Miracle Throne Chapter 397 The gift of demon king
นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 397 ของขวัญจากราชาเอลฟ์
บทที่ 397 ของขวัญจากราชาเอลฟ์
Chapter 397 The gift of demon king
เหล่าสมาชิกเอลฟ์ที่ได้ถูกรับเลือกมา,พวกเขาจะเป็นตัวแทนในการตอบสนองความต้องการต่างๆของเผ่าเอลฟ์ทั้งหมด,ซึ่งจำเป็นต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม,ยกตัวอย่างเช่น,จะต้องมีอายุมากกว่า
500
ปี,หรือเป็นผู้มีพลังมากกว่าเขตแดนภูติแท้ระดับสาม,มีบุคลิคที่มีศิลธรรมอันดีงาม,เคารพในกฏธรรมเนียมแต่โบราณ,หรือมีความรุ้ความสามารถที่โดดเด่น....ด้วยระบบในการคัดเลือกเหล่านี้,ทำให้ภายในสภาเอลฟ์นั้นเต็มไปด้วยเหล่าเอลฟ์ชราที่ติดอยู่กับความรู้ในอดีตที่ไม่สามารถพัฒนาได้,เหล่าเอลฟ์ที่ประสบความสำเร็จนั้นล้วนแล้วแต่มีพลังเขตแดนภูติแท้กันทั้งหมด,พวกเขาสามารถมีอายุเกือบพันปี,และประธานสภาเอลฟ์ที่มีอายุกว่าพันปีก็เป็นตาเฒ่าที่คร่ำครึ,ด้วยการอธิบายตัดสินเรื่องต่างๆ,แม้ต้องใช้เวลา
300-400 ปีก็ยังเป็นเรื่องที่สบายๆเลย.
เผ่าเอลฟ์นั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่มีอำนาจมากจนเกินไป.
นี่จึงเป็นเหตุให้เผ่าเอลฟ์มีพัฒนาการช้าเป็นอย่างมาก,เหล่าเอลฟ์รุ่นใหม่ที่ถูกคุกคามด้วยอิทธิพลของเหล่าเอลฟ์หัวโบราณ,สภาเอลฟ์เองก็เต็มไปด้วยเหล่าเอลฟ์ชราที่ยึดมั่นถือมั่นในความคิดเดิมๆ,ถึงแม้ว่าจะมีการนำวิวัฒนาการเข้ามาใหม่ก็ตามที,แต่ตราบเท่าที่เป็นความรู้และภูมิปัญญาในช่วง
100-200 ปีให้หลัง,มักจะไม่ได้รับยอมรับจากเหล่าเอลฟ์หัวโบราณ.
ด้วยความคิดเป็นชนชั้นสูงมีสมบัติผู้ดีของเหล่าเอลฟ์,ความเชื่อที่หนักแน่น,ขนบธรรมเนียมที่เคร่งครัด,จึงกลายเป็นตรวนที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก.
มันได้ปิดกั้นตรึงแน่นเหล่าเอลฟ์มากว่าหมื่นปีแล้ว!
หมื่นปีไม่ได้ยาวนานนักสำหรับอารยธรรมของเผ่าพันธ์เอลฟ์,มีการเปลี่ยนผู้นำรุ่นต่างๆเพียงสิบรุ่นเท่านั้น,ทว่าสำหรับเหล่าอสูรวิญญาณและเผ่ามนุษย์แล้วมันเพียงพอที่จะเปลี่ยนโลกทั้งใบสำหรับพวกเขา!
ครั้งหนึ่งพวกเขาที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยันเผ่าต่างๆและเป็นมหาอำนาจของทวีปแห่งนี้.
ตอนนี้กับตกต่ำและดูย่ำแย่อยู่ไม่น้อย.
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในป่าแห่งความวุ่นวาย.เอลฟ์ก็ยังเป็นกลุ่มอิทธิพลที่ดูจะมีขนบธรรมเนียมที่เกินจำเป็น,เผ่าเอลฟ์ที่ยังคงคิดว่าเป็นเผ่าพันธ์ที่สูงส่ง,รักษาความคิดและประเพณีของตัวเองอย่างแข็งขัน,ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องภาพลักษณ์ที่สูงส่งของตัวเองเอาไว้,แยกตัวเองว่าเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงเหนือกว่าทุกเผ่าในทวีปแห่งนี้.
