วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 165 Does not do a matter to be uncomfortable on the whole body

Strongest Sect of All Times  Chapter 165 Does not do a matter to be uncomfortable on the whole body 

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 165 Does not do a matter to be uncomfortable on the whole body Third

不搞点事情就浑身难受【第三更】

 

จุนซ่างเซียวไม่ต้องการทำลายทั้งตระกูลเซียวทิ้ง,ต้องไม่ลืมว่านี่คือตระกูลใหญ่เมืองหลี่หยาง,หากไม่มีหลักฐานชัดแจ้งว่าอีกฝ่ายทำร้ายตัวเขา,เขาก็ไม่สามารถกระทำการอย่างเปิดเผย,คงทำได้แต่จัดการในที่มืด,อย่างเช่นค่อย ๆทำลายการเงินที่เป็นรากฐานของอีกฝ่าย.

สมาชิกหอฝนพรำทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก,เพียงสองวันก็ได้ข่าวมากมายกลับมา.


“ตระกูลเซียวมีธุรกิจมากมาย.”

หลี่ลั่วฉิวรายงาน,”มีธุระกิจขายแร่เหล็ก,ขายเม็ดยาและสมุนไพร,มีสาขาอยู่ทั่วทั้งแปดเมืองมนทลชิงหยาง.”

“มีธุรกิจขายยาและสมุนไพรด้วยรึ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เทียบกับตระกูลอ้ายล่ะ?”

ลี่ลั่วฉิวที่ส่ายหน้าไปมากล่าวออกไปว่า,”ตระกูลเซียวเป็นตระกูลวิถียุทธ์,แน่นอนว่าธุรกิจของพวกเขาย่อมด้อยกว่าตระกูลอ้าย,ทว่าเกี่ยวกับความสามารถ,เม็ดยาและสมุนไพรของตระกูลเซียวถือว่าเห็นทรัพยากรที่ดี,และยังได้จัดเตรียมให้กับตระกูลอ้าย.”

“งั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่ยกมุมปากเผยยิ้มขึ้นมา

เป็นข้อมูลที่ไม่เลว,ที่สามารถอยู่ในการควบคุมของเขา.

“เกี่ยวกับธุรกิจแร่ล่ะ?”

“อยู่นอกเมืองหลี่หยาง 300 ลี้,มีการทำเหมือง,และยังพบแร่ล้ำค่าอีกหลายอย่าง.”

จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา,กล่าวออกไปว่า,”เจ้าคิดว่าหากเหมืองแร่ ๆอยู่ ๆก็เกิดไฟไหม้และพังลงมาทันที,ตระกูลเซียวจะเสียหายมากใหม?”

หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”ไม่เพียง,แต่เสียหายหนักมาก.”

แร่ของตระกูลเซียวนั้น,เป็นฐานการผลิตทั่วมลทนชิงหยาง 60%,หากว่าไม่สามารถส่งได้,ถือว่าเสียหายหนักมาก.

“ให้ส่งคนไปยังเหมืองดังกล่าว,แล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นซะ.”จุนซ่างเซียวกล่าว.

“รับทราบ.”หลี่ลั่วฉิว.

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ในเหมืองแร่มีคนขุดแร่หรือไม่?”

“มี.”

“คนของตระกูลเซียวรึ?”

“เป็นจับกัง,ที่จ้างจากหมู่บ้านใกล้ ๆ.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ก่อนเริ่ม,ให้ไล่พวกเขาออกมาก่อน.”

ทุกหนี้แค้น,เขาย่อมต้องทวงแค้นกับคนที่เป็นหนี้เท่านั้น.

ตระกูลเซียวที่ส่งมือสังหารมา,ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น.

การลากผู้บริสุทธ์เข้ามาเกี่ยวข้อง,กับโลกที่โหดร้ายเช่นนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้,ทว่ายิ่งดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องมากเท่าไหร่,การล่มสลายก็จะเกิดขึ้นเร็วเท่านั้น.

