วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 170 Criticisms should be feared

Strongest Sect of All Times  Chapter 170 Criticisms should be feared

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 170 Criticisms should be feared

人言可畏【第三更】

 

ด้วยป้ายออกภารกิจ,เหล่าศิษย์ที่รับภารกิจเองได้,จุนซ่างเซียวไม่จำเป็นต้องมอบหมายภารกิจให้ใคร,ไม่มีอะไรให้เขาต้องเป็นกังวล.

 

จากนั้น,เขาก็เรียกซูเซียวโม่,หลี่เฟย,เถียนซี,พร้อมกับมอบน้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์ให้กับพวกเขา.

 

พวกเขาทั้งสามหลังจากที่ดื่มน้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์.

เถียนซีและหลี่เฟยที่กลายเป็นคนที่มีรากวิญญาณระดับกลาง,พร้อมตัดผ่านระดับไปยังระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่หกทันที.

ส่วนซูเซียวโม่ที่ยกระดับไปเป็นรากวิญญาณระดับสูง,ตัดผ่านระดับไปยังระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่เจ็ดทันทีเช่นกัน.

นับจากนี้,สำนักไท่กู่เจิ้ง,คนที่มีรากวิญญาณระดับสูงนั้นก็ยกระดับจากสามคนเป็นสี่คน,แม้ว่าจะเป็นเพียงสำนักระดับแปดก็ตาม,แต่ก็มีมากกว่าสำนักเห่าฉีสำนักระดับหกคนหนึ่ง.

ทว่ารากวิญญาณระดับสูงของเขา,ความแข็งแกร่งโดยรวมก็มากกว่าด้วย.

“ขอบคุณเจ้าสำนัก!

ซูเซียวโม่และคนอื่น ๆยกมือประสานกล่าวขอบคุณในทันที.

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ฝึกฝนให้หนัก,หนึ่งเดือนหลังจากนี้,เปิ่นจั้วจะพาพวกเจ้าไปหาประสบการณ์ที่หุบเขาแห่งความตาย.”

เดิมทีทั้งสามที่กำลังตื่นเต้นดีใจ,พอได้ยินคำว่า”หุบเขาแห่งความตาย,”รอยยิ้มก็แข็งค้างไปในทันที.

“มีปัญหาอะไร?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ซูเซียวโม่ที่เอ่ยด้วยท่าทางตกใจ,”เจ้าสำนัก,หุบเขาแห่งความตาย,เป็นสถานที่ต้องห้ามของมนทลชิงหยาง,มีสัตว์ร้ายระดับสูงที่มีความแข็งแกร่งระดับบรรพชนยุทธ์อยู่ทั่วทีด้านใน!

เถียนซีและหลี่เฟยที่เผยท่าทางหวาดหวั่นขึ้นด้วย.

พวกเขาทั้งสามที่ได้ยินคำพูดของเหล่าคนเฒ่าคนแก่บอกว่าหุบเขาแห่งความตายตั้งแต่ยังเด็กแล้ว,ว่าเป็นสถานที่ต้องห้าม เข้าไปแล้วไม่สามารถกลับออกมาได้.

นอกจากนี้ยังได้ยินเรื่องราวจากปากของอีกหลายคน.

ชาวยุทธ์มากมายในมนทลชิงหยางต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน,ว่าเป็นสถานที่อันตราย.

นี่คือดินแดนต้องห้าม.

ไม่สามารถที่จะเข้าไปเดินเล่นได้!

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เพราะว่าเป็นสถานที่ยากลำบาก,ดังนั้นเปิ่นจั้วจึงต้องการนำพวกเจ้าไปหาประสบการณ์,เพิ่มความแข็งแกร่ง!

ไม่ใช่แค่เพียงทำภารกิจมหากาพย์ให้สำเร็จ,แต่ต้องการยกระดับพวกเขาด้วย.

“เจ้าสำนักบอกว่าไปด้วย!”ซูเซียวโม่เอ่ย,เถียนซี่และหลี่เฟยที่พยักหน้ายอมรับ.

