Strongest Sect of All Times Chapter 248 Rescue
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 248 Rescue!
救援!
อัตรากลายพันธ์ที่เพิ่มมาเป็น 85%จุนซ่างเซียวที่ต้องตัดสินใจยอมแพ้,เวลานี้เหลือเพียงเงิน 20
กว่าล้าน,หากใช้ไปทั้งหมดก็เพิ่มขึ้นมาได้แค่ 1-2% ตอนนี้คงทำได้แค่ปล่อยไปตามดวง.
โอกาสความน่าจะเป็นเพิ่มขึ้นอีก 1% อัตราการกลายพันธ์อาจจะเพิ่มขึ้นด้วย.
ทว่าไม่ว่าจะเพิ่มหรือลด,ก็ไม่มีสิ่งยืนยันได้ว่าจะสำเร็จ,เขาไม่สามารถที่จะลงทุนต่อไปได้อีก,มันเป็นการเผาผลาญเงินมากจนเกินไป.
หากว่าล้มเหลวจะทำอย่างไร?
โอกาสสำเร็จ 85% หวังว่าคงจะไม่ซวยจนเกินไป.
“โอกาสล้มเหลว 15 %,หวังว่าคงจะไม่โชคร้าย.”จุนซ่างเซียวกล่าวปลอบใจตัวเอง.
ระบบเอ่ย,” 15% ก็มีโอกาสที่จะล้มเหลวได้เช่นกัน.”
ไม่ต้องกล่าวทำลายจิตใจข้าเลย!
จุนซ่างเซียวที่ไม่สนใจเรื่องดังกล่าวอีกต่อไป,ตอนนี้ทำได้แค่รออย่างใจเย็น.
ตอนนี้ผ่านมาแค่หนึ่งวัน,ยังเหลืออีก 14 วัน.
เวลาฟักไข่ยังอีกนาน,ดังนั้นตอนนี้ควรที่จะบ่มเพาะพลังตัวเองและแนะนำศิษย์.
เช้าวันถัดมา.
ซูเซียวโม่ที่มาจากมนทลด้านนอกเข้าร่วมงานประลองยุทธ์สำนักได้กลับมา,ร่างกายที่ไร้รอยขีดข่วน,หากแต่ร่างกายทั่วร่างเต็มไปด้วยฝุ่นเกาะเต็มไปหมด.
จากที่เห็นเขาวิ่งกลับมาด้วยความเร็วสุดจิตสุดใจ.
ทันทีที่เข้าสำนักมา ก็ถูกเหล่าศิษย์น้องรุมล้อมทันที,เห็นศิษย์พี่มีเหรียญผู้ชนะเลิศกลับมา,ทุกคนที่ส่งเสียงดังก้อง.
ศิษย์พี่รองก่อนหน้านี้ก็ได้ชัยชนะเลิศกลับมา,และตอนนี้ศิษย์พี่สามก็ได้อีกคน,จิตใจของเหล่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่ฮึกเหิม,มองเห็นอนาคตที่สดใสไปเรียบร้อยแล้ว!
ซูเซียวโม่ที่เข้าพบเจ้าสำนัก,พร้อมกับส่งรางวัลชัยชนะเลิศให้กับเขา.
เขาไม่มีทางที่จะแอบเม้มใด ๆทั้งนั้น,เพราะหากไม่มีเจ้าสำนัก,เขาก็ไม่มีวันนี้,ไม่มีทางที่จะชนะเลิศได้ง่าย
ๆ.
แน่นอน.
จุนซ่างเซียวย่อมไม่ปฏิบัติกับเขาอย่างไรความเป็นธรรมอย่างแน่นอน,เขาได้มอบศิลาวิญญาณให้กับซูเซียวโม่สิบก้อน.
ที่เหลือเก็บไว้,เพื่อเป็นรางวัลในงานอย่างอื่น,ให้กับศิษย์คนอื่น
ๆ.
ไม่กี่วันหลังจากนั้น,ลี่เฟยและเถียนซีก็กลับมา.
ทั้งสองก็ไม่ได้ทำให้เจ้าสำนักผิดหวัง,กลับมาพร้อมตำแหน่งผู้ชนะเลิศ,ได้รับทรัยากรฝึกฝนไม่น้อย.
