดาบ,เขาย่อมตระหนักได้ถึงพลังที่ไร้ที่เปรียบนั่นได้ดี,ไม่เพียงแต่มีขนาดใหญ่,ปราณดาบนั้น,จงซานลองคำนวณดูแล้ว,เขาน่าจะมีพลังฝึกตนระดับหลอมกายธาตุ,หรือไม่ก็อยู่ในระดับก่อตั้งวิญญาณที่กำลังก้าวไปยังระดับหลอมกายธาตุ.

ปราณดาบที่ทรงพลังนี้,กล่าวอีกอย่างหนึ่งปราณดาบนี้ราวกับว่าจะกลืนกินพื้นที่รอบๆไป,ดูเหมือนกับเป็นสัตว์ร้ายที่กำลังล่าเหยื่อ,ดูทรงพลังเป็นอย่างมาก,เพียงแค่สับลงมาเท่านั้น,ราวกับทะเลแห่งความตายที่ประทุออกมา,พร้อมกับตรงไปยังอาวุโสที่ถือกระกบี่.

อาวุโสไม่ได้คิดที่จะหลบ,เขายังคงถือกระบี่รับการโจมตีของชายคนดังกล่าว.

กระบี่ของเขา,ที่ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนเป็นอุกกาบาติ,ถึงแม้ว่าท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยแสงที่สว่างเจ้า,ดาบของเขาก็ปรากฏเป็นเพลิงที่ลุกไหม้เหมือนกับดวงตะวันที่ลุกโชน,จงซานที่สัมผัสได้ถึงพลังที่รุนแรง,คลื่นพลังทะเลของปราณดาบ,ที่ปะทะเข้ากับอุกกาบาติขนาดใหญ่ที่ลุกโชนเข้าปะทะกัน.

อุกกาบาตและทะเลปราณดาบเข้าปะทะกันเสียงดังสนั่น.

"ตูมมมมม"

เสียงดังก้องกังวาน,จงซานสัมผัสได้ถึงอากาศรอบๆที่สั่นสะเทือน,จากนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดที่ใบหู,พื้นที่รอบๆเป็นสีแดงสีน้ำเงิน,เกิดเป็นความโกลาหลขึ้นมาทันที.

"ตูมมม,ตูมมม,ตูมมม,ตูมมม,ตูมมมม!"

บนท้องฟ้าที่เกิดเสียงดังสนั่นดังติดๆต่อกันไม่หยุด.

กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น,จงซานที่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆได้อย่างชัดเจน.

ที่จริงตอนแรกอาวุโสที่ถือกระบี่นั้นและชายหนวดเฟิ้มที่บินตรงมาต่างก็ยั้งมือเอาไว้,โดยชายแม่ทัพนั่นกลัวว่าเหล่าทหารของตัวเองอาจจะได้รับลูกหลง,ส่วนอาวุโสถือกระบี่เองก็เกรงว่า,จงซาน,หนานป่าเทียนและและคนอื่นๆจะได้รับบาดเจ็บเช่นกัน,ดังนั้นจึงได้ลอยขึ้นไปบนอากาศสูงขึ้น,จึงทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสีแดงและน้ำเงินส่องประกายแปบๆๆ.

จงซานที่แหงนหน้าขึ้นมองด้านบน,ได้ยินเพียงแค่เสียงระเบิดดังออกมาเป็นระลอก,แสงสีน้ำเงินและแสงสีแดงที่เข้าปะทะกันเป็นระยะ,ไม่สามารถที่จะมองเห็นร่างของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจน,รู้แค่เพียงว่าเป็นการต่อสู้ที่หนักหน่วงมาก,ทั้งสองคนถือว่าเป็นยอดฝีมือที่สูสีกันเลยทีเดียว,ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันและกัน,เป็นสัตว์ร้อยสองตนที่เข้าปะทะกันไปมา.

อาวุโสจื่อซวินและอาวุโสชายอีกคนที่เงยหน้าจ้องมองท้องฟ้า,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากกว่าจงซานมาก.

จงซานนั้นไม่สามารถมองเห็นบนท้องฟ้าได้ชัดเจนนัก,เขาที่อาศัยจากการวิเคราะห์บรรยากาศพื้นที่รอบๆเอาเท่านั้น.

