Strongest Sect of All Times Chapter 245 Servants
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 245 Servants
仆人
จุนซ่างเซียวที่มีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่หก,เมื่อใช้ทักษะยุทธ์ด้วย,ทำให้พลังเกินกว่า
100,000 จิน.
เป็นพลังที่น่าเกรงขามมาก.
พลังโจมตีที่ปล่อยออกมานี้ เทียบได้กับระดับบรรพชนยุทธ์ขั้นที่1
ปรกติจะมีพลัง 100,000 จิน.
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง.
แม้นว่าจุนซ่างเซียวจะมีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่หก,ทว่าเทียบได้กับระดับบรรพชนยุทธ์ทั่ว
ๆไปแล้ว,ยิ่งหากใช้ยันต์แห่งพลังจะยิ่งน่าเกรงขามยิ่งกว่านี้.
ลี่ลั่วฉิวที่มีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่หกเช่นกัน,แน่นอนว่าไม่มีพลังเทียบกับเขาได้.
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า,พลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักไท่กู่เจิ้ง,ต้องเป็นเจ้าสำนักจุนอย่างไม่ต้องสงสัย.
เทียบกับเย่ซิงเฉินล่ะ?
แม้นว่าเขาจะแข็งแกร่งด้วยประสบการที่มีในชาติที่แล้ว.
ทว่าเทียบกับพลังที่แท้จริง,ก็ยังด้อยกว่าจุนซ่างเซียวมาก.
แม้นแต่โจวหง,มือกระบี่,หากไม่ใช้วิชาลับเพลงกระบี่เทพเหมันตร์,เทียบพลังโจมตีแล้วยังไม่สามารถนำมานับได้เลย.
ความแข็งแกร่งของเจ้าสำนักจุน,ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นบ่อยนัก.
ต้องไม่ลืมว่า,เขาต้องการยกระดับศิษย์ของตัวเอง,หากไม่พบกับศัตรูที่ทรงพลังจริง
ๆเขาก็จะไม่ลงมือ.
ส่วนในเวลานี้อาวุโสสำนักกุยโซว,ด้วยสถานะของเขา,ทำให้เขาลงมือด้วยตัวเอง.
ความแข็งแกร่งของซ่งสวีนั้นอยู่ในระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่สาม,มีความแข็งแกร่งอยู่ที่
50,000 จิน,ความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันสองเท่า.
แล้วเขาจะรับมืออย่างไร?
แน่นอนว่าไม่สามารถรับมือได้!
ภายใต้หมัดระเบิดของจุนซ่างเซียว,ทั้งพลังและความเร็ว,อีกฝ่ายยากจะหลบได้,หมัดที่กระแทกไปยังท้องเต็ม
ๆ.
อาวุโส,ซ่งสวีที่ตาเหลือก,หลังงอ,เสื้อฟ้าที่ขาดเป็นรูทั่วร่าง.
“อ๊าก!”
โลหิตที่พุ่งออกจากปาก,ความเจ็บปวดที่กระจายไปทั่วร่างในทันที.
จุนซ่างเซียวที่ต่อยซ่งสวีแล้ว,แม้นว่าจะไม่ได้ทำให้เขาตกตายไป,แต่ก็บาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน.
ร่างกายที่กึ่งเป็นกึ่งตาย,ไม่มีเค้าโครงความยโสโอหังก่อนหน้านี้เหลืออยู่เลย.
“กึก!”
มือข้างหนึ่งของเขาที่ยื่นออกไป,กุมคอของซ่งสวีเอาไว้,ยกเขาขึ้นด้านหน้า.
แววตาของจุนซ่างเซียวที่เต็มไปด้วยความเย็นชา,”กล้ามาสำนักไท่กู่เจิ้งของข้า,เอาชีวิตลูกศิษย์ของข้างั้นรึ?
คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ.”
จิตสังหารที่รุนแรง,อาบไล้แผ่ออกไปทั่ว.
ต่อหน้าศิษย์,เขาที่แสดงสีหน้าอบอุ่นเป็นมิตรออกมาตลอดเวลา,ทว่าต่อหน้าศัตรูนั้นเขาไม่ต่างจากเทพมารแม้แต่น้อย.
จุนซ่างเซียวที่เปลี่ยนไปในทันที,ราวกับเป็นคนละคน,ทว่านี่ถึงจะเรียกว่าคนของทวีปชิงหยุน.
“นี่ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนนิสัย.”
“ข้าไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนคนทวีปชิงหยุน,หากแต่ใครข่มเหงหาเรื่องข้า,ทำร้ายคนของข้า,จะต้องชดใช้อย่างสาสม.”
