วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Miracle Throne Chapter 421 Bottom world

Miracle Throne Chapter 421 Bottom world

นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 421 โลกใต้พิภพ


บทที่ 421 โลกใต้พิภพ




จะไม่ทำให้ฉู่เทียนไม่มีความสุขได้อย่างไร?

โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของเผ่าโนมที่มีมาหลายร้อยปี,เรื่องนี้ทำให้ฉู่เทียนประหยัดแรงไปเยอะมาก? เหมือนกับว่าได้ทำการซื้อบ้านมาหลังหนึ่งอุปกรณ์ครบชุด,มีทั้งรถม้าที่หรูหราหลายคัน,องค์รักษ์และคนใช้อีกมากมาย,แม้แต่สาวงามที่อบอุ่นคอยช่วยเหลือเขา,และยังมีวัตถุดิบอีกมากมายให้เขาหากำไร.



หากกล่าวว่าสถาบันวิจัยของโนมในยุคนี้ด้อยไปล่ะก็,เหล่าจักรวรรดิขนาดใหญ่ของทวีปแห่งนี้คงจะแค่ทั่วไป,อย่างไรก็ตามในเมื่อมีโครงสร้างที่ดีเช่นนี้,ฉู่เทียนสามารถที่จะนำเทคโนโลยีและคนของเขาเข้ามาเพิ่มได้,ในอนาคตข้างหน้าจะมีมูลค่ามากมายเหนือล้ำ เกินกว่าจะจินตนาการถึงได้.

ฉู่เทียนคาดหวังกับฐานการวิจัยสถานที่แห่งนี้ไม่น้อยเลย.

ในความคิดของเผ่าโนมนั้นคิดว่าเผ่ามนุษย์คงไม่ชอบเรื่องซับซ้อนเช่นนี้,ทว่าโนมหลายคนในเวลานี้เพิ่งรู้สึกว่าด้วยคำพูดของมนุษย์ผู้นี้ดูสนใจในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของพวกเขาไม่น้อย,การได้บุคคลเช่นนี้มาเป็นเจ้าเมืองนับว่าเป็นประโยชน์ต่อโนม.

เผ่าเอลฟ์ไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่ง,ทว่าพวกเขากลับไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลย,ทว่าหากฉุ่เทียนสนับสนุนงานวิจัยของพวกเขาเต็มทีแล้วล่ะก็,แน่นอนว่าจะต้องได้รับการยอมรับจากเผ่าโนมแน่.

ฐานวิจัยสิ่งมีชีวิตใต้พิภพนั้นได้ทำการจับสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดระดับต้นมาหลายสิบชนิด,ยกตัวอย่าง ดวงตาปิศาจและแมงมุมใต้พิภพ,รวมๆแล้วหลายร้อยตัว,ทุกๆวันจำเป็นต้องใช้ค่าใช้จ่าย,จำนวนไม่น้อยเลย.

ฉู่เทียนสงสัยเป็นอย่างมาก.

โนมจับสิ่งมีชีวิตดังกล่าวนี้มาทำสิ่งใด?

เพื่อสกัดสารบางอย่างจากร่างพวกมันอย่างงั้นรึ? การสกัดสารสังเคราะห์ออกมาจากร่างของสิ่งมีชีวิตนั้น,เป็นเทคนิคที่มีระดับสูงมากๆ,คาดว่าเหล่าโนมคงไม่สามารถทำได้.

เคอลาเคอกล่าวตอบ"ในโลกใต้พิภพนี้,มีสิ่งมีชีวิตต่างๆมากมาย,บ่อยครั้งที่มันคุกคามสร้างปัญหาให้พวกเรา,จุดประสงค์ที่นำมาศึกษานั้น,ก็เพื่อหาจุดอ่อนของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้,และค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการพวกมัน."

ฉู่เทียนจ้องมองไปยังแมงมุมใต้พิภพขนาดมหึมา,คิดใคร่ครวญอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวออกไปว่า"ท่านบอกว่าสิ่งมีชีวิตจำพวกนี้,ยังมีอยู่อีกอย่างงั้นรึ?"

