Strongest Sect of All Times Chapter 216 Shuts off the danger ahead of time
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 216 Shuts off the danger ahead of
time
将危险提前扼杀
จุนซ่างเซียวที่ตัดสินใจเข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้,เขาได้คิดเอาไว้ว่าอย่างน้อยจะได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับเหล่าเจ้าสำนักใหญ่
ๆ,การออกไปเปิดหูเปิดตาก็ถือว่าเป็นการหาประสบการณ์อย่างหนึ่งเช่นกัน.
ส่วนเจ้าวัง,วังเมี่ยวฮัวนั้น.
อืม,สตรีผู้งดงามที่ยากจะเห็นในหมื่นปี,จะมีความงามแบบใดกัน.
บุรุษทั้งหลาย.
การจะได้เห็นสาวงามเป็นเรื่องธรรมดา.
หากจุนซ่างเซียวกล่าวอย่างเที่ยงธรรมว่าตัวเองไม่ต้องการเห็นหญิงงามดูเหมือนว่าจะหลอกลวงไปหน่อย,...ความจริงมันควรจะเป็นจุดหมายหลักเลยก็ว่าได้.
“เจ้าสำนักจุน.”
ก่อนที่ประมุขอ้ายจะจากไป,เขาได้ส่งแหวนมิติมาหลายวง,กล่าวออกไปว่า,”นี่คือสมุนไพรที่อ้ายโหมวรวบรวมมาเมื่อเร็ว
ๆนี้.”
“ขอบคุณ.”
หลังจากจุนซ่างเซียวรับมา,ได้ยกมือประสานเอ่ยออกมว่า,”พรุ่งนี้จุนโหมวจะเข้าร่วมอย่างแน่นอน.”
อืม.
สมุนไพรที่อัดแน่นเต็มอยู่ด้านในแหวนมิติอย่างครบครัน..
ดังนั้น,สิ่งที่เขาต้องการซื้อเพิ่มจึงไม่มี,สามารถนำมาใช้ได้เลย.
สมุนไพรที่ประมุขอ้ายมอบให้นั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก,จุนซ่างเซียวที่เปิดฟังชันก์หลอมยาขึ้นมาในทันที.
กล่าวตามตรง,เม็ดยาฟื้นฟู,บูรณะร่างกายและเม็ดยาเปิดชีพจรตลอดจนเป็นยาผสานวิญญาณเขามีอยู่เป็นอย่างมาก.
ทว่าเม็ดยาที่ต้องการที่สุดตอนนี้คงจะเป็นเม็ดยารวมวิญญาณพันกว่าเม็ด,ทว่าศิษย์กว่าห้ารอยคน,ถือว่ามันยังไม่เพียงพอ.
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวถอนหายใจ,”ทรัพยากร,อ๊าก,ทรัพยากร,ข้าต้องการทรัพยากร!”
ในคืนนั้น,เขาที่จัดแจงงานให้กับหลี่ชิงหยาง,จากนั้นก็เข้าหอคอยเก็บประสบการณ์สี่ชั่วโมง,เช้าวันต่อมา,กินข้าวเสร็จก็เตรียมเดินทางไปยังเมืองฮู่หยาง.
อย่างไรก็ตาม.
ขณะที่ก้าวเดินลงเขา,ก็เห็นลู่เชียนเชียนที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้.
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยสอบถามออกไป,”เจ้ามาอยู่นี่ทำอะไรอย่างงั้นรึ?”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”ได้ยินจากน้องรองว่าเจ้าสำนักจะเข้าร่วมการประมูล,ข้าจึงต้องการไปเปิดหูเปิดตาเช่นกัน.”
“ฝึกฝนอยู่แต่ในสำนัก,การไปผ่อนคลายบ้างก็นับเป็นเรื่องดี,”จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เช่นนั้นก็เดินทางไปยังเมืองฮูหยางพร้อมกับเปิ่นจั้วก็แล้วกัน.
จากนั้น,ทั้งสองก็เดินทางลงจากเขาไท่กู่เจิ้งพร้อมกัน.
เป็นเรื่องปรกติของเทือกเขาไร้นาม,เมื่อมีสำนักมาตั้งอยู่,แทบทุกแห่งจะถูกเรียกตามชื่อของสำนักที่มาตั้งเป็นเรื่องธรรมดา.
......
ในเวลาเช้า,พื้นที่ทุกแห่งยังคงเงียบสงบ.
แดดเรื่อ ๆ แสงแดดที่ส่องมา,ทำให้ท้องฟ้าค่อย
ๆเข้มสว่างขึ้น,ดูสดใสราวกับดอกไม้ที่ค่อย ๆผลิบาน.
