วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 261 The spicy man came back!

Strongest Sect of All Times  Chapter 261 The spicy man came back!

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 261 The spicy man came back!

辣个男人又回来了!

 

ให้ศิษย์ออกไปประลอง,และยังย้ำว่าอย่าลงมือรุนแรง,นี่มันยิ่งกว่าคำว่าดูแคลนแล้ว.

เจ้าสำนักซุย,สำนักมังกรทองโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก,”จุนซ่างเซียว,เจ้า....”


“เลิกพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว.”

จุนซ่างเซียวที่ยกมือขึ้นขัด,”เอาชนะศิษย์ของข้าได้,เปิ่นจั้วจะเก็บร้านกลับสำนักไท่กู่เจิ้งทันที,และก็จะไม่ลงเขารับศิษย์อีกต่อไป.”

เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามที่ได้ยินคำว่าไม่ลงเขาอีก,จึงได้กล่าวเสียงเบา,”เจ้าสำนักซุย,ในเมื่อมันโอหังเช่นนี้,เพื่อพันธมิตรร้อยสำนัก,ก็ขึ้นเวทีไปสู้กับศิษย์ของมันซะหน่อยเป็นไง?”

!

เจ้าพูดเอาแต่ได้นะสิ!

เจ้าสำนักที่มีเกียรติขึ้นไปต่อสู้กับศิษย์,หากชนะจะมีประโยชน์อะไร!

เจ้าสำนักซุยไม่ได้หวาดกลัวเซียวจุ้ยจื่อ,แต่เพราะคิดถึงเกียรติยศของตัวเอง,เขาจะขึ้นไปต่อสู้ได้อย่างไร?

“เพื่อพันธะมิตรร้อยสำนัก,เจ้าสำนักซุยโปรดขึ้นไปประลอง.

“ในเมื่อมันโอหังขนาดนี้,ก็สั่งสอนศิษย์ของมันหน่อยเป็นไง,ให้มันได้อับอายกลับไปเลย!

“คนจำนวนมากดูอยู่,เจ้าสำนักซุยโปรดอดกลั้น.”

เหล่าเจ้าสำนักพันธมิตรต่างก็กล่าวเกลี้ยกล่อม.

ทุกคน.

กลัวที่จะออกไปนะสิ.

เจ้าสำนักซุยไม่สามารถทนรบเร้าได้อีกต่อไป,จึงได้กล่าวยอมรับ,”ก็ได้,ซุยโหมวจะออกไปเอง,คนที่ชนะเลิศการประลองสำนักจะแข็งแกร่งเท่าใด.”

เสียงที่เน้นไปที่คำว่าผู้ชนะเลิศการประลอง,ที่ดังก้องให้ทุกคนได้ยิน.

เป็นการประกาศต่อชาวยุทธ์,ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ศิษย์ทั่วไป,ไม่ใช่คนที่ตัวเองจะรังแกได้ง่าย ๆ นั่นก็เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองไว้.

“เชิญ.”

เจ้าสำนักซุยและเซียวจุ้ยจื่อยืนอยู่บนเวทีประลอง.

ประมุขสำนักและศิษย์สำนัก,การต่อสู้เช่นนี้ยากจะได้เห็น,ทำให้ผู้คนมากมายพูดคุยกัน.

“ข้าได้ยินมาว่า,เจ้าสำนักซุยนั้นอยู่ในระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่สามเมื่อเร็ว ๆนี้,เซียวจุ้ยจื่อ,แม้นว่าจะชนะเลิศการแข่งขัน,ทว่าก็ยังยากจะเทียบได้.”

“เจ้าสำนักจุนที่เอาชนะผู้นำฉินได้,ทำไมไม่ลงมือเองล่ะ?”

“พ่ายแพ้,จะเลิกรับศิษย์ กลับขึ้นเขาอย่างงั้นรึ? นี่มั่นใจศิษย์ของตัวเองขนาดนั้นเลยรึ?”

ตูมม!ตูมม!ตูมม!

บนเวทีการแข่งขัน,คนทั้งสองที่เริ่มต่อสู้กัน.

สายตาของผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังจ้องมองและพูดคุย,เวลานี้เริ่มชะงักงัน,เข้าใจแล้วว่าเจ้าสำนักจุนทำไมถึงไม่ลงมือเอง.

เพราะว่าศิษย์ของเขาก็เหลือเฟือแล้ว,หมัดของเซียวจุ้ยจื่อที่ต่อยไปยังเจ้าสำนักซุยอย่างบ้าคลั่ง,ที่เวลานี้ได้แต่ตั้งรับ,ถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า.

“ตูมมมมมมม-“

เพียงไม่นาน,เสียงหมัดที่หนักหน่วงหมัดสุดท้ายก็ดังขึ้น.

เจ้าสำนักซุยที่ลอยละลิ่ว,ล่วงหล่นลงจากเวที,ก่อนที่จะหมดสติไปในที่สุด.

