วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Miracle Throne Chapter 402 Church

Miracle Throne Chapter 402 Church

นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 402 วิหาร


บทที่ 402  วิหาร



"พวกเจ้าอาจจะเข้าใจผิดก็ได้."ฉู่เทียนที่อดไม่ได้สอบถามเตอลวอลีซือที่อยู่ใกล้ๆ,"เจ้าตัวเล็กนี้ดูเหมือนเทพอย่างงั้นรึ?"

ใบหน้าของเตอลวอลีซือเต็มไปด้วยความเคารพ,เมื่อได้ยินฉู่เทียนกล่าวถามทันใดนั้นก็ชำเลืองมองออกไปอย่างขุ่นเคือง,"เจ้ากล้าดูแคลนเทพสรรพสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร,หากกล้าดูถูกเทพสรรพสัตว์ของพวกเราเจ้าจะต้องกลายเป็นศัตรูของพวกเราแน่!"



เทพสรรพสัตว์รึ?

ไม่เคยได้ยินเลย!

อย่างไรก็ตามทั้งลัทธิเตอลูอวี,หรือลัทธิซาแมนก็คงเหมือนๆกัน,อาจจะไม่ต่างจากลัทธิของเผ่ามนุษย์ดังเช่นลัทธิปิศาจสวรรค์,เพียงแต่หลักคำสอนอาจจะต่างกันเท่านั้น.

เหล่าลัทธิที่ทรงอิทธิพลนั้นปกติจะมีวิชาชั้นยอดสืบทอดกันมา,ทำให้เหล่าสาวกมีพลังที่เข้มแข็งเปี่ยมด้วยความสามารถ.

กองกำลังของลัทธิต่างๆย่อมมีความเชื่อที่สืบทอดกันมา,รวมถึงวิชาสืบทอดด้วย,ทำให้ลัทธิเป็นศูนย์กลางแห่งความเชื่อที่รวมใจเดียวกัน,ไม่เพียงแต่ครอบงำพวกเขาอย่างหนักแน่น,จนสำคัญยิ่งกว่าเผ่าพันธุ์ตัวเองซะอีก.

"เทพสรรพสัตว์ที่เจ้ากล่าวหมายความว่าอย่างไร?"ฉู่เทียนไม่สนใจสายตาที่ขุ่นเคืองของเตอลวอลีซือ"อย่างเช่นลัทธิเตอลูอวีหรือลัทธิซาแมนก็มีวิหารของตัวเองเช่นนี้อย่างงั้นรึ?"

เตอลวอลีซือไม่ต้องการสนทนากับคนที่ทำให้วานรวิญญาณของนางได้รับบาดเจ็บซ้ำยังกล่าวดูแคลนเทพสรรพสัตว์ด้วย,ทว่าต้องไม่ลืมว่าเขาเป็นคนนำเทพสรรพสัตว์มาเตอลวอลีซือจึงได้อธิบายง่ายๆต่อเขาเท่านั้น.

นับตั้งแต่แรกแล้วลึกเข้ามาในป่าแห่งความวุ่นวายนั้นมีลัทธิต่างๆมากมาย.ลัทธิเตอลูอวีและลัทธิซาแมน

ต้องไม่ลืมว่าป่าแห่งนี้นั้นเป็นป่าจากโบราณกาล,ดังนั้นจึงมีหลายลัทธิที่สืบทอดมา,แม้ว่าจะมีลัทธิต่างๆมามาย,ทว่าในดินแดนแห่งนี้นั้นลัทธิเตอลูอวี และ ลัทธิซาแมนเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลที่สุด,ซึ่งมีวิหารซือหลิงและวิหารลวีตี, ส่วนเทพสรรพสัตว์ที่เหล่าประชากรจิ้งจอกนับถือนั้นนั้นเป็นกลุ่มอิทธิพลกลุ่มที่สอง.

"ลัทธิลวีตี?"ฉู่เทียนที่ตื่นตะลึง."มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมืองลวีตีอย่างไรรึ?"

