วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Immortality Chapter 152 Zixun reappears

Immortality Chapter 152  Zixun reappears

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 152 จื่อซวินปรากฏตัว.


บทที่ 152 จื่อซวินปรากฏตัว.



สิบวันหลังจากนั้น,หงหนิวที่ตื่นขึ้นมา,ท้ายที่สุดเขาก็สามารถทะลวงผ่านระดับได้,ระดับแกนทอง,หงหนิวที่รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก,เขาสามารถเชื่อมจุดชีพจนทั้งหมดได้แล้ว,สามารถสร้างมันเป็นแกนทองผสมได้แล้ว,เขาในเวลานี้ที่ต้องการที่จะเงยหน้าตะโกนออกไปบนท้องฟ้า.

ระดับแกนทอง,ดูเหมือนว่ามันช่างง่ายดาย,ขณะที่เขาลืมตาขึ้นมา,พร้อมกับเตรียมตัวร้องออกมาเสียงดัง,หงหนิวต้องหุบปากไปในทันที,เพราะว่าเขาเห็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความงงงวยสงสัย.



จงซานในเวลานี้,หงหนิวต้องเบิกตากว้าง,เมื่อจงซานนำเม็ดยาออกมาอีกครั้ง,ก่อนที่จะกินลงไปอีกครั้ง,ดูไม่เร่งรีบราวกับว่าเขาอยู่ในสถานที่แห่งนี้คนเดียว.

เพียงแค่เม็ดเดียวหงหนิวก็สามารถทะลวงผ่านระดับได้,ทว่าจงซานตอนนี้เขาได้ใช้เม็ดยายกระดับไปเท่าไหร่แล้วกัน,นอกจากนี้ด้วยพรสวรรค์ทางร่างกายที่ย่ำแย่,กี่วันมาแล้ว,จำนวนเท่าไหร่แล้วเม็ดยาเพิ่มระดับที่เขากินลงไป? เม็ดยาจำนวนนี้จะสามารถสร้างผู้ฝึกตนระดับแกนทองได้มากขนาดใหนกัน?คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีเม็ดยามากมายขนาดนี้,ด้วยพรสวรรค์ทางร่างกายของเขา,ไม่คิดเลยว่าจะย่ำแย่ขนาดนี้เลยรึ?

ภายในใจของจงซานรู้สึกห่อเหี่ยวไม่น้อย,เม็ดยายกระดับที่เขากินไป,ทว่าด้วยพรสวรรค์ทางร่างกายของเขาที่ย่ำแย่,ราวกับว่ามันจะเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันเม็ดยายกระดับอย่างคาดไม่ถึง,จากเม็ดแรกจนถึงตอนนี้,มันให้ผลแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น,ยิ่งใช้ก็ยิ่งมีผลอ่อนลงเท่านั้น,จุดชีพจนทั่วร่างตอนเกือบจะเชื่อมกัน,ทว่ามันก็ยังแค่เกือบที่จะผสานรวมกันได้.

แกนแท้สีแดงเข้ม,ตอนนี้จุดชีพจรต่างๆเคลื่อนที่เข้าใกล้กันแล้ว,สิ่งสำคัญที่สุดคือการบังคับให้แกนแท้จากจุดชีพจรทั้ง 360 จุด,บังคับให้แกนแท้ทั้งหมดยกระดับพลังให้สูงหลอมรวมเชื่อมต่อกันให้เป็นหนึ่ง.

หลุมลึกที่ใจกลาง,จุดศูนย์กลางที่ตอนนี้กำลังตกผลึกแกนทอง,จุดชีพจรทั้งหมดกำลังตกผลึกพลัง,พร้อมกับสร้างปราสาทหยางบริสุทธิ์ขึ้นที่ใจกลางหลุม.

ปราณหยางบริสุทธิ์,สีม่วง,ตอนนี้มันกำลังก่อสร้างตัวเองขึ้นมาที่กลางหลุม,เป็นแกนที่มีสีม่วง.

ปราสาทหยางบริสุทธิ์สีม่วง,ที่เป็นฐานของพลังเหนือธรรมชาติ,หลังจากที่ก้าวไปถึงระดับแกนทอง,จะสามารถใช้วิชาลับ,ด้วยการปลดปล่อยพลังจากปราสาทหยางบริสุทธิ์นี้ได้.

