Strongest Sect of All Times Chapter 261 The spicy man came back!
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 261 The spicy
man came back!
辣个男人又回来了!
ให้ศิษย์ออกไปประลอง,และยังย้ำว่าอย่าลงมือรุนแรง,นี่มันยิ่งกว่าคำว่าดูแคลนแล้ว.
เจ้าสำนักซุย,สำนักมังกรทองโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก,”จุนซ่างเซียว,เจ้า....”
“เลิกพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือขึ้นขัด,”เอาชนะศิษย์ของข้าได้,เปิ่นจั้วจะเก็บร้านกลับสำนักไท่กู่เจิ้งทันที,และก็จะไม่ลงเขารับศิษย์อีกต่อไป.”
เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามที่ได้ยินคำว่าไม่ลงเขาอีก,จึงได้กล่าวเสียงเบา,”เจ้าสำนักซุย,ในเมื่อมันโอหังเช่นนี้,เพื่อพันธมิตรร้อยสำนัก,ก็ขึ้นเวทีไปสู้กับศิษย์ของมันซะหน่อยเป็นไง?”
!
เจ้าพูดเอาแต่ได้นะสิ!
เจ้าสำนักที่มีเกียรติขึ้นไปต่อสู้กับศิษย์,หากชนะจะมีประโยชน์อะไร!
เจ้าสำนักซุยไม่ได้หวาดกลัวเซียวจุ้ยจื่อ,แต่เพราะคิดถึงเกียรติยศของตัวเอง,เขาจะขึ้นไปต่อสู้ได้อย่างไร?
“เพื่อพันธะมิตรร้อยสำนัก,เจ้าสำนักซุยโปรดขึ้นไปประลอง.
“ในเมื่อมันโอหังขนาดนี้,ก็สั่งสอนศิษย์ของมันหน่อยเป็นไง,ให้มันได้อับอายกลับไปเลย!”
“คนจำนวนมากดูอยู่,เจ้าสำนักซุยโปรดอดกลั้น.”
เหล่าเจ้าสำนักพันธมิตรต่างก็กล่าวเกลี้ยกล่อม.
ทุกคน.
กลัวที่จะออกไปนะสิ.
เจ้าสำนักซุยไม่สามารถทนรบเร้าได้อีกต่อไป,จึงได้กล่าวยอมรับ,”ก็ได้,ซุยโหมวจะออกไปเอง,คนที่ชนะเลิศการประลองสำนักจะแข็งแกร่งเท่าใด.”
เสียงที่เน้นไปที่คำว่าผู้ชนะเลิศการประลอง,ที่ดังก้องให้ทุกคนได้ยิน.
เป็นการประกาศต่อชาวยุทธ์,ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ศิษย์ทั่วไป,ไม่ใช่คนที่ตัวเองจะรังแกได้ง่าย
ๆ นั่นก็เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองไว้.
“เชิญ.”
เจ้าสำนักซุยและเซียวจุ้ยจื่อยืนอยู่บนเวทีประลอง.
ประมุขสำนักและศิษย์สำนัก,การต่อสู้เช่นนี้ยากจะได้เห็น,ทำให้ผู้คนมากมายพูดคุยกัน.
“ข้าได้ยินมาว่า,เจ้าสำนักซุยนั้นอยู่ในระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่สามเมื่อเร็ว
ๆนี้,เซียวจุ้ยจื่อ,แม้นว่าจะชนะเลิศการแข่งขัน,ทว่าก็ยังยากจะเทียบได้.”
“เจ้าสำนักจุนที่เอาชนะผู้นำฉินได้,ทำไมไม่ลงมือเองล่ะ?”
“พ่ายแพ้,จะเลิกรับศิษย์ กลับขึ้นเขาอย่างงั้นรึ?
นี่มั่นใจศิษย์ของตัวเองขนาดนั้นเลยรึ?”
ตูมม!ตูมม!ตูมม!
บนเวทีการแข่งขัน,คนทั้งสองที่เริ่มต่อสู้กัน.
สายตาของผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังจ้องมองและพูดคุย,เวลานี้เริ่มชะงักงัน,เข้าใจแล้วว่าเจ้าสำนักจุนทำไมถึงไม่ลงมือเอง.
เพราะว่าศิษย์ของเขาก็เหลือเฟือแล้ว,หมัดของเซียวจุ้ยจื่อที่ต่อยไปยังเจ้าสำนักซุยอย่างบ้าคลั่ง,ที่เวลานี้ได้แต่ตั้งรับ,ถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า.
“ตูมมมมมมม-“
เพียงไม่นาน,เสียงหมัดที่หนักหน่วงหมัดสุดท้ายก็ดังขึ้น.
เจ้าสำนักซุยที่ลอยละลิ่ว,ล่วงหล่นลงจากเวที,ก่อนที่จะหมดสติไปในที่สุด.
“แฮกๆ!”
