Strongest Sect of All Times Chapter 165 Does not do a matter to be uncomfortable on the whole body
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 165 Does not do a matter to be
uncomfortable on the whole body 【Third】
不搞点事情就浑身难受【第三更】
จุนซ่างเซียวไม่ต้องการทำลายทั้งตระกูลเซียวทิ้ง,ต้องไม่ลืมว่านี่คือตระกูลใหญ่เมืองหลี่หยาง,หากไม่มีหลักฐานชัดแจ้งว่าอีกฝ่ายทำร้ายตัวเขา,เขาก็ไม่สามารถกระทำการอย่างเปิดเผย,คงทำได้แต่จัดการในที่มืด,อย่างเช่นค่อย
ๆทำลายการเงินที่เป็นรากฐานของอีกฝ่าย.
สมาชิกหอฝนพรำทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก,เพียงสองวันก็ได้ข่าวมากมายกลับมา.
“ตระกูลเซียวมีธุรกิจมากมาย.”
หลี่ลั่วฉิวรายงาน,”มีธุระกิจขายแร่เหล็ก,ขายเม็ดยาและสมุนไพร,มีสาขาอยู่ทั่วทั้งแปดเมืองมนทลชิงหยาง.”
“มีธุรกิจขายยาและสมุนไพรด้วยรึ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เทียบกับตระกูลอ้ายล่ะ?”
ลี่ลั่วฉิวที่ส่ายหน้าไปมากล่าวออกไปว่า,”ตระกูลเซียวเป็นตระกูลวิถียุทธ์,แน่นอนว่าธุรกิจของพวกเขาย่อมด้อยกว่าตระกูลอ้าย,ทว่าเกี่ยวกับความสามารถ,เม็ดยาและสมุนไพรของตระกูลเซียวถือว่าเห็นทรัพยากรที่ดี,และยังได้จัดเตรียมให้กับตระกูลอ้าย.”
“งั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่ยกมุมปากเผยยิ้มขึ้นมา
เป็นข้อมูลที่ไม่เลว,ที่สามารถอยู่ในการควบคุมของเขา.
“เกี่ยวกับธุรกิจแร่ล่ะ?”
“อยู่นอกเมืองหลี่หยาง 300 ลี้,มีการทำเหมือง,และยังพบแร่ล้ำค่าอีกหลายอย่าง.”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา,กล่าวออกไปว่า,”เจ้าคิดว่าหากเหมืองแร่
ๆอยู่ ๆก็เกิดไฟไหม้และพังลงมาทันที,ตระกูลเซียวจะเสียหายมากใหม?”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”ไม่เพียง,แต่เสียหายหนักมาก.”
แร่ของตระกูลเซียวนั้น,เป็นฐานการผลิตทั่วมลทนชิงหยาง
60%,หากว่าไม่สามารถส่งได้,ถือว่าเสียหายหนักมาก.
“ให้ส่งคนไปยังเหมืองดังกล่าว,แล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นซะ.”จุนซ่างเซียวกล่าว.
“รับทราบ.”หลี่ลั่วฉิว.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ในเหมืองแร่มีคนขุดแร่หรือไม่?”
“มี.”
“คนของตระกูลเซียวรึ?”
“เป็นจับกัง,ที่จ้างจากหมู่บ้านใกล้ ๆ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ก่อนเริ่ม,ให้ไล่พวกเขาออกมาก่อน.”
ทุกหนี้แค้น,เขาย่อมต้องทวงแค้นกับคนที่เป็นหนี้เท่านั้น.
ตระกูลเซียวที่ส่งมือสังหารมา,ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น.
การลากผู้บริสุทธ์เข้ามาเกี่ยวข้อง,กับโลกที่โหดร้ายเช่นนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้,ทว่ายิ่งดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องมากเท่าไหร่,การล่มสลายก็จะเกิดขึ้นเร็วเท่านั้น.
“รับทราบ.”
หลี่ลั่วฉิวที่ออกจากห้องหนังสือ,ส่ายหน้าไปมา,”ดูเหมือนว่าวิธีการของเจ้าสำนักจะตอบโต้คนที่หาเรื่องเขาอย่างหนัก,ตระกูลเซียว,เจ้าได้หาเรื่องปิศาจเข้าแล้ว,เกรงว่าเจ้าจะได้รับความทรมานตายไปซะดีกว่ายิ่งกว่าสำนักหลิงชวนซะแล้ว.”
......
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ชิงหยางที่ก้าวเข้ามา,ก่อนที่จะวางผังออกแบบบนโต๊ะ,”แบบสำนักที่ข้าออกแบบ,ท่านคิดว่าอย่างไร?”
ตั้งแต่ที่กลับมายังสำนักไท่กู่เจิ้ง,นอกจากบ่มเพาะแล้ว,เขายังมุ่งมั่นในการออกแบบพัฒนาสำนัก.
“เก็บเอาไว้ก่อน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ไว้ให้ศิษย์เพิ่มมากขึ้น,ค่อยนำมาใช้.”