"สิ่งมีชีวิตใต้พิภพนั้นไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตบนพื้นดิน,พวกมันมีความทนทานในการเอาชีวิตรอดได้มากกว่า,และยังกินพืชทุกอย่างใต้พื้นดินแห่งนี้,หรือแม้แต่กินศิลาคลิสตัลเพื่อให้มีชีวิตอยู่,ยกตัวอย่างดวงตาปิศาจและดวงตาอสูรและอีกหลายจำพวกที่กินแร่โลหะ,พวกมันสามารถเคี้ยวแร่โลหะได้โดยตง,และยังมีอัตราการเจริญเติบโตที่รวดเร็วมาก,ไม่ว่าจะสังหารไปมากเท่าไหร่กลับมีจำนวนมากมายขยายพันธ์ออกมาไม่รู้จบ,ข้าคาดว่าในดินแดนของพวกเราในเวลานี้อย่างน้อยที่สุดก็มีจำนวนหลายหมื่นตัวอาศัยอยู่,นับว่าสร้างปัญหาให้กับพวกเราเป็นอย่างมาก."

"มากมายขนาดนั้นเลยรึ?"ดวงตาของฉู่เทียนเป็นประกาย,"เยี่ยม! ยอดเยี่ยมมาก!"

เหล่าโนมที่จ้องมองหน้ากันอย่างอักอ่วน,รักษาการเจ้าเมืองชื่นชมออกมาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร.

การที่มีเหล่าสัตว์อสูรมากมายขนาดนี้ซ่อนอยู่เป็นเรื่องยอดเยี่ยมอย่างงั้นรึ?

"มีแผนที่ใหม?"

"แผนที่?มีขอรับ!"

แผนที่ดังกล่าวนั้นเป็นแผนที่ของฐานวิจัยใต้ดินนั่นเอง,มีตำแหน่งของปราสาทต่างๆและเส้นทางรถราง,เหมืองแร่และพื้นที่ขุดตลอดจนเขตแดนที่สำรวจแล้ว,ส่วนดินแดนที่มีสิ่งมีชีวิตใต้พิภพปรากฏตัวขึ้นอยู่เป็นประจำนั้น,กองกำลังของเผ่าโนมที่ได้เตรียมกำลังปกป้องเอาไวแล้ว,เป็นการป้องกันไม่ให้พวกมันเข้ามาทำลายสถาบันวิจัยของพวกเขาและป้องกันไม่ให้มันคุกคามเมืองลวีตีนั่นเอง.

โลกใต้พิภพนั้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก,ราวกับเขาวงกตขนาดยักษ์ก็ไม่ปาน.

เกี่ยวกับความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างธรรมชาติของป่าแห่งนี้,ดินแดนด้านบนนั้นจะได้รับพลังงานแห่งแสง,ส่วนดินแดนใต้พิภพนั้นจะได้รับพลังงานแห่งความมืด,ซึ่งลึกลงมาในดินแดนใต้พิภพแห่งนี้เท่าไหร่,ก็จะมีพลังงานความมืดที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น,และความลึกของดินแดนในป่าแห่งความวุ่นวายแห่งนี้ยังไม่สามารถบอกได้เลยว่ามันลึกลงไปเท่าไหร่,แต่สิ่งที่สามารถยืนยันได้,ยิ่งลึกลงไปเทาไหร่ก็ยิ่งมีสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดที่น่าเกรงขามมากขึ้นเท่านั้น.

เผ่าโนมนั้นไม่กล้าที่จะสำรวจลึกเข้าไป,ยิ่งลึกลงไปเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น,เพียงเท่านี้พวกเขาก็หวั่นเกรงต่อเหล่าสัตว์อสูรที่น่าพรั่นพรึงจะเข้ามาทำร้ายอย่างระมัดระวัง,ซ้ำด้วยความลึกเพียงเท่านี้ยังมีสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่มากมายจนแทบจะไม่สามารถรับมือได้แล้ว..

"ไปกัน,พวกเราไปดูดินแดนดังกล่าวกัน."