ส่วนเผ่าอื่นๆต่างก็รู้ดีแม้แต่ในสายตาของมนุษย์,เผ่าเอลฟ์,เป็นเผ่าพันธ์ที่แปลกประหลาดถึงแม้ว่าจะดูไม่ชอบการต่อสู้เหมือนกับเหล่าอสูรวิญญาณแต่ก็ไม่ได้ให้น้ำหนักอะไรกับกับเหล่าเอลฟ์เลย.
"ฉู่เทียนเป็นเผ่ามนุษย์ที่ดุร้ายเป็นอย่างมาก."เอลฟ์คนหนึ่งในสภากล่าวออกมาเสียงดัง"เพื่อห้ได้ชัยชนะ,เขาไม่สนใจป่าโบราณที่ต้องใช้เวลานานหลายปีในการเติบโต,ไม่สนใจชีวิตสัตว์ป่าที่บริสุทธิ์ในป่าแห่งนั้น,เป็นพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัวมาก,ซึ่งเมื่อถูกตัดสินลงโทษยังขัดขืนการจับกุมของเผ่าเอลฟ์อีกด้วย."
"ใช่แล้ว,ขอให้พิจารณาเรื่องนี้ใหม่!"เอลฟ์ตนหนึ่งที่ลุกขุนยืน"ทุกสรรพสิ่งต่างก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง,ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญก็ไม่สามารถที่จะพรากชีวิตคนอื่นไปได้."
"ด้วยการใช้วิธีการที่โหดร้าย,สร้างมลภาวะให้กับธรรมชาติ,การกระทำนี้เป็นการดูหมิ่นป่าที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้!"
หากว่ามีเผ่ามนุษย์อยู่ในการอภิปรายในครั้งนี้คงจะอดหัวเราะเยาะกับการโต้แย้งกับพวกเขาเป็นแน่.
เพื่อปกป้องป่า,ปกป้องธรรมชาติแบบปลอมๆ,ไม่คิดเลยว่าจะใช้เหตุผลนี้เพื่อเอาชนะ?
หากว่าเผ่าเอลฟ์ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง,เผ่ามนุษย์คงจะเหมือนกับพวกสมองกลวงอย่างไม่ต้องสงสัย!
เอลฟ์ในสภาคนหนึ่งที่ลุกขึ้นกล่าว,ใบหน้าของมองไปยังรองประธาน"รองประธานโหยวลีไซซือ,ท่านเป็นคนที่ได้รับหน้าที่ให้ไปจัดการกับมนุษย์ผู้นี้,แต่ท่านกับปล่อยเขาให้หนีออกมาจากวงศ์วานต้นไม้แห่งชีวิต,ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นขึ้นนี้,ท่านควรที่จะรับผิดชองด้วย."
โหยวลีไซซือขมวดคิ้ว กล่าวออกมา"ข้าได้ทำการสืบสวนเรื่องนี้,และได้ทำรายงานส่งให้กับทุกคนแล้ว,เรื่องที่กล่าวหาฉู่เทียนนั้นเป็นเรื่องที่สามารถอภัยได้,เรื่องทั้งหมดเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆต่อเผ่าเอลฟ์ของพวกเรา,ฉู่เทียนนับเป็นเผ่ามนุษย์ที่มีความสามารถในหมื่นปีที่ยากจะเห็นได้,หากเอลฟ์กระทำกับเขาโดยไร้เหตุผล,อาจจะทำให้เผ่าของพวกเรานับหมื่นปีมาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง."