ทุกคนที่หายใจที่เย็นเยือบเข้าไป.
เหล่าเจ้าสำนักพันธมิตรร้อยสำนัก,ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
เจ้าสำนักซุยที่อยู่ในระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่สาม,ต่อหน้าเซียวจุ้ยจื่อ,ไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่น้อย,น่าเกรงขามเกินไปแล้ว!
เซียวจุ้ยจื่อบนเวที,ได้แต่ส่ายหน้าไปมา.
ยังไม่ได้ลงมือเต็มที่ด้วยซ้ำ,อีกฝ่ายก็ทนไม่ได้แล้ว.
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล,”สว่ะ.”
ทุกคนได้แต่เงียบ.
เพียงแค่ศิษย์ก็เอาชนะเจ้าสำนักระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นสามได้,ตอนนี้พวกเขายังจะกล่าวอะไรได้อีก?
จุนซ่างเซียวที่กวาดสาตามองเหล่าเจ้าสำนักพันธมิตร,เอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล”เพียงแค่ขยะ,ที่ข้าพูดนั้นหมายถึงพวกเจ้าด้วย.”
กับคำพูดดังกล่าว,ทำให้เหล่าเจ้าสำนักพันธมิตรโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที.
“ไม่ยอมรับอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่ชี้ไปบนเวที,”ขึ้นไปบนเวทีประลองกับศิษย์ข้าสิ,กฎเดิม,หากชนะเขาได้,เปิ่นจั้วจะกลับเขา,ไม่ลงมารับศิษย์อีก.”
“ข้าเอง!”
เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามก้าวออกไปทันที.
เซียวจุ้ยจื่อที่มองเห็น,ว่าคนผู้นี้โกรธเกรี้ยวเจ้าสำนักของเขาเป็นอย่างมาก.
ดังนั้น,เมื่อเริ่มการต่อสู้,เขาก็เอาจริงทันที,ทุบตีอีกฝ่ายจนกระอักโลหิตออกมา.
“พรึด โครม!”
ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ,เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามที่ถูกทุบอย่างบ้าคลั่ง,จนหมดสติไป.
สภาพของเขาดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บหนักกว่าเจ้าสำนักซุยซะอีก!
“ต่อไป,ต่อไป.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เปิ่นจั้วอนุญาตให้ขยะทุกคน,ขึ้นไปต่อสู้กับศิษย์ของข้าได้ทุกคน!”
โอหัง,โอหังจริง ๆ!
ได้ยินเช่นนั้น,เหล่าเจ้าสำนักพันธมิตรที่ครุ่นคิด,และขึ้นเวที,คนแล้วคนเล่า.
หลังจากผ่านไปสามสิบนาที.
เจ้าสำนักพันธมิตรกว่าสิบคนที่ถูกเซียวจุ้ยจื่อจัดการ,โดยแต่ละคนอยู่บนเวทีได้ไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ชมอยู่เวลานี้ดวงตาเบิกกว้าง,อ้าปากกลมโต.
คนที่ขึ้นเวทีไปไม่ใช่ศิษย์ด้วยซ้ำ,เจ้าสำนักพันธมิตรอ่อนด้อยขนาดนี้เลยรึ?
ปรกติที่ทำตัวสูงส่ง,ตอนนี้นอนหมดสติเกลื่อนด้วยฝีมือของศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง,เรื่องนี้ราวกับว่าพวกเขาฝันไป.
คนที่เหลือเวลานี้แทบล้มทั้งยืน.
เซียวจุ้ยจื่อที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยท่าทางอหังการ,ไม่มีเหงื่อไหลออกมาสักหยด.
นี่อธิบายออกมาได้อย่างไร?
แปลว่าไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย!
ระดับศิษย์ยุทธ์,คาดไม่ถึงเลยว่าจะทรงพลังร้ายกาจขนาดนี้.
ความแข็งแกร่งของเซียวจุ้ยจื่อ,ทำให้ชาวยุทธ์เมืองหลี่หยางตื่นตกใจอย่างสมบูรณ์,แม้แต่เจ้าเมืองอ้าวที่จ้องมองอยู่ไกล
ๆ เองก็ตะลึงไม่แพ้กัน.
ในเวลานี้,เขาเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์,ทำไมอีกฝ่ายถึงเป็นผู้ชนะเลิศในมนทลเหอหยางได้!
ความแข็งแกร่งที่ระดับอาจารย์ยุทธ์ไม่สามารถเทียบเคียงได้,จะมีคู่ต่อสู้คนใหนในรุ่นเดียวกันต่อกรกับเขา,ได้รับชัยชนะเลิศเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว!
สำนักไท่กู่เจิ้งไม่ธรรมดา,ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!
เจ้าเมืองอ้าวรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที,ที่เขาไม่ได้ปฏิเสธจุนซ่างเซียวรับศิษย์ในเมืองนี้,ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเขายืนอยู่ข้างพันธมิตรร้อยสำนักและล่วงเกินอีกฝ่าย.