คนผู้นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นคนนอกจริงๆ,คาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่รู้อะไรเลย.

"ลัทธิลวีตีนั้นเป็นกลุ่มคนที่นับถือเทพเจ้าแห่งพงไพร,เชื่อว่าเป็นเทพตนหนึ่งของเอลฟ์.ก่อนหน้านี้ลัทธิลวีตีนั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากในป่าแห่งนี้,ตอนนี้ถดถอยเป็นอย่างมาก,ไม่สามารถเทียบได้กับลัทธิเตอลูอวีและลัทธิซาแมน."

เรื่องเป็นเช่นนี้นั่นเอง.

วิหารลวีตีนั้นเป็นหนึ่งในสาขาของเผ่าเอลฟ์,ไม่สงสัยเลยว่าราชาเอลฟ์ที่ได้รับเมืองนี้มา,ฉู่เทียนไม่คิดเลยว่ากลุ่มอิทธิพลต่างๆจะดูซับซ้อนขนาดนี้,เหล่าวิหารต่างๆนี้เพียงพอที่จะทำให้เขาปวดเศียรได้เลย.

เพราะว่าเหล่าสาวกของวิหารต่างๆนั้นต่างก็บ้าคลั่ง,การจัดการคนเหล่านี้ย่อมมีแต่สร้างปัญหาอย่างไม่สิ้นสุด.

ลัทธิเหล่านี้มีวิชาบำเพ็ญที่พิเศษเป็นอย่างมากเป็นของตัวเอง,เป็นรูปแบบเฉพาะมีเอกลักษณ์,ยกตัวอย่าง สาวกของวิหารเทพเพลิง,หากว่ามีใครที่มีพลังวิญญาณธาตุน้ำ,หากฝึกฝนวิชาธาตุไฟก็มีแต่แส่หาเรื่องตายเท่านั้น,หากแต่วิชาวิหารเพลิงที่สืบทอดมานั้น,ได้มีวิธีการบางอย่างทำให้ตราบเท่าที่สาวกยึดมั่นในลัทธิ,พวกเขาก็จะมีวิธีในการฝึกวิชาที่ปลอดภัยไม่ให้ภูติวิญญาณทำลายตัวผู้ฝึกได้,ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นวิชาที่ลึกล้ำเท่าไหร่เหล่าสาวกก็สามารถฝึกฝนได้.

วิชาที่สืบทอดกันมาของแต่ละลัทธินั้น,แทบจะทำให้เหล่าสาวกฝึกฝนกันได้ทั้งหมด.

แต่ละลัทธินั้นจะมีสัญลักษณ์บางอย่างให้สาวกนับถือ,หรืออาจจะเป็นวัตถุก็ได้,หรืออาจจะเป็นสิ่งไม่มีตัวตน,ทว่าทุกอย่างล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญพลัง,ดังนั้นยิ่งเหล่าสาวกศรัทธามากเท่าไหร่ก็ทำให้พวกเขามีพลังรุดหน้า.

กระบวนท่าของเตอลวอลีซือที่ได้ใช้ก่อนหน้านี้,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นหนึ่งในวิชาที่ดูคล้ายกับของจิ้งจอกน้อยเป็นอย่างมาก.

วิชาอัญเชิญอสูรนั้นไม่ได้มีอยู่ในตำราโบราณ,ดังนั้นฉู่เทียนจึงไม่เข้าใจ,มันเป็นทักษะพิเศษของเหล่าสัตว์อสูร,ซึ่งเป็นเผ่าอสูรบรรพกาลใช้,แน่นอนว่าวิชาดังกล่าวนั้นคนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้,ถึงแม้ว่าฉู่เทียนต้องการเรียนรู้แต่ก็ไม่สามารถฝึกได้,ทว่าเหล่าคนของเผ่าจิ้งจอกนั้นสามารถใช้ได้,ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่เผ่าอสูรบรรพกาลก็ตาม!

มีความเป็นไปได้สูง.

