Strongest Sect of All Times Chapter 170 Criticisms should be feared
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 170 Criticisms should be feared
人言可畏【第三更】
ด้วยป้ายออกภารกิจ,เหล่าศิษย์ที่รับภารกิจเองได้,จุนซ่างเซียวไม่จำเป็นต้องมอบหมายภารกิจให้ใคร,ไม่มีอะไรให้เขาต้องเป็นกังวล.
จากนั้น,เขาก็เรียกซูเซียวโม่,หลี่เฟย,เถียนซี,พร้อมกับมอบน้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์ให้กับพวกเขา.
พวกเขาทั้งสามหลังจากที่ดื่มน้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์.
เถียนซีและหลี่เฟยที่กลายเป็นคนที่มีรากวิญญาณระดับกลาง,พร้อมตัดผ่านระดับไปยังระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่หกทันที.
ส่วนซูเซียวโม่ที่ยกระดับไปเป็นรากวิญญาณระดับสูง,ตัดผ่านระดับไปยังระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่เจ็ดทันทีเช่นกัน.
นับจากนี้,สำนักไท่กู่เจิ้ง,คนที่มีรากวิญญาณระดับสูงนั้นก็ยกระดับจากสามคนเป็นสี่คน,แม้ว่าจะเป็นเพียงสำนักระดับแปดก็ตาม,แต่ก็มีมากกว่าสำนักเห่าฉีสำนักระดับหกคนหนึ่ง.
ทว่ารากวิญญาณระดับสูงของเขา,ความแข็งแกร่งโดยรวมก็มากกว่าด้วย.
“ขอบคุณเจ้าสำนัก!”
ซูเซียวโม่และคนอื่น
ๆยกมือประสานกล่าวขอบคุณในทันที.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ฝึกฝนให้หนัก,หนึ่งเดือนหลังจากนี้,เปิ่นจั้วจะพาพวกเจ้าไปหาประสบการณ์ที่หุบเขาแห่งความตาย.”
เดิมทีทั้งสามที่กำลังตื่นเต้นดีใจ,พอได้ยินคำว่า”หุบเขาแห่งความตาย,”รอยยิ้มก็แข็งค้างไปในทันที.
“มีปัญหาอะไร?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ซูเซียวโม่ที่เอ่ยด้วยท่าทางตกใจ,”เจ้าสำนัก,หุบเขาแห่งความตาย,เป็นสถานที่ต้องห้ามของมนทลชิงหยาง,มีสัตว์ร้ายระดับสูงที่มีความแข็งแกร่งระดับบรรพชนยุทธ์อยู่ทั่วทีด้านใน!”
เถียนซีและหลี่เฟยที่เผยท่าทางหวาดหวั่นขึ้นด้วย.
พวกเขาทั้งสามที่ได้ยินคำพูดของเหล่าคนเฒ่าคนแก่บอกว่าหุบเขาแห่งความตายตั้งแต่ยังเด็กแล้ว,ว่าเป็นสถานที่ต้องห้าม
เข้าไปแล้วไม่สามารถกลับออกมาได้.
นอกจากนี้ยังได้ยินเรื่องราวจากปากของอีกหลายคน.
ชาวยุทธ์มากมายในมนทลชิงหยางต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน,ว่าเป็นสถานที่อันตราย.
นี่คือดินแดนต้องห้าม.
ไม่สามารถที่จะเข้าไปเดินเล่นได้!
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เพราะว่าเป็นสถานที่ยากลำบาก,ดังนั้นเปิ่นจั้วจึงต้องการนำพวกเจ้าไปหาประสบการณ์,เพิ่มความแข็งแกร่ง!”
ไม่ใช่แค่เพียงทำภารกิจมหากาพย์ให้สำเร็จ,แต่ต้องการยกระดับพวกเขาด้วย.
“เจ้าสำนักบอกว่าไปด้วย!”ซูเซียวโม่เอ่ย,เถียนซี่และหลี่เฟยที่พยักหน้ายอมรับ.
เจ้าสำนักไปด้วย?
แม้นว่าจะยากลำบากแต่ก็จะสามารถผ่านไปได้!