“รับทราบ.”

หลี่ลั่วฉิวที่ออกจากห้องหนังสือ,ส่ายหน้าไปมา,”ดูเหมือนว่าวิธีการของเจ้าสำนักจะตอบโต้คนที่หาเรื่องเขาอย่างหนัก,ตระกูลเซียว,เจ้าได้หาเรื่องปิศาจเข้าแล้ว,เกรงว่าเจ้าจะได้รับความทรมานตายไปซะดีกว่ายิ่งกว่าสำนักหลิงชวนซะแล้ว.”

......

“เจ้าสำนัก.”

หลี่ชิงหยางที่ก้าวเข้ามา,ก่อนที่จะวางผังออกแบบบนโต๊ะ,”แบบสำนักที่ข้าออกแบบ,ท่านคิดว่าอย่างไร?”

ตั้งแต่ที่กลับมายังสำนักไท่กู่เจิ้ง,นอกจากบ่มเพาะแล้ว,เขายังมุ่งมั่นในการออกแบบพัฒนาสำนัก.

“เก็บเอาไว้ก่อน.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ไว้ให้ศิษย์เพิ่มมากขึ้น,ค่อยนำมาใช้.”

แม้นว่าจะไม่ขาดเงินก่อสร้าง,ทว่าการสร้างสิ่งก่อสร้างที่เกินจำเป็น,ก็ไม่มีความหมาย,เมื่อมีศิษย์เพิ่มขึ้นค่อยเอ่ยอีกครั้งก็ยังไม่สาย.

หลี่ชิงหยางที่เก็บแบบไป,กล่าวออกว่า,”ข้าเพียงออกแบบคร่าว ๆไว้เท่านั้น,ในเมื่อเจ้าสำนักไม่มีความเห็น,ศิษย์ก็จะกลับไปทำให้ระเอียดอีกครั้ง.”

จุนซ่างเซียวที่ยกมือตบไปที่ไหล่และกล่าวออกไปว่า,”นอกจากวิถียุทธ์แล้ว,เจ้ายังเหมาะกับวิศวะโยธา.”

“วิศวะโยธา?”

หลี่ชิงหยางที่งงงวย,”เจ้าสำนัก,มันคืออะไรอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด,ทว่ากล่าวออกไปว่า,”เปิ่นจั้วมีเรื่องต้องไปจัดการที่เมืองฮู่หยาง,เรื่องภายในสำนักเจ้าจัดการไปก่อน.”

“ครับ.”

สำนักของเขาที่มีคนที่มีความสามารถหลากหลายให้ใช้.

ก่อนจากไป,จุนซ่างเซียวที่ใช้แต้ม 20 แต้ม,ซื้อกระบี่หานเฟิงระดับสามัญสองเล่ม,มอบให้เย่ซิงเฉินและหลี่เฟย,เป็นรางวัลที่เอาชนะศิษย์ของสำนักเห่าฉีได้.

จากนั้น,เขาก็เดินทางมุ่งไปยังเมืองฮู่หยางทันที!

ในเมื่อรู้ว่าตระกูลเซียวขายยาและสมุนไพร,ก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาต้องลงมือด้วยตัวเอง.

......

“ท้ายที่สุดก็มีกระบี่แล้ว.”เย่ซิงเฉินที่ถือกระบี่หานเฟิงระดับสามัญขั้นต้น,เขาที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเย็นที่แผ่ออกมา,ก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก,”กระบี่นี้น่าจะมีคุณภาพเทียบเท่าอาวุธระดับกลาง,ยังไงก็ถือว่าพอใช้ได้.”

อาวุธระดับกลาง,สำหรับชาวยุทธ์ทั่วไปนั้นเกินว่าคำว่าใช้ได้อย่างแน่นอน.