ระดับแกนทอง,คือการสร้างแกนหยางบริสุทธิ์ขึ้น,จงซานในเวลานี้กำลังบีบบังคับแกนแท้,อัดแน่นบังคับจุดชีพจรทั้งหมดอย่างเต็มกำลัง,แกนแท้ทั้ง 360 จุดชีพจรกำลังถูกบีบเค้นเพื่อสร้างแกนหยางบริสุทธิ์ขึ้นมา.

ทว่ายิ่งผ่านไปก็ยิ่งทำได้น้อยขึ้นเรื่อยๆ.

ด้วยเม็ดยายกระดับมากมายที่กินเข้าไป,จงซานเวลานี้ดูเหมือนว่าจะหมดความอดทนแล้ว,เอาล่ะ,เม็ดยายกระดับคงไม่สามารถใช้การได้อีกแล้ว.

ด้วยการสะบัดมือหนึ่งครั้ง,ขวดยาเล็กๆสีม่วงอ่อนก็ปรากฏขึ้นมา.

ไม่ไกลออกไป หงหนิวดวงตาที่เบิกกว้าง,เพราะว่าเขาเห็นจงซานนำขวดยาขนาดเล็กออกมาอีกครั้ง,ทว่าคาดไม่ถึงว่าคราวนี้ไม่ใช่เม็ดยายกระดับแล้ว.

แม้ว่าจะอยู่ไกลออกมา,ทว่าหงหนิวสามารถสัมผัสได้ว่าเม็ดยานี้อัดแน่นไปด้วยพลังจิตวิญญาณ,เพียงแค่กลิ่นอายของมันยังสามารถผลักดังพลังวิญญาณในโพรงแห่งนี้ซัดกลิ้งออกไปได้เลย.

นีมัน,เม็ดยาอะไรกัน?

หงหนิวที่ดวงตาเบิกกว้างชำเลืองมอง,ทว่าเม็ดยาดังกล่าวถูกกลืนลงไปในท้องของจงซานไปแล้ว.

เม็ดยาเทวะต้นกำเนิดสวรรค์,ท้ายที่สุดจงซานก็ไม่สามารถรอคอยอีกต่อไป,เขาที่คิดจะใช้เพื่อจะก้าวไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณ,ทว่าเวลานี้หากไม่สามารถก้าวไปถึงระดับแกนทองได้,ยังจะคิดถึงระดับก่อตั้งวิญญาณอย่างงั้นรึ?

เม็ดยาเทวะต้นกำเนิดสวรรค์,ตอนนี้มันได้ปลดปล่อยพลังงานที่ไม่ธรรมดาออกมา,แทบจะในทันที,แกนแท้ในร่างกายของเขาก็ดูอ่อนโยนนุ่มนวลไปในทันที,ปราสาทหยางบริสุทธิ์เวลานี้กำลังถูกอัดหนาขึ้นและก็หนาขึ้นอย่างรวดเร็ว.

พลังหยางบริสุทธิ์ที่รวมตัวกัน,ท้ายที่สุด,แกนแท้จากจุดชีพจรทั้งหมดก็เริ่มหลอม,จงซานที่สร้างขนาดปราสาทหยางบริสุทธิ์ไม่หยุดหย่อน,ไม่ติดขัดอีกแล้ว,แกนแท้เวลานี้กำลังหลอมรวมกัน,พลังวิญญาณมากมายที่ถูกดูดซับเข้ามาในร่างกาย,ตอนนี้มันสะสมช่วยสร้างปราสาทหยาง,ปราสาทหยางเวลานี้ดูเหมือนว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว,มันกำลังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ,ตอนนี้มันเริ่มอิ่มตัวโชกไปด้วยแกนแท้แล้ว,จากนั้นปราณหยางบริสุทธิ์,ก็ถูกส่งกลับคืนไปยังจุดชีพจรต่างๆอีกครั้ง,คาดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้มันเริ่มเปลี่ยนแกนแท้ในจุดชีพจรไปอย่างรวดเร็ว.

ปราสาทหยางสีม่วง,ตอนนี้แกนแท้ภายในจุดชีพจรทั้ง 360 กำลังหมุนวนราวกับหลุมน้ำวน,แกนแท้ทั้งหมดกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว,มันกำลังถูกบีบอัด,ด้วยปราณหยางบริสุทธิ์,พร้อมกับสร้างปราสาทหยางบริสุทธิ์,ปราณหยางบริสุทธิ์ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ,พลังของมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ.

