Strongest Sect of All Times Chapter 223 Extinguishes Black Eagle Hall, the action!
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 223 Extinguishes Black Eagle Hall,
the action!
灭黑鹰堂,行动!
กองเงินกองทอง,อธิบายได้ว่าร่ำรวยมั่งคั่งนั่นเอง.
ด้วยนำแกนผลึกออกมาขาย,ทำให้จุนซ่างเซียวมีเงินเก็บห้าสิบล้าน,ดังนั้นจึงสำเร็จภารกิจกลับที่ซ่อนเอาไว้ในทันที.
เฮ้อ.
ชื่อภารกิจที่เป็นเหมือนกับคำคมสำนวนเฉพาะอีกแล้ว.
เพราะว่าหลายกลายภารกิจที่สำเร็จ,ล้วนแต่เป็นชื่อภารกิจเป็นสำนวน.
จุนซ่างเซียวที่ส่งจิตเข้าไปด้านใน,ก็พบว่าขนาดของพื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก.
แหวนมิตินั้นเป็นสิ่งที่ระบบเตรียมให้กับเขา,เดิมทีมันก็มีขนาดใหญ่อยู่แล้ว,ตอนนี้เพิ่มขึ้นห้าเท่า,ยิ่งทำให้มีขนาดใหญ่เข้าไปอีก.
“ขยายมากขนาดนี้,หลังจากนี้คงเก็บของได้มากมาย.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ประมุขอ้าย,ตระกูลอ้ายขายศิลาวิญญาณหรือไม่?”
“เรื่องนี้......”
อ้ายซางหนี่ที่ส่ายหน้าไปมา,”ตระกูลอ้าของข้าไม่ได้ทำธุรกิจขายศิลาวิญญาณเลย.”
ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการทำ,แต่ไม่สามารถที่จะทำได้ต่างหาก.
เพราะว่าธุรกิจนี้,เป็นธุรกิจใหญ่มาก ๆ ระดับอาณาจักรก็ว่าได้.
สิ่งสำคัญที่สุดนั้น,คือผู้เชี่ยวชาญศิลาวิญญาณนั้นหาได้ยากมาก
ๆ,ถึงจะเป็นตระกูลอ้าย,ต้องการขาย,ยังไม่มีความสามารถเลย.
“เช่นนั้น.”
จุนซ่างเซียวที่ลุกขึ้น,ยกมือประสาน,”ประมุขอ้าย,จุนโหมวยังมีเรื่องอีกมากมายต้องจัดการ,คงต้องขอลาก่อน.”
หลังจากลาจากประมุขอ้ายแล้ว,เขาก็นำลู่เชียนเชียนออกจากโรงประมูล,ทว่ายังไม่ได้กลับสำนักเลย,พวกเขาเดินทางไปยังพื้นที่ขายสินค้า.
......
พื้นที่ขายสินค้าของเมืองฮู่หยางนั้นเป็นพื้นที่คนพลุกพล่าน,มีร้านค้ามากมาย,หนึ่งในนั้นมีร้านที่มีชื่อว่า,ร้านศิลาวิญญาณถังจี.
ถังจี,หมายถึงกลุ่มตระกูลถังนั่นเอง.
นี่คือตระกูลใหญ่ระดับทวีปชิงหยุน,เป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอย่างมาก.
ร้านค้าศิลาวิญญาณถังจีในมนทลชิงหยางแปดเมือง,ล้วนแต่เป็นร้านของพวกเขาทั้งสิ้น.
พวกเขาเป็นตระกูลการค้าเหมือนกับตระกูลอ้าย,ทว่าตระกูลอ้ายไม่สามารถนำไปเทียบตระกูลถังได้เลย.
นั่นเพราะธุรกิจศิลาวิญญาณนั้นเป็นธุรกิจใหญ่กว่า,ส่วนธุรกิจยาแม้นว่าจะได้กำไรแต่ก็มีเรื่องยุ่งยากเกี่ยวกับสมุนไพรและที่ปลูก
ทำให้ในมนทลชิงหยางตระกูลอ้ายครอบครองส่วนแบ่งการค้าอยู่ที่ 60%
จุนซ่างเซียวเดินทางมาที่ร้านตระกูลถังนั้นก็เพราะต้องการซื้อศิลาวิญญาณนั่นเอง.
