วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 251 Entered Jianghu, the life and death not as one pleases

Strongest Sect of All Times  Chapter 251 Entered Jianghu, the life and death not as one pleases

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 251 Entered Jianghu, the life and death not as one pleases

入了江湖,生死不由己

 

เจ้าสำนักฉีซาน,ผู้สูงส่ง,เหลียวซางฟาง,ท้ายที่สุดก็ตายลงด้วยความทรมาน,ดวงตาเหลือกค้าง,แขนขากุด,ทั่วร่างเป็นรอยดาบเฉือนไม่มีชิ้นดี,ความตายที่ค่อย ๆ สิ้นลง,ด้วยความทรมานขั้นสุด.

โหดร้าย? ยิ่งกว่าคำว่าโหดร้าย!


สังหารศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง,จะต้องชดใช้อย่างสาหัส!

จุนซ่างเซียวที่เก็บดาบ,จิตสังหารที่ผ่อนลง,ก่อนที่จะเดินไปหาเซียวจุ้ยจื่อและศิษย์อีกสองคน,พร้อมกับส่งมอบเม็ดยาฟื้นฟูให้.

ฟิ้ว!

ฟิ้ว!

จากนั้น,ทั้งสองก็ลุกขึ้นยืนได้.

ขณะพวกเขาเห็นเหลียวซางฟางที่ตายอย่างอนาถแขนขาขาดทั้งสองข้าง,ภายในใจก็ตื่นตะลึง,ภายในใจที่ยากจะพรรณนาได้.

ระดับบรรพชนยุทธ์ขั้นที่สอง,เจ้าสำนักระดับหก,ถูกสังหารอย่างง่ายดาย,นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว.

และท้ายที่สุด,เซียวจุ้ยจื่อก็เข้าใจ,แม้นว่าเจ้าสำนักจะไม่ค่อยลงมือ,ทว่ามีความแข็งแกร่งที่ร้ายกาจจริง ๆ.

แทบจะสามารถสังหารเหลียวซางฟางได้ในทันที.

จากนั้นคนของหอฝนพรำก็มาถึง,รวมทั้งหลี่ชิงหยางและซูเซียวโม่ด้วย.

เหล่าชาวยุทธ์ที่ตามเหลียวซางฟางมา,มีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นสองขั้นสาม,ทว่าต่อหน้าคนของสำนักไท่กู่เจิ้งก็จากจะหลบหนีพ้น.

ตามกฎเดิม,สังหารไม่ให้เหลือ.

หลังจากสังหารเสร็จ,ก็นำศพมากองรวมกันและใช้เพลิงเผาให้เป็นเถ้าถ่าน.

เหล่าชาวยุทธ์ที่ตามมาไม่ได้ร่ำรวยนัก,มีเพียงเหลียวซางฟางที่มีทักษะยุทธ์หลายอย่างและศิลาวิญญาณ,แม้แต่เหรียญเงิน 2 ล้านถึง 3ล้าน.

นอกจากนี้ยังมีแกนผลึกระดับกลางนับร้อย,ตลอดจนแกนผลึกระดับสูงกว่าสิบชิ้น.

จุนซ่างเซียวที่ได้รับแกนผลึกมาแอบคิดในใจ,”สามารถใส่เข้าไปในเครื่องฟักไข่,น่าจะเพิ่มได้ 1 หรือสองเปอร์เซ็นล่ะ.”

หลังจากเผาศพของเหลียวซางฟางและพวกเรียบร้อยแล้ว,เขาก็นำศิษย์กลับสำนักไท่กู่เจิ้ง.

ด้วยคนของหอฝนพรำถูกสังหาร,ทำให้เซียวจุ้ยจื่อเวลานี้,ดวงตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า.

หากไม่เพราะว่าข้าประมาท,ปล่อยให้คนของมนทลเหอหยางล้อมกรอบ,ศิษย์น้องคงไม่ต้องตายเพราะข้า.

......