ในยุคโบราณกาล,เทพสรรพสัตว์ที่ได้ก่อตั้งลัทธิดังกล่าวนี้ขึ้นมาได้ใช้วิธีบางอย่าง,ทำให้เหล่าสาวก,สามารถใช้ความสามารถของเผ่าอสูรบรรพกาลได้,ฉู่เทียนไม่รู้ว่าเทพสรรพสัตว์ได้ใช้วิธีการใด,ทว่าเหล่าสาวกของพวกเขาที่สามารถใช้ความสามารถของพวกเขาได้ทำให้มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,ด้วยการซึมซับพลังของเทพสรรพสัตว์ยิ่งศรัทธามากเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น.

ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น,บรรพชนของจิ้งจอกน้อย,บางทีอาจจะเป็นต้นกำเนิดของเหล่าอสูรวิญญาณเผ่าจิ้งจอกก็เป็นได้

ชนเผ่าพื้นเมืองที่อยู่ใจกลางป่ามีวิหารขนาดใหญ่มหึมา,วิหารดังกล่าวนั้นมีศิลายักษา,และกระดูกสัตว์อสูรขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า,วิหารมีขนาดใหญ่โตสูงกว่าหนึ่งร้อยเมตร,พื้นที่กว้างขวาง,โออ่า,ดูเหมือนว่าสึกกร่อนไปไม่น้อยทีเดียว,วิหารแห่งนี้อาจจะมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากๆ.

ขนาดเผ่าของพวกเขามีขนาดเล็ก,ประชากรทั้งหมดมีน้อยกว่า 20,000 ตนเท่านั้น,ไม่คิดเลยว่าพวกเขามีขนาดเล็กมากกลับสามารถอยู่รอดมาได้,ดูเหมือนว่าสาวกของลัทธิเทพสรรพสัตว์นั้นจะมีความสามารถที่สูงมากในการอัญเชิญดวงวิญญาณมาต่อสู้และควบคุมเหล่าสัตว์อสูร,ด้วยทักษะที่ได้รับมาจากเทพสรรพสัตว์นั้นสามารถทำให้เหล่าสัตว์อสูรเชื่องได้,เหมือนกับวานรวิญญาณที่อยู่ในป่านั่นเอง,ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถที่จะดูถูกความแข็งแกร่งของพวกเขาได้เลย,ด้วยความสามารถของพวกเขานับว่าแข็งแกร่งกว่าหลายๆเผ่า.

จิ้งจอกน้อยที่เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นรูปร่างเดิมของมันแล้ว.

ขาหน้าของมันที่ยกขึ้นมาโบกมือให้กับเหล่าสาวก,ยินยอมให้เหล่าประชากรเผ่าจิ้งจอกคุกเข้าให้กับมันด้วยความเคารพ,จิ้งจอกน้อยที่เข้าถึงบทบาท,แสดงออกมาด้วยท่าทางอันยิ่งใหญ่,พร้อมกับกวัดแกว่งหางไปมา,นั่งอยู่เหนือทุกๆคน,สายตาที่เป็นประกาย,จ้องมองไปราวกับราชสีห์,กวาดตามองทุกคน,ยกกงเล็บขึ้นมาพร้อมกับสั่งการให้ทุกคนคำนับหรือก้มกราบมัน.

ฉู่เทียนที่เกลือกกลิ้งสายตามองไปยังมันด้วยท่าทางหน่ายใจ,ไม่อยากจะยอมรับ.

ส่วนเขาที่เดินออกไปทุกหนทุกแห่ง,ในวิหารแห่งนี้นั้นมีสัญลักษณ์มากมาย,ส่วนมากแล้วจะเป็นรูปร่างของอสูรจิ้งจอกเก้าหางที่ดุร้าย.

ในตำราสวรรค์ของท่านหญิงได้บันทึกเกี่ยวกับข้อมูลของจิ้งจอกเก้าหางเอาไว้.