นับตั้งแต่ที่เขาสังหารทำลายโจรหลายร้อยคนในค่ายวายุทมิฬ,เขาเคยกล่าวกับระบบเช่นนี้มาก่อน.
ทำลายสำนักหลิงชวน.
ทำลายตึกฝนพรำ.
ทำลายหออินทรีย์ดำ.
การกระทำเป็นการบ่งบอก,จุนซ่างเซียวที่ต้องการปรับปรุงตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของทวีปชิงหยุน,ทว่าก็ไม่ต้องการการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติบางอย่างจนไม่เป็นตัวของตัวเองแต่อย่างใด.
นิ้วทั้งห้าที่ค่อย
ๆกดลงไป,ความเจ็บปวดที่แผ่ซานไปทั่วกาย,ขนทั่วร่างลุกตั้งชูชัน,ซ่งสวีที่เผยความหวาดกลัว,”.......อย่าฆ่าข้า.....”
“ไม่กลัวตายไม่ใช่รึ?”จุนซ่างเซียวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
ใครก็อยากมีชีวิตทั้งนั้น,ใครอยากตายกัน!
แรงบีบที่เพิ่มขึ้นเรื่อย
ๆ,ซ่งสวีที่รู้สึกตัวเองก้าวไปยังประตูแห่งความตายก้าวหนึ่งแล้ว.
ประสบการณ์ที่รับรู้ว่าตัวเองกำลังตาย,เป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวจริง
ๆ!
อาวุโสสำนักอี้โซว,สังหารคนไม่กระพริบตา,เพียงแค่ผิดใจเล็กน้อยก็สังหารอีกฝ่ายอย่างโหดร้ายทารุณแล้ว,ตอนนี้ตัวเองได้ลิ้มลองรสชาติประสบการณ์ดังกล่าวเข้าให้แล้ว.
เวลานี้ถึงตาของเขาแล้ว,จุดสิ้นสุดของชีวิต,เส้นทางสู่วัฏจักรสังสารวัฏ,ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองกำลังจะได้เห็น,ชีวิตที่ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว.
“...... ไม่อยาก......ตาย......”
ซ่งสวีที่เสียงสั่นสะท้าน,กล่าวออกมาด้วยความเจ็บปวด,กล่าวด้วยความคาดหวัง.
จุนซ่างเซียวที่หยุดบีบลง,กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา,”ไม่อยากตาย,ก็มาเป็นทาสของข้า.”
ประตูแห่งความตายที่หายไปในทันที,ซ่งสวีที่รู้สึกว่าตัวเองก้าวออกมาจากประตูแห่งความตายได้แล้ว,ความรู้สึกที่รอดตายได้,ทำให้เขายินดีในชีวิตเป็นอย่างมาก.
“ได้...ได้...ข้าจะเป็นทาส!”เขาที่กล่าวเสียงดัง,ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน,เกรงว่าจะถูกสังหารอีก.
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวที่ชักมือกลับและนำมาขัดไว้ที่ด้านหลัง.
“พรึด โครม!”
ซ่งสวีที่ทรุดลงไปกองกับพื้น,หมดเรี่ยวหมดแรง.
ยังมีชีวิต.
ข้ายังมีชีวิต!
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”นับจากวันนี้ไป,เจ้าคือทาสรับใช้ของข้า,เป็นทาสรับใช้ข้า
ต้องฟังคำสั่งของข้า,ไม่เช่นนั้นเจ้าต้องตาย.”
“เข้า....เข้าใจแล้ว....”ซ่งสวีกล่าวเสียงอ่อน.
ขอเพียงมีชีวิตรอด,จะให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น.
จุนว่างเซียวที่ยืนมือออกไปจับไหล่อีกฝ่ายไว้,กล่าวด้วยแววตาเย็นชา,”แล้วเปิ่นจั้วจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?”
“ง่ายมาก.”
ลู่เชียนเชียนไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหล่เอ่ยออกมาว่า,”ให้เขาส่งแก่นวิญญาณออกมา.”
“แก่นวิญญาณอย่างงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวที่ไม่ได้ยินมาก่อน.
ระบบเอ่ย,”แก่นวิญญาณก็คือดวงจิตชีวิตของผู้ฝึกยุทธ์,หากอยู่ในมือใครแล้ว,เป็นดวงจิตที่จะส่งผลจนสามารถทำลายดวงวิญญาณอีกฝ่ายได้.”
ร้ายกาจขนาดนั้นเลยรึ?