หลี่ชิงหยางที่ยังรู้สึกกังวลอยู่เหมือนเดิม.
หลังจากเขารู้เรื่องนี้,ก็ไม่สามารถที่จะสงบใจอยู่ได้!
“เจ้าสำนัก!”
หลี่ชิงหยางที่กล่าวออกมาด้วยความจริงจัง,”ในหุบเขาแห่งความตายมีสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งมากมาย,หากไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับบรรพชนยุทธ์ไปด้วย,เข้าไปสิบ,รอดกลับมา
2-3 ก็ถือว่าดีแล้ว!”
“อันตรายขนาดนั้นเลยรึ?”
“อันตรายมาก!”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”ยิ่งอันตรายมากก็ยิ่งท้าทายดี,เตรียมตัวให้ดี,หนึ่งเดือนหลังจากนี้พวกเราจะเดินทางไปยังหุบเขาแห่งความตาย.”
หลี่ชิงหยางได้แต่เงียบ.
เขาที่เป็นเพียงศิษย์,ย่อมไม่สามารถขัดขืนการตัดสินใจของเจ้าสำนักได้,ตอนนี้คงทำได้แค่แนะนำฝึกฝนเหล่าศิษย์น้องที่มีรากวิญญาณระดับกลาง,ให้พร้อมที่สุดที่จะออกไปหาประสบการณ์.
จุนซ่างเซียวรู้ดีว่า,หุบเขาแห่งความตายมีอันตรายมากมายซ่อนอยู่,เขาเองก็ไม่ได้คิดที่จะเอาชีวิตของศิษย์ไปล้อเล่น,ดังนั้นเขาจึงได้จัดเตรียมเม็ดยารวมวิญญาณจำนวนมากสนับสนุนพวกเขา,เพื่อยกระดับพวกเขาให้มีระดับสูงที่สุดในหนึ่งเดือนต่อจากนี้.
“ยังไม่พอ.”
“หลี่ยู่หัวเจ้าต้องยกระดับร่างกายมากกว่านี้,ให้จุ้ยจื่อพาไปฝึกโดยเฉพาะ,เมื่อถึงเวลาที่จำเป็นจะสามารถช่วยได้มาก.”
หลี่ชิงหยางนำสิบศิษย์ที่มีรากวิญญาณระดับกลางไปบ่มเพาะ,ส่วนเซียวจุ้ยจื่อนำหลี่ยูหัวไปฝึกสอนเพียงลำพัง,ทุกอย่างถูกจัดเตรียมตามความเหมาะสมของแต่ละคน.
หลังจากที่เสร็จสิ้นการฝึกฝน,คนเหล่านี้จะถูกนำไปหาประสบการณ์ที่หุบเขาแห่งความตาย.
ส่วนเด็กคนอื่น ๆ,จุนซ่างเซียวก็ไม่ได้ปล่อยปะละเลย,เพราะว่าตอนนี้เขาไม่สามารถยกระดับพลังบ่มเพาะของตัวเองได้,จึงได้ออกมาช่วยฝึกฝนศิษย์ของเขาด้วยของเขาเอง.
เขายังมีเป้าหมายเล็ก ๆอยู่อีก.
ในเวลาอันสั้นนี้,เขาต้องการทำให้ศิษย์ที่เขาใหม่,ตัดผ่านระดับไปเปิดชีพจรขั้นที่สิบสอง,หรือแม้แต่ระดับศิษย์ยุทธ์ให้ได้!
ด้วยการมีอยู่ของเม็ดยาเปิดชีพจรมากมาย,เรื่องนี้ย่อมไม่ใช่ปัญหา!
......
ศิษย์ที่จะถูกนำไปหาประสบการณ์ที่หุบเขาแห่งความตาย,เขาได้คัดเลือกไว้แล้ว,และยังได้สั่งสอนเป็นพิเศษอีกด้วย.
ส่วนศิษย์ใหม่จะเป็นจุนซ่างเซียวแนะนำฝึกฝนเป็นพิเศษ.