เผ่าสัตว์อสูรบรรพกาลนั้นนับว่าเป็นตำนาน,อยู่ในยุคเดียวกันกับเทพอสูรในยุคบรรพกาล,เทพสรรพสัตว์จิ้งจอกเก้าหากนับเป็นสัตว์อสูรระดับสูงสุด,เป็นราชาของสัตวอสูรนับหมื่นชนิด,พวกมันเป็นเผ่าที่มีวิชาอสูรที่น่าพรั่นพรึง,อาจกล่าวได้ว่าแม้แต่เทพอสูรบางตนยังต้องหลีกเลี่ยง.

ดูเหมือนว่าจิ้งจอกน้อย,ความเป็นจริงแล้วเป็นลูกหลานของสัตว์อสูรจิ้งจอกเก้าหางอย่างงั้นรึ?

ฉู่เทียนไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย,ลูกหลานของจิ้งจอกเก้าหางไปเกิดอยู่ในร่างกายของศพทมิฬหมื่นปีได้อย่างไร,อย่างไรก็ตามสภาพแวดล้อมที่มันเกิดก็เลวร้ายเป็นอย่างมาก,จิ้งจอกนั้นนั้นไม่เพียงแต่สามารถสืบทอดทักษะต่างๆจากบรรพบุรุษได้,ราวกับว่ามันยังมีทักษะความแข็งแกร่งในการจัดการกับดวงจิตวิญญาณร้ายต่างๆได้อีกด้วย.

ในเวลาเดียวกันนั้นภายในวิหารที่มีเสียงของเหล่าสาวกที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่างส่งเสียงก้องดังไปทั่ว.

จิ้งจอกน้อยที่อยู่หน้ากระดานชนวน,ก่อนที่จะเขียนสัญลักษณ์แปลกๆด้วยกงเล็บของมัน,เป็นสัตว์ลักษณ์ที่ฉู่เทียนไม่เข้าใจซึ่งบางทีอาจจะเป็นภาษาของเผ่าอสูรก็เป็นได้,ดูเหมือนว่ามันจะทำให้เหล่าสาวกเต็มไปด้วยความยินดีและประหลาดใจ,บางทีนี่อาจจะเป็นวิชาหนึ่งของอสูรก็เป็นได้.

เหล่าสาวกต่างก็โค้งคำนับครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อขอบคุณ.

เมื่อพิธีกับของพวกเขาได้จบลง,ทุกคนของเผ่าจิ้งจอกต่างก็นำสิ่งของต่างๆมากมาย,ผลไม้วิญญาณสมุนไพรล้ำค่าและหยกอสูรคลิสตลัล,ทุกคนต่างก็นำมาให้จิ้งจอกน้อยไม่ขาดสาย,แน่นอนว่าเผ่าจิ้งจอกน้อยนั้นย่อมรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก,ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านเกิดของมัน,ไม่เพียงแต่ทุกคนเทิดทูนมันเป็นอย่างมาก,ยังนำสิ่งของต่างๆมากมายมามอบให้มัน,เปรียบเทียบแล้ว,เจ้านายของมันนี่ช่างแย่จริงๆ,บ่อยครั้งที่มันแอบกินอะไรก็มักจะถูกเคาะกะโหลกมัน.

จิ้งจอกน้อยที่มีท่าทางมีชีวิตชีวา,ทำให้ฉู่เทียนอดไม่ได้เลยที่อยากจะเข้าไปเคาะกะโหลกมันซะหน่อยทว่าตอนนี้ฉู่เทียนเข้าใจดี,ว่าหากเขาทำเช่นนั้น,เหล่าสาวกของจิ้งจอกน้อยคงบ้าคลั่งแน่.

ในเวลานี้ทำให้เขาต้องอดทน.

ต้องไม่ลืมว่านี้คือผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึง.

ฉู่เทียนที่เดินทางมาบริเวณใกล้ๆเมืองลวีตี,ตอนแรกนั้นเพื่อที่จะสอบถามข้อมูล,แต่การที่จะลุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของกลุ่มคนพื้นเมืองนั้น,เขาไม่ได้คาดหวังมากนัก,เพราะว่าเหล่าคนพื้นเมืองนั้นมีอิทธิพลและความแข็งแกร่งไม่น้อย,แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะแทรกซึมเข้ามาได้ง่ายๆเช่นนี้.