ที่ไกลออกไปนั้น,มีมือธนูประจำการอีกมากมาย,ทว่าพวกเขายังไม่ลงมือเท่านั้นเอง,ในเวลานี้มีมือธนูกว่า 3000 พันคนที่จ้องมองมาทางนี้,ตลอดจนง้างคนศรเอาไว้แล้ว,เป็นศรปราณทะลวงทั้งหมด,ตราบเท่าที่ได้รับคำสั่ง,ศรปราณทะลวงกว่า 3000 ดอกก็จะพุ่งตรงมาอย่างแน่นอน.

จงซานและหนานป่าเทียนที่จ้องมองหน้ากันและกัน,พร้อมกับจ้องมองไปยังสุ่ยอู๋เหิน,คนทั้งสองที่ดูจริงจังขึ้นมาทันที,เพราะว่าอาวุโสทั้งสองตอนนี้ได้ลอยขึ้นไปบนอากาศ,หากว่าในเวลานี้เหล่าทหารได้ปล่อยธนูออกมา,อาวุโสทั้งสองที่กำลังจ้องมองไปยังด้านบน,พวกเขาทั้งสามไม่ต้องการเป็นเป้านิ่งหรอกรึ?

ดูเหมือนว่ามือธนูเหล่านี้ถูกฝึกมาอย่างดี,หากไม่ได้รับคำสั่ง,พวกเขาย่อมไม่มีใครกล้ายิ่งลูกธนูออกมา.

ขณะที่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ,ส่งผลให้เหล่าทหารทั่วทั้งหุบเขาเวลานี้ต่างก็สนใจจนต้องมองขึ้นไปบนอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ.

การต่อสู้ของยอดฝีมือ,ย่อมสร้างความสนใจให้กับพวกเขาอย่างแน่นอน,เหล่าผู้ชมมากมายยังคงรอคอยอย่างใจเย็น,และเริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ.

การต่อสู้ในครั้งนี้,ดูเหมือนว่าเหล่าทหารที่ฝึกอยู่,ต่างก็หยุดรอคอยผลที่เกิดขึ้นบนอากาศ.

จงซานเองก็หยุดนิ่งรอคอย,พร้อมกับวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของการต่อสู้ในครั้งนี้.

จากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นนี้,กองทัพของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวคงไม่กล้ากระทำเช่นนี้แน่นอน,ทว่าจากที่สุ่ยอู๋เหินกล่าวออกมาก่อนหน้านี้,ที่แห่งนี้เป็นพรมแดนระหว่างราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวและราชวงศ์ราชันต์ต้ายวี.

นั่นก็หมายความว่าที่แห่งนี้จะต้องเป็นกองกำลังของราชวงศ์ราชันต์ต้ายวี.

เป็นกองกำลังที่ทรงพลังขนาดนี้เลยรึ? คนผู้นี้น่าจะเป็นผู้นำแนวหน้าเท่านั้น,ด้วยนิสัยที่บ้าการต่อสู้เช่นนี้,ไม่น่าจะใช่แม่ทัพ,ทว่าอยู่ในระดับหลอมร่างธาตุเลยรึ? นี่มัน,ทรงพลังเกินไปแล้ว.

หากดูผิวเผินแล้ว!จงซานที่ทำการคาดเดา,คนผู้นี้น่าจะเป็นขุนพล,แม่ทัพไม่ควรมีนิสัยที่มุทะลุเช่นนี้.

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง,คนทั้งสองที่ต่อสู้กันไปมาบนอากาศ,ทว่าก็ยังไม่สามารถตัดสินได้,ยังเกิดเสียงดังสนั่นยังกับฟ้าถล่มดังขึ้นไม่หยุด.

"ตูมมมมม!"

เสียงดังสนั่นติดๆกันมากกว่าสามครั้งแล้ว.

หลังจากนั้น,บอลแสงสีแดงและสีน้ำเงินที่เข้ากระแทกกันไปมา,ก่อนที่จะระเบิดกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง,ก่อนที่ร่างๆหนึ่งจะล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า,ตรงลงมายังหุบเขาด้านล่าง.

"ตูมมมมม!"

ระเบิดเสียงดังสนั่น,พื้นดินที่กลายเป็นหลุมรัศมีกว้างห้าเมตร,เห็นได้ชัดเจนว่าสองคนที่ต่อสู้กันอยู่นั้น,มีหนึ่งในนั้นล่วงหล่นลงมาบนพื้น.