ศิษย์สายในภายใต้การดูแลของจุนซ่างเซียวนั้น,แม้นว่าพวกเขาจะอยู่ในระดับศิษย์ยุทธ์,ทว่าความแข็งแกร่งนั้นแข็งแกร่งทะลุไปถึงระดับอาจารย์ยุทธ์เรียบร้อยแล้ว.
นอกเหนือจากการประลองที่เฉพาะ,การต่อสู้กับสำนักระดับต่ำ,พวกเขาไร้เทียมทาน,ไม่มีใครสู้ได้อย่างแน่นอน.
“ทั้งสี่คน,ได้รางวัลศิลาวิญญาณรวมกัน 100
ก้อน,แม้นว่าจำนวนจะไม่มาก,ทว่าถือว่าเก็บเกี่ยวได้เป็นอย่างมาก.”
การส่งศิษย์เข้าร่วมประลองยุทธ์สำนัก,ได้รับทรัพยากรกลับมาไม่น้อย,จุนซ่างเซียวที่รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก.
น่าเสียดาย.
การแข่งขันนั้นมีน้อยมาก,ไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างสะดวกสบายนัก.
“แปลก.”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา,เอ่ยออกไปว่า,”ทำไมจุ้ยจื่อยังไม่กลับกัน?”
ศิษย์สายในห้าคนเสร็จสิ้นภารกิจกลับมากันหมดแล้ว,เหลือเพียงเซียวจุ้ยจื่อยังไม่กลับมา.
เป็นไปได้ว่า.
เกิดปัญหาในงานประลองอย่างงั้นรึ?
“เจ้าสำนัก!”
ในเวลานั้น,หลี่ลั่วฉิวที่ก้าวเข้ามาในห้องโถงอย่างรีบเร่ง,เอ่ยออกมาว่า,”ที่มนทลเหอหยางมีข่าวส่งมา,เซียวจุ้ยจื่อได้ชัยชนะเลิศการแข่งขัน,ทว่าถูกคน
กลุ่มใหญ่หยุดเอาไว้ในป่าแห่งหนึ่ง,สถานการณ์ไม่ดีนัก,จำเป็นต้องไปช่วยอย่างรวดเร็ว!”
จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้ว.
ไม่แปลกใจเลยว่าไม่กลับมา,แท้จริงถูกขวางเอาไว้นี่เอง!
“อีกฝ่ายมีกี่คน?”
“อย่างน้อยก็ 110 คน,มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับบรรพชนยุทธ์หลายคนด้วย.
จุนซ่างเซียวที่เงียบไปครู่หนึ่งและเอ่ยออกมาว่า,”เรียกคนของหอฝนพรำ,เดินทางไปยังมนทลเหอหยางพร้อมกับเปิ่นจั้ว.”
“รับทราบ!”
หลี่ลั่วฉิวที่ออกจากห้อง,สั่งการคนของหอฝนพรำในทันที.
สำหรับความหมายของจุนซ่างเซียว,คือให้ศิษย์คนอื่น
ๆ บ่มเพาะในสำนักต่อไป.
ทว่าเมื่อเข้าก้าวออกมานอกห้องโถง,ก็พบหลี่ชิงหยาง,ซูเซียวโม่และศิษย์อีกหลายคนที่ยืนอยู่ด้านนห้า,ใบหน้าที่เผยความลึกล้ำ.
พวกเขาที่ได้รับข่าวว่าศิษย์น้องเซียวถูกขวางเอาไว้ที่มนทลเหอหยาง.
“พวกเจ้าก็ต้องการจะไปอย่างงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หลี่ชิงหยางเอ่ย,”ศิษย์น้องกำลังประสบความยากลำบาก,พวกเราต้องการไปช่วย!”
“ก็ดี!”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ออกเดินทาง!”
ศิษย์อีกหลายคนก็ต้องการไปช่วยศิษย์พี่เซียวเหมือนกัน,ทว่าก็รับรู้ความแข็งแกร่งของตนดี,ไม่เพียงแต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้,ยังไปถ่วงความเร็วที่จะไปช่วยด้วย,ดังนั้นจึงทำได้แค่มอง,และภาวนาช่วยเท่านั้น.
......