ตอนนี้นับว่ายอดเยี่ยม,สามารถหลีกเลี่ยงอิทธิพลที่แข็งแกร่งได้กลุ่มหนึ่ง.

ลัทธิเทพสรรพสัตว์แม้ว่าความแข็งแกร่งอาจจะไม่แข็งแกร่งนัก,ทว่าจะดีจะร้ายก็เป็นคนพื้นที,พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว,ย่อมเข้าใจสถานการณ์ต่างๆของเมืองลวีตีอย่างแน่นอน,พันธมิตรเช่นนี้ฉู่เทียนต้องการมากที่สุด.

"ทุกๆท่านมองมาทางนี้,ข้าและเทพสรรพสัตว์เป็นสหายกัน,ดังนั้นพวกเราไม่ใช่ศัตรูกันแต่อย่างใด."

ทันทีที่ได้ยินเสียง.

สายตาของทุกคนก็จับจ้องมองมาที่เขาและจ้องมองไปที่เทพสรรพสัตว์.

พวกเขาที่เห็นจิ้งจอกน้อยที่กำลังกินและดื่มอย่างตระกละตะกลาม.

จิ้งจอกน้อยที่รู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคน,ก่อนที่จะหยุดและยกหน้าขึ้นมองฉู่เทียน,พร้อมกับภายในใจเผยท่าทางมีความสุขในทันที: ท่าทางที่เต็มไปด้วยเล่ห์แสดงต่อเจ้านายของมัน,มันดูยิ่งใหญ่เป็นเอย่างมาก,ตราบเท่าที่มันไม่ออกคำสั่ง,คนเหล่านี้มีเหรอที่จะเคลื่อนไหว,ซ้ำเจ้านายของมันก็ไม่สามารถที่จะเตะก้นมันได้ด้วย.

ประกายแสงที่ชั่วร้ายส่งออกมาจากสายตาของฉู่เทียนจ้องมองออกไป.

จิ้งจอกน้อยที่แค่นเสียงดังครั้งหนึ่ง,พร้อมกับพยักหน้า,ก่อนที่จะหันไปกินต่อ.

ชายชราของเผ่าจิ้งจอกทุกคนที่เป็นต้าจี่ซือเร่งรีบยืนขึ้นในทันที"เจ้ายอดเยี่ยมมาก,ในเมื่อเป็นสหายกับเทพสรรพสัตว์,แน่นอนว่าต้องเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของพวกเรา,หากว่าท่านมีสิ่งใดที่ต้องการให้ช่วยเหลือ,พวกเราสาวกเทพสรรพสัตว์ย่อมไม่ปฏิเสธ."
祭司: จี่ซือ  Priest  นักบวช, พระ, พระสงฆ์, มุนิ, หลวงพ่อ

เช่นนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย!

ฉู่เทียนกล่าวออกไปเสียงดังฟังชัด"ในเมื่อต้าจี่ซือกล่าวเช่นนี้,ข้าขอพูดตามตรงและแนะนำตัวอย่างจริงใจ,ที่จริงแล้วข้าคือเจ้าเมืองลวีตีที่กำลังจะได้รับตำแหน่ง,ข้าเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวคนเดียว,โดยหลักแล้วต้องการข้อมูล."

เจ้าเมืองลวีตีอย่างงั้นรึ?

ใบหน้าของทุกคนเวลานี้ประหลาดใจจ้องมองไปยังตัวเขา.

คนที่จะเป็นเจ้าเมืองลวีตีเป็นมนุษย์อย่างงั้นรึ?

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน,เพิ่งมีประกาศจากเผ่าเอลฟ์ออกมา!

เผ่าเอลฟ์นั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเผ่ามนุษย์ดีนัก,อาจจะบอกได้ว่าไม่เป็นมิตรเลยก็ว่าได้,เผ่าเอลฟ์กับมอบเมืองลวีตีซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญเป็นอย่างมากให้กับเผ่ามนุษย์รึอย่างไร?อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องยากที่จะทำให้พวกเขาเชื่อซึ่งฉู่เทียนได้แสดงเหรียญตราของราชาเอลฟ์ให้กับทุกคนได้เห็น.