หลังจากลับสำนักไท่กู่เจิ้ง,จุนซ่างเซียวที่สร้างสุสานขึ้นที่หลังเขา,ทำหลุมศพอย่างดีให้กับศิษย์ที่ตายไป.

ในวันนี้,พวกเขาได้จัดพิธีศพขึ้น.

ศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งที่นำดอกไม้มาวางไว้หน้าหลุมศพ,กล่าวลาเพื่อนร่วมสำนักที่จากไป.

“ข้าขอโทษ......”

จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่หน้าหลุมศพ,ก้มหน้า,ใบหน้าโศกเศร้าเป็นอย่างมาก,”ศิษย์น้อง ข้าทำให้เจ้าต้องตาย.”

จุนซ่างเซียวที่ตบไปที่ไหล่ของเขา,เอ่ยออกมาว่า,”ฉินหลี่ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเจ้า,เจ้าควรจะใช้ชีวิตให้ดี,แข็งแกร่งขึ้นเพื่อตอบแทนเขา.”

จากนั้น,ก็เดินจากไป.

คำปลอบโยนใด ๆ ล้วนแต่ไร้ความหมาย,มีเพียงแค่ให้เขาต้องคิดได้เอง.

หนำซ้ำ,ศิษย์เขาตกตายไป,จุนซ่างเซียวก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน,แล้วใครเล่าจะมาปลอบเขากัน.

เซียวจุ้ยจื่อที่ยืนนิ่งไม่กล่าวอะไร,ยืนอยู่ด้านหน้าหลุมศพอย่างสงบ.

จุนกระทั่งผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน,เขาที่กำหมัดแน่น,กล่าวเสียงเบา,”ศิษย์น้อง,หลับให้สบายเถอะ,ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นแทนส่วนของเจ้า,ปกป้องสำนักไท่กู่เจิ้งด้วยชีวิต,ปกป้องสำนักของพวกเรา!

นี่คือสิ่งที่เขาพอจะทำได้.

เขาที่ทำตามเจตนารมที่เจ้าสำนักกล่าวก่อนหน้านี้.

มีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือ,ภายในใจที่กล่าวตำหนิตัวเอง.

หากเขาไม่ให้ศิษย์เดินทางไปเข้าร่วมงานประลอง,ศิษย์ของเขาคนหนึ่งก็ไม่ต้องตาย.

เรื่องศิษย์ที่ตายไป,เคยเกิดขึ้นที่เขาวายุทมิฬครั้งหนึ่งแล้ว.

ทว่าศิษย์คนนั้นขี้ขลาดหวาดกลัวในความตาย,ไม่ลังเลที่จะทรยศสำนักเพื่อเอาชีวิตรอดจากโจวเทียนป้า,ดังนั้นตายแล้วก็ตายไป,จุนซ่างเซียวไม่มีความรู้สึกมากมายนัก.

อย่างไรก็ตาม,ฉินลี่เพราะว่าต้องการช่วยพวกเดียวกันจึงต้องตาย,นี่คือศิษย์ที่แท้จริงของเขา,ทำให้ภายในใจของเขารู้สึกเศร้าเช่นกัน.

“กำลังคิดสิ่งใดรึ? ไม่ออกกำลังกายตอนเช้ารึอย่างไร?”หลี่ลั่วฉิวที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่,เผยยิ้มหวานให้กับเขา.

จุนซ่างเซียวส่ายหน้าไปมา,”คนของหอฝนพรำตายไป,เจ้าไม่เสียใจอย่างงั้นรึ?”

หลี่ลั่วฉิวที่ก้าวเดินเข้ามา,นั่งลงที่ด้านหน้าเขา,มือทั้งสองข้างที่กอดอกเอาไว้,กล่าวออกมาว่า,”คนตายไม่ฟื้นคืนชีพ,เศร้าแล้วมีประโยชน์อะไร?”

จุนซ่างเซียวที่ตกใจ.

