Strongest Sect of All Times Chapter 266 Three two fools
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 266 Three two
fools
三个二傻子
หนึ่งเดือน,ศิษย์ของเขาที่ทำภารกิจสำเร็จมากมายคนแล้วคนเล่า,คะแนนความสำเร็จจาก
0 แต้มกลายเป็น 600,คะแนนสนับสนุนจาก 102 เป็น 602.
จุนซ่างเซียวที่กับมาร่ำรวยอีกครั้ง.
เขารู้สึกกระสันอย่างเปิดร้านค้าขึ้นมารีเฟรซเป็นอย่างมาก.
ทนไว้,เขาต้องทนเอาไว้.
ตอนนี้ศิษย์มีอยู่จำนวนมาก,คะแนนสนับสนุนจำเป็นต้องใช้ซื้อวัตถุดิบในการบ่มเพาะ,เขาจำเป็นต้องมีเหลือสำรองกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน,ตอนนี้ค่าโชคของเขาเองอาจจะยังไม่ดีด้วย.
เจ้าสำนักจุนระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้น,ศิษย์ของเขาเองก็ด้วยเช่นกัน.
โดยเฉพาะศิษย์ใหม่,ด้วยเม็ดยานับไม่ถ้วน,ก็ทำให้หลากหลายคนก้าวไปถึงเปิดชีพจรขั้นที่
12 คนแล้วคนเล่า.
แรกเริ่ม,พวกเขาได้เม็ดยารวมวิญญาณทั่วไป,ตอนนี้ได้รับยารวมวิญญาณห้าเท่าต่ำสุดเป็นจำนวนมาก,ศิษย์แต่ละคนที่ตัดผ่านระดับด้วยความเร็ว,เป็นไปตามเหตุและผล,ความแข็งแกร่งของสำนักไท่กู่เจิ้ง,ยกระดับขึ้นเร็วมาก.
กลุ่มของศิษย์สายในเอง,หนึ่งเดือนมานี้ก็เติบโตขึ้นมาก,ยกเว้นรากวิญญาณระดับสูงเถียนซีที่มีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่เก้า,คนอื่น
ๆต่างก็อยู่ในระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นปลายกันหมดแล้ว.
ระดับศิษย์ยุทธ์และอาจารย์ยุทธ์นั้นมีเขตแดนขวางกันที่สูงใหญ่อยู่.
หากต้องการตัดผ่านระดับ,จำเป็นต้องตระหนักรู้เกี่ยวกับพลังคุณสมบัติของฟ้าดิน,ให้ผสานเข้ากับพลังวิญญาณลมหมุนให้ได้เสียก่อน.
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์รากวิญญาณขั้นสุดยอด,ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก.
ทว่าเจ้าสำนักจุนนั้นยังไม่พอใจไม่ต้องการให้ช้า.
ต้องไม่ลืมด้วยว่าการเดินทางไปยังนิกายเซิ่งชวนเพื่อประลองนั้นเหลือไม่ถึงครึ่งปีแล้ว,เขาจะต้องยกระดับศิษย์ให้แข็งแกร่งมากที่สุด.
“ในร้านค้านั้นมีเม็ดยาที่ทำให้ตัดผ่านไปยังระดับอาจารย์ยุทธ์หรือไม่?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ด้วยเม็ดยาผสานวิญญาณทำให้สามารถตัดผ่านระดับจากเปิดชีพจรไปยังระดับศิษย์ยุทธ์ได้,เช่นนั้นก็ต้องมีเม็ดยาที่ช่วยตัดผ่านระดับจากศิษย์ยุทธ์ไปยังอาจารย์ยุทธ์เช่นกัน!
ระบบเอ่ย,”มี,ทว่าก็ขึ้นกับโชคของโฮสน์.”
จุนซ่างเซียวที่กลายเป็นเงียบ.
เรื่องโชค,ไม่อยากจะพูดถึงเลย.
หากเร่งรีบรีเฟรซหาเม็ดยา,ผลาญแต้มไปก็อาจจะไม่ได้อะไรเลย.
แต่กระนั้นก็อาจจะได้รับสินค้าอื่น ๆมาก็ได้.
เอาล่ะ,เอาล่ะ.
ไว้รอให้แต้มมากกว่านี้หน่อย,ค่อยลองรีเฟรซดูก็แล้วกัน.