หลังจากนำลู่เชียนเชียนมานั้น,เขาก็จ่ายไป 10
ล้านเหรียญซึ่งได้ศิลาวิญญาณไป 1000 ก้อนนั่นเอง.
เงินเขามีมากมาย,แกนผลึกระดับสูงเองก็ไม่ขาด,การซื้อศิลาวิญญาณถือเป็นเรื่องที่ฉลาดที่สุด.
“เซ็งแซ่.”
ในเวลานั้น,ผู้จักการร้านถังจีเผยท่าทางประหลาดใจมาก,”เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งร่ำรวยจริง
ๆ.”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่เห็นเขามาซื้อศิลาวิญญาณกล่าวล้อ,”ในโรงประมูลนั้น,เจ้าสำนักจุนกล้าที่จะยั่วยุนิกายระดับห้าสองนิกายอย่างเปิดเผย.”
ได้ยินมาว่าทั้งนิกายหงอวิ๋นและนิกายถิงอี้หยิ่งในศักดิ์ศรีมาก,การที่ถูกสำนักระดับต่ำหมิ่นเกียรติ,เกรงว่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี.”
“ไม่ต้องรีบ,ไม่ต้องรีบ,รอให้เขาเดินทางไปยังนิกายเซิ่งชวนก่อน,จะรู้ความโชคร้ายเป็นอย่างไร.”
เหล่าชาวยุทธ์ที่ดูแคลน,นับตั้งแต่เขาออกมาจากพันธมิตรร้อยสำนัก,ทำให้ทุกคนว่ากล่าวสำนักไทกู่เจิ้งอย่างเปิดเผย.
......
หลังจากออกจากร้านศิลาวิญญาณ,จุนซ่างเซียวก็ยังคงไปยังร้านค้าอื่น,ซื้อแร่แตกต่างชนิดกว่า
1.1 ล้านเหรียญ.
วัตถุดิบเหล่านี้จำเป็นต่อการหลอมอุปกรณ์,เขาที่ขาดวัตถุดิบ,ดังนั้นจึงจำเป็นต้องซื้อเก็บไว้เตรียมอาวุธให้พร้อมใช้ทุกเมื่อ.
“เช่นนั้นควรจะซื้อวัตถุดิบทำอาหารให้ตู้ตู้ด้วย.
จุนซ่างเซียวที่ไปยังร้านค้าทั่วไป,ซื้อเครื่องปรุงมากมาย,ข้าวสารและผักตลอดจนเมล็ดพันธ์อีกมากมาย.
หลังจากจัดการทุกอย่างแล้ว,เขาก็นำลู่เชียนเชียนกลับสำนัก.
หลังจากผ่านงานประมูล,ก็ทำให้เขามีเงินมากมาย,ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นนิกายใหญ่โต,มีเงินให้ใช้จ่ายอย่างเหลือเฟือ.
นี่สิถึงจะเรียกว่าความรู้สึกของคนรวย.
“เจ้าสำนัก.”
ระหว่างทาง,ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”จะจัดการกับหออินทรีย์ดำเมื่อไหร่?”
จุนซ่างเซียวที่เกือบลืมไปแล้ว,ทว่านางที่ย้ำเตือนเขาอีกรอบ.
“กลับถึงสำนักค่อยเอ่ยอีกครั้ง.”
“เจ้าสำนัก,พวกเราลงมือเองดีหรือไม่,หรือจะนำเหล่าศิษย์น้องออกไปกำจัดโถงอินทรีย์ดำด้วย?”
“ทำไมอย่างงั้นรึ?”
“สำนักมารนั้น,ฝึกฝนวิชาที่ชั่วร้าย,ไม่เป็นผลดีกับพวกเขานัก.”
“......”
จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก.
แม้นว่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจโถงอินทรีย์ดำนัก,ทว่าจะดีจะร้ายก็เป็นสำนักระดับเจ็ด,หากว่าลงมือเพียงสองคน,ดูเหมือนว่าจะเกินไปหน่อย.
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”เจ้าสำนักกลัวงั้นรึ?”