แม้นว่าจะไม่ขาดเงินก่อสร้าง,ทว่าการสร้างสิ่งก่อสร้างที่เกินจำเป็น,ก็ไม่มีความหมาย,เมื่อมีศิษย์เพิ่มขึ้นค่อยเอ่ยอีกครั้งก็ยังไม่สาย.
หลี่ชิงหยางที่เก็บแบบไป,กล่าวออกว่า,”ข้าเพียงออกแบบคร่าว
ๆไว้เท่านั้น,ในเมื่อเจ้าสำนักไม่มีความเห็น,ศิษย์ก็จะกลับไปทำให้ระเอียดอีกครั้ง.”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือตบไปที่ไหล่และกล่าวออกไปว่า,”นอกจากวิถียุทธ์แล้ว,เจ้ายังเหมาะกับวิศวะโยธา.”
“วิศวะโยธา?”
หลี่ชิงหยางที่งงงวย,”เจ้าสำนัก,มันคืออะไรอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด,ทว่ากล่าวออกไปว่า,”เปิ่นจั้วมีเรื่องต้องไปจัดการที่เมืองฮู่หยาง,เรื่องภายในสำนักเจ้าจัดการไปก่อน.”
“ครับ.”
สำนักของเขาที่มีคนที่มีความสามารถหลากหลายให้ใช้.
ก่อนจากไป,จุนซ่างเซียวที่ใช้แต้ม 20
แต้ม,ซื้อกระบี่หานเฟิงระดับสามัญสองเล่ม,มอบให้เย่ซิงเฉินและหลี่เฟย,เป็นรางวัลที่เอาชนะศิษย์ของสำนักเห่าฉีได้.
จากนั้น,เขาก็เดินทางมุ่งไปยังเมืองฮู่หยางทันที!
ในเมื่อรู้ว่าตระกูลเซียวขายยาและสมุนไพร,ก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาต้องลงมือด้วยตัวเอง.
......
“ท้ายที่สุดก็มีกระบี่แล้ว.”เย่ซิงเฉินที่ถือกระบี่หานเฟิงระดับสามัญขั้นต้น,เขาที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเย็นที่แผ่ออกมา,ก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก,”กระบี่นี้น่าจะมีคุณภาพเทียบเท่าอาวุธระดับกลาง,ยังไงก็ถือว่าพอใช้ได้.”
อาวุธระดับกลาง,สำหรับชาวยุทธ์ทั่วไปนั้นเกินว่าคำว่าใช้ได้อย่างแน่นอน.
ทว่าสำหรับราชันย์รัตติกาลแล้วนี่ก็แค่ถือว่าใช้ได้,หากว่ามีใครได้ยิน,คงคิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว.
“ฟู่!”
ที่ลานยุทธ์ด้านใน,เย่ซิงเฉินที่สูดหายใจลึก,มือหนึ่งกุมด้ามกระบี่อีกมือหนึ่งกุมฝักกระบี่,ดวงตาที่เป็นประกายจับจ้องมองไปด้านหน้า.
โจวหงที่อยู่ไม่ไกล,กล่าวออกมาเบา
ๆ,”นี่ศิษย์พี่เย่เข้าใจวิถีกระบี่ด้วยอย่างงั้นรึ?”
“เคร้ง-“
พริบตานั้น,กระบี่หานเฟิงที่ถูกชักออกจากฝัก,เห็นเพียงแค่เงาที่ทิ้งไว้บนอากาศ,เป็นเส้นคมกระบี่สิบเส้นในทันที.
โจวหงเอ่ย,”หนึ่งลมหายใจสิบกระบี่,ถือว่าไม่เลว.”
“เคร้ง!”
เย่ซิงเฉินเก็บกระบี่เข้าฝัก,จากนั้นก็เริ่มตั้งท่าอีกครั้ง,ขณะที่สูดหายใจเข้า.
“จะลองอีกรึ?”โจวหงที่ลอบคิดในใจ.
“เคร้ง!”
เย่ซิงเฉินที่ชักกระบี่ออกจากฝักอีกครั้ง.
“เคร้ง!”
กระบี่พุ่งออกจากฝัก.
ทว่าเงากระบี่ที่พุ่งออกมานั้น,มากกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก,โจวหงที่อุทานออกมาเสียงดัง,”หนึ่งลมหายใจ....24กระบี่!”
ไม่ใช่!
ไม่ได้เป็นเช่นนั้น!
นี่ไม่ใช่เจตจำนงกระบี่,ทว่ามันเป็นวิชากระบี่อย่างแน่นอน!
โจวหงที่เร่งรีบเข้าไปหาในทันที,”ศิษย์พี่เย่,เมื่อกี้นี้คือเพลงกระบี่อย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”เย่ซิงเฉินกล่าวตอบ.
โจวหงที่ตกใจกล่าวออกไปว่า,”เป็นเพลงกระบี่อันใดกัน,ที่สามารถยกระดับการฟันหนึ่งลมหายใจสิบกระบี่,เพิ่มขึ้นไปจนถึง
24 กระบี่!”
เย่ซิงเฉินเอ่ยออกมาเล็กน้อย,”เพลงกระบี่ลับเทพกระบี่เหมันตร์,เจ้าสำนักมอบให้.”