เจ้าสำนักไปด้วย? แม้นว่าจะยากลำบากแต่ก็จะสามารถผ่านไปได้!

หลี่ชิงหยางที่ยังรู้สึกกังวลอยู่เหมือนเดิม.

หลังจากเขารู้เรื่องนี้,ก็ไม่สามารถที่จะสงบใจอยู่ได้!

“เจ้าสำนัก!

หลี่ชิงหยางที่กล่าวออกมาด้วยความจริงจัง,”ในหุบเขาแห่งความตายมีสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งมากมาย,หากไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับบรรพชนยุทธ์ไปด้วย,เข้าไปสิบ,รอดกลับมา 2-3 ก็ถือว่าดีแล้ว!

“อันตรายขนาดนั้นเลยรึ?”

“อันตรายมาก!

จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”ยิ่งอันตรายมากก็ยิ่งท้าทายดี,เตรียมตัวให้ดี,หนึ่งเดือนหลังจากนี้พวกเราจะเดินทางไปยังหุบเขาแห่งความตาย.”

หลี่ชิงหยางได้แต่เงียบ.

เขาที่เป็นเพียงศิษย์,ย่อมไม่สามารถขัดขืนการตัดสินใจของเจ้าสำนักได้,ตอนนี้คงทำได้แค่แนะนำฝึกฝนเหล่าศิษย์น้องที่มีรากวิญญาณระดับกลาง,ให้พร้อมที่สุดที่จะออกไปหาประสบการณ์.

จุนซ่างเซียวรู้ดีว่า,หุบเขาแห่งความตายมีอันตรายมากมายซ่อนอยู่,เขาเองก็ไม่ได้คิดที่จะเอาชีวิตของศิษย์ไปล้อเล่น,ดังนั้นเขาจึงได้จัดเตรียมเม็ดยารวมวิญญาณจำนวนมากสนับสนุนพวกเขา,เพื่อยกระดับพวกเขาให้มีระดับสูงที่สุดในหนึ่งเดือนต่อจากนี้.

“ยังไม่พอ.”

“หลี่ยู่หัวเจ้าต้องยกระดับร่างกายมากกว่านี้,ให้จุ้ยจื่อพาไปฝึกโดยเฉพาะ,เมื่อถึงเวลาที่จำเป็นจะสามารถช่วยได้มาก.”

หลี่ชิงหยางนำสิบศิษย์ที่มีรากวิญญาณระดับกลางไปบ่มเพาะ,ส่วนเซียวจุ้ยจื่อนำหลี่ยูหัวไปฝึกสอนเพียงลำพัง,ทุกอย่างถูกจัดเตรียมตามความเหมาะสมของแต่ละคน.

หลังจากที่เสร็จสิ้นการฝึกฝน,คนเหล่านี้จะถูกนำไปหาประสบการณ์ที่หุบเขาแห่งความตาย.

 

ส่วนเด็กคนอื่น ๆ,จุนซ่างเซียวก็ไม่ได้ปล่อยปะละเลย,เพราะว่าตอนนี้เขาไม่สามารถยกระดับพลังบ่มเพาะของตัวเองได้,จึงได้ออกมาช่วยฝึกฝนศิษย์ของเขาด้วยของเขาเอง.

เขายังมีเป้าหมายเล็ก ๆอยู่อีก.

 

ในเวลาอันสั้นนี้,เขาต้องการทำให้ศิษย์ที่เขาใหม่,ตัดผ่านระดับไปเปิดชีพจรขั้นที่สิบสอง,หรือแม้แต่ระดับศิษย์ยุทธ์ให้ได้!

ด้วยการมีอยู่ของเม็ดยาเปิดชีพจรมากมาย,เรื่องนี้ย่อมไม่ใช่ปัญหา!

......

ศิษย์ที่จะถูกนำไปหาประสบการณ์ที่หุบเขาแห่งความตาย,เขาได้คัดเลือกไว้แล้ว,และยังได้สั่งสอนเป็นพิเศษอีกด้วย.

ส่วนศิษย์ใหม่จะเป็นจุนซ่างเซียวแนะนำฝึกฝนเป็นพิเศษ.