ใช่แล้ว,คนตายไม่ฟื้นคืนชีพ,เศร้าไปแล้วมีประโยชน์อันใด?

หลี่ลั่วฉิวเอ่ยต่ออีก,”ในเมื่อพวกเราเกิดในโลกที่ดุร้าย,การจากไปของมิตรสหาย,มีแต่ที่จะทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ,นั่นก็เพื่อที่จะตอบแทนวิญญาณของพวกเขาบนสวรรค์.”

คำพูดดังกล่าวนั้นเขาได้ใช้ปลอบเซียวจุ้ยจื่อ,เพื่อที่จะให้ศิษย์ของเขาคิดได้,ทว่าไม่คิดเลยว่าจะมีคนนำมาปลอบเขาด้วยคำพูดนี้.

หลี่ลั่วฉิวเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง,”สำนักไท่กู่เจิ้งของพวกเราต้องการแข็งแกร่งขึ้นท่ามกลางโลกที่โหดร้าย,ย่อมต้องมีขัดแย้งกับคนอื่น,พวกเราย่อมมีศัตรูมาแผ้วพาน,แม้แต่ถูกสังหารให้ตายไป.”

จุนซ่างเซียวรู้ว่า,สิ่งที่นางต้องการสื่อนั้น,ฉินลี่ตายแค่เริ่มต้น,การจะก้าวเดินไปในโลกแห่งความโหดร้าย,ศิษย์ของเขาจะต้องตกตายไปอีกมาก.

เขาไม่หวังที่จะให้ศิษย์ของเขาต้องตาย,ทว่าไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อก้าวเดินไปในยุทธภพแล้ว,เป็นหรือตายก็ยากจะบอกได้.

จุนซ่างเซียวนั่งพิงเก้าอี้เอ่ยออกมาว่า,”ข้าจะพยายามยกระดับความแข็งแกร่งของศิษย์,ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น,จะได้มีโอกาสรอดมากกว่าตาย.”

หลี่ลั่วชิวที่ลุกขึ้นและกล่าวออกมาว่า,”ข้าก็จะฝึกฝนสมาชิกตึกฝนพรำ,ให้พวกเขามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเผชิญอันตรายทั้งหมดได้.”

......

จุนซ่างเซียวที่เลิกล้มความคิดที่จะส่งศิษย์เข้าร่วมงานประลองต่อไปชั่วคราว,ตอนนี้ได้ให้ทุกคนฝึกฝนในสำนักอย่างหนัก.

ไม่กี่วันหลังจากนั้น.

เมื่อครบเดือน,ก็มีการจัดการประลองในสำนักขึ้น.

เพราะว่ามีศิษย์ที่มีความสามารถแตกต่างกัน,ดังนั้นจึงมีการแบ่งระดับในการประลอง.

มีศิษย์หลายคนที่เข้าร่วม,การประลองภายในหลายคน,ศิษย์ที่ได้ลำดับหนึ่งก็จะได้รับทรัพยากรที่เพิ่มมากขึ้น.

สิ่งเหล่านี้,แม้นว่าระดับจะไม่ได้สูงนัก,ทว่ารางวัลที่มอบให้,ก็จะทำให้ศิษย์ของเขาแข่งแกร่งขึ้น.

แน่นอน.

แม้นว่าจะเป็นการประลองภายใน,ทว่าก็ทำให้ศิษย์ของเขาสนใจเป็นอย่างมาก.

โดยเฉพาะการประลองภายในประจำปี,ผู้ที่ได้รับชัยชนะเลิศ,จะได้กลายเป็นศิษย์สายใน.

สำนักไท่กู่เจิ้งเวลานี้มีศิษย์สายในเพียงเจ็ดคน,การแข่งขันกันของศิษย์สายนอกย่อมสูงล้ำ,พวกเขาก็หวังที่จะกลายเป็นศิษย์สายในเช่นกัน.