สถานที่ฉู่เทียนกล่าวนั้นเป็นถ้ำลึกแห่งหนึ่ง.

ทางเข้าถ้ำแห่งนี้นั้นดูเหมือนปากของอสูรยักษ์ตนหนึ่ง,เป็นถ้ำที่มีศิลาสีแดงชาดอยู่เต็มไปหมด,และยังได้ยินเสียงคำรามของอสูรดังออกมาตลอด สถานที่แห่งนี้จึงถูกเรียกว่า โอษฐ์ปิศาจ.

กล่าวอีกอย่างหนึ่งจำนวนของปิศาจใต้พิภพที่เหล่าโนมพบนั้นมีอยู่ในโอษฐ์ปิศาจเป็นจำนวนมาก,ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเป็นสถานที่น่าหวาดกลัวที่สุด,ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีสิ่งมีชิวิตใดมากอยู่ข้างในนั้น,ดังนั้นโอษฐ์ปิศาจจึงไม่อนุญาตให้เข้าไปสำรวจนั่นเอง.

"อาวุโส!"

มีผู้คุ้มกันหลายคนทีประจำการอยู่ที่นี่,เหล่าโนมที่เห็นรถรางมาหยุดที่สถานีโอษฐ์ปิศาจ,พวกเขาเร่งรีบวิ่งเข้าไปสอบถามด้วยความอยากรู้.

"รักษาการเจ้าเมือง."เคอลาเคอจ้องมองไปยังฉู่เทียนและสอบถามว่า"ท่านต้องการจะเข้าไปข้างในจริงๆรึ? แม้แต่เผ่าโนมยังไม่ง่ายที่จะสำรวจ,พวกเราไม่กล้าเข้าไปลึกเลยแม้แต่น้อย,ไม่สามารถใช้เพียงแค่ความกล้าหาญเพื่อเผชิญอันตรายข้างในนั้นได้,ข้างในนั้นมีอันตรายมากมายซ่อนอยู่,บางที..."

"ไม่เป็นไร,ข้าไม่ใช่คนโง่,หากว่าสถานการณ์ไม่ดี ข้าต้องถอยกลับมาแน่นอน."

"ตกลง."

ฉู่เทียนที่ชักกระบี่ออกมาพร้อมกับเดินเข้าไป.

เตอลวอลีซือเดินตามไปไร้ซึ่งลังเล.

เคอลาเคอที่ไม่สามารถโนมน้าวฉู่เทียนได้,จึงทำได้แค่เรียกกองกำลังโนมมาเพื่อป้องกัน,พร้อมกับตำเหล่าจี่ซือาวุโสตามไป,ในเวลาเดียวกันนั้นฉู่เทียนได้เคลื่อนที่ออกไปห่างแล้ว.

เตอลวอลีซือที่สังเกตุเห็นกำแพงหิน,ขณะนางได้เดินตามไปก่อนที่จะกล่าวออกไปว่า"สถานที่แห่งนี้มีกลิ่นอายแห่งความมืดหนาแน่นมาก,สามารถทำให้ทุกคนรู้สึกไม่ปลอดภัยได้เลย."

ภายในโอษฐ์ปิศาจแห่งนี้มีเถาวัลย์และเห็ดหลากหลายพันธ์ขึ้นเต็มไปหมด,ส่วนใหญ่แล้วจะมีสีม่วงเข็มหรือไม่ก็เป็นสีน้ำเงินเข้ม,ศิลารอบๆเป็นสีแดงชาด,พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยความมืดมิด,อุโมงค์แห่งนี้นั้นมีทางแยกออกไปมากมายหลากหลายทิศทาง,ยิ่งเข้าไปลึกดูเหมือนว่าจะยิ่งเป็นโพรงที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ,แต่บางแห่งก็หดลีบลงด้วยเหมือนกัน,บางแห่งก็เป็นทางลาดชันขึ้นไปเหมือนขึ้นภูเขา,บางแห่งก็มีลำธารที่ตัดผ่าน,และยังได้ยินเสียงและพลังงานที่แปลกประหลาดออกมาเป็นระยะ,ทุกหนทุกแห่งนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่คลุมเคลือ.