ทว่าสำหรับราชันย์รัตติกาลแล้วนี่ก็แค่ถือว่าใช้ได้,หากว่ามีใครได้ยิน,คงคิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว.

“ฟู่!

ที่ลานยุทธ์ด้านใน,เย่ซิงเฉินที่สูดหายใจลึก,มือหนึ่งกุมด้ามกระบี่อีกมือหนึ่งกุมฝักกระบี่,ดวงตาที่เป็นประกายจับจ้องมองไปด้านหน้า.

โจวหงที่อยู่ไม่ไกล,กล่าวออกมาเบา ๆ,”นี่ศิษย์พี่เย่เข้าใจวิถีกระบี่ด้วยอย่างงั้นรึ?”

“เคร้ง-“

พริบตานั้น,กระบี่หานเฟิงที่ถูกชักออกจากฝัก,เห็นเพียงแค่เงาที่ทิ้งไว้บนอากาศ,เป็นเส้นคมกระบี่สิบเส้นในทันที.

โจวหงเอ่ย,”หนึ่งลมหายใจสิบกระบี่,ถือว่าไม่เลว.”

“เคร้ง!

เย่ซิงเฉินเก็บกระบี่เข้าฝัก,จากนั้นก็เริ่มตั้งท่าอีกครั้ง,ขณะที่สูดหายใจเข้า.

“จะลองอีกรึ?”โจวหงที่ลอบคิดในใจ.

“เคร้ง!

เย่ซิงเฉินที่ชักกระบี่ออกจากฝักอีกครั้ง.

“เคร้ง!

กระบี่พุ่งออกจากฝัก.

ทว่าเงากระบี่ที่พุ่งออกมานั้น,มากกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก,โจวหงที่อุทานออกมาเสียงดัง,”หนึ่งลมหายใจ....24กระบี่!

ไม่ใช่! ไม่ได้เป็นเช่นนั้น!

นี่ไม่ใช่เจตจำนงกระบี่,ทว่ามันเป็นวิชากระบี่อย่างแน่นอน!

โจวหงที่เร่งรีบเข้าไปหาในทันที,”ศิษย์พี่เย่,เมื่อกี้นี้คือเพลงกระบี่อย่างงั้นรึ?”

“ไม่ผิด.”เย่ซิงเฉินกล่าวตอบ.

โจวหงที่ตกใจกล่าวออกไปว่า,”เป็นเพลงกระบี่อันใดกัน,ที่สามารถยกระดับการฟันหนึ่งลมหายใจสิบกระบี่,เพิ่มขึ้นไปจนถึง 24 กระบี่!

เย่ซิงเฉินเอ่ยออกมาเล็กน้อย,”เพลงกระบี่ลับเทพกระบี่เหมันตร์,เจ้าสำนักมอบให้.”

เจ้าสำนักมอบให้อย่างงั้นรึ?

สำนักแห่งนี้มีเพลงกระบี่ด้วยรึ?

โจวหงที่สุขุมอยู่ตลอดกลับรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย,เขาที่ไม่สามารถฝึกกระบี่ได้อีกต่อไปเร่งรีบไปหาเจ้าสำนักทันที,ท้ายที่สุดก็พบว่าเจ้าสำนักเดินทางไปยังเมืองฮู่หยาง,ทำให้เขานั่งรอที่สวนด้านนอกทันที.

นี่คือเพลงกระบี่ที่ร้ายกาจมาก ๆ.

......

จุนซ่างเซียวลงเขาในครั้งนี้,เขามีความรู้สึกที่แตกต่างออกไป.

การเดินทางมายังเมืองฮู่หยางครั้งนี้แตกต่างจากก่อนหน้า,โดยเฉพาะสายตาของทุกคนที่จับจ้องมองมา จะต้องเต็มไปด้วยความชื่นชมเขาเป็นแน่.

ทำไม?