ทว่าจงซานเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นอาวุโสถือกระบี่คงอยู่ที่ใบหน้าของเขาที่มีโลหิตไหลออกมาจากมุมปากก่อนที่จะค่อยๆลอยลงมาจากฟ้าช้าๆ.

"วู๊ซซ,วู๊ซซ,วู๊ซซ,วู๊ซซ,วู๊ซซ."

มีขุนพลกว่าสิบคนทิ่บินตรงมายังเมฆสีขาว.

อาวุโสถือกระบี่ที่ลอยลงมาอยู่ด้านหลังอาวุโสจื่อซวินช้าๆ.

แทบจะในทันที,เหล่าขุนพลที่เข้ามาล้อมกรอบจงซานและพรรคพวกเอาไว้,แต่ละคนมีอาวุธครบมือ,สายตาที่จ้องมองด้วยความโกรธเกรี้ยวกับคนที่รุกล้ำอาณาเขตของพวกเขา,พร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันวิญญาณ,เข้าข่ม,วาดอาวุธไปมาพร้อมจะเข้าโจมตี.

ด้วยแรงกดดันวิญญาณที่โถมกระหน่ำลงมา,ทำให้เมฆสีขาวที่จงซานกำลังยืนอยู่ส่ายไปมา,ดูเหมือนว่ามันกำลังถูกบีบจนทำให้เริ่มแตกร้าว.

ทว่าหลังจากนั้น บางทีเพราะว่าอาวุโสจื่อซวินที่เริ่มแสดงท่าที,ทำให้แรงกดดันที่โถมมายังร่างของจงซานเบาบางลง,อาวุโสจื่อซวินที่ก้าวออกไปเพียงแค่สองก้าว,ดูเหมือนว่าแรงกดดันวิญญาณที่แผ่ออกมาจากร่างนางนั้นจะสามารถปิดผืนฟ้าเอาไว้ได้,ทำให้จงซานเริ่มหายใจสะดวกขึ้น.

แรงกดดันวิญญาณมหาศาลที่กดทับไปยังเหล่าขุนพลทั้งสิบ.

ขุนพลทั้งสิบต่างก็จ้องมองกันและกันจับจ้องมองไปยังอาวุโสจื่อซวิน,สายตาของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความจริงจัง,เพราะว่าพวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ของอาวุโสจื่อซวิน,ทรงพลัง,มีแรงกดดันวิญญาณที่กดข่มคนทั้งสิบได้อย่างราบคาบ.

"แค๊ก,แค๊ก,สนุกจริงๆ,สะใจจริงๆ!"เสียงหัวเราะอย่างไม่แคร์ดังลั่นขึ้นในหลุม,แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง,แต่ใบหน้าท่าทางกลับแสดงว่าเต็มไปด้วยความสุข.

ทว่าในเวลาเดียวกัน,จงซานทีจับจ้องมองไปยังร่างๆหนึ่งที่เต็มไปด้วยความน่าพิศวง.

ทีใจกลางของกระโจมสีแดง,มีชายคนหนึ่งที่สวมหมวกเหล็กและชุดเหล็กที่ก้าวออกมาช้าๆ,ผ้าคลุมหลังที่โบกสะบัดไปมาช้าๆ,ขณะที่ปรากฏตัวออกมาก็ปลดปล่อยพลังกดดันวิญญาณที่รุนแรงออกมาด้วย.

ทันทีที่ชายคนดังกล่าวก้าวออกมาจากกระโจม,แทบจะในทันที,เหล่าทหารทั้งหมดที่แสดงความเคารพ,สถานะของเขาแน่นอนว่าจะต้องเป็นแม่ทัพอย่างไม่ต้องสงสัย.

กับท่าทางที่น่าเกรงขามนั่น,จงซานสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่าเกรงขาม,ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นศูนย์กลางของกองทัพ,ทันทีที่ชายในหมวกเหล็กและชุดเกราะสีแดงปรากฏ,ก็เหมือนกับดวงตะวันที่ทำให้ทหารทั้งหมดเต็มไปด้วยแรงใจที่เปี่ยมล้น.
” ” ” ”...

ในหลุมนั่น,ชายคนหนึ่งที่ค่อยๆคลานออกมา,แม้ว่าจะไม่มีคาบโลหิต,แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย,กับการต่อสู้นั่นได้ทิ้งอาการบาดเจ็บภายในไม่น้อย,จนถึงกระแทกหล่นลงมาจมพื้นเลยทีเดียว.