เหล่าเหว่ยที่รับผิดชอบในการปลูกสมุนไพรระดับสูงและฝึกฝนศิษย์ห้าคนเป็นการส่วนตัวด้วย.

การพัฒนาสำนักที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง.

วันที่สาม,หลี่ลั่วฉิวก็กลับสำนัก.

“เจ้าสำนัก.”

ภายในห้องหนังสือ,ถางจู่หลี่ที่นำแหวนมิติมาวางไว้บนโต๊ะ,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”นี่คือแร่ของตระกูลเซียวที่พังทลายลงแล้ว,พวกเราได้ยึดครองแร่มาหลายแสนจินเหมือนกัน.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ไม่เลว.”

เหมืองแร่ที่พังทลาย,ตระกูลเซียวสามารถขุดได้อีกครั้ง.

ทว่าก็จำเป็นต้องลงทุนด้วยคนและทรัพยากรอีกมากมาย,ในเวลาอันสั้นนี้ถือว่าเสียหายหนักทีเดียว.

“เปิ่นจั้วได้เตรียมห้องฝึกฝนท่าเท้าเอาไว้,ให้สมาชิกหอฝนพรำไว้ฝึกฝน.”จุนซ่างเซียวกล่าว.

“อุปกรณ์ช่วยยกระดับท่าเท้ารึ?”

หลี่ลั่วฉิวที่สงสัยเป็นอย่างมากจึงเดินทางไปยังห้องฝึกฝนทันที,ก่อนที่จะเห็นด้านข้างห้องปั้นกล้ามเนื้อมีอีกซุ้มและยังมีแสงส่องประกายออกมา,เห็นชัดเจนว่ามีคนกำลังฝึกฝนอยู่ด้านใน.

กึก!

เวลาฝึกฝนที่จบลง.

ประตูซุ้มฝึกท่าเท้าที่เปิดออกมา,ซูเซียวโม่ทั่วร่างดำช้ำเขียวไปหมด,ล้มลงนอน,น้ำลายฟูมปาก.

หลี่ลั่วฉินที่สีคาง,”ดูน่าหวั่นเกรงเล็กน้อย.”

กล่าวเสร็จ,นางก็ก้าวเข้าไปในซุ้มฝึกฝนท่าเท้าในทันที.

ที่ด้านในนั้นเป็นพื้นที่กว้างขวาง,ประตูที่ปิดแน่น,พื้นที่รอบ ๆ ขรุขระที่เลื่อนได้,จนยากจะควบคุมการวิ่งได้.

ด้านในเป็นเหมือนลู่วิ่งที่ทอดยาวออกไป,ทว่ามีรูปแบบที่แตกต่างกันหลายฉาก,หลังจากหลี่ลั่วฉิววิ่งไป,ก็มีอาวุธลับมากมายที่พุ่งมาจากทุกทาง,บังคับให้นางต้องหลบเลี่ยงไปมาไม่หยุด.

หลังจากครึ่งชั่วยาม.

เมื่อหมดเวลาขั้นต่ำ,หลี่ลั่วฉิวก็ก้าวออกมาจากด้านใน,ด้วยร่างกายที่ชุ่มด้วยเหงื่อ,ขาที่เรียวงามของนางกำลังสั่นไปมา,นางกล่าวด้วยเสียงหอบ ๆ,”...น่ากลัว,น่ากลัวมาก!

......

ตระกูลเซียว.

เมื่ออาวุโสใหญ่รู้ข่าว,มีคนของตระกูลเซียวและลูกหลานสายตรงหลายคนที่หายไป,เหมืองแร่พังทลาย,เหลือเพียงหยดเลือดที่ระบุคนไม่ได้.

 

ตระกูลอ้ายตัดสัมพันธ์ทางการค้า,ก็แทบทำให้พวกเขาสูญเสียช่องทางหารายได้ไปส่วนหนึ่งแล้ว,ตอนนี้รายได้ส่วนมากที่สุดจากเหมืองแร่ ก็พังทลายลงด้วย,แน่นอนว่ามันหนักหนา,เกินกว่าพวกเขาจะรับได้แล้ว.