เหล่าเหว่ยที่รับผิดชอบในการปลูกสมุนไพรระดับสูงและฝึกฝนศิษย์ห้าคนเป็นการส่วนตัวด้วย.
การพัฒนาสำนักที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง.
วันที่สาม,หลี่ลั่วฉิวก็กลับสำนัก.
“เจ้าสำนัก.”
ภายในห้องหนังสือ,ถางจู่หลี่ที่นำแหวนมิติมาวางไว้บนโต๊ะ,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”นี่คือแร่ของตระกูลเซียวที่พังทลายลงแล้ว,พวกเราได้ยึดครองแร่มาหลายแสนจินเหมือนกัน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ไม่เลว.”
เหมืองแร่ที่พังทลาย,ตระกูลเซียวสามารถขุดได้อีกครั้ง.
ทว่าก็จำเป็นต้องลงทุนด้วยคนและทรัพยากรอีกมากมาย,ในเวลาอันสั้นนี้ถือว่าเสียหายหนักทีเดียว.
“เปิ่นจั้วได้เตรียมห้องฝึกฝนท่าเท้าเอาไว้,ให้สมาชิกหอฝนพรำไว้ฝึกฝน.”จุนซ่างเซียวกล่าว.
“อุปกรณ์ช่วยยกระดับท่าเท้ารึ?”
หลี่ลั่วฉิวที่สงสัยเป็นอย่างมากจึงเดินทางไปยังห้องฝึกฝนทันที,ก่อนที่จะเห็นด้านข้างห้องปั้นกล้ามเนื้อมีอีกซุ้มและยังมีแสงส่องประกายออกมา,เห็นชัดเจนว่ามีคนกำลังฝึกฝนอยู่ด้านใน.
กึก!
เวลาฝึกฝนที่จบลง.
ประตูซุ้มฝึกท่าเท้าที่เปิดออกมา,ซูเซียวโม่ทั่วร่างดำช้ำเขียวไปหมด,ล้มลงนอน,น้ำลายฟูมปาก.
หลี่ลั่วฉินที่สีคาง,”ดูน่าหวั่นเกรงเล็กน้อย.”
กล่าวเสร็จ,นางก็ก้าวเข้าไปในซุ้มฝึกฝนท่าเท้าในทันที.
ที่ด้านในนั้นเป็นพื้นที่กว้างขวาง,ประตูที่ปิดแน่น,พื้นที่รอบ
ๆ ขรุขระที่เลื่อนได้,จนยากจะควบคุมการวิ่งได้.
ด้านในเป็นเหมือนลู่วิ่งที่ทอดยาวออกไป,ทว่ามีรูปแบบที่แตกต่างกันหลายฉาก,หลังจากหลี่ลั่วฉิววิ่งไป,ก็มีอาวุธลับมากมายที่พุ่งมาจากทุกทาง,บังคับให้นางต้องหลบเลี่ยงไปมาไม่หยุด.
หลังจากครึ่งชั่วยาม.
เมื่อหมดเวลาขั้นต่ำ,หลี่ลั่วฉิวก็ก้าวออกมาจากด้านใน,ด้วยร่างกายที่ชุ่มด้วยเหงื่อ,ขาที่เรียวงามของนางกำลังสั่นไปมา,นางกล่าวด้วยเสียงหอบ
ๆ,”...น่ากลัว,น่ากลัวมาก!”
......
ตระกูลเซียว.
เมื่ออาวุโสใหญ่รู้ข่าว,มีคนของตระกูลเซียวและลูกหลานสายตรงหลายคนที่หายไป,เหมืองแร่พังทลาย,เหลือเพียงหยดเลือดที่ระบุคนไม่ได้.
ตระกูลอ้ายตัดสัมพันธ์ทางการค้า,ก็แทบทำให้พวกเขาสูญเสียช่องทางหารายได้ไปส่วนหนึ่งแล้ว,ตอนนี้รายได้ส่วนมากที่สุดจากเหมืองแร่
ก็พังทลายลงด้วย,แน่นอนว่ามันหนักหนา,เกินกว่าพวกเขาจะรับได้แล้ว.