เผ่าจิ้งจอกถึงกับวุ่นวายโกลาหลขึ้นในทันที.

ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้จะได้รับการแต่งตังจากป่านิรันดร์ให้มาเป็นเจ้าเมือง,เช่นนั้นหากว่าเขาได้นั่งตำแหน่งเจ้าเมืองแล้ว,เช่นนั้นพื้นที่รอบๆหลายพันลี้ก็ต้องเป็นของเขา,แม้แต่พวกเขาที่เป็นลัทธิเทพสรรพสัตว์,แน่นอนว่าจะต้องยอมรับการบริหารจัดการของเจ้าเมือง.

ต้าจี่ซือที่ยังคงสุขุม,เขาที่ไอออกมาเบาๆอย่างนุ่มนวล."เจ้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมนัก,แม้ว่าจะเป็นเจ้าเมือง,ทว่าสถานการณ์ของเมืองลวีตีในเวลานี้,ถึงเจ้าต้องการจะนั่งตำแหน่งเจ้าเมือง,บางทีก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย.!"

ฉู่เทียนเองก็ชื่นชอบกับการจัดการกับกลุ่มคนที่ฉลาด.

ซึ่งทำให้เขานั้นประหยัดกำลังมากมายทีเดียว.

กลุ่มคนโง่เง่าในตอนนี้,ก่อนหน้ายังแสดงท่าทางยกย่องเจ้าตัวแสบนั่นอย่างคาดไม่ถึง,ทว่าในตอนนี้กลับเปลี่ยนมาเป็นอสูรวิญญาณที่ฉลาดที่สุดไปแล้ว,นี่คือเผ่าพันธ์ที่เจ้าเล่ห์มีเชาวน์,ตราบเท่าที่ได้รับการศึกษาที่เหมาะสมเพียงพอ,พวกเขาก็จะสามารถกลายเป็นนักเก็งกำไรและขูดเลือดขูดเนื้อได้.

ต้าซีจื่อที่เป็นผู้นำของพวกเขา,แน่นอนว่าเขาที่ได้พบกับเทพสรรพสัตว์และชายหนุ่มที่มีความสัมพันธ์กัน,และยังเดินทางมาด้วยกัน,นอกจากนี้สายตาของชายหนุ่มยังไม่ได้เคารพต่อเทพสรรพสัตว์ของพวกเขาเลย,บางทีเขาอาจจะให้เทพสรรพสัตว์เพื่อมาประนีประนอมกับพวกเขาก็เป็นได้.

ชายหนุ่มที่ได้เอ่ยว่าเป็นเจ้าเมืองลวีตี,ที่จริงแล้วกลับเดินทางมาที่นี่คนเดียว,ไม่คิดที่จะเป็นศัตรูเป็นแน่,แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะนับว่าดี,ทว่าก็เพียงแค่ดี,ในลัทธิเทพสรรพสัตว์ตอนนี้,บางที มีคนมากกว่า 50 คนที่จัดการเขาได้.


เขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นเจ้าเมือง,แต่ไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะนั่งตำแหน่งนี้,ดังนั้นเขาจึงได้เดินทางมาคนเดียวเพื่อสำรวจพื้นที่รอบๆ,หากเขาไม่มีความสามารถพอก็จะต้องหาคนช่วยเขา,เช่นนั้นหากในอนาคตชายผู้นี้ได้กลายเป็นเจ้าเมืองลวีตีจริงๆ,ก็จะสามารถช่วยยกระดับลัทธิเทพสรรพสัตว์ได้.


ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne

#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย



สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP (สถานปัจจุบัน แปลจบ 658 แล้ว)==>  Click


-เว็ปฟรี วันละหนึ่งตอน

-กรุ๊ป vip ลงครบทุกลุ่มแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น