ฉู่เทียนที่สัมผัสได้ถึงพลังงานที่แผ่ออกมาจากอากาศ"มีฝูงสัตว์อสูรกำลังมา."

สิ้นเสียงของเขา.

คลื่นเสี่ยงที่แหวกอากาศเสียงหวีดหวิวดังกระหึ่มมาจากทุกทิศทุกทาง,รูปร่างที่ใหญ่โตร่างหนึ่งพุ่งตรงมาด้วยความเร็ว,เป็นความเร็วที่เกินบรรยาย,แม้แต่สภาพแวดล้อมที่ดูไม่เอื้ออำนวยยังสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้.

หากเทียบกับดินแดนด้านบนล่ะก็,จะต้องมีพลังภูติแท้อย่างไม่ต้องสงสัย.

เตอลวอลวีซือที่เตรียมเข้าป้องกัน,ทว่านางที่เป็นจี่ซือเทพสรรพสัตว์ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะอัญเชิญอสูรออกมาได้ทัน,ทว่าในเวลานั้นนางรู้สึกว่าสมองของนางที่ราวกับว่ากำลังจะระเบิด,คาดไม่ถึงเลยว่าจะหน้ามืดขึ้นมาทันที,ไม่สามารถที่จะพยุงร่างกายอยู่ได้,ร่างที่อ่อนนุ่มของนางทรุดลงข้างๆฉู่เทียน.

ฉู่เทียนที่เข้าประครองเตอลวอลีซือเอาไว้.

ที่ด้านหน้านั้นมีร่างที่น่าเกรงขามพุ่งตรงมาเช่นกัน,ประกายแสงของกงเล็บที่คมกริบกวาดผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว,ราวกับว่าต้องการฉีกฉู่เทียนและเตอลวอลีซือให้แหลกสลายออกเป็นเสียงๆ.

"มารดาเถอะ,แส่หาความตาย!"

กระบี่ของฉู่เทียนที่เปล่งแสงโชติช่วงก่อนที่จะปรากฏเพลิงสีน้ำเงินเข้มหลั่งไหลออกมา,พร้อมกับปราณกระบี่ขนาดใหญ่พุ่งออกไปพร้อมๆกัน,สัตว์อสูรดังกล่าวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน,ขยับปีกอย่างรวดเร็วเตรียมที่จะหนี,อย่างไรก็ตามแม้ว่าปราณกระบี่จะยังไม่ทรงพลังพอที่จะผ่ามันออกเป็นสองท่อน,ทว่าเพลิงอเวจีกลับน่าหวาดกลัวและน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก,ไม่มีเวลาให้มันได้ถอยหนีแม้แต่น้อย,ทั่วทั้งร่างปรากฏเพลิงสีขาวน้ำเงินลุกพรึบขึ้นทันที,เสียงร้องเจ็บปวดโหยหวนก่อนที่จะกลายเป็นกลุ่มของเถ้าถ่านไป.

เหล่าโนมต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก.

กระบี่ของฉู่เทียนนั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!

นี่ไม่ใช่พลังโจมตีขอบเขตผู้เชี่ยวชาญปลุกดวงจิตแล้ว,บางทีแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนภูติแท้ยังยากที่จะป้องกันได้โดยง่าย,มนุษย์ผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ.

"พวกท่านโปรดระวังตัวด้วย!"เคอลาเคอที่กลับมามีสติหลังจากที่รู้สึกงุนงงก่อนหน้านี้,พร้อมกับเร่งรีบตะโกนออกมา"นั่นคือค้างคาวอสูร,พวกมันสามารถโจมตีจิตวิญญาณได้,เป็นศัตรูที่ยากจะต้านทานได้.!"

ความจริงแล้วพลังจิตวิญญาณนั้นมีผลกับเขาน้อยมากๆ,ทว่าการจู่โจมทางจิตวิญญาณนั้น,ก็ใช่ว่าคนปรกติทั่วไปจะรับมือได้ง่ายดายนัก,และด้วยความเร็วที่เข้าจู่โจมในทันที,เป็นการโจมตีที่น่าประทับใจไม่น้อย,มีความเร็วเทียบเท่ากับวานรวิญญาณก่อนหน้าที่เข้าได้เจอมา,ทว่าอสูรเหล่านี้สามารถบินได้,แม้มีรูปร่างที่ใหญ่โตมาก,แต่ละตัวอย่างน้อยคงจะมีน้ำหนักถึง 200 กิโลกรัมทีเดียว.