เมืองหลี่หยาง,อาจนับได้ว่าเป็นหนึ่งกลุ่มอิทธิพลที่ไม่ใช่สำนัก,ดังนั้นเรื่องนี้ควรยกให้เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับสำนักต่าง
ๆ,หมายความว่าเขาไม่ได้ล่วงเกินใคร.
“ยังมีใคร,ต้องการต่อสู้กับข้าหรือไม่?”
เซียวจุ้ยจื่อที่ยืนอยู่บนเวที,พร้อมกับผายมือเชิญชวนด้วยความอหังการ.
ด้วยการที่เซียวจุ้ยจื่อเป็นคนของเมืองนี้,การที่เขาเอาชนะเหล่าเจ้าสำนักพันธมิตร,ทำให้เป็นที่จับตามองและชื่นชอบของทุกคน.
นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำไมจุนซ่างเซียวให้เซียวจุ้ยจื่อตามมาด้วย,ไม่ได้เลือกหลี่ชิงหยางหรือเย่ซิงเฉิน.
นี่คือศิษย์ที่เป็นดั่งสมบัติล้ำค่า.
เป็นคนที่คนในเมืองหลี่หยางรู้จัก.
หากเป็นผู้ฝึกยุทธ์ต่างถิ่นย่อมไม่ทำให้คนเหล่านี้รู้สึกภาคภูมิไปกับชัยชนะในครั้งนี้ด้วย.
ขอถามว่า,จะมีใครที่ทำได้,เซียวจุ้ยจื่อที่เอาชนะเจ้าสำนักสิบกว่าคนพร้อมกัน,เรื่องนี้ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงอย่างหนัก.
สุดยอดพรสวรรค์ของเมืองนี้ได้กลับมาแล้ว!
ผู้ฝึกยุทธ์เมืองหลี่หยางที่ยอมรับความจริงในที่สุด,พวกเขาที่เห็นด้วยในที่สุด,ผู้ชนะเลิศการแข่งขันประลองยุทธ์สำนัก,ไม่ได้โชคดีหรือบังเอิญอะไรทั้งนั้น!
ทว่าคนที่ต้องโกรธเกรี้ยว? คนที่บ้าคลั่งนั้นควรเป็นใคร?
ตระกูลเซียวไงล่ะ!
ตระกูลที่มีสมบัติล้ำค่าอยู่แล้ว,แต่กับหาว่าเป็นขยะไล่ออกไป,เวลานี้พวกเขาที่ได้แต่มองด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว,จ้องมองเงียบ
ๆ มองเซียวจุ้ยจื่อเอาชนะเหล่าเจ้าสำนักพันธมิตร.
ซึ่งในเวลานี้,ขณะที่เซียวจุ้ยจื่อประลองอยู่นั้น,บนโรงน้ำชาไกลออกมา,อาวุโสใหญ่ที่จ้องมองผ่านหน้าต่างมาเช่นกัน.
ระยะทางที่ห่างไกลอยู่เล็กน้อย.
แต่กระนั้นทุกคนก็สามารถรู้ได้.
ในเวลานั้นเซียวจุ้ยจื่อที่ยกยิ้มขึ้น,ราวกับต้องการบอกอาวุโสใหญ่และคนของตระกูลเซียวทุกคน.
ข้า,เซียวจุ้ยจื่อ,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง,กลับมาแล้ว.
“กึก ซี่”
อาวุโสใหญ่ที่กำหมัดแน่น,สายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร.
เขารู้ได้ในทันที,เรื่องที่เซียวจุ้ยจื่อเอาชนะเจ้าสำนักพันธมิตรหลายคนในเมืองครั้งนี้,จะต้องแพร่กระจายไปทั่วมนทล,และตระกูลเซียวก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะอีกครั้งแล้ว.
เขาที่เสียใจเรื่องในอดีต,เสียใจความผิดพลาดที่เกิดขึ้น!
หากแต่ไม่ใช่เสียใจที่ไล่เซียวจุ้ยจื่อออกจากตระกูล.
แต่เป็นเสียใจที่ไม่ได้สังหารเจ้าขยะนี้ไป,จนปล่อยให้มันฟื้นคืนกลับมาได้!
“เจ้าหมาแก่.”
จุนซ่างเซียวที่รับรู้ได้เช่นกัน,บนโรงน้ำชาที่อยู่ไกลออกไป,คนของตระกูลเซียวที่กำลังจ้องมองมานั้น,เขาที่เอ่ยออกมาเบา
ๆ,”หากกล้าหาเรื่องศิษย์ของข้าอีกครั้งล่ะก็,ลืมไปได้เลยเรื่องสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองนี้,เปิ่นจัวจะลบตระกูลเซียวทิ้งไปอย่างแน่นอน.”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น