เจ้าสำนักมอบให้อย่างงั้นรึ?
สำนักแห่งนี้มีเพลงกระบี่ด้วยรึ?
โจวหงที่สุขุมอยู่ตลอดกลับรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย,เขาที่ไม่สามารถฝึกกระบี่ได้อีกต่อไปเร่งรีบไปหาเจ้าสำนักทันที,ท้ายที่สุดก็พบว่าเจ้าสำนักเดินทางไปยังเมืองฮู่หยาง,ทำให้เขานั่งรอที่สวนด้านนอกทันที.
นี่คือเพลงกระบี่ที่ร้ายกาจมาก ๆ.
......
จุนซ่างเซียวลงเขาในครั้งนี้,เขามีความรู้สึกที่แตกต่างออกไป.
การเดินทางมายังเมืองฮู่หยางครั้งนี้แตกต่างจากก่อนหน้า,โดยเฉพาะสายตาของทุกคนที่จับจ้องมองมา
จะต้องเต็มไปด้วยความชื่นชมเขาเป็นแน่.
ทำไม?
เพราะว่าข่าวเรื่องที่เขานำศิษย์ไปเอาชนะสำนักเห่าฉีนั้น,คงกระจายไปทั่วมนทลชิงหยางแล้ว,มันคงสั่นคลอนจิตใจทุกคนราวกับแผ่นดินไหว,ทุกคนคงกำลังยกย่องเขาไม่หยุดเป็นแน่.
แม้แต่เรื่องซุ้มชิงหย๋าตระกูลเซียวที่ถูกไฟเผาก็คงถูกแทนที่ด้วยเรื่องสำนักไท่กู่เจิ้งเอาชนะสำนักเห่าฉีอย่างไม่ต้องสงสัย.
สำนักที่มีชื่อเสียงที่สุดในมนทลชิงหยางเวลานี้คือสำนักใดล่ะ?
แน่นอนว่าต้องเป็นสำนักไท่กู่เจิ้ง.
และคนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมนทลชิงหยางเวลานี้?
ต้องเป็นจุนซ่างเซียวอย่างไม่ต้องสงสัย!
ในโลกที่โหดร้ายนี้,ทุกคนที่ยกย่องคนแข็งแกร่ง,และคนที่จะถูกชื่นชมก็ต้องเป็นเขา.
ในมนทลชิงหยางที่เหมือนมีระบบสังคมเช่นกัน,จากการพูดคุยสนทนา,ทุกวงสนทนาทั่วมนทลชิงหยางเวลานี้ก็พูดคุยเรื่องเดียวกัน.
“ว้าว! เจ้าสำนักจุนช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก!”
บนเส้นทางไปยังร้านยา,จุนซ่างเซียวที่ถูกหญิงสาวจ้องมองพลางส่งสายตา,จนทำให้เขาถึงกับต้องก้มหน้าด้วยความเขินอาย,การกลายที่เป็นที่จับตาของผู้คน,ทำให้เขารู้สึกเคอะเขินจริง
ๆ.
“เจ้าสำนักจุน.”หญิงสาวที่ใจกล้าหน่อยก็พุ่งเข้ามาหา,แม้แต่มอบดอกไม้ให้,,ขยิบตาให้กับเขา,”โปรดรับดอกไม้....”
จุนซ่างเซียวที่รับดอกไม้,พร้อมกับเผยยิ้มอย่างนุ่มนวลตอบรับ,”ขอบคุณ
ๆ.”
“อ๋า! ข้าไม่ไหวแล้ว!”
เหล่าเด็กสาวที่เวลานี้ส่งสายตากันมาไม่หยุด.
แม้แต่เด็กสาวที่ขี้อายตอนนี้ก็วิ่งเข้ามา,เข้าล้อมรอบเขาเป็นจำนวนมาก.
“เจ้าสำนักจุน,รับดอกไม้ข้าด้วย!”
“เจ้าสำนักจุน,ข้าด้วย!”
“เจ้าสำนักจุน,ช่วยเซ็นชื่อให้กับข้าได้หรือไม่?”
“เจ้าสำนักจุน,ขอข้ากอด!”
เพียงไม่นาน,ก็มีกลุ่มเด็กสาวที่มอบดอกไม้ผลักแย่งกันรุมล้อมเขาเข้ามา!
“ว๊า ฮ่าฮ่าอ่า,ฮ่าฮ่าฮ่า.....”
ที่หน้าประตู,จุนซ่างเซียวหัวเราะเสียงดัง,ราวกับเป็นบ้าเป็นหลัง,และค่อย
ๆ บรรจงก้าวเข้ามาภายในประตูเมือง.
เหล่าชาวเมืองชาวยุทธ์ที่จ้องมอง,ต่างก็กล่าวพูดคุยกันเบา
ๆ.
“เจ้าสำนักจุนเป็นอะไรไปอย่างงั้นรึ?”
“ในความเห็นของข้า,เขาคงกำลังมีความสุขอยู่ละมั้ง.”
“มีความสุข,ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องหัวเราะ ด้วยเสียงน่าสยองเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น