วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Immortality Chapter 153 Ten years meet again

Immortality Chapter 153 Ten years meet again

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 153   สิบปีพบอีกครั้ง.


บทที่ 153   สิบปีพบอีกครั้ง.


"นับจากนี้เป็นต้นไป,เสวียนซวินจื่อ,คือประมุขเป็นรุ่นที่ 20 อย่างทางการของสำนักไคหยาง,ศาลาเจ็ดดาว,ส่งมอบกระบวยสงคราม."อาวุโสคนหนึ่งที่กล่าวออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด,พร้อมกับยื่นกระบวนสงครามออกไปให้กับเสวียนซวินจื่อ.



"ครับ,ศิษย์จะปกปักษ์รักษาสำนักไคหยาง,ดำรงไว้ด้วยชื่อเสียงและนำพาสำนักไปสู่ความรุ่งโรจน์."เสวียนซวินจื่อที่กล่าวอย่างจริงจังพร้อมรับกระบวยสงครามมา.

"พิธีเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว."ผู้พิทักษ์นิกายที่อยู่ด้านข้าง กล่าวออกมาในทันที.

"คารวะท่านประมุข."เหล่าศิษย์ทุกคนในลานไคหยางต่างก็กล่าวคารวะเสียงดัง.

เสวียนซวินจื่อที่รับกระบวยสงคราม,พร้อมกับหันกลับมามองเหล่าศิษย์ที่อยู่รอบๆ.

คนกลุ่มนี้เป็นรุ่นพี่และรุนน้อง,แม้ว่าจะมีหลายคนที่เดินทางหรือประจำอยู่ทวีปศักดิ์สิทธิ์,ทว่าต่างก็เคยอยู่ที่นี่มาก่อน,และเหล่าศิษย์ระดับแกนทอง,อาจจะเรียกเขาเป็นอาจารย์อา.

"เอาล่ะ,ท่านประมุข,ถึงเวลาที่พวกเราจะเลือกคนแล้ว."อาวุโสผู้ทำพิธีส่งมอบกระบวนสงครามกล่าวต่อเสวียนซวินจื่อ.

"อืม."เสวียนซวินจื่อพยักหน้า,ในเวลานี้,ท่าทางแสดงความเคารพเป็นอย่างมากก่อนนี้ได้หายไปแล้ว,แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอาวุโส,ทว่าตอนนี้เขาได้กลายเป็นประมุขเต็มตัวแล้ว,ผู้นำตอนนี้,ย่อมไม่สามารถแสดงท่าทางต่ำต้อยออกมาได้.

"ศิษย์พี่และศิษย์น้องก่อตั้งวิญญาณขอเชิญด้านนี้,ส่วนศิษย์ระดับแกนทอง,ขอให้ยืนเข้าแถวประจำที่ให้อาวุโสเลือกตัว."เสวียนซวินจื่อที่กล่าวต่อหน้าทุกคน.

"ครับ/ค่ะ"เหล่าศิษย์ไคหยางที่ตอบรับพร้อมๆกัน.

ผู้ฝึกตนก่อตั้งวิญญาณ,ทุกคนที่เดินข้ามายืนอยู่ด้านหลังสามผู้อาวุโส,รู้สึกเสียดาย,แต่ก็ช่วยไม่ได้.

เหล่าศิษย์ระดับแกนทอง 500 คน,ตอนนี้ยืนประจำที่แล้ว,ศิษย์หลายคนที่เผยสีหน้าแววตาสงสัย,ทว่าศิษย์บางคนก็เข้าใจเหตุผล,ทว่าพวกเขายังคงเงียบ,โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องยืนอยู่ต่อหน้าบรรดาเหล่าศิษย์ขั้นหนึ่งและต่อหน้าศิษย์พี่ใหญ่ขั้นสอง,เทียนชา.