การจู่โจมด้วยพลังจิตวิญญาณมีผลต่อผู้เชี่ยวชาญเขตแดนภูมิแท้อย่างงั้นรึ?

นี่เป็นสัตว์อสูรที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง,ฉู่เทียนที่สังเกตเห็นการโจมตีของค้างคาวอสูรด้วยพลังจิตวิญญาณนั้น,ได้รวมเข้ากับคลื่นแสงเหนือผสมเข้ามาด้วย ทำให้ได้พลังที่ไม่ธรรมดา,หากว่ามีสัตว์อสูรเช่นนี้ในสนามรบล่ะก็,นับว่าจะได้เปรียบในการต่อสู้เป็นอย่างมาก!

แน่นอนว่าไม่ได้พูดเกินจริงเลย.

เตอลวอลีซือที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนภูติแท้,ไม่เพียงนางได้เตรียมตัวเข้าต่อกร,แต่เพียงพริบตาเดียวนางถึงกับหมดสติและไร้ซึ่งพลังที่จะต่อต้าน,เช่นนั้นหากเป็นผู้เชี่ยวชาญปลุกดวงจิตยังจะสามารถต้านพวกมันได้อย่างงั้นรึ?

เยี่ยม,ยอดเยี่ยมมาก,หากว่าสามารถฝึกอสูรเหล่านี้ได้แล้วล่ะก็,และให้เมืองลวีตีใช้,เมืองลวีตีในเวลานั้นก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวผู้รุกราน?อสูรค้างคาวนั้น,นับเป็นสัตว์ขี่ที่ใช้ในการลอบโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ,ไม่เพียงแต่มีพลังที่น่าเกรงขาม,ทว่าสติปัญญาของมันเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ฉลาดนัก,บางทีคงเทียบได้กับเด็กมนุษย์อายุ 6-7 ปีเท่านั้น,หากนำมาฝึกจนเชื่องแล้ว,แน่นอนว่ามันจะสามารถเข้าใจและรับคำสั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

ฉู่เทียนที่เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ก็ด้วยจุดประสงค์ดังกล่าวนั่นเอง.

ไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่าฉู่เทียนมีหลายวิธีในการฝึกฝนพวกมัน,ตอนนี้เขายังมีจิ้งจอกน้อยและเหล่าจี่ซือลัทธิเทพสรรพสัตว์,ไม่จำเป็นต้องปวดหัวกับพวกมัน เพียงแค่นำพวกมันมาฝึกนั่นเอง!

นี่ไม่ใช่ปัญหา.

แต่มันคือความมั่งคั่งต่างหาก!

อสูรเหล่านี้แข็งแกร่งมากแม้แต่จี่ซือของลัทธิลวีตียังยากที่จะต้านคลื่นพลังจิตวิญญาณของพวกมันได้,เคอลาเคอที่พยายามกวัดแกว่งไม้เท้าตัวเองไปมา,ทำให้เถาวัลย์ขยายออกไป,เพื่อกีดขวางยับยั้งความเร็วของค้างคาวอสูรพร้อมดักจับพวกมัน,เหล่าค้างเคาวอสูรเหล่านี้เพียงแค่ถูกจับก็ร้องโหยหวนเจ็บปวดทรมาน,ก่อนที่ร่างกายของมันจะอาบไปด้วยของเหลวบางอย่าง,ท้ายที่สุดก็กลายเป็นศพตากแห้งตายไป ติดอยู่บนผนังถ้ำ.

อย่างไรก็ตามจำนวนคนที่สังหารค้างคาวอสูรก็ยังไม่มากพอกับจำนวนที่มีมากมายของพวกมัน.