“แฮกๆ!

ทุกคนที่หายใจที่เย็นเยือบเข้าไป.

เหล่าเจ้าสำนักพันธมิตรร้อยสำนัก,ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.

เจ้าสำนักซุยที่อยู่ในระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่สาม,ต่อหน้าเซียวจุ้ยจื่อ,ไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่น้อย,น่าเกรงขามเกินไปแล้ว!

เซียวจุ้ยจื่อบนเวที,ได้แต่ส่ายหน้าไปมา.

ยังไม่ได้ลงมือเต็มที่ด้วยซ้ำ,อีกฝ่ายก็ทนไม่ได้แล้ว.

จุนซ่างเซียวที่เอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล,”สว่ะ.”

ทุกคนได้แต่เงียบ.

เพียงแค่ศิษย์ก็เอาชนะเจ้าสำนักระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นสามได้,ตอนนี้พวกเขายังจะกล่าวอะไรได้อีก?

จุนซ่างเซียวที่กวาดสาตามองเหล่าเจ้าสำนักพันธมิตร,เอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล”เพียงแค่ขยะ,ที่ข้าพูดนั้นหมายถึงพวกเจ้าด้วย.”

กับคำพูดดังกล่าว,ทำให้เหล่าเจ้าสำนักพันธมิตรโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที.

“ไม่ยอมรับอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่ชี้ไปบนเวที,”ขึ้นไปบนเวทีประลองกับศิษย์ข้าสิ,กฎเดิม,หากชนะเขาได้,เปิ่นจั้วจะกลับเขา,ไม่ลงมารับศิษย์อีก.”

“ข้าเอง!

เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามก้าวออกไปทันที.

เซียวจุ้ยจื่อที่มองเห็น,ว่าคนผู้นี้โกรธเกรี้ยวเจ้าสำนักของเขาเป็นอย่างมาก.

ดังนั้น,เมื่อเริ่มการต่อสู้,เขาก็เอาจริงทันที,ทุบตีอีกฝ่ายจนกระอักโลหิตออกมา.

“พรึด โครม!

ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ,เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามที่ถูกทุบอย่างบ้าคลั่ง,จนหมดสติไป.

สภาพของเขาดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บหนักกว่าเจ้าสำนักซุยซะอีก!

“ต่อไป,ต่อไป.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เปิ่นจั้วอนุญาตให้ขยะทุกคน,ขึ้นไปต่อสู้กับศิษย์ของข้าได้ทุกคน!

โอหัง,โอหังจริง ๆ!

ได้ยินเช่นนั้น,เหล่าเจ้าสำนักพันธมิตรที่ครุ่นคิด,และขึ้นเวที,คนแล้วคนเล่า.

หลังจากผ่านไปสามสิบนาที.

เจ้าสำนักพันธมิตรกว่าสิบคนที่ถูกเซียวจุ้ยจื่อจัดการ,โดยแต่ละคนอยู่บนเวทีได้ไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ.

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ชมอยู่เวลานี้ดวงตาเบิกกว้าง,อ้าปากกลมโต.

คนที่ขึ้นเวทีไปไม่ใช่ศิษย์ด้วยซ้ำ,เจ้าสำนักพันธมิตรอ่อนด้อยขนาดนี้เลยรึ?

ปรกติที่ทำตัวสูงส่ง,ตอนนี้นอนหมดสติเกลื่อนด้วยฝีมือของศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง,เรื่องนี้ราวกับว่าพวกเขาฝันไป.

คนที่เหลือเวลานี้แทบล้มทั้งยืน.

เซียวจุ้ยจื่อที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยท่าทางอหังการ,ไม่มีเหงื่อไหลออกมาสักหยด.

นี่อธิบายออกมาได้อย่างไร?

แปลว่าไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย!

ระดับศิษย์ยุทธ์,คาดไม่ถึงเลยว่าจะทรงพลังร้ายกาจขนาดนี้.

ความแข็งแกร่งของเซียวจุ้ยจื่อ,ทำให้ชาวยุทธ์เมืองหลี่หยางตื่นตกใจอย่างสมบูรณ์,แม้แต่เจ้าเมืองอ้าวที่จ้องมองอยู่ไกล ๆ เองก็ตะลึงไม่แพ้กัน.

ในเวลานี้,เขาเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์,ทำไมอีกฝ่ายถึงเป็นผู้ชนะเลิศในมนทลเหอหยางได้!

ความแข็งแกร่งที่ระดับอาจารย์ยุทธ์ไม่สามารถเทียบเคียงได้,จะมีคู่ต่อสู้คนใหนในรุ่นเดียวกันต่อกรกับเขา,ได้รับชัยชนะเลิศเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว!

สำนักไท่กู่เจิ้งไม่ธรรมดา,ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!