“ก็ดี.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ส่งแก่นวิญญาณของเจ้ามา,เปิ่นจั้วจะไว้ชีวิตไม่ให้ตาย.”
แววตาของซ่งสวีที่สั่นกระเพื่อม,ทว่ารับรู้ถึงไหล่ตัวเองเวลานี้กำลังถูกบีบอย่างรุนแรง,เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว,”ข้า...ข้าจะมอบให้!”
กล่าวจบ,เขาที่ใช้ความคิดติดต่อกับดวงวิญญาณ,ก่อนที่จะนำสิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนกับกลุ่มก้อนที่เหมือนร่างกายตัวเองออกมา.
นี่คือแก่นวิญญาณ.
ดูเหมือนว่าสิ่งนี้คงจะเป็นบางอย่างที่เหมือนกับสามจิตเจ็ดวิญญาณ.
ระบบเอ่ย,”ใช้มือคว้าเอาไว้,และเก็บเข้าแหวนมิติ.”
จุนว่างเซียวที่ยื่นมือออกไป,คว้าแก่นวิญญาณ,จากนั้นก็ใช้เจตจำนงส่งเข้าไปในแหวนมิติ.
เอาล่ะ.
เรียบร้อยแล้ว.
เขาควบคุมชีวิตของซ่งสวีเรียบร้อยแล้ว,ขอเพียงเขาส่งจิตเข้าไปในแหวน,ทำลายแก่นวิญญาณ,อีกฝ่ายก็จะตาย,ดวงวิญญาณแตกสลาย.
แน่นอน.
หากแก่นวิญญาณอยู่รอดปลอดภัย,ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกควบคุมก็จะไม่ได้รับอันตราย,สามารถกินดื่ม,นอนหลังได้เป็นปรกติ.
“ไปได้.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”กลับไปยังสำนักกุยโซวเป็นอาวุโสต่อไป,เมื่อถึงเวลา,เปิ่นจั้วจะติดต่อเจ้าไปเอง.”
“เอ่อ....”
“เรียกข้าว่า จู่เหริน.”
“เอ่อ...จู่เหริน.....”
ซ่งสวีที่ค่อย
ๆยืนขึ้นอย่างยากลำบาก,นำร่างกายที่เจ็บหนัก,ก้าวลงภูเขาช้า ๆ.
ในเวลานี้,เขาที่ได้แต่โอดครวญในใจ.
ทำไมเขาถึงได้มาที่นี่,ทำไมเขาต้องมายังสำนักไท่กู่เจิ้ง!
เวลานี้ถึงจะมีชีวิต.
ไม่ถูกสังหาร,แต่แก่นวิญญาณถูกควบคุมเอาไว้แล้ว,ตัวเองได้กลายเป็นทาสรับใช้ไปแล้ว.
ซ่งสวีที่เหนื่อยล้า,ร่างกายที่ราวกับแก่ลงไปหลายสิบปี.
“ติ๊ง!
ยินดีกับโฮสน์ที่ทำภารกิจลับสำเร็จ【ทาสในเรือนเบี้ย】ได้รับคะแนนสนับสนุน 100 แต้ม.”
“ติ๊ง! คะแนนสนับสนุน
1050 / 1000.”
“ติ๊ง!
คะแนนสนับสนุนสำนักเกิน.....”
ห๋า?
จุนซ่างเซียวที่ตกใจเอ่ยออกมาว่า,”นี่ก็นับว่าเป็นภารกิจลับอย่างงั้นรึ?”
ระบบเอ่ย,”โฮสน์ได้กุมชะตาชีวิตของคนอื่น,มีทาสรับใช้ที่ไม่สามารถขัดขืนได้.”
“โอ้ว.”
จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้ม,”กำไรเห็น ๆ.”
“เจ้าสำนัก.”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”ทำไมไม่สังหารเขาเลยล่ะ?”
จุนซ่างเซี่ยวที่สีจมูกไปมา,”สังหารเขา,สำนักกุยโซวคงไม่ยอมง่าย
ๆแน่,เปิ่นจัวไม่ต้องการสร้างปัญหาขึ้นอีก.”
เพิ่งทำลายหออินทรีย์ดำไป,ไม่ใช่ว่าต้องทำลายสำนักกุยโซวอีกงั้นรึ?
เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาอยู่เล็กน้อย.
อีกอย่าง.
ในช่วงนี้ไม่เหมาะที่จะออกไปทำลายล้างสำนักอื่น,เขาต้องการเก็บเนื้อเก็บตัวไม่เป็นจุดสนใจพัฒนาสำนักอย่างถ่อมตนมากกว่า.
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น