พลังงานที่กำลังสะสมเพียงพอแล้ว,จงซานที่อัดแน่นพลังหยางบริสุทธิ์,รวมตัวบีบอัดครั้งแล้วครั้งเล่า,ซึ่งการบีบอัดนี้เมื่อก้าวไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณปราณหยางบริสุทธิ์ก็จะถูกบีดอัดอีกครั้งในภายหลัง.

ระดับแกนทองนั้นคือสามารถเชื่อมต่อจุดชีพจรทั้งหมดเข้าด้วยกัน,เมื่อสามารถเคลื่อนพลังวิญญาณโคจรผ่านจุดชีพจรทั้งหมดได้อย่างไม่ติดขัด,นั่นก็หมายความว่าทะลวงผ่านขั้นแกนทองได้,จุดชีพจรที่เป็นศูนย์รวมพลังฟ้าดิน,จุดที่สามารถดูดซับพลังฟ้าดิน,ทว่าตอนนี้จงซานก็เหมือนกับคนที่ขาดสายหาอาหารไม่สามารถที่จะดูดซับพลังฟ้าดินจากจุดชีพจรเหล่านี้ได้เพียงพอ.

"คลืนนนน"

จงซานที่ทะลวงผ่านระดับ,พร้อมกับคำรามออกมาเสียงดัง,ขณะที่จงซานคำรามออกมาเสียงดังนั้น,ปราณหยางบริสุทธิ์ที่ได้สะสมอัดกันแน่น,จนทำให้โพรงวิญญาณสั่นสะเทือนไปเลยทีเดียว.

ผ่านไปสิบลมหายใจ,หลังจากที่จงซานคำรามออกมาทุกอย่างก็หยุด,ภายในใจของเขาเวลานี้เต็มไปด้วยความพึงพอใจ,ระดับแกนทอง,แม้ท้ายที่สุดเขาจำเป็นต้องใช้เม็ดยาเทวะต้นกำเนิดสวรรค์ก็ตามที,ทว่ามันก็คุ้มค่าแล้ว,หากว่าสามารถทำให้ก้าวตรงไปสู่ความเป็นอมตะได้,ด้วยการใช้เม็ดยา,ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าคุ้มค่า.

จงซานที่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันที,ส่วนหงหนิวที่อยู่ด้านข้างนั้นรู้สึกเหมือนว่าความสุขของเขาได้หายไป,หลายร้อยเม็ดยายกระดับแต่ก็ไม่สามารถทะลวงผ่านระดับ,แต่เม็ดยาสุดท้ายที่เขานำมันออกมาเพียงแค่ครึ่งวัน,ก็สามารถทะลวงผ่านระดับได้อย่างงั้นรึ?นี่มัน,เม็ดยาอะไรกัน?

ดวงตาของหงหนิวที่เบิกกว้างเผยสีหน้าแววตาที่ไม่อยากเชื่อ,ทว่าจงซานตอนนี้เพิ่งเห็นสายตาของหงหนิวที่เพิ่งจ้องมองมา,คิดว่าเสียงของเขานั้นรบกวนการบำเพ็ญของเขา,จึงพยักหน้าขออภัยเรื่องที่เกิดขึ้น.

ทว่าที่จริงแล้วหงหนิวตื่นตะลึงกับภาพที่เห็นมากกว่า,ก่อนที่จะพยักหน้าให้จงซาน.

หลังจากที่ขออภัยฝ่ายตรงข้ามแล้ว,จงซานก็ไม่สนใจหงหนิวอีกต่อไป,ทว่าตอนนี้เริ่มฝึกฝนวิชาที่เทียนซวินจื่อได้มอบและเตรียมมาให้กับเขาแล้ว"วิชาเพลิงสวรรค์พันธนาการอสนี" สองเดือนหลังจากนั้น,พลังวิญญาณที่ชื้นอาบไปทั่วบริเวณ,ซึ่งเหมาะที่จะยกระดับเป็นอย่างมาก.

จงซานยังคงหลับตา,บำเพ็ญเพียรต่อไป.