ภูเขาเขาและพื้นที่รอบ ๆยังดูสลัว
ๆ,หมอกที่หนาเข้มกำลังจืดจาง.
จุนซ่างเซียวและลู่เชียนเชียนเดินทางในเวลาเช้า,สัมผัสได้ถึงความสดชื่นของบรรยากาศของอากาศที่สดใส.
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ทั้งสองเดินทางไปด้วยกันเพียงลำพัง,ครั้งแรกก็เมื่อครั้งเดินทางไปยังเมืองชิงหยาง,เข้าร่วมงานรับศิษย์ร้อยสำนัก.
ในเวลานั้น,จุนซ่างเซียวที่ยังคงมือใหม่ท่าทางเหมือนเป็นดั่งอันธพาล,ลู่เชียนเชียนที่เป็นเหมือนกับนางเซียนทั้งคู่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง.
ตอนนี้เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่ห้า,ร่างกายที่แผ่กลิ่นอายที่ดูน่าเกรงขามของเจ้าสำนัก,และมีสตรีผู้งดงามเคียงข้าง,ดูเหมาะสมกันเป็นอย่างมาก.
ที่จริงตลอดหลายเดือนมานี้,ความคิดของลู่เชียนเชียนที่มีต่อเจ้าสำนักเปลี่ยนไปมาก,ทว่าก็ยังคงคุยกันน้อยมาก.
“เชียนเชียน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ก่อนหน้านี้พวกเราเดินทางเข้าร่วมงานรับศิษย์ร้อยสำนักที่เมืองชิงหยางมีเพียงเจ้ากับข้าสองคน,ตอนนี้มีศิษย์กว่าห้าร้อยคนแล้ว,คิดแล้วน่าเหลือเชื่อจริง
ๆ.”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”มีอะไรให้เหลือเชื่อกัน,อย่างน้อยควรจะมีขนาดสำนักที่มีศิษย์หลายพันคน,เส้นทางยังอีกยาวไกล.”
กล่าวตามตรง,ปากกับใจของนางไม่ค่อยจะตรงกันนัก.
สำนักไท่กู่เจิ้งที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว.
ครั้งหนึ่งนางเคยกล่าวไว้ว่าต้องการเป็นเจ้าสำนัก,จะสามารถทำให้สำนักยิ่งใหญ่ในมนทลชิงหยางได้แน่,ทว่าอีกฝ่ายนั้นกลับจวนจะทำสำเร็จแล้ว,ซ้ำยังเกิดขึ้นด้วยเวลาอันรวดเร็ว
ส่วนการกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในทวีปชิงหยุน.
ลู่เชียนเชียนคงบอกได้ว่า,ทำได้แค่ฝันเท่านั้น.
“เหนื่อยใหม? จะพักสักครู่ดีหรือไม่?”
“ไม่เหนื่อย.”
“หิวใหม? กินอะไรดีหรือไม่?”
“ไม่หิว.”
สตรีผู้นี้ก็ยังเย็นชาเหมือนเดิม,จุนซ่างเซียวที่ไม่ใสใจนัก,ทว่าก็เอ่ยออกมาว่า,”เจ้าเคยได้ยินเรื่องวังเมี่ยวฮัวหรือไม่?”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”นิกายระดับสี่,เจ้าวังมีนามว่า,ซี่จิงเสวียน,เป็นสตรีผู้งดงามที่สุดในโลก.”
จุนซ่างเซียวเผยท่าทางประหลาดใจ,”แม้แต่ชื่อเจ้าวังเจ้ายังรู้,ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับนิกายต่าง
ๆดี.”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”เหล่ากลุ่มอิทธิพล,เจ้าสำนักควรจะรับรู้เรื่องนี้ให้แจ่มแจ้ง,ยกตัวอย่างนิกายใดไม่ควรยั่วยุ,นิกายใดที่มีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง.”
“เปิ่นจั้วไม่เคยคิดที่จะก่อปัญหาให้ใคร,เข้าใจเรื่องราวนิกายอื่น
ๆเพื่ออะไร,”จุนซ่างเซียวที่หยุดและกล่าวต่อ,”แล้วทำไมไม่มีใครเข้าใจสำนักไท่กู่เจิ้งของข้าบ้าง?”
เพียงแค่สำนัก,ต้องให้นิกายใหญ่เข้าใจรึ?
หากมีคนได้ยิน,จะต้องว่ากล่าวเหยียดหยันเขาอย่างแน่นอน.