“ไม่ได้กลัว.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เปิ่นจั้ว,ตระหนักได้ว่ามันคือประสบการณ์ที่หายาก,การนำศิษย์คนอื่น
ๆไปด้วย,จะช่วยให้พวกเขาสามารถปรับตัวเข้ากับโลกที่โหดร้ายแห่งนี้ได้.”
“ดี.”
ลู่เชียนเชียนที่ไม่กล่าวอะไรอีกต่อไป.
แม้นว่านางจะเสนอความคิดหลากหลายอย่าง,ทว่าเมื่อเจ้าสำนักตัดสินใจแล้ว,นางก็ไม่เคยโต้แย้ง.
นี่คือลู่เชียนเชียน.
แม้นว่าจะเย็นชาได้ทั้งวัน,ทว่านางก็เป็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งคนอื่น,แน่นอนว่าต้องฟังคำสั่งของเจ้าสำนัก.
......
ก่อนมืด,จุนซ่างเซียวก็กลับถึงสำนัก,ศิษย์ของเขาที่ยังคงบ่มเพาะตามปรกติ.
เขาที่ส่งมอบวัตถุดิบให้กับหลิวหว่านซี่,จากนั้นก็เรียกหลี่ชิงหยางมา,วางแผนที่จะกำจัดหออินทรีย์ดำ.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ชิงหยางเอ่ยอย่างจริงจัง,”การทำลายล้างหออินทรีย์ดำ,ไม่เป็นความคิดที่อหังการไปหน่อยรึ?!”
“.”
เขาหยุดและเอ่ยต่อ,”แต่พวกเขาคือสำนักมารที่อันตรายจริง
ๆ,ในเมื่อมีความแค้นกับสำนักไท่กู่เจิ้งแล้ว,ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องมาหาเรื่องพวกเราแน่.”
“เห็นด้วยอย่างงั้นรึ?”
“เจ้าสำนักคิดว่าศิษย์ควรทำอย่างไรดี.”
หลี่ชิงหยางก็เหมือนกับลู่เชียนเชียน,ในเมื่อเขาเป็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง,ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าสำนัก,ไม่โต้แย้งแต่อย่างใด.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”แจ้งไปยังศิษย์ที่เคยไปหาประสบการที่หุบเขาแห่งความตาย,ให้พวกเขามารวมตัวกันที่ลานยุทธ์ด้านในพรุ่งนี้.
“ครับ.”
หลี่ชิงหยางที่ถอยกลับไป.
จุนซ่างเซียวที่เรียกหลี่ลั่วฉิว,แจ้งข่าวที่เขาจะทำลายหออินทรีย์ดำ,ให้นางรวบรวมสมาชิกหอฝนพรำในทันที.
การทำลายสำนักระดับเจ็ด,นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน.
การนำสมาชิกหอฝนพรำไปด้วย,ย่อมปลอดภัยกว่ามาก.
หลี่ลั่วฉิวที่เป็นมือสังหารมาก่อน,แน่นอนว่าย่อมต้องสนใจเรื่องนี้,นางจึงเอ่ยว่า,”ข้าจะนำคนของข้าล่วงหน้าไปก่อน.”
“อืม.”
จุนซ่างเซียวพยักหน้ารับ.
ในคืนนั้น.
หลี่ลั่วฉิวที่นำงูพิษและแมวภูเขาและสมาชิกอีก
50 คนเดินทางออกไปก่อน.
หลายวันมานี้สมาชิกหลักไม่ได้ถูกส่งออกไปหาข้อมูล,ด้วยพลังบ่มเพราะของพวกเขาแล้วไม่จำเป็นต้องทำงานเหล่านี้,ตอนนี้พวกเขาจำเป็นต้องพัฒนาพลังบ่มเพาะ,ด้วยในสำนัก
มีเครื่องปั้นกล้ามเนื้อ,มีห้องท่าเท้า,ช่วยยกระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาเป็นอย่างมาก.
ในเวลานี้งูพิษและแมวภูเขาได้เลื่อนระดับจากศิษย์ยุทธ์ขั้นปลายเป็นอาจารย์ยุทธ์ขั้นต้นแล้ว.
พวกเขาที่เป็นมือสังหาร,การยกระดับพลังบ่มเพาะจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก.