เทียนชาที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้า,สายลมที่พัดผ่านแขนเสื้อพริ้วไหวตามลม,บุคลิกที่ดูสง่างามน่าเกรงขาม,ในหมู่ของเหล่าผู้ฝึกตนระดับแกนทอง,แน่นอนในศิษย์มากกว่า 500 คนนี้ ,เขาคือผู้ที่โดดเด่นที่สุด

ที่ด้านข้างเทียนชา,มีชายหนึ่งคนในชุดขาวล้วนท่าทางเหมือนบัณฑิต,บนมือถือพัดที่มีภาพของภูเขาและแม่น้ำอยู่ในมือ,ด้วยการโบกสะบัดพัดไปมาทำให้ดูเกรงขามโดดเด่นไม่น้อย,ใบหน้าที่ดูมั่นใจในตัวเองจ้องมองไปยังอาวุโสใหญ่ทั้งสามด้านหน้า,เขาที่ยืนอยู่ด้านข้างเทียนชา,นั่นก็แสดงทว่ามีพลังฝึกตนไม่ธรรมดา,แน่นอนสถานะของเขาก็คือศิษย์ขั้นสองลำดับสอง,ซึ่งเขาเองก็เพิ่งเดินทางกลับมาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง.

หนานป่าเทียนที่ยืนอยู่ด้านหลัง,กวาดตาจ้องมองไปยังอาวุโสทั้งสามด้านหน้า,เพราะว่าหนานป่าเทียนเองก็รับรู้ว่าเขาก็น่าจะมีโอกาสด้วยเช่นกัน.

หลังจากที่ทำการตรวจสอบเหล่าศิษย์กว่า 500 คนในระดับแกนทอง,เสวียนซวินจื่อที่เอ่ยปากออกมาในทันที,"สำนักไคหยางนั้นเป็นหนึ่งในเจ็ดพันธมิตรศาลาเจ็ดดาว,ซึ่งศาลาเจ็ดดาวและราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวได้มีข้อตกลงกันอยู่,สำหรับอาวุโสแต่ละคนนั้น,ทุกๆ 300 ปี,จะทำการรับศิษย์ในระดับแกนทองเข้าสู่ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว,พร้อมกับรับตำแหน่งเจ้าหน้าที่ชั้นห้า,พร้อมกับรับเงินเดือนเป็นศิลาวิญญาณ,พร้อมกับได้รับวาสนาจากราชวงศ์สวรรค์ด้วย."

กับคำพูดของเสวียนซวินจื่อทำให้เหล่าศิษย์ที่ยังงงงวยอยู่ถึงกับอุทานออกมาในทันที.

ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว?ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับห้า? นี่มัน,เป็นเรื่องจริงอย่างงั้นรึ? ระดับห้า,ไม่เพียงแต่ได้เงินเดือนเป็นศิลาวิญญาณเท่านั้น,สิ่งสำคัญที่สุดคือวาสนา,วาสนาของเจ้าหน้าที่ระดับห้าที่จะได้รับจากราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว,อย่างน้อยที่สุดอีกหนึ่งขั้นก็ได้รับวาสนาเป็นมรรคาระดับอ่อนนุ่มแล้ว,โดยที่ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับ 4 จะได้วาสนามรรคาอ่อนนุ่ม ซึ่งเทียบเท่ากับหวงของราชวงศ์จักรพรรดิเลย,การได้รับตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับ 5 แม้ว่าจะไม่ได้รับวาสนามรรคาที่อ่อนนุ่มเต็มเม็ดเต็มหน่วย,แต่ก็ยังได้รับส่วนแบ่งของวาสนาเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว.

ศิษย์สำนักไคหยางทั้งหมดที่ยืนอยู่ตอนนี้,ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวัง,แม้ว่าจะมีโอกาสน้อย,แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าศิษย์ทุกคนต่างก็คาดหวังว่าจะได้รับโอกาสได้เข้าร่วมราชวงศ์วาสนา,ซึ่งทุกคนต่างก็รู้ดีว่าการได้เข้าร่วมวิธีนี้ดูเหมือนว่าจะมีศักดิ์ศรีมากกว่าวิธีปกติทั่วไปอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง.

เสวียนซวินจื่อที่ยื่นอยู่ด้านข้าง,ปล่อยให้อาวุโสทั้งสามเฝ้ามองเหล่าศิษย์.