"ท่านแม่ทัพ,ทำท่านขายหน้ากองกำลังที่หนึ่งแล้ว."ชายที่คลานออกมา,กล่าวออกมาด้วยท่าทางอับอาย.

"ไปพักได้."แม่ทัพหมวกเหล็กและชุดเกราะสีแดงที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวลเห็นได้ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ตำหนิชายคนดังกล่าว.

"ครับ."ชายคนดังกล่าวตอบรับ,ขณะที่เขาคลานออกมาจากหลุมใหญ่,พร้อมกับนั่งสมาธิ,ควบคุมลมหายใจบำเพ็ญโคจรพลังทันที.

แม่ทัพในชุดเกราะและหมวกเหล็ก,กล่าวกับคนของเขาเสร็จก็เหินลอยขึ้นมาบนฟ้าในทันที.

ทว่าจงซานที่เห็นก็ทำให้หัวใจเขารัดแน่นขึ้นมาเหมือนกัน!เพียงแค่มอง,จงซานยังสัมผัสได้ถึงแรงกดข่ม,ที่หนักหน่วงรุนแรงได้.

"กองกำลังโลหิตเหล็ก? แม่ทัพกองกำลังที่หนึ่งราชวงศ์ราชันต์ต้ายวี,เถี่ยเสวี๋ย?"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.   

ขณะที่สุ่ยอู๋เหินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ,แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่ลอยขึ้นมา,พริบตาเดียวก็มาอยู่ด้านหน้าของทุกคนแล้ว.

ขุนพลทั้งสิบที่ลอยออกไปอยู่ด้านหลังแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ย,แสดงความเคารพเป็นอย่างมาก,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งมาก, ไม่เพียงแต่มีพลังฝึกตนที่สูงสง,เกียรติยศและชื่อเสียงของแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยยังมากมายยิ่งใหญ่อีกด้วย.

แน่นอนว่าค่ายทหารแห่งนี้ก็คือค่ายทหารของแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ย.

"ศาลาเจ็ดดาว,ไคหยาง,จื่อซวิน."อาวุโสจื่อซวินที่กล่าวออกมาในทันที.

เห็นได้อย่างชัดเจนเมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือ,อาวุโสจื่อซวินเองก็แสดงความเคารพออกมา,และยังเป็นคนเอ่ยนามออกมาก่อนด้วย.

ได้ยินอาวุโสจื่อซวินแสดงตัว,แม่ทั่พเถี่ยเสวี๋ยก็ขมวดคิ้วไปมา,จากนั้นก็ทำการตรวจสอบอีกหกคนที่เหลือ,โดยเฉพาะอย่างยิ่ง,จงซาน,หนานป่าเทียน,และสุ่ยอู๋เหิน.

กับสายตาที่จ้องมอง,จงซานรู้สึกไม่ดีนัก,ทำให้เขาขมวดคิ้วไปมา,ทว่าก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้,จงซานรู้ดีว่าตัวตนของแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยนั้น,ถึงแม้ว่าจะเป็นภายในทวีปศักดิ์สิทธิ์เอง,ยังเป็นตัวตนที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

"โอ้ว? อาวุโสไคหยางที่ทำการคัดเลือกขุนนางใหม่ให้กับราชวงศ์ต้าโหลวอย่างงั้นรึ?"เถี่ยเสวี๋ยที่เผยยิ้มออกมาในทันที,นอกจากนี้สายตาที่ดูจะสนใจในตัวของจงซานเป็นพิเศษ,กับพรสวรรค์ทางร่างกายเช่นนี้,ด้วยพลังฝึกตนเช่นนี้,กับได้รับเลือกให้กลายมาเป็นขุนนางระดับห้าของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวอย่างงั้นรึ?


เกี่ยวกับข้อตกลงของศาลาเจ็ดดาวและราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวนั้น,เถี่ยเสวี๋ยย่อมรับรู้ดี,เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรนัก,นอกจากนี้ทั้งสองราชวงศ์ต่างก็ต่อสู้กันมาหลายต่อหลายปี,ข้อมูลต่างๆเขาย่อมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง.

ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

1 ความคิดเห็น:

  1. 7 ตอนรวดเลย ทำไมเรื่องนี้มันห่วยจนไม่มีคนอ่านเหรอถึงได้ผูกลิงค์เด้งมาเรื่องนี้รััวๆ

    ตอบลบ