วิชาเพลิงสวรรค์พันธนาการอสนี นับว่าเป็นวิชาที่ร้ายกาจมาก,มีด้วยกันทั้งหมดสิบขั้น,หลังจากสามารถฝึกฝนได้ทั้งสิบขั้น,ก็จะสามารถก้าวไปยังดินแดนก่อตั้งวิญญาณได้,ทว่าก็นับว่าเป็นหนึ่งในวิชาที่ฝึกฝนได้ยากด้วยเช่นกัน,การจะฝึกฝนวิชานี้แกนแท้จะต้องมีคุณสมบัติทางสายฟ้าถึงจะเหมาะสมที่จะฝึก,วิชาเพลิงสวรรค์พันธนาการอสนีนี้นับว่าเป็นหนึ่งในเวลาที่น่าเกรงขามในพันปีนี้ไม่มีใครฝึก,ทว่าเทียนซวินจื่อนั้นไม่ใช่ว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้,ทว่าด้วยพรสวรรค์ทางร่างกายของจงซาน,ก่อนหน้านี้หลังจากที่กลับมาจากหุบเขาแมงป่องอสนี,แกนแท้ของจงซานนั้นมีสายฟ้าที่แฝงเอาไว้อยู่,นี่จึงเป็นเหตุให้วิชานี้เหมาะสมกับเขาที่สุด.

อย่างไรก็ตามเมื่อจงซานเริ่มฝึกฝนวิชานี้แล้ว,ดูเหมือนจงซานจะรับรู้ได้ถึงเหตุการณ์พิเศษที่ผิดปรกติ.

เม็ดยาเทวะต้นกำเนิดสวรรค์นั้น,ไม่เพียงแต่ทำให้เขาทะลวงผ่านไปยังดินแดนแกนทอง,ทว่าหลังจากนั้น,จงซานก็พบว่าเม็ดยาเทวะต้นกำเนิดสวรรค์นั้นยังมีฤทธิ์มากกว่านั้น.

วิชากายาเทพอสูรที่ยากที่จะก้าวข้ามในแต่ระดับ,ทันใดนั้นก็ทะลวงผ่านไปยังระดับสามได้.

ระดับสาม,ก้าวไปยังระดับสามแล้ว,กล่าวอีกอย่างหนึ่ง,ความแข็งแกร่งภายในสองชั่วโมงเขาสามารถที่จะเพิ่มพลังเป็นสี่เท่าได้,คิดแค่นี้ก็ทำให้จงซานรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก.

อย่างไรก็ตาม,ไม่เพียงแค่นั้น,ที่หน้าผากของเขา,เพลิงหงหลวนที่ดูเหมือนว่าจะเริ่มตกผลึก,ไม่, น่าจะเรียกว่ามันได้ลุกไหม้เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นดอกบัวตูม.

เคล็ดวิชาหงหลวนเทียน,ระดับสี่อย่างงั้นรึ?

เคล็ดวิชาหงหลวนเทียน,หลายต่อหลายครั้ง,เมื่อเขาอยู่ในสภาวะวิกฤติสามารถช่วยเขาได้หลายครั้ง,นับว่าเป็นวิชาที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก,นานมาแล้วที่ไม่มีวี่แววว่าจะทะลวงผ่านระดับ,ท้ายที่สุดเมื่อใช้เม็ดยาเทวะต้นกำเนิดสวรรค์,ก็ทำให้มันเลื่อนระดับไปยังระดับสี่ในทันที,เช่นนั้น,เขาที่สามารถปล่อยหมอกหงหลวนได้เป็นจำนวนมากขนาดใหน?  ไม่ใช่ว่าเขาสามารถใช้มันในการรักษาได้ด้วยอย่างงั้นรึ?ว่าแต่จะสามารถรักษาได้ดีขนาดใหน?

แน่นอนว่าจงซานรู้ดีว่า,เคล็ดวิชาหงหลวนเทียนนั้นไม่ธรรมดา,ไม่เพียงแต่ใช้รักษาได้,ทว่าในขั้นสุดท้ายนั้น,จะเป็นวิชาที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก.

ผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่เสวียนซวินจื่อปิดโพรงวิญญาณ,ตอนนี้ถึงเวลาเปิดผนึกแล้ว.

อย่างไรก็ตาม,ในวันนี้สำนักไคหยางดูจะคึกคักเป็นอย่างมาก,นับว่าในวันนี้อึกทึกกว่าปรกติ,สำนักไคหยางในวันนี้,มีผู้ฝึกตนมากมายที่เดินทางกลับมา,ผู้ฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณกว่า 20 คน,ระดับแกนทองกว่า 500 คน,ซึ่งศิษย์ของสำนักไคหยางส่วนมากนั้นถูกผู้พิทักษ์สำนักเรียกตัวกลับมาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง.