ศิษย์กว่า 500 คน,ที่อยู่ในระดับแกนทอง,เทียนชาคือคนที่มีพลังฝึกตนสูงที่สุด,แกนทองระดับสิบ,อีกเพียงนิดเดียวก็ก้าวไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณแล้ว,เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น,ก็ทำให้เขาไม่สามารถรับโอกาสนี้ได้,อย่างไรก็ตาม,เกี่ยวกับการคัดเลือกก็ขึ้นอยู่กับเหล่าอาวุโส,ไม่ว่าจะเลือกศิษย์เช่นใด,สำนักไคหยางก็ไม่มีข้อโต้แย้ง,ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเขาก็มักจะเลือกคนที่โดดเด่น,ทว่าตอนนี้,เทียนชาก็นับว่าโดดเด่นที่สุดนั่นเอง.

ภายในลานตอนนี้อยู่ในความเงียบสงัด,ทุกคนต่างก็รอคอยโอกาสที่กำลังจะมาถึงพวกเขา.

เหล่าศิษย์แกนทองทั้งหมดในเวลานี้ต่างก็จ้องมองไปยังอาวุโสทั้งสาม,คาดหวังว่าอาวุโสทั้งสามจะเลือกพวกเขา.

อาวุโสชายที่เป็นคำทำพิธีมอบกระบวนสงครามให้เสวียนซวินจื่อ,ที่เอ่ยออกมาทันที."สุ่ยอู๋เหิน!"

"ครับ,"ชายที่อยู่ข้างเทียนชาชุดสีขาวเหมือนกับบันฑิตก้าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

สุ่ยอู๋เหิน,เป็นศิษย์ขั้นสองลำดับสอง,มีพลังฝึกตนรองจากเทียนชา,เพราะว่าบิดาของเขาเป็นเจ้าหน้าที่ของราชวงศ์ต้าโหลวอยู่แล้ว,ดังนั้นเขาจึงเป็นตัวเลือกแรกที่ได้รับเลือก,ซึ่งเป็นไปตามคาด,เทียนชาเพียงแค่ขมวดคิ้วไปมาเท่านั้น,ไม่ได้แสดงท่าทางโต้แย้งแต่อย่างใด.

สองโอกาส,เหลือเพียงแค่อีกสองโอกาสสำหรับศิษย์ระดับแกนทอง.

ในเวลาเดียวกัน,อาวุโสชายอีกคนที่กวาดกตามองไปยังทุกคน.

"ใครคือบุตรชายของหนานเหวินเทียน."อาวุโสคนดังกล่าวกล่าวออกมาโดยตรง,บุตรชายของหนานเหวิ่นเทียน?เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทั้งคู่นั้นมีความสัมพันธ์กัน.

เทียนชาที่ขมวดคิ้วไปมา,รู้สึกลำคานกับวิธีการคัดเลือกของอาวุโสกลุ่มนี้,ทว่าไม่ว่าเหล่าอาวุโสเหล่านี้จะคัดเลือกคนอย่างไร,เขาก็ไม่สามารถที่จะแย้งได้,น่าจะกล่าวว่าไม่มีสิทธิ์พูดออกมาด้วยซ้ำ.

ในเวลาเดียวกัน,หนานป่าเทียนที่ก้าวออกมาด้วยความสงสัย.

"บิดาที่จากไปแล้วของข้าคือหนานเหวิ่นเทียน,ศิษย์หนานป่าเทียน."หนานป่าเทียนที่กล่าวต่ออาวุโสด้วยความเคารพ.

อาวุโสมองไปยังหนานป่าเทียน,ใบหน้าที่ดูจริงจังทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน,เห็นได้ชัดเจนว่าเขานั้นเป็นสหายเก่าของหนานเหวิ่นเทียนนั่นเอง,ส่วนอาวุโสอีกสองคนก็มองหนานป่าเทียนด้วยความอ่อนโยชนเช่นกัน.

"อืม,เตรียมตัวเดินทางไปทวีปศักดิ์สิทธิ์พร้อมกันกับข้า."อาวุโสคนดังกล่าวพูด.

"ขอบคุณอาวุโส."หนานป่าเทียนที่กล่าวออกมาในทันที,แววตาอาบไปด้วยความประหลาดใจ.