“ถางจู่.”
ระหว่างถาง,งูพิษเอ่ย,”ตอนนี้พี่น้องของพวกเรากำลังรู้สึกเบื่อ,ในที่สุดก็ได้ยืดเส้นยืดสายซะที.”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ยกล่าวอย่างจริงจัง,”หออินทรีย์ดำนั้นเป็นสำนักมาร,ไม่ใช่อ่อนด้อย,พวกเจ้าอย่าได้ประมาทเด็ดขาด.
“อืม.”งูพิษที่พยักหน้ารับ.
“อีกอย่าง.”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ยเพิ่ม,”ตอนนี้พวกเราเป็นคนของสำนักไท่กู่เจิ้ง,เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงสำนัก,การจะทำอะไรนั้นอย่าได้เลยเถิด,กระทำทุกอย่างภายใต้คำสั่งอย่างเคร่งครัด.”
“รับทราบ!”
สมาชิกหอฝนพรำที่ตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน.
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ในคืนนั้น,สมาชิกกว่าห้าสิบคนของหอฝนพรำที่เดินทางผ่านภูเขา,มุ่งตรงไปยังมนทลฮ่วยหยิงด้วยความเร็วเต็มที่.
“ท้ายที่สุดก็ได้ออกโรงสักที!”
หลี่ซ่างเทียนที่ตามมาด้วย.
แม้นว่าตอนนี้เขาจะมีเพียงระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่สอง,ทว่าด้วยการฝึกฝนของถางจู่หลี่,หลายสิบวันมานี้,ทำให้เขามีความสามารถเท่ากับมือสังหารหลายคน.
โดยเฉพาะเมื่อปรับตัวเข้ากับการฝึกพิเศษได้แล้ว,ก็ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น,โดดเฉพาะห้องฝึกท่าเท้า,ทำให้พวกเขาเดินทางในความมืดได้อย่างดี.
จุนซ่างเซียวที่มอบทรัพยากรมากมายให้ศิษย์,ถึงแม้นว่ารากวิญญาณจะไม่ดีนัก,แต่หากมีความตั้งใจ,ฝึกฝนอย่างหนัก,ย่อมแข็งแกร่งขึ้นในที่สุด.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ซ่างเทียนที่ใช้ก้าวปิศาจ,ตามคนอื่นมา,กล่าวในใจ,”ท่านได้มอบปีกให้กับข้า,วันนี้ข้าจะแสดงให้ท่านได้เห็น,ข้าหลี่ซางเทียนจะต้องโบยบินขึ้นสู่สวรรค์ได้อย่างแน่นอน!”
“อั๊ยยะ.”
งูพิษที่กล่าวข้าง ๆ
เขา,”เจ้าสารเลวน้อยคิดอะไรอยู่อีก,รีบตามมาเร็วเข้า,เดี๋ยวก็ถูกทิ้งหรอก.”
“พี่งู.”
หลี่ซ่างเทียนที่กล่าวเสียงเบา,”ไม่จุดไฟรึ?”
งูพิษที่โบกมือห้ามทันที,”มือสังหาร,เวลาลงมือ,ไม่สามารถสร้างความสนใจได้.”
“รู้แล้ว,รู้แล้ว.”หลี่ซ่างเทียนเอ่ย.
ยกเว้นวันแรกที่ถางจู่เป็นคนฝึกฝน,หลังจากนั้นงูพิษก็รับหน้าที่,แม้นว่าจะดุด่าไปมากมาย,ทว่าก็เพียงแค่ใช้ได้เท่านั้น.
แต่หากไม่มีใครคอยควบคุมอย่างเข้มงวด,ก็ไม่มีทางที่เขาจะประสบความสำเร็จได้.
“พี่งู.”
หลี่ซ่างเทียนเผยยิ้มอย่างมีเลิศนัยย์,”เมื่อไปถึงหออินทรีย์ดำแล้ว,ข้าจะแสดงฝีมือให้ดู.”
“ลืมมันซะ.”
งูพิษที่เบ้ปาก,กล่าวล้อ,”ข้ารู้สึกเมื่อยล้ามากที่ต้องตามเช็ดก้นเจ้า.”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น