ฟิ้ว!ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ระหว่างทางไปยังมนทลเหอหยาง,สมาชิกหอฝนพรำกว่าห้าสิบคนที่ใช้ก้าวปิศาจพุ่งออกไปเป็นกลุ่มใหญ่.
“มารดาเถอะ!”
ลี่ซางเทียนที่ตามมาด้วย,เอ่ยออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว,”ใจกล้าเกินไปแล้ว,กล้ารังแกศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง!”
เจ้าเด็กนี้ตั้งแต่เหตุการณ์หออินทรีย์ดำ,ดูเหมือนว่าจะเติบขึ้นอย่างมาก,เมื่อเทียบกับคนอื่น
ๆ.
เพราะว่าเป็นภารกิจช่วยเหลือ,ทุกคนจึงได้เดินทางด้วยความเร็ว.
จุนซ่างเซียวที่ขี่พยัคฆ์หนุ่มสายฟ้าม่วงนำหน้า,แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา,แม้แต่เผยความดุร้ายออกมา.
แม้นว่าจะไม่รู้อีกฝ่ายขวางเซียวจื่อจื่อเพื่ออะไร,ทว่าในเมื่อกล้าหาเรื่องสำนักไท่กู่เจิ้งของข้า,จะต้องถูกลงทัณฑ์!
หลี่ชิงหยางและซูเซียวโม่ที่ไล่ตามมา,ด้วยความเป็นห่วงศิษย์น้องเช่นกัน,ดังนั้นพวกเขาจึงเพิ่มความเร็วขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า,จนไม่สามารถเพิ่มความเร็วไปกว่านี้อีกแล้ว.
ศิษย์น้องเซียว.
พวกเรามาช่วยแล้ว!
ระยะห่างระหว่างมนทลเหอหยางและมนทลชิงหยางนั้นราว
ๆ พันลี้,ปรกติต้องใช้เวลาดินทาง 2-3 วัน.
อย่างไรก็ตามจุนซ่างเซียวที่นำศิษย์เดินทางมาด้วยความเร็วเต็มที่,มาถึงที่นี่เวลาเย็น,ก็เข้าอาณาเขตมนทลเหอหยางแล้ว.
ลี่ลั่วฉิวที่ยืนอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง,ตรวจสอบพื้นที่รอบ
ๆ,ก่อนที่จะพบกันสัญลักษณ์ที่คนของนางทิ้งเอาไว้,ชี้ไปยังทิศตะวันออก,”เจ้าสำนัก,ควรเป็นที่นั่น.”
“ไป.”
จุนซ่างเซียวที่พุ่งตรงไปยังทิศตะวันออกในทันที.
......
ภายในหุบเขาที่ซ่อนตัว.
เซียวจุ้ยจื่อเสื้อผ้าขาดวิ่น,รอบ
ๆแขนขามีรอยกระบี่มากมาย,เขาถือไรเฟิลสไนเปอร์,แววตาเผยความเย็นชาออกมา.
ร่างกายของเขาที่ซีดขาว,ไม่เพียงมีบาดแผลมากมายทั่วร่าง,ยังบาดเจ็บภายในด้วย.
หลังจากเสร็จสิ้นงานประลองยุทธ์สำนักของมนทลเหอหาง,เซียวจุ้ยจื่อกำลังจะกลับสำนัก,กลับมีผู้ฝึกยุทธ์หลากหลายทางขวางทางเอาไว้.
เหตผล?
เหล่าคนที่พ่ายแพ้,ย่อมไม่ยินยอมในการพ่ายแพ้ของตน.
เพราะว่าการประลองยุทธ์สำนักครั้งนี้,ศิษย์มากมายหลากหลาคนต่างดูแคลนเซียวจุ้ยจื่อที่เป็นสำนักระดับแปดจากดินแดนระดับเก้า,ทำให้พวกเขาไม่เห็นเซียวจุ้ยจื่อในสายตา.
มนทลเหอหยางนั้นมีสำนักใหญ่มากมาย,ย่อมไม่เอาเรื่องนี้มาคิดแม้แต่น้อย.
เมื่อศิษย์ของพวกเขาบาดเจ็บกลับมา,พวกเขาก็พร้อมจะแก้แค้นเอาคืนในทันที!