"เรื่องของฉู่เทียนจะไม่เอ่ยถึงก็ได้."เอลฟ์อีกตนหนึ่งกล่าวแย้งออกมาในทันที"เหว่ยเหว่ยอันที่ขัดกฏของเผ่าของพวกเขาอย่างหนักที่ไม่เคยเกิดขึ้นในร้อยปี,เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ลงโทษนาง,ยังปล่อยเหว่ยเหว่ยอันไปอีกด้วย,นี่ไม่ใช่ว่าท่านได้ทำเรื่องผิดพลาดไปแล้วไม่ใช่รึ?แล้วกฏของเผ่าเอลฟ์ยังจะศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?
เรื่องนี้ย่อมส่งผลต่อเหล่าเอลฟ์ผู้เยาว์คนอื่นๆเป็นแน่,ท่านได้คิดถึงปัญหาที่จะมีหลังจากนี้แล้วหรือไม่?"
"ใช่แล้ว!"
"ท่านรองประธานท่านได้กระทำการน่าผิดหวังเป็นอย่างมาก."
"เผ่ามนุษย์จะอย่างไรก็ช่าง,แต่เหว่ยเหว่ยอันนั้นผิดกฏของเผ่าพันธ์เป็นความจริง!"
โหยวลีไซซือที่ไม่ค่อยมีความสุขนัก"องค์หญิงเหว่ยเหว่ยนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีมิติ,สิ่งนี้จะเป็นเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนความเป็นอยู่ของเผ่าเอลฟ์เรา,ข้าให้นางไปอยู่เคียงข้างฉู่เทียน,เพื่อเรียนรู้ภูมิปัญญาต่างๆให้ลึกซึ้งมากกว่าเดิม,เรื่องนี้เผ่าเอลฟ์ควรที่จะสนับสนุน."
"เผ่าเอลฟ์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแล้ว,ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น!"
"เมื่อไหร่กันที่เผ่าเอลฟ์ต้องไปเรียนรู้กับมนุษย์?นี่เป็นเรื่องที่ลบหลู่เผ่าพันธ์เอลฟ์อย่างถึงที่สุด!"
”.....”
ขณะนี้เหล่าเอลฟ์ต่างโต้เถียงกันไปมาเกิดความวุ่นวาย,หลายๆคนทีตะโกนออกไปเสียงดัง
บางคนก็นิ่งเงียบ,ซึ่งแน่นอนว่ามีเหล่าสมาชิกที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงใหม่เช่นกัน,เหล่าคนแก่หัวโบราณมักจะใช้อำนาจบาดใหญ่เกินไปแล้ว,เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมเผ่าเอลฟ์นั้น,มีการโต้เถียงกันมานานหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ได้ข้อสรุปกันสักที.
ราชาเอลฟ์ที่ดูเหมือนจะนิ่งต่อไปไม่ได้แล้ว"การประชุมในวันนี้,ปัญหาที่มีอยู่จะกลับมาสนทนากันในครั้งหน้า."
เหล่าสมาชิกสภาเอลฟ์ไม่มีความเห็นเป็นอื่น,ไม่ว่าจะเป็นปัญหาใดที่ถูกลากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคำว่ากฏระเบียบแล้ว,ทุกครั้งมีแต่จะกินเวลานานไปโดยเปล่าประโยชน์,เรื่องวันนี้สิบวันก็ยังไม่เสร็จสิ้น,วันพรุ่งนี้ค่อยกลับมาเริ่มเรื่องใหม่ยังจะดีกว่า.
หลังจากที่ราชาเอลฟ์ยกเลิกการประชุม,เขาก็เดินออกมาทางระเบียง,เป็นระเบียงของราชวังเอลฟ์ที่สร้างอยู่บนหน้าผา,มีน้ำตกสะท้อนแสงระยิบระยับไหลลงเอื่อยๆ,ไหลผ่านระเบียง,ที่มองเห็นภาพรวมทั้งหมดของป่านิรันดร์แห่งนี้ได้.
แสงตะวันที่ส่องประกายตัดผ่านกำแพงป้องกันเกิดแสงสว่างจ้า.
ทุกๆพื้นที่ทุกๆตารางนิ้วของป่านิรันดร์แห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความงามและแสงอันรุ่งโรจน์,ประกายแสงสีส้มแดงจากดวงสุริยันที่สาดส่องไปทั่วทั้งป่า,เหล่าเอลฟ์ที่ขับขานเสียงเพลงสร้างสรรค์งานศิลปะ,นับเป็นโลกที่เต็มไปด้วยคามสงบ,เป็นดินแดนสวรรค์ที่น่าอยู่อาศัยเป็นอย่างยิ่ง.