ด้วยประมุขสำนักไคหยางที่ตายไป,ซึ่งจำเป็นต้องมีการแต่งตั้งประมุขคนใหม่,วันนี้จึงเป็นวันสำคัญ,ถึงแม้ว่าทุกคนจะยุ่ง,ก็จำเป็นต้องกลับมา.

สำนักไคหยางในวันนี้ดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

บนยอดเขายอดเขาไคหยาง,มีศิษย์ของสำนักไคหยางกว่าห้าร้อยคนที่กำลังยืนอยู่ด้วยความเคารพ,แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณ,ที่ยืนอยู่ด้านหน้า,ซึ่งด้านข้างของยอดเขาไคหยางนั้น.

มีผู้พิทักษ์แห่งขุนเขาและผู้พิทักษ์สำนัก,คนหนึ่งยืนอยู่ด้านซ้าย,คนหนึ่งยืนอยู่ด้านขวา,สายตาของทุกคนไม่สามารถที่จะละเลยได้เลย,ด้วยความน่าเกรงขามของผู้พิทักษ์ผู้คุมกฏ,ทำให้ทุกคนต่างก็เงียบนิ่งงันไม่มีใครส่งเสียง.

ที่ใจกลางห้องนั้น,มีคนที่ไม่คุ้นตาอยู่สามคน,สองชายหนึ่งหญิง.

คนทั้งสามนี้เป็นอาวุโสของศาลาเจ็ดดาวที่ผู้พิทักษ์สำนักไคหยางเชิญมานั่นเอง,อาวุโสทั้งสามที่ยืนอยู่ด้านหน้า,ทุกคนต่างก็แสดงความเคารพต่อเสวียนซวินจื่อ.

วันนี้เป็นวันแต่งตั้งประมุขสำนักคนใหม่เสวียนซวินจื่ออย่างเป็นทางการนั่นเอง.

ซึ่งต้องมีอาวุโสสามคน,และเหล่าศิษย์ของสำนักไคหยางร่วมเป็นพยานในครั้งนี้.

อาวุโสทั้งสาม,อยู่ในชุมคลุมสีม่วง,ชายสองคนที่มีมงกุฎหยกบนศีรษะ,หน้าตาหล่อเหลา,เพียงแค่ยืนอยู่ก็เต็มไปด้วยความสง่างามน่าเกรงขามอย่างไร้เหตุผล.

ส่วนอาวุโสหญิงนั้น,เส้นผมที่พริ้วไหวนุ่มนวล,ใบหน้าที่ดูประณีตงดงามแต่เย็นชาไม่ได้ด้อยไปกว่าเป่ยชิงซือเลย,นางที่อยู่ในชุดสีม่วงพริ้วไหวตามสายลม,รูปร่างที่ดูโค้งเว้าน่าดึงดูด,ราวกับว่าได้รวมความงดงามในปฐพีมาไว้ที่ตรงนี้แล้ว.

ความงามที่น่าหลงไหล,ทุกสายตาต่างก็ชำเลืองมายังอาวุโสหญิงผู้นี้,รองเท้าสีขาวล้วน,ดูราวกับว่ายืนอยู่บนพื้นด้วยเท้าเปล่า,ทว่าพื้นดินที่อยู่ใต้เท้าที่นางยืนนั้นกับดูสะอาดไร้ซึ่งฝุ่นผงกล้ำกลายได้,ดูโดดเด่นทุกก้าวเปล่งประกายทุกตำแหน่งที่นางก้าวผ่าน.

หากว่าจงซานอยุ่ที่นี่,เขาย่อมจดจำได้ในทันที,สิบปีที่แล้ว,หลังจากจบงานประลองประตูมังกร,ความรักชั่วข้ามคืน,เทพธิดาจื่อซวิน,นางคืออาวุโสของสำนักไคหยาง,เทพธิดาจื่อซวินนั่นเอง.

และอาวุโสชายอีกสองคน,ที่ยืนอยู่ด้านหน้าเสวียนซวินจื่อ,ในมือของเสวียนซวินจื่อมีกระบวยอันหนึ่งซึ่งได้รับมาจากเทียนซวินจื่อนั่นเอง,นี่คือสัญลักษณ์ของประมุขสำนักไคหยาง,กระบวยสงครามสำนักไคหยางนั่นเอง.




ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น