จุนซ่างเซียวที่อดใจเอาไว้,จากนั้นก็ตั้งสมาธิบ่มเพาะต่อไป.
หลังจากบ่มเพาะไปคืนหนึ่ง,พลังวิญญาณที่หนาแน่นขึ้น,ด้วยเม็ดยารวมวิญญาณสิบเท่า,อย่างน้อย
2-3 เดือนคงจะตัดผ่านระดับได้.
จากระดับหกไปยังระดับเจ็ดหนึ่งเดือน,จากระดับเจ็ดไปยังระดับแปดควรจะเดือนครึ่งหรือไม่?
แล้วหากต้องการตัดผ่านระดับไปยังระดับเก้าให้ได้,ต้องใช้เวลาเท่าใดกัน?
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา,กล่าวออกไปว่า,”ก่อนถึงการประลองกับนิกายเซิ่งชวน,ไปถึงอาจารย์ยุทธ์ขั้นปลาย,ยากสักเล็กน้อย.”
กล่าวจบ,เขาก็ตรงไปยังหอคอยเก็บประสบการณ์.
“กึก.”
ขณะที่เขายืนอยู่หอคอยเก็บประสบการชั้นแรก,อดทนแรงโน้มถ่วงสิบเท่าสี่ชั่วโม.,จุนซ่างเซียวที่สัมผัสได้ว่าไม่รู้สึกอะไร,หรือหายใจลำบากแล้ว.
นับตั้งแต่มีหอคอยเก็บประสบการ,ขอเพียงในสำนัก,มีคนตั้งใจรักษาการกลั่นร่างกายอย่างพอดี,ไม่ไล่ตามความสมบูรณ์ขั้นสุดของการกลั่นร่างกาย,คนส่วนมากจะปรับตัวได้นานแล้ว.
หลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อตลอดจนคนอื่น ๆ,หากไม่เพราะว่าแข่งขันกันทำลายสถิติ,คงจะปรับแต่ง
ตัวเองให้ปรับตัวได้นานแล้ว.
“ไปชั้นสอง.”
***(ตอนก่อนหน้านี้คนแต่งบอกว่าชั้นแรกกลั่นกายเนื้อ
ชั้นที่สองกลั่นกระดูก มาถึงตอนนี้กลับบอกชั้นสองยกระดับท่าเท้าซะงั้น)
ก่อนที่จะปรับตัวได้จุนซ่างเซียวไม่ได้คิดที่จะก้าวขึ้นไปอีกชั้นแม้แต่น้อย,เขาต้องการพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป.
หอคอยเก็บประสบการชั้นสองที่ส่องประกายนานแล้ว,เพราะว่าซูเซียวโม่และลี่เผยเข้ามาฝึกก่อนแล้ว.
ทั้งสองที่ลิ้นห้อย,ตาลายอยู่,ในเวลานั้นรู้สึกราวกับเห็นภาพเงาของฝูงหมาบ้ากำลังไล่ตามอยู่.
นี่ไม่ใช่กลุ่มหมาบ้า.
แต่ต้องเป็นกลุ่มของสัตว์ร้ายระดับสูง!
ทั้งสองที่เพิ่มความเร็ว,ร้องลั่น,ตื่นตระหนกวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง.
ภาพเงาของสัตว์ร้ายที่วิ่งไล่ตามพวกเขาไปด้วยเช่นกัน.
สัตว์ร้าย,ไม่เพียงไล่กัดขย้ำก้นของพวกเขาไม่หยุด,จุนซ่างเซียวที่ก้าวเข้ามาส่ายหน้าไปมา,”เป็นบ้าอะไรกัน.”
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก!
จากนั้น,จุนซ่างเซียวก็พบว่ามีภาพเงาของสัตว์ร้ายวิ่งงับเขาอย่างบ้าคลั่ง.
สัตว์ร้ายดังกล่าวที่เปลี่ยนรูปมาไม่มาก,หากแต่ความเร็วนั้นไม่ธรรมดา,ทำให้พวกเขาต้องวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง.
พวเขาวิ่งอยู่นานเท่าไหร่?
ผ่านไปราว ๆ หนึ่งชั่วโมง!
เพราะว่าไม่สามารถออกจากการทดสอบก่อนเวลา,ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก.