ใบหน้าที่ดูขึงขังถมึงทึงของราชาเอลฟ์ที่ได้แต่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ.
สถานการณ์ของเผ่าเอลฟ์ในเวลานี้,เขารู้สึกเหนื่อยหน่ายใจถึงที่สุด,อาณาจักรเอลฟ์ที่ไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน,เอลฟ์แต่ละตนนั้นต่างก็ดื่มด่ำกับความสงบมากเกินไป
นำตัวเองเข้าไปอยู่ในความฝัน,รอคอยเปลวเพลิงแห่งสงครามที่กำลังลุกไหม้มาจนถึงใต้เท้าตัวเองถึงจะตื่นอย่างงั้นรึ?บางทีกว่าจะรู้ตัวคงจะสายเกินไปแล้ว.
โหยวลีไซซือที่เดินมาอยู่ด้านข้างราชาเอลฟ์"เมืองลวีตีได้ส่งข่าวมา,ตอนนี้ได้เกิดภัยพิบัติขึ้นรอบๆ,มีเผ่าอื่นก่อการกบฏ,ไม่สามารถที่จะปกครองได้แล้ว,บางทีสถานการณ์คงจะไม่ดีนัก,หากว่าพวกเราไม่ยกทัพออกไปช่วยล่ะก็,เมืองดังกล่าวจะต้องพ่ายแพ้และถูกยึดไปแน่."
"ยกทัพออกไปรึ?"ราชาเอลฟ์ที่ส่ายหน้าไปมา,"สภาเอลฟ์จะเห็นด้วยรึ?"
โหยวลีไซซือที่เผยสีหน้างุนงง"พวกเราจะทำลายความแข็งแกร่งของพวกเขา,การจะได้เมืองมาแต่ละเมืองนั้นยากลำบากมากๆ,จะทิ้งไปง่ายๆเช่นนีรึ?"
"มันไม่มีทางเลือกที่ต้องปล่อยไปเช่นนั้น."ราชาเอลฟ์ที่กล่าวออกมาเสียงดัง,ภายในสมองของเขาที่มีความคิดมากมายอัดอั้นที่เป็นเชื้อไฟอยู่,ราวกับว่ามีน้ำมันที่เทลดลงมาก,ก็เกิดเผาไหม้ขึ้นมาในทันที,อารมณ์มากมายที่ปะทุลุกโชนก่อนที่จะมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา
"ละทิ้ง,แต่ไม่ได้แปลว่ายอมแพ้,อาจจะมีวิธีอื่นให้ใช้ก็ได้."
โหยวลีไซซือที่ค่อนข้างประหลาดใจ"หมายความว่าอย่างไรรึ?"
ราชาเอลฟ์ที่หันหลังกลับไปมองโหยวลีไซซือ"เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์มีนามว่าฉู่เทียนสินะ,ข้าสนใจเขาเป็นอย่างมาก,เขาสามารถที่จะบริหารและขยายเมืองเล็กไห้เติบโตเจริญก้าวหน้า,ทว่าเมืองเล็กก็ยังเป็นเพียงแค่เมืองเล็ก,สถานที่เหมาะสมมากมายในป่าแห่งนี้มีอยู่มากมาย,ถึงแม้ว่าเมืองเล็กจะเติบโตเพียงใดแต่ก็ไม่นับว่าได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง."
โหยวลีไซซือราวกับว่าสามารถคาดเดาของราชาเอลฟ์ได้"ท่านหมายความว่า?"