เช่นนั้น,คนสองคนได้ถูกรับเลือกแล้ว,ตอนนี้มีเหลือแค่ศิษย์คนเดียวเท่านั้น.

เหล่าศิษย์ทั้งหมดของสำนักไคหยางเวลานี้ต่างก็จับจ้องมองไปยังอาวุโสจื่อซวิน,นี่เป็นโอกาสสุดท้าย,ทุกคนต่างก็ต้องการที่จะได้รับเลือก.

เทียนชาเองก็จับจ้องมองไปยังอาวุโสคนดังกล่าว,สายตาเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง.

อาวุโสจื่อซวินขมวดคิ้วไปมา,ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือบจ้องมองไปยังเหล่าศิษย์ของสำนักไคหยาง,ท้ายที่สุดก็จับจ้องมองไปยังเทียนชา,เป็นความจริง,เทียนชาน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด.
.......

ภายในโพรงวิญญาณของสำนักไคหยาง,พลังวิญญาณทั้งหมดตอนนี้หายไปหมดแล้ว,จงซานได้ก้าวไปถึงระดับแกนทองแล้ว,ภายในใจรู้สึกมีความสุข,เขาและหงหนิวตอนนี้ได้เดินตรงมายังปากทางเข้าของถ้ำแล้ว.

หงหนิวที่ลอบมองจงซาน,เกี่ยวกับจงซานผู้นี้,หงหนิวเต็มไปด้วยความสงสัย,จงซานผู้นี้เป็นใครมาจากใหนกัน?

ประตูทางเข้าขนาดใหญ่เวลานี้ยังถูกปิดผนึกอยู่,จงซานที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย,ก่อนที่จะยกดาบยักษ์"ฝันร้ายของเขาขึ้น"

ดาบยักษ์ฝันร้าย,ในเวลานี้,ได้ยกระดับเป็นของวิเศษระดับสองแล้ว,หลังจากหลายต่อหลายปีที่ถูกปรุงแต่งด้วยพลังของเขา.

ดาบยักษ์ที่ชี้ไปยังผนังทางเข้า,ดวงตาที่เย็นเยือบ,แกนแท้ที่ถูกจุด,ปราณดาบขนาดใหญ่ที่ถูกปล่อยออกไปทันที,ผนังประตูถ้ำระเบิดเสียงดังสนั่น,ด้วยปราณดาบขนาดใหญ่,มีประกายสายฟ้าแปบๆแฝงอยู่ในปราณของเขาด้วย.

"ตูมมมมมม!"

หลังจากเสียงระเบิดดังสนั่น,ผนังทางเขาที่ถูกผนึกก็ระเบิดออก,ผนังหินที่ถูกตัดกระแทกกลายเป็นช่องปรากฏช่องทางออกไปด้านนอกทันที.

ฝุ่นผงที่ฟุ้งกระจายไปทุกทิศทุกทาง,แสงของดวงตะวันที่สามารถลอดผ่านเข้ามาได้,หนึ่งปี,หนึ่งปีเต็มที่พวกเขาเก็บตัวฝึกฝน,อย่างไรก็ตามถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก,ตอนนี้เขามีระดับหนึ่งแกนทองแล้ว.

ส่วนร่างแยกเงาของเขาเวลานี้,จงซานเองก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย,ซึ่งตอนนี้ร่างแยกเงาเองก็มีระดับแกนทองขั้นหนึ่งเช่นกัน,ส่วนวิชาบำเพ็ญนั้น,ได้เลือกมาจากสำนักไท่ตาน,แม้ว่าพวกเขาจะเชี่ยวชาญและมุ่งเน้นไปด้านการปรุงยาก็ตาม,ทว่าก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่นำวิชาการต่อสู้มาแลกเปลี่ยนยาเมื่อครั้งในอดีตเช่นกัน,ดังนั้นวิชาบำเพ็ญของพวกเขาจึงมีอยู่มากมายหลากหลาย,ร่างแยกเงานั้นได้เลือกตำราวิชาที่มีชื่อว่า"เงาอสูรเก้ากำเนิด."