ทำให้ทั้งสามวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งจนเหนื่อยล้าไปทั่วร่าง.
......
กลุ่มของสัตว์ร้ายที่วิ่งไล่ตามนั้น,เป็นการช่วยยกระดับท่าเท้าของพวกเขานั่นเอง.
เพียงแค่ไม่กี่วันหลังจากนั้น,จุนซ่างเซียวก็รู้สึกว่าความเร็วของเขามากกว่าเดิม,ท่าเท้าเหยียบเมฆาเวลานี้ลึกล้ำยิ่งกว่าเดิมมาก.
จากนั้น,เขาก็ฝึกฝนชั้นแรกสี่ชั่วโมง,และชั้นที่สองหนึ่งชั่วโมง,เพื่อยกระดับตัวเองในสำนักอย่างเงียบ
ๆ.
พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองเดือนแล้ว,กายเนื้อและท่าเท้าของเขายกระดับสูงขึ้น,ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกันไม่น้อย.
ศิษย์คนอื่น ๆเองก็เช่นกัน.
แม้นว่าพวกเขาจะอยู่ในระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นปลาย,ยังไม่สามารถตัดผ่านไปยังระดับอาจารย์ยุทธ์ได้ชั่วคราว,ทว่ากายเนื้อและความแข็งแกร่งเกินขีดจัดไปหลายเท่าแล้ว.
สมาชิกหอฝนพรำทั้งหมดที่สำเร็จวิชาเสียงผ่านวิญญาณทั้งหมด,ตอนนี้ได้ถูกระจายไปทั่วมนทลชิงหยาง.
เวลานี้ทุกคนสร้างเครือข่ายครอบคลุมทั้งแปดเมือง,ติดต่อกันได้สะดวกยิ่งกว่าเดิม.
ไม่กี่วันหลังจากนั้น.
อ้ายซางหนี่ที่มาขอพบ.
งานประมูลที่เมืองหลิงหยางนั้นจบแล้ว,เม็ดยาที่ขายไปทั้งหมดแล้ว.
70 เม็ดยาฟื้นฟูขายได้ 80 ล้าน,
20เม็ดยาบูรณะร่างกายขายได้ 120 ล้าน,รวมทั้งสองขายได้นับสองร้อยล้าน!
เมื่อจุนซ่างเซียวรับตั๋วเงินมากจากประมุขอ้าย,มีเงินกว่า
100
ล้าน,ทำให้เขาอุทานออกมาเสียงดัง,”คู่ควรเป็นดินแดนระดับแปด,เต็มไปด้วยคนร่ำรวยจริง
ๆ.”
“เจ้าสำนักจุน.”
อ้ายซางหนีที่เผยยิ้มออกมา,”เม็ดยาที่ท่านคิดค้น,ชาวยุทธ์มากมายต่างก็ต้องการ,ขอเพียงมีสินค้าก็ไม่ขาดคนซื้ออย่างแน่นอน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ยิ่งหายาก,ก็จะยิ่งล้ำค่า,เม็ดยาที่ขายนั้นไม่จำเป็นต้องตอบสนองความต้องการทั้งหมด.”
อ้ายซางหนี่ที่เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว,”ดังนั้น,อ้ายโหมวคิดดูแล้ว,ตัดสินใจว่าจะขายเม็ดยาฟื้นฟู
10 เม็ด,เม็ดยาบูรณะร่างกาย 5 เม็ดในทุก ๆเดือน.”
“ตกลง.”
จุนซ่างเซียวส่งเม็ดยาฟื้นฟู 20
เม็ดและเม็ดยาบูรณะร่างกาย 5
เม็ดออกไป,”นี่น่าจะเพียงพอที่จะขายได้สองเดือน,โปรดรับไปเถอะ.”
อ้ายซางหนี่ที่รับมาอย่างรวดเร็ว.
ก่อนที่จะจากไป,เขาได้ส่งมอบแหวนมิติออกมาอีกหลายวง,กล่าวออกไปว่า,”เจ้าสำนักจุน,นี่คือสมุนไพรและเมล็ดสมุนไพรที่ซื้อมาได้จากเมืองหลี่หยาง.”
จุนซ่างเซียวที่ต้องการจ่ายตั๋วเงินออกไป,ทว่าประมุขอ้ายไม่รับ,เป็นการมอบให้เป็นของขวัญเท่านั้น.