ทันใดนั้นที่ผนังหินด้านซ้าย,ปรากฏลำแสงพลังหลายเส้นที่ยิงผ่านมายังทุกคน.

จี่ซือลวีตีผู้หนึ่งที่ใช้ยันต์เวทย์สร้างเกราะโล่แสงขึ้นมาป้องกันในทันที,ลำแสงดังกล่าวกระแทกยังโล่แสงก่อนที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ,ไม่สามารถที่ป้องกันพลังลำแสงดังกล่าวๆได้ง่าย.

เตอลวอลีซือที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา.

เกิดสิ่งใดขึ้น?

เตอลวอลีซือที่พบว่าภายในถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยร่างสีดำทมิฬอยู่ทุกทิศทุกทาง,ก่อนที่จะปรากฏดวงไฟเกิดขึ้นมาๆพร้อมกันอย่างไม่คาดคิด,ลำแสงดังกล่าวแม้จะอ่อนแอหากแต่เมื่อรวมกันหลายๆลำแสง,ท้ายที่สุดก็ให้แสงที่เจิดจ้า,สว่างวาบ,จนทำให้ทุกคนแทบจะไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้.

"ดวงตาปิศาจ,สารเลวมีดวงตาปิศาจมากมาย!"

ดวงตาปิศาจนั้นมีความสามารถมองเห็นได้ในความมืด,สายตาของมันเองก็แหลมคมแทบไม่ต่างจากเหยี่ยวเวหา,และความสามารถของดวงตายังสามารสร้างภาพลวงตาและปกปิดตัวตนเอาไว้ได้ด้วย,ตลอดจนสามารถปล่อยลำแสงกำมันตรังสี,สามารถตรวจจับแยกแยะสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตได้อย่างชัดเจน,ดวงตาปิศาจนั้นปากของพวกมันไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้,แต่พวกมันสามารถทีจะติดต่อกันด้วยพลังจิต,แม้ว่าสติปัญญาของมันจะไม่สูงนัก,ทว่าก็นับว่ามีสัญชาตญาณที่ยอดเยี่ยม.

มีดวงตาปิศาจมากมายที่โจมตีออกมาพร้อมกัน.

ด้วยลำแสงเหล่านี้เพียงพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญภูติแท้ระดับ 1 -2 ได้อย่างสบายๆ.

เคอลาเคอที่ยกไม้เท้ายาวขึ้นสูง,ประกายแสงสีมรกตถูกกางกลายเป็นกำแพงป้องกัน,ลำแสงของเหล่าดวงตาปิศาจที่กระแทกมายังลำแสง,ถูกดูดซับเอาไว้อย่างไม่คาดคิด,กลายเป็นเหมือนกับหยุดน้ำที่หยดลงผืนน้ำ.กระเพื่อมไปมาเป็นจุดๆ.

"เทพแห่งพงไพร,โปรดประทาพลังของท่านมาด้วยเถิด!"

เคอลาเคอที่ปลดปล่อยลำแสงสีเขียวมรกตส่องสว่างไปทั่ว.

วินาทีต่อมา.

ร่างของเคอลาเคอก็สลายหายไป.

ไม่สามารถมองเห็นร่างของเขาได้,ตอนนี้มันได้กลายเป็นใบไม้ขนาดใหญ่สีเขียวมากมายอย่างไม่คาดคิด,ใบไม้สีเขียวที่สามารถสะบัดร่อนไปมาราวกับผีเสื้อ,มันได้กระจายไปทุกทิศทุกทาง,แผ่ออกเป็นคลื่นเข้าจับทุกสิ่งทุกอย่าง,เพียงเวลาพริบตาเดียวก็ได้พุ่งออกทุกทิศทุกทางกลายร่างเป็นมีดเทวะที่คมกริบ,ก่อนที่จะฟันไปยังค้างค้าวอสูร,เหล่าดวงตาปิศาจเหล่านั้นระเบิดออกมาเพียงแค่การตัดแค่ครั้งเดียว,สัตว์อสูรมากมายที่ร่วงหล่นตายไปเป็นใบไม้ร่วง,ร่างกายของมันถูกสับออกเป็นชิ้นๆ.

เตอลวอลีซือถึงกับอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ"ความแข็งแกร่งของเคอลาเคอนั้นไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าหม่าเออซือซาแมนเลย!"

ใบไม้มากมายเวลานี้ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งก่อนที่จะฟื้นคืนผสานกัน กลายเป็นร่างของเคอลาเคออีกครั้ง.

แต่ถึงกระนั้น,พื้นที่รอบๆเหล่าสัตว์อสูรได้หายไปหมดแล้ว,พวกมันถูกสับกลายเป็นเสี่ยงๆ,ไม่ต่างจากเนื้อบดแม้แต่น้อย.

ฉู่เทียนที่กำลังคิดใคร่ครวญเรื่องดังกล่าว,ที่จึงเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ผันผวน,ร่างของดวงตาปิศาจที่ถูกฟันขาดครึ่งนั้นได้ค่อยๆกลับมารวมกันอีกครั้ง,ท้ายที่สุดก็ยืนขึ้นมาได้อีกครั้ง,ก่อนที่มันจะสะบัดหัวของมันไปมา,ราวกับว่ามันไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดเกิดขึ้น,ในเวลานั้นมันได้เห็นเหล่าพวกพร้องของมันที่กำลังคืบคลานกระเสือกกระสนไปมา,ทันใดนั้นดวงตาของมันก็ปลดปล่อยแสงสีนำเงินเรืองแสงออกไปช้าๆ.

พรืดดด!

ลำแสงดวงดาราส่องประกายระยิบระยับพุ่งลงไปยังพรรคพวกของมันที่กำลังจะตาย,ท้ายที่สุดก็เกิดเรื่องที่ไม่อยากเชื่อเกิดขึ้น,ร่างกายของพวกมันที่ถูกสับเป็นเสี่ยงๆนั้น,เวลานี้กลับฟื้นคืนมาในทันที,และกำลังยืนขึ้นสะบัดร่างไปมา.

เคอลาเคอถึงกับขมวดคิ้วแน่น,เขาเตรียมที่จะโจมตีไปยังดวงตาปิศาจที่แปลกประหลาดอีกครั้ง.

"ช้าก่อน,ข้าต้องการจะเห็นอะไรบางอย่าง."พลังงานของดวงตาปิศาจนั้นขึ้นอยู่กับอาหารที่พวกมันกิน,หากว่าดวงตาปิศาจตนใหนกินศิลาคลิสตัลธาตุไฟ,ก็จะปล่อยลำแสงธาตุไฟออกมา,หากว่ามันกินศิลาคลิสตัลธาตุสายฟ้า,ลำแสงโจมตีของมันก็จะเป็นธาตุที่มันกินเข้าไป,นั่นก็อธิบายได้ว่าพื้นที่รอบๆแห่งนี้มีทรัพยากรแร่ดังกล่าวมากมาย,พวกเราสามารถที่จะเก็บเกี่ยวมันได้,หากพบสถานที่ดังกล่าว,บางทีนี้จะเป็นประโยชน์กับพวกเราได้."

ฉู่เทียนนึกขึ้นมาได้ในทันที.


 ดวงตาปิศาจตัวก่อนหน้านี้มันได้ปลดปล่อยลำแสงที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก,เป็นพลังของดวงดาราที่มีพลังในการฟื้นฟู,ดังนั้นมันจึงสามารถรักษาพรรค์พวกที่บาดเจ็บของมันได้,เหล่าดวงตาปิศาจเหล่านี้ส่วนมากแล้วจะกินแร่ที่พิเศษมากๆ,ทว่าแร่เหล่านั้นดูเหมือนว่าจะช่วยฉู่เทียนได้เป็นอย่างมาก,การตัดสินใจของฉู่เทียนเข้ามายังสถานที่แห่งนี้,ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้ผลกำไรที่ไม่คาดฝันเช่นนี้.


ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne

#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย



สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP (สถานปัจจุบัน แปลจบ 658 แล้ว)==>  Click


-เว็ปฟรี วันละหนึ่งตอน

-กรุ๊ป vip ลงครบทุกลุ่มแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น