"กองกำลังเผ่าเอลฟ์ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้,พวกเราก็เพียงแค่ขอให้สหายที่เชื่อถือช่วยเหลือก็พอ,ข้าคิดว่า,ตอนนี้ฉู่เทียนจำเป็นต้องการเมืองสักเมือง,ไม่เพียงแต่มีเมืองเป็นของตัวเองในป่าแห่งนี้,เขายังสามารถที่จะใช้ความสามารถครองใจคนในป่าแห่งนี้ได้,ข้าจะมอบเมืองนี้ให้กับเขา,ไม่เพียงแต่รับประกันว่าเมืองจะไม่ต้องตกเป็นของคนอื่น,และยังช่วยลดความยุ่งยากของสหายในเวลาที่เหมาะสมอีกด้วย."
"อิทธิพลของฉู่เทียนตอนนี้ยังอ่อนด้อยจนเกินไป,เมืองดังกล่าวนั้นไม่ใช่เมืองธรรมดา,เขาจะสามารถควบคุมมันได้จริงๆรึ?"
"แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงไม่น้อย,พวกเราจึงต้องแอบช่วยเหลืออยู่ด้านหลังไงล่ะ"ราชาเอลฟ์ที่ได้โอกาสกล่าวออกไป"ทว่าอย่าได้ลืมว่า
เผ่ามนุษย์นั้นยิ่งเสี่ยงก็ยิ่งชื่นชอบ,ตราบเท่าที่ผลประโยชน์นั้นมันเพียงพอ,ยิ่งรู้ว่าเสี่ยงมากเท่าไหร่ผลประโยชน์ก็จะมากขึ้นเท่านั้น,พวกเขาไม่มีทางลังเลยอย่างไม่ต้องสงสัย,นี่ล่ะคือสิ่งหนึ่งที่เผ่ามนุษย์แตกต่างจากเผ่าเอลฟ์ของพวกเรา."
โหยวหลีไซซือรู้สึกสลดเลยทีเดียว.
เป็นความจริงที่ยากปฏิเสธจริงๆ.
ราชาเอลฟ์ที่โบกมือไปมา"ไปได้แล้ว,เมืองดังกล่าวนั้นก็ยังอยู่ภายใต้นามของป่านิรันดร์,เขาจะต้องมีกองกำลังที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะเป็นเจ้าเมือง,ส่วนเขาจะควบคุมเมืองดังกล่าวได้จริงหรือไม่,ต้องคอยดูความสามารถของพวกเขาล่ะนะ."
"รับบัญชา!"
โหยวหลีไซซือที่ออกจากป่านิรันรันดร.
ในเวลานี้เขาได้ขี่เหยี่ยวมังกรพุ่งไปที่เมืองออเตอแมนในเวลาค่ำคืนเพียงแค่หนึ่งวันก็มาถึง,เมืองเล็กแห่งนี้นับเป็นสถานทีคึกคักไม่น้อย,เหล่าคนมากมายหลากหลายเผ่าพันธุ์ที่เดินทางมา,ทุกคนต่างก็ดื่มสุราอาหารกันอย่างมีความสุขในเมืองเล็กแห่งนี้.
โหยวลีไซซือที่เดินทางมายังเมืองใต้ดินแห่งนี้.
แม้ว่าเมืองเล็กแห่งนี้จะไม่ใหญ่นัก,ทว่ากับมีแสงสว่างจ้าราวกับตอนกลางวัน,ทุกสิ่งก่อสร้างนั้นมีแสงไฟระยิบระยับ,เส้นทางในเมืองแห่งนี้มีมากมายราวกับเส้นเลือดฝอย,ทว่าเหล่าพ่อค้าและชาวเมืองต่างก็เดินขวักไขว่ไปมา,เป็นเมืองเล็กที่มีคนมากมายการจราจรคับคั่ง,แทบจะไม่เคยเห็นในเมืองเอลฟ์อย่างแน่นอน.
เมืองเล็กแห่งนี้มีโรงภาพยนตร์,มีโรงแรม,มีร้านค้าจิปาถะ,และยังมีสถานที่แตกต่างที่เฉพาะอยู่มากมาย,ทุกเผ่าพันธุ์ดูเหมือนว่าจะมีใบหน้าที่มีความสุข,อย่างไรก็ตามสถานที่มีคนมากมายพลุกพล่านที่สุดก็คือตลาดเมืองออเตอแมน.