กล่าวตามตรงล่ะก็,คนที่มีโอกาสได้เป็นศิษย์สายในมากที่สุดตอนนี้ก็คือหลงจื่อหยาง,หยางยูหัว.

จากนั้นก็เป็นกลุ่มของจางเหว่ยที่ได้รับน้ำยายกระดับทั้งสิบคน.

ในสำนักระดับหก,ขอเพียงมีรากวิญญาณระดับสูง,ไม่เพียงแต่ได้เป็นศิษย์สายในทันที,ยังได้กลายเป็นศิษย์สายตรงด้วย,แตกต่างจากสำนักไท่กู่เจิ้งที่ยังต้องแข่งขันกันอยู่,เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเล็กน้อย.

ไม่ต้องบอกก็รู้.

ใครบอกให้รากวิญญาณระดับศิษย์ยอดมีมากมายหลายคนล่ะ.

เวลานี้ลี่เฟยที่ทำภารกิจสำเร็จ,เขาได้รับน้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์ระดับสุดยอด,และเมื่อดื่มพลังบ่มเพาะของเขาก็ก้าวไปถึงระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่เก้าแล้ว.

ตามที่คำนวณ,ศิษย์สายในของสำนักไท่กู่เจิ้ง,มีเพียงเถียนซีคนเดียวที่ยังมีระดับรากวิญญาณขั้นสูง,ส่วนคนอื่น ๆ ล้วนแต่มีรากวิญญาณระดับสุดยอดกันหมดแล้ว!

ในสำนักระดับแปด ไม่นับจุนซ่างเซียว,ไม่นับลู่เชียนเชียน,เวลานี้มีศิษย์รากวิญญาณระดับสุดยอดห้าคนและยังมีรากวิญญาณระดับสูงอีกสิบคน,เรื่องนี้หากมีคนรับรู้,คงจะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งทวีปชิงหยุนอย่างแน่นอน.

“ขอบคุณเจ้าสำนักที่มอบยาให้กับข้า!

หลังจากรากวิญญาณยกระดับ,ลี่เฟยที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก.

“ไปได้.”

จุนซ่างเซียวโบกมือ.

เมื่อศิษย์ของเขาไปแล้ว,จุนซ่างเซียวก็เข้าไปยังห้องหนังสือ,นำแกนผลึกที่ได้มาจากเหลียวซางฟาง,ใส่เข้าไปในเครื่องฟักไข่.

ด้วยแกนผลึกระดับสูงไม่น้อย,อันตรายกลายพันธ์ที่ยกระดับจาก 85% กลายเป็น 87%”

เป็นความจริง,นี่คือการผลาญเงินอย่างแท้จริง.

......

เวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว,พริบตาเดียวก็ผ่านมากกว่าสิบวันแล้ว.

จุนซ่างเซียวนอกจากบ่มเพาะ,ชี้แนะศิษย์ของตัว,เขาก็มาดูเครื่องฟักไข่อยู่ทุกครั้ง.

“ติ๊ง!

บนหน้าจอเครื่องฟักไข่นั้นแสดงตัวเลข 15/15 วันแล้ว.

“ฟู่!

พลังวิญญาณของแกนผลึกในเครื่องฟักไข่ที่พลุ้งพล่านรวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง,ในเวลาต่อมามันได้ถูกดูดซึมเข้าไปในไข่มังกร.

“แก๊ก!

เสียงปริแตกที่ดังขึ้น.

ไข่มังกรเริ่มมีรอยร้าว,กระจายไปทั่วไข่ทั้งใบช้า ๆ.

“ฟิ้ว!

แสงสีแดงที่ส่องลอดรอยแตกของเปลือกไข่.

เปลือกไข่ที่หลุดร่อนออกไปเป็นแผ่นบาง ๆ!

จุนว่างเซียวที่จ้องมองอย่างใจจดใจจ่อ,ภาวนาในใจ,”กลายพันธ์,เจ้าต้องกลายพันธ์ อ๊าก!


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น