“น่ารังเกียจ,เป็นฝีมือใครกัน!”
“เริ่มแรกซุ่มชิงหย๋าถูกเผา,จากนั้นก็เป็นตระกูลอ้ายตัดสัมพันธ์,ตอนนี้เหมืองแร่ถล่มอย่างไม่รู้สาเหตุ,ทั้งหมดนี้จะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่!”
เหล่าตัวตนระดับสูงของตระกูลเซียวเวลานี้กำลังโกรธเกรี้ยว,ไฟความโกรธที่ราวกับจะทะยานไปถึงสวรรค์แล้ว.
ธุรกิจสนับสนุนตระกูลที่เสียหายอย่างหนักเวลานี้,ส่งผลต่อตระกูลแน่นอน,เป็นความเสียหายที่พังไปถึงรากฐาน.
เวลานี้การเสียทรัพยากรและเงินทุนมหาศาลไป,พวกเขาจะมีรายได้ซื้อทรัพยากรฝึกฝน,เพื่อพัฒนาเหล่าทายาทสายตรง
สายโลหิตของพวกเขาได้อย่างไร?
เรื่องที่ตระกูลอ้ายตัดสัมพันธ์ทางการค้าและเรื่องเหมืองแร่ถล่มของตระกูลเซียว,ได้กระจายไปทั่วเมืองหลี่หยางอย่างรวดเร็ว.
เวลานี้ยิ่งนำเรื่องที่ซุ้มชิงหยางถูกไฟไหม้ก่อนหน้านี้มารวมกัน,ทำให้ชาวยุทธ์สัมผัสได้ว่ามันบังเอิญไป,จนเข้าใจได้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง!
แล้วเป็นใครกัน?
มีคนมากมายที่ได้ครุ่นคิดและคาดเดาไปต่าง ๆนา ๆ.
“ตระกูลเป่ยและตระกูลเซียวมีความแค้นกันอยู่,ในความเห็นของข้า,อาจเป็นตระกูลเป่ยก็ได้.”
“ตระกูลจางและตระกูลหวัง,หลายปีก่อน,พวกเขามีเหตุทะเลาะกับตระกูลเซียว,เป็นไปได้ว่าพวกเขาทั้งสองตระกูลอาจจะลงมือก็ได้.”
“ก็เป็นไปได้!”
เหล่าชาวยุทธ์ที่นำหัวข้อนี้เป็นหัวข้อหลักของการสนทนา,พวกเขาที่คาดการณ์และสรุปเอง,กลายเป็นหนึ่งเรื่องที่สร้างความสนใจของทุกคนในเมืองหลี่หยาง.
ด้วยความคิดของผู้คนที่คิดว่าเป็นฝีมือตระกูลเป่ย,ทว่าตระกูลเป่ยก็หาได้สนใจ,ต้องไม่ลืมว่าพวกเขาไม่ได้ทำ,ทำไมต้องหวาดกลัวเพียงแค่การคาดเดาของคนอื่นด้วย.
แต่กระนั้น,หลังจากที่ทายาทตระกูลเซียวได้ยิน,พวกเราที่พบเห็นคนของตระกูลเป่ยที่ถนน,ก็ทำให้พวกเขาเขม่นแม้โต้เถียงและจบลงด้วยการต่อสู้อีกด้วย.
ก่อนหน้านี้,เมืองหลี่หยางสงบสุข,ทว่าด้วยความขัดแย้งของสองตระกูล,เวลานี้พวกเขา
แทบจะต่อสู้กันทุกวัน.
จากนั้นตระกูลต่าง
ๆที่ต้องสงสัยและเกี่ยวพันธ์,ต่างก็ถูกดึงเข้ามาร่วมในความวุ่นวายในเมืองไม่หยุดหย่อน.
กับข่าวลือมากมายที่กระจายไปทั่วเมืองนี้เจ้าสำนักจุนเองที่ได้รับรายงานจากหลี่ลั่วฉิว,เขาที่ได้แต่ยิ้มพราย,”การวิพากวิจารณ์โต้แย้งของผู้คนนี้มันน่ากลัวจริง
ๆ.”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น