ตลาดเมืองออเตอแมนนั้นมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก,มีวัตถุดิบภายในป่ามากมาย,ไม่ว่าจะขนส่งมายังตลาดแห่งนี้เท่าไหร่ก็สามารถขายไปได้ทั้งหมด,และยังมีวัตถุดิบอื่นๆที่เหล่าเผ่าพื้นเมืองต้องการไม่ว่าจะเป็นยาน้ำ,ยันต์เวทย์ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก,ไม่ว่าจะมีความต้องการมากเท่าไหร่,เมืองเล็กแห่งนี้ก็สามารถจัดหาได้ทั้งหมด,นับเป็นปริมาณการขายและซื้อที่สูงเป็นอย่างมาก,ทำให้ตลาดแห่งนี้มีพ่อค้าหนุ่มสาวที่มีชีวิตชีชาเดินทางมาเป็นจำนวนมาก.
เผ่าก๊อบลิน,เผ่าหนู,และเผ่ากระต่าย,เหล่าเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอมีกระจายอยู่ทุกที.
ไม่มีซีเหริ่นโม่ที่ปล้นชิงแล้ว.
พวกเขาเข้าใจถึงการแลกเปลี่ยนเป็นอย่างดีในเมืองเล็กแห่งนี้,พวกเขาสามารถขายทรัพยากรมากมายขอเพียงแค่มีร่างกายที่แข็งแกร่งสามารถหาทรัพยากรมาได้อย่างเพียงพอเพื่อขายในเมืองเล็กแห่งนี้,ศิลาก่อเกิดจำนวนเล็กน้อยก็สามารถที่จะซื้ออาหารกระป๋องได้เป็นจำนวนมาก,และยังสามารถซื้ออาหารจากโรงแรมได้โดยตรงอีกด้วย.
เมืองเล็กแห่งนี้ปฏิบัติต่อทุกเผ่าอย่างเท่าเทียม.
หลากหลายเผ่าที่อ่อนแอที่ไม่เคยได้รับความเป็นธรรม,สถานที่แห่งนี้จึงนับว่าพิเศษต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก.
การขนส่งผ่านมิตินั้นสร้างความเจริญรุ่งเรื่อง,ด้วยเทคโนโลยีที่เอลฟ์จะได้รับนี้,นี่คือโอกาสที่ยอดเยี่ยม,แม้แต่พวกเอลฟ์แก่หัวโบราณคงจะต้องหยุดและมองมา,สิ่งที่เขาได้เห็นนี้ทำให้โหยวลีไซซือที่เห็นความเจริญนี้แทบจะทำอะไรไม่ถูก.
"ท่านพูดอะไรนะ?"ฉู่เทียนรู้สึกราวกับว่ามีโชคก้อนโตที่หล่นลงมากระแทกหน้าเขาอย่างรุนแรง"ราชาเอลฟ์จะมอบเมืองให้ข้าเมืองหนึ่งอย่างงั้นรึ?"
"ถูกแล้ว!"โหยวลีไซซือกล่าวย้ำ."เมืองนี้นับว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางของป่าแห่งความวุ่นวาย,สถานที่ดังกล่าวนั้นมีพลังจิตวิญญาณหนาแน่น,บริเวณรอบๆเองต่างก็เต็มไปด้วยสถานที่ลึกลับซุกซ่อนเอาไว้,นี่คือเมืองใจกลางของป่าแห่งความวุ่นวาย,ซึ่งมีประชากรและทรัพยากรอุดมสมบูรณ์เหนือล้ำเกินกว่าจินตนาการ,หากว่าเจ้าสามารถคว้ามันมาได้อย่างราบรื่นล่ะก็,จะสามารถช่วยให้เจ้ามีอิทธิพลที่แข็งแกร่งขึ้นในป่าแห่งนี้."
ทุกคนในหอการค้าปาฏิหาริย์ต่างตื่นตะลึงตาตั้ง.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne
#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย
สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP (สถานปัจจุบัน แปลจบ 658 แล้ว)==> Click
-เว็ปฟรี วันละหนึ่งตอน
-กรุ๊ป vip ลงครบทุกลุ่มแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น