“ไม่ก่อปัญหาอย่างงั้นรึ?”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”รองเจ้าหออินทรีย์ดำและศิษย์มากมายถูกสังหารจนสิ้น,เจ้าสำนักยังบอกไม่ได้สร้างปัญหารึ?
หากมีคนรู้ว่าเป็นฝีมือสำนักไท่กู่เจิ้ง,ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมรามือแน่.”
“คนก็สังหารไปแล้ว,ศพก็เผาจนหมด,จะมีคนรู้ได้อย่างไร.”
จุนซ่างเซียวเอ่ยกล่าวอย่างมั่นใจ.
ด้วยการใช้เพลิงประณีตเผาไป,ย่อมไม่มีร่องรอยอะไรให้สืบ.
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”ไม่ดูแคลนสำนักระดับเจ็ดหน่อยรึ?
อีกทั้งยังเป็นสำนักมาร,พวกเราไม่รู้ว่าพวกเขามีวิธีที่แปลกประหลาดอะไรบ้าง,บางทีพวกเขาอาจจะรับรู้แล้วก็ได้.”
“หนำซ้ำ.”
“หออินทรีย์ดำที่ขวางพวกเรานั้น,ได้พบเข้ากับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัด.”
“ขอเพียงสอบถาม,หรือใช้วิธีทรมาน,ย่อมได้ข้อมูล,และมุ่งเป้าสงสัยมายังพวกเรา.
แม้นว่านางจะพูดน้อย,ทว่าก็กล่าวย้ำเตือนเจ้าสำนักได้ดี.
“พูดมีเหตุผล.”
จุนซ่างเซียวสีคางไปมา,เอ่ยออกมาว่า,”หออินทรีย์ดำ,ควรจะต้องจับตามอง,เพื่อป้องกันพวกเขามุ่งร้ายต่อพวกเรา.”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”ศิษย์เชื่อว่า,เพื่อหลีกเลี่ยงพวกเขาก่อปัญหา,เจ้าสำนักสามารถนำพวกเรา,ไปทำลายองค์กรมารเหล่านั้นได้.”
จุนซ่างเซียวที่ตกใจเอ่ยออกมาว่า,”ดูน่ากลัวเล็กน้อยหรือไม่?”
ลู่เชียนเชียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา,”เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงคมหอกคมดาบในที่มืด,พวกเราควรจะโจมตีออกไปเอง,ก่อนที่ภัยอันตรายจะมาถึง!”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เรื่องนี้ไว้การประมูลจบค่อยคุยกันอีกครั้ง.”
เขายอมรับคำแนะนำของลู่เชียนเชียน,หออินทรีย์ดำก็คือสำนักมาร,ดำเนินสำนักไม่ต่างจากตึกฝนพรำ,หากเขาจะลงมือโจมตี,ย่อมไม่ใช่แปลกอะไรนัก.
จุนซ่างเซียวย่อมไม่กลัวการสร้างปัญหาอย่างตรงไปตรงมา,แต่การใช้วิธีสกปรกลอบโจมตีในที่มืดไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ.
สำนักหลิงชวนเป็นตัวอย่างที่ดี.
หากไม่ลงมือจัดการอย่างเด็ดขาด,ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะวางแผนลอบกัดเวลาใด.
“สำนักมาร.”
จุนซ่างเซียวที่เดินทางไปยังเมืองฮู่หยางครุ่นคิดในใจ,”หากทำลายให้สิ้นคงไม่มีปัญหาใด.”
เขายอมรับคำแนะนำของลู่เชียนเชียน,เพื่อป้องกันภัยร้ายที่ซ่อนเร้น,เขาควรจะลงมือจัดการอีกฝ่ายก่อน.
นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง.
หากว่าตำหนักอินทรีย์ดำของมนทลฮวยหยิง,ไม่เห็นรองเจ้าหอและศิษย์กลับสำนัก,อาจจะเริ่มสืบแล้วก็ได้.
หากว่าพวกเขาสืบสวนจับศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งไปสอบสวนด้วยวิธีที่โหดร้าย,คงไม่ใช่เรื่องดีแน่.
สำนักมารนั้นย่อมไร้เหตุผล,ไม่พูดจากันด้วยหลักฐาน,หากมีความแค้นมีแต่ตัดสินใจกันด้วยความตาย,ไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายให้อยู่รอดปลอดภัย.
อย่างไรก็ตาม.
การสืบสวนเองก็คงต้องใช้เวลาเช่นกัน.
ในเมื่อจุนซ่างเซียวตัดสินใจจะทำลายหออินทรีย์ดำ,เขาก็ควรจะลงมือก่อนอีกฝ่ายจะได้เตรียมตัวทำอะไร.
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น