หลังจากที่ออกไปส่งอ้ายซางหนี่แล้ว,จุนซ่างเซียวที่เผยความตื่นเต้นออกมา,”ข้าฝึกฝนอยู่แต่ในสำนัก,ก็ได้เงินร้อยล้านง่าย
ๆ,เรื่องนี้มันสุดยอดจริง ๆ.”
ติ๊ง!ติ๊ง!
เสียงการกลั่นยาทั้งคืนที่ดังขึ้น,เม็ดยาทั้งสี่ชนิดก็ถูกลั่นออกมา.
เวลานี้เขากำลังรอแต้มความสำเร็จ,จึงไม่ได้ดำเนินการอะไร,เงินและเม็ดยามีอยู่มากมาย,จุนซ่างเซียวรู้สึกร่ำรวยจริง
ๆ.
......
ผ่านไปอีกไม่กี่วัน.
ศิษย์ใหม่ที่รับมา,ตัดผ่านระดับไปยังเปิดชีพจรขั้นที่สิบสองถึง
110 คนแล้ว.
ซ่งเสวียนโจวด้วยวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นและเม็ดยาจำนวนมาก,ก็สามารถตัดผ่านไปยังระดับศิษย์ยุทธ์ได้.
“ชิงหยาง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ลงเขาไปสำนักตรวจสิทธิ์ แจ้งขอทดสอบระดับด้วย.”
เวลานี้ระดับเปิดชีพจรขั้นที่สิบสองครบตามจำนวนแล้ว,ถึงเวลาเลื่อนระดับสำนักเป็นสำนักขั้นที่เจ็ดแล้ว,เพราะว่าคนมีจำนวนมาก,จึงจำเป็นต้องให้ทางสมาคมตรวจสิทธิ์ขึ้นเขามานั่นเอง.
“ครับ.”
หลี่ชิงหยางที่ลงเข้า,เข้าไปยังสมาคมตรวจสิทธิ์ในเมืองชิงหยางทันที.
จวีซือเจาที่รู้ว่าสำนักไท่กู่เจิ้งต้องการยกระดับ,ใบหน้าที่เผยท่าทางงงงัน.
สำนักระดับเก้ายกระดับเป็นสำนักระดับแปด,ผ่านมาไม่กี่เดือนเองไม่ใช่รึ?!
“จวีซือเจา.”
เห็นหลี่ชิงหยางจากไป,ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่กล่าวออกมาด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจนัก,”สำนักไท่กู่เจิ้งต้องการให้พวกเราส่งคนไปตรวจสอบยกระดับสำนักอย่างงั้นรึ?”
“ใช่.”
เจ้าหน้าที่อีกคนที่ไม่พอใจเช่นกันเอ่ยออกไปว่า,”มีเพียงสำนักระดับหกที่มีคุณสมบัติให้เราเดินทางไปตรวจสิทธิ์,สำนักระดับแปดจะกร่างเกินไปแล้ว.”
จวีซือเจาที่กล่าวตำหนิ,”อย่าพูดอะไรไร้สาระ,เตรียมตัวเร็วเข้า,พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปยังสำนักไท่กู่เจิ้งด้วยตัวเอง.”
กล่าวตามตรงก่อนหน้านี้อาวุโสหม่านิกายเขาซางซานที่ออกหน้าตัวเองเขาต้องพบกับสภาพที่อนาถเป็นอย่างมาก,เขาจึงหวั่นเกรงในตัวจุนซ่างเซียว,ดังนั้นเพียงแค่ขั้นตอนเล็ก
ๆ น้อย ๆ,เขาหาได้สนใจ,จึงตัดสินใจไปยังสำนักระดับแปดด้วยตัวเอง.
ตามจริงแล้ว,หากไม่เพราะการยกระดับสำนักนั้นขึ้นอยู่กับสมาคมสิทธิ์,สามารถยกระดับได้ด้วยระบบ,เหมือนกับคะแนนสนับสนุนและคะแนนความสำเร็จ,จุนซ่างเซียวก็ไม่สนใจสมาคมสิทธิ์เช่นกัน.
ความแข็งแกร่งไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ,เจ้าไม่อย่างรู้จักข้า,ข้าก็ไม่ได้อยากรู้จักเจ้าเช่นกัน.
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น