เพราะว่าข่าวเรื่องที่เขานำศิษย์ไปเอาชนะสำนักเห่าฉีนั้น,คงกระจายไปทั่วมนทลชิงหยางแล้ว,มันคงสั่นคลอนจิตใจทุกคนราวกับแผ่นดินไหว,ทุกคนคงกำลังยกย่องเขาไม่หยุดเป็นแน่.

แม้แต่เรื่องซุ้มชิงหย๋าตระกูลเซียวที่ถูกไฟเผาก็คงถูกแทนที่ด้วยเรื่องสำนักไท่กู่เจิ้งเอาชนะสำนักเห่าฉีอย่างไม่ต้องสงสัย.

สำนักที่มีชื่อเสียงที่สุดในมนทลชิงหยางเวลานี้คือสำนักใดล่ะ?

แน่นอนว่าต้องเป็นสำนักไท่กู่เจิ้ง.

และคนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมนทลชิงหยางเวลานี้?

ต้องเป็นจุนซ่างเซียวอย่างไม่ต้องสงสัย!

ในโลกที่โหดร้ายนี้,ทุกคนที่ยกย่องคนแข็งแกร่ง,และคนที่จะถูกชื่นชมก็ต้องเป็นเขา.

ในมนทลชิงหยางที่เหมือนมีระบบสังคมเช่นกัน,จากการพูดคุยสนทนา,ทุกวงสนทนาทั่วมนทลชิงหยางเวลานี้ก็พูดคุยเรื่องเดียวกัน.

 

“ว้าว! เจ้าสำนักจุนช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก!

บนเส้นทางไปยังร้านยา,จุนซ่างเซียวที่ถูกหญิงสาวจ้องมองพลางส่งสายตา,จนทำให้เขาถึงกับต้องก้มหน้าด้วยความเขินอาย,การกลายที่เป็นที่จับตาของผู้คน,ทำให้เขารู้สึกเคอะเขินจริง ๆ.

“เจ้าสำนักจุน.”หญิงสาวที่ใจกล้าหน่อยก็พุ่งเข้ามาหา,แม้แต่มอบดอกไม้ให้,,ขยิบตาให้กับเขา,”โปรดรับดอกไม้....”

จุนซ่างเซียวที่รับดอกไม้,พร้อมกับเผยยิ้มอย่างนุ่มนวลตอบรับ,”ขอบคุณ ๆ.”

“อ๋า! ข้าไม่ไหวแล้ว!

เหล่าเด็กสาวที่เวลานี้ส่งสายตากันมาไม่หยุด.

แม้แต่เด็กสาวที่ขี้อายตอนนี้ก็วิ่งเข้ามา,เข้าล้อมรอบเขาเป็นจำนวนมาก.

“เจ้าสำนักจุน,รับดอกไม้ข้าด้วย!

“เจ้าสำนักจุน,ข้าด้วย!

“เจ้าสำนักจุน,ช่วยเซ็นชื่อให้กับข้าได้หรือไม่?”

“เจ้าสำนักจุน,ขอข้ากอด!

เพียงไม่นาน,ก็มีกลุ่มเด็กสาวที่มอบดอกไม้ผลักแย่งกันรุมล้อมเขาเข้ามา!

“ว๊า ฮ่าฮ่าอ่า,ฮ่าฮ่าฮ่า.....”

ที่หน้าประตู,จุนซ่างเซียวหัวเราะเสียงดัง,ราวกับเป็นบ้าเป็นหลัง,และค่อย ๆ บรรจงก้าวเข้ามาภายในประตูเมือง.

เหล่าชาวเมืองชาวยุทธ์ที่จ้องมอง,ต่างก็กล่าวพูดคุยกันเบา ๆ.

“เจ้าสำนักจุนเป็นอะไรไปอย่างงั้นรึ?”

“ในความเห็นของข้า,เขาคงกำลังมีความสุขอยู่ละมั้ง.”

“มีความสุข,ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องหัวเราะ ด้วยเสียงน่าสยองเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น