เจ้าเมืองอ้าวรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที,ที่เขาไม่ได้ปฏิเสธจุนซ่างเซียวรับศิษย์ในเมืองนี้,ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเขายืนอยู่ข้างพันธมิตรร้อยสำนักและล่วงเกินอีกฝ่าย.

เมืองหลี่หยาง,อาจนับได้ว่าเป็นหนึ่งกลุ่มอิทธิพลที่ไม่ใช่สำนัก,ดังนั้นเรื่องนี้ควรยกให้เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับสำนักต่าง ๆ,หมายความว่าเขาไม่ได้ล่วงเกินใคร.

“ยังมีใคร,ต้องการต่อสู้กับข้าหรือไม่?”

เซียวจุ้ยจื่อที่ยืนอยู่บนเวที,พร้อมกับผายมือเชิญชวนด้วยความอหังการ.

ด้วยการที่เซียวจุ้ยจื่อเป็นคนของเมืองนี้,การที่เขาเอาชนะเหล่าเจ้าสำนักพันธมิตร,ทำให้เป็นที่จับตามองและชื่นชอบของทุกคน.

นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำไมจุนซ่างเซียวให้เซียวจุ้ยจื่อตามมาด้วย,ไม่ได้เลือกหลี่ชิงหยางหรือเย่ซิงเฉิน.

นี่คือศิษย์ที่เป็นดั่งสมบัติล้ำค่า.

เป็นคนที่คนในเมืองหลี่หยางรู้จัก.

หากเป็นผู้ฝึกยุทธ์ต่างถิ่นย่อมไม่ทำให้คนเหล่านี้รู้สึกภาคภูมิไปกับชัยชนะในครั้งนี้ด้วย.

ขอถามว่า,จะมีใครที่ทำได้,เซียวจุ้ยจื่อที่เอาชนะเจ้าสำนักสิบกว่าคนพร้อมกัน,เรื่องนี้ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงอย่างหนัก.

สุดยอดพรสวรรค์ของเมืองนี้ได้กลับมาแล้ว!

ผู้ฝึกยุทธ์เมืองหลี่หยางที่ยอมรับความจริงในที่สุด,พวกเขาที่เห็นด้วยในที่สุด,ผู้ชนะเลิศการแข่งขันประลองยุทธ์สำนัก,ไม่ได้โชคดีหรือบังเอิญอะไรทั้งนั้น!

ทว่าคนที่ต้องโกรธเกรี้ยว? คนที่บ้าคลั่งนั้นควรเป็นใคร?

ตระกูลเซียวไงล่ะ!

ตระกูลที่มีสมบัติล้ำค่าอยู่แล้ว,แต่กับหาว่าเป็นขยะไล่ออกไป,เวลานี้พวกเขาที่ได้แต่มองด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว,จ้องมองเงียบ ๆ มองเซียวจุ้ยจื่อเอาชนะเหล่าเจ้าสำนักพันธมิตร.

ซึ่งในเวลานี้,ขณะที่เซียวจุ้ยจื่อประลองอยู่นั้น,บนโรงน้ำชาไกลออกมา,อาวุโสใหญ่ที่จ้องมองผ่านหน้าต่างมาเช่นกัน.

ระยะทางที่ห่างไกลอยู่เล็กน้อย.

แต่กระนั้นทุกคนก็สามารถรู้ได้.

ในเวลานั้นเซียวจุ้ยจื่อที่ยกยิ้มขึ้น,ราวกับต้องการบอกอาวุโสใหญ่และคนของตระกูลเซียวทุกคน.

ข้า,เซียวจุ้ยจื่อ,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง,กลับมาแล้ว.

“กึก ซี่”

อาวุโสใหญ่ที่กำหมัดแน่น,สายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร.

เขารู้ได้ในทันที,เรื่องที่เซียวจุ้ยจื่อเอาชนะเจ้าสำนักพันธมิตรหลายคนในเมืองครั้งนี้,จะต้องแพร่กระจายไปทั่วมนทล,และตระกูลเซียวก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะอีกครั้งแล้ว.

เขาที่เสียใจเรื่องในอดีต,เสียใจความผิดพลาดที่เกิดขึ้น!

หากแต่ไม่ใช่เสียใจที่ไล่เซียวจุ้ยจื่อออกจากตระกูล.

แต่เป็นเสียใจที่ไม่ได้สังหารเจ้าขยะนี้ไป,จนปล่อยให้มันฟื้นคืนกลับมาได้!

“เจ้าหมาแก่.”

จุนซ่างเซียวที่รับรู้ได้เช่นกัน,บนโรงน้ำชาที่อยู่ไกลออกไป,คนของตระกูลเซียวที่กำลังจ้องมองมานั้น,เขาที่เอ่ยออกมาเบา ๆ,”หากกล้าหาเรื่องศิษย์ของข้าอีกครั้งล่ะก็,ลืมไปได้เลยเรื่องสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองนี้,เปิ่นจัวจะลบตระกูลเซียวทิ้งไปอย่างแน่นอน.”


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น