“น่ารังเกียจ,เป็นฝีมือใครกัน!

“เริ่มแรกซุ่มชิงหย๋าถูกเผา,จากนั้นก็เป็นตระกูลอ้ายตัดสัมพันธ์,ตอนนี้เหมืองแร่ถล่มอย่างไม่รู้สาเหตุ,ทั้งหมดนี้จะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่!

เหล่าตัวตนระดับสูงของตระกูลเซียวเวลานี้กำลังโกรธเกรี้ยว,ไฟความโกรธที่ราวกับจะทะยานไปถึงสวรรค์แล้ว.

ธุรกิจสนับสนุนตระกูลที่เสียหายอย่างหนักเวลานี้,ส่งผลต่อตระกูลแน่นอน,เป็นความเสียหายที่พังไปถึงรากฐาน.

เวลานี้การเสียทรัพยากรและเงินทุนมหาศาลไป,พวกเขาจะมีรายได้ซื้อทรัพยากรฝึกฝน,เพื่อพัฒนาเหล่าทายาทสายตรง สายโลหิตของพวกเขาได้อย่างไร?

เรื่องที่ตระกูลอ้ายตัดสัมพันธ์ทางการค้าและเรื่องเหมืองแร่ถล่มของตระกูลเซียว,ได้กระจายไปทั่วเมืองหลี่หยางอย่างรวดเร็ว.

เวลานี้ยิ่งนำเรื่องที่ซุ้มชิงหยางถูกไฟไหม้ก่อนหน้านี้มารวมกัน,ทำให้ชาวยุทธ์สัมผัสได้ว่ามันบังเอิญไป,จนเข้าใจได้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง!

แล้วเป็นใครกัน?

มีคนมากมายที่ได้ครุ่นคิดและคาดเดาไปต่าง ๆนา ๆ.

“ตระกูลเป่ยและตระกูลเซียวมีความแค้นกันอยู่,ในความเห็นของข้า,อาจเป็นตระกูลเป่ยก็ได้.”

“ตระกูลจางและตระกูลหวัง,หลายปีก่อน,พวกเขามีเหตุทะเลาะกับตระกูลเซียว,เป็นไปได้ว่าพวกเขาทั้งสองตระกูลอาจจะลงมือก็ได้.”

“ก็เป็นไปได้!

 

เหล่าชาวยุทธ์ที่นำหัวข้อนี้เป็นหัวข้อหลักของการสนทนา,พวกเขาที่คาดการณ์และสรุปเอง,กลายเป็นหนึ่งเรื่องที่สร้างความสนใจของทุกคนในเมืองหลี่หยาง.

ด้วยความคิดของผู้คนที่คิดว่าเป็นฝีมือตระกูลเป่ย,ทว่าตระกูลเป่ยก็หาได้สนใจ,ต้องไม่ลืมว่าพวกเขาไม่ได้ทำ,ทำไมต้องหวาดกลัวเพียงแค่การคาดเดาของคนอื่นด้วย.

แต่กระนั้น,หลังจากที่ทายาทตระกูลเซียวได้ยิน,พวกเราที่พบเห็นคนของตระกูลเป่ยที่ถนน,ก็ทำให้พวกเขาเขม่นแม้โต้เถียงและจบลงด้วยการต่อสู้อีกด้วย.

ก่อนหน้านี้,เมืองหลี่หยางสงบสุข,ทว่าด้วยความขัดแย้งของสองตระกูล,เวลานี้พวกเขา แทบจะต่อสู้กันทุกวัน.

จากนั้นตระกูลต่าง  ๆที่ต้องสงสัยและเกี่ยวพันธ์,ต่างก็ถูกดึงเข้ามาร่วมในความวุ่นวายในเมืองไม่หยุดหย่อน.

กับข่าวลือมากมายที่กระจายไปทั่วเมืองนี้เจ้าสำนักจุนเองที่ได้รับรายงานจากหลี่ลั่วฉิว,เขาที่ได้แต่ยิ้มพราย,”การวิพากวิจารณ์โต้แย้งของผู้คนนี้มันน่ากลัวจริง ๆ.”


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น