ร่างหลักของจงซานที่นำหงหนิวก้าวออกมาจากหมอกกลุ่มผงที่ฟุ้งกระจายช้าๆ.

อาวุโสจื่อซวินที่ทำการตรวจสอบเหล่าศิษย์ระดับแกนทองอยู่นั้น,ท้ายที่สุด,สายตาของนางที่จับจ้องมองไปยังเทียนชา,ดูเหมือนว่าเขาน่าจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด.

ทว่าเทียนชาที่เห็นอาวุโสจื่อซวินจับจ้องมองมาที่เขา,ก็บังเกิดความดีใจเป็นอย่างมาก.

ขณะที่อาวุโสจื่อซวินกำลังจะเอ่ยปากนั้น.

"ตูมมมม"

หุบเขาที่อยู่ข้างๆก็ระเบิดเสียงดังสนั่น,ผนังของหุบเขาที่ระเบิดออกมา,ก้อนศิลาเศษเล็กเศษน้อยที่พุ่งกระจาย,หลายส่วนที่พุ่งกระเด็นลอยขึ้นไปบนฟ้าด้วยแรงอัดมหาศาล.

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่ามีคนกำลังจะออกมา,จากถ้ำล้ำค่าของสำนักไคหยาง,โพรงวิญญาณนั่นเอง.
เสียงดังสนั่นขัดขวางการคัดเลือกของพวกเขา,ทำให้เทียนชาขมวดคิ้วไปมา,อาวุโสทั้งสามยังคงสุขุม,สายตาของพวกเขาไม่ได้จ้องมองออกไปเหมือนทุกคน.

หมอกและฝุ่นที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว,ก่อนที่จะมีร่างสองร่างค่อยๆเดินออกมา.

หนึ่งคนที่ถือดาบยักษ์,ก้าวออกมาเห็นเป็นรูปร่างของชายที่ดูกำยำ,สายตาของทุกคนที่หรี่ตาจ้องมองไปยังพวกเขา.

เห็นคนทั้งสองที่ก้าวออกมา,ใบหน้าของเสวียนซวินจื่อที่เผยยิ้มออกมา,จงซานทะลวงผ่านระดับแล้ว,เขาเองเป็นคนที่เข้าใจได้ถึงพลังฝึกตนของจงซานได้ดี,การที่จงซานสามารถทะลวงผ่านไปยังระดับแกนทองได้,ศิษย์พี่ของเขา,คงจะนอนตายตาหลับบนสวรรค์แล้ว.

เทียนชาที่จ้องมองไปยังจงซาน,สายตาที่หรี่เล็กลง,แววตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ,กับมดแมลงที่ไร้พรสวรรค์,คาดไม่ถึงเลยว่าจะก้าวไปยังระดับแกนทองได้,เขาที่คิดถึงเรื่องอื่นๆ,ทั้งเทียนหลิงเอ๋อและเป่ยชิงซือ,ถูกจงซานแย่งเอาไป,มันถูกสลักความเกลียดชังที่มีต่อจงซานอย่างล้ำลึกในใจของเขาเลยทีเดียว.

เขาไม่ดีตรงใหนกัน?เขาที่เป็นคนที่โดดเด่นที่สุด,ส่วนจงซานที่มีพลังฝึกตนต่ำ,พรสวรรค์ที่ต่ำเตี้ย,อนาคตนั้นมืดมนอย่างที่สุด,กับคนเช่นนี้,ทั้งเทียนหลิงเอ๋อและเป่ยชิงซือกับชอบเขา,แม้แต่อาจารย์ที่ตายไปแล้วยังให้ความสำคัญกับเขา,ฮึ!

อาวุโสสองคนที่ขมวดคิ้วไปมาจ้องมองไปยังคงทั้งสอง,รู้ดีว่าทำไมพวกเขาออกมาจากด้านใน,ทว่าด้วยเสียงอึกทึกก็ทำให้รบกวนคนอื่นๆด้วยเช่นกัน,ทว่าอาวุโสชายทั้งสองคนก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา.


ส่วนอาวุโสจื่อซวินในเวลานี้,ร่างกายของนางที่หยุดนิ่งชะงักงันไปในทันที!


ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น