“ไอ้หนู!”
ในเวลานั้น,เสียงที่ดังขึ้นผ่านเข้ามา,”เจ้าคิดจะอยู่ในหุบเขาไปตลอดเลยรึไง,ยอมแพ้ซะ,คิดว่าในมือมีอาวุธลับที่ร้ายกาจ,จะช่วยชีวิตแกได้รึอย่างไร?.”
เซียวจุ้ยจื่อที่ยังถือสไนเปอร์ไรเฟิล,กล้องส่องทางไกลแปดเท่าจ้องมองไปยังต้นของเสียง,มีคนหลายสิบคนปรากฏขึ้น,เขาที่เหนียวไกออกไปในทันที.
ฟิ้ว-
กระสุนที่พุ่งออกไป,สังหารผู้ฝึกยุทธ์ศิษย์ยุทธ์ขั้นหลายคนหนึ่งไปในทันที,เมื่อยิงเสร็จเขาก็เปลี่ยนตำแหน่งของตัวเองในทันที.
“มันอยู่นั่น!”
“มารดาเถอะ,ไล่ตามมันไปเร็วเข้า!”
“อาวุธลับนั่นสังหารพวกเราไปหลายคนแล้ว,จับได้เมื่อไหร่จะต้องแยกร่างของมันให้เป็นเสี่ยง
ๆ!”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์หลากหลายคนที่วิ่งออกไป.
น่าเสียดาย,เซียวจุ้ยจื่อมีประสบการในการสู้แล้วถอย,หลังจากสังหารคนไปแล้วหนึ่งคน,ด้วยอาวุธลับที่เขาถนัด,เขาก็เปลี่ยนที่ซ่อนของตัวเองในทันที.
อย่างไรก็ตาม,หุบเขาดังกล่าวนั้นไม่ใหญ่นัก,ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากสามารถล้อมกรอบและตีวงเข้ามาเรื่อย
ๆ.
เซียวจุ้ยจื่อไม่รู้ว่าเขาสังหารคนไปเป็นจำนวนมากเท่าไหร่,ทว่าเขาเริ่มพบ
อีกไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องถูกจับตัวได้แน่,ดังนั้นเขาจึงลั่นไกยิงออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า.
สังหารให้ได้มากที่สุด,ตายไปจะได้ไม่ขาดทุน.
“ฟู่!”
เสียงของกระแสงลมที่ม้วนกวาดออกมาเป็นบริเวณกว้าง.
“ไม่ได้การ....”ใบหน้าของเซียวจุ้ยจื่อที่เปลี่ยนสี,เขาที่กำลังจะก้าวหลบออกไป,ทว่าก้าวออกไปได้แค่เก้าเดียว,หมัดที่เต็มไปด้วยพลังก็ต่อยมายังด้านหลัง.
“ตูมมม!”
เสียงระเบิด,กระแทกเขาลอยออกไปกระแทกกำแพงศิลา.
ใครบางคนที่ลอบโจมตีเขา,เป็นชายวัยกลางคนในชุดสีขาว,กลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับบรรพชนยุทธ์,เขาเอ่ยออกมาว่า,”เป็นแค่ผู้เยาว์ตัวเล็ก
ๆแต่สามารถซ่อนตัวได้เป็นเวลานานขนาดนี้,ยอดเยี่ยม.”
“อั๊ก!”
เซียวจุ้ยจื่อที่ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก,พ่นโลหิตออกมาคำโต.
“หืม?”
ชายวัยกลางคนที่เผยท่าทางประหลาดใจเอ่ยออกมาว่า,”ทนหมัดของข้าที่มีพลัง
200,000 จินได้,แม้แต่ยืนขึ้นมาได้,ทนทรหดดี.”
เซียวจุ้ยจื่อที่เช็ดโลหิตออกจากปาก,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”....อย่าดูแคลนข้า.”
“ฟิ้ว!”
ชายวัยกลางคนที่ก้าวเข้าไปเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอหังการ,”ข้าต้องการเห็นจริง
ๆ,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง,จะกระดูกแข็งขนาดใหน.”
หมัดของเขาที่ระดมต่อยไปยังร่างของเซียวจุ้ยจื่อ.
ตูมม! ตูมม! ตูมม!
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น