Strongest Sect of All Times Chapter 161 Dark and windy night, killing and torching day
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 161 Dark and windy night, killing
and torching day
月黑风高夜,杀人放火天
เซียวจุ้ยจื่อที่สังหารมือสังหารไปคนหนึ่ง,คนของตึกฝนพรำก็มุ่งตรงมาและส่งมือสังหารเหรียญทองห้าคนตามไปทันที.
พวกเขาเป็นมือสังหารที่เชี่ยวชาญในการแกะรอยเป็นอย่างมาก.
กับมือใหม่ที่ลอบมาสังหาร,การจะถูกไล่ตามด้วยมืออาชีพ,ไม่มีทางที่จะรู้ตัว.
เช้าวันถัดมา.
จุนซ่างเซียวที่ฟื้นฟูพลังวิญญาณและความแข็งแกร่งกลับมา,ตอนนี้เช้าแล้วเขาที่ออกมานอกถ้ำสูดหายใจบริสุทธ์,พร้อมกับทำกายบริหาร.
“ไร้มลพิษ,เปี่ยมด้วยพลังวิญญาณ.”
เขาที่ถอนหายใจ,”คนของที่นี่,ถึงจะเป็นคนธรรมดา,อายุไขปรกติก็
200-300 ปีแล้ว.”
นี่คือโลกของผู้ฝึกยุทธ์,หลังจากที่เปิดชีพจร,รวบรวมพลังวิญญาณได้,อายุไขก็จะเพิ่มขึ้นด้วย.
เจ้าสำนักจุนที่ต้องอุทิศตัวเพื่อที่จะทำภารกิจหลักให้สำเร็จ,ยังไม่ต้องการตาย,ต้องไม่ลืมว่าที่นี่
100 ปี,เทียบได้กับโลกเดิมก็เพียง 30 ปีเท่านั้น.
“วูซซซ!”
หลี่ชิงหยางที่ได้รับเครื่องหมายที่ด้านนอกป่า,เป็นคนของหอฝนพรำทิ้งเอาไว้,”เจ้าสำนัก,พวกเขากำลังไล่ตามไปอยู่.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ตอนนี้พวกเราคงทำได้แค่รอและระวัง.”
“กลับสำนัก.”
“ครับ!”
หลังจากพักหนึ่งคืน,ทุกคนก็เดินทางต่อ.
เมื่อไปถึงทางแยกอาณาเขตเมืองชิงหยาง,เจ้าเมืองเซี่ยและประมุขหลี่และคนของเมืองชิงหยางอีกหลายคนที่กล่าวลา.
พวกเขาที่คอยสนับสนุนจุนซ่างเซียวตลอดทาง,ทำให้เขาซาบซึ้งมาก,ดังนั้นก่อนจากจึงได้มอบเม็ดยาบูรณะร่างกายให้กับทุกคน.
“นี่คือเม็ดยาที่จะช่วยยกระดับความแข็งแกร่งอย่างนั้นรึ?”
“หรือว่านี่คือเม็ดยาบูรณะร่างกาย,ที่ประมุขอ้ายกำลังขายหรือไม่?”
“โอ้วสวรรค์,เจ้าสำนักจุนและตระกุลอ้ายนี่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันขนาดนี้เลยรึ?
ไม่คิดเลยว่าเม็ดยาที่นำออกประมูล,เขาจะมอบให้พวกเราง่าย ๆ?”
ขณะเจ้าเมืองเซี่ยนำทุกคนกลับเมือง.
“ทุกท่าน.”
เซี่ยกวนคุนที่หยุดและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม,”เรื่องที่เจ้าสำนักจุนมอบเม็ดยาให้กับพวกเรา,อย่าได้แพร่งพรายเด็ดขาด.”
เหล่าประมุขตระกูลต่าง
ๆที่โลดโผนในยุทธภพ,จะไม่เข้าใจความหมายได้อย่างไร,พวกเขาที่กล่าวตอบกลับอย่างขันแข็ง,”เจ้าเมืองเซี่ยโปรดวางใจ,เรื่องนี้พวกเรารู้,มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้!”
......
“เจ้าสำนัก,ศิษย์พี่,ทุกคนกลับมาแล้ว!”
สำนักไท่กู่เจิ้งที่สงบสุข,ทันใดนั้นซือหม่าจงต้าที่ตะโกนออกมาเสียงดังทำลายความสงบนั่น.
เมื่อจุนซ่างเซียวและศิษย์แปกคนก้าวเข้ามาในค่ายกลคุ้มสำนัก,ศิษย์ทุกคนก็หยุดบ่มเพาะ,และเข้ามารายล้อมสอบถามเรื่องราว.
“เอาชนะได้ 7 : 0?”
“มารดาเถอะ,จะสุดยอดเกินไปแล้ว!”
“เจ้าสำนักทรงพลังมาก,ศิษย์พี่แข็งแกร่งมาก!”
บนลานยุทธ์เวลานี้,เสียงของศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่ส่งเสียงจอแจเอ่ยกล่าวด้วยความตื่นเต้น.
“ตู้ตู้!”จุนซ่างเซียวที่อารมณ์ดี,”เย็นนี้ทำอาหารหลายอย่าง,เป็นกับแก้มสุรา,ฉลองชัยชนะครั้งนี้ด้วย!”
ชื่อเสียง,เงิน,แต้มสนับสนุน.
การเดินทางครั้งนี้ไปท้าประลองกับสำนักเห่าฉี,เก็บเกี่ยวได้มากมาย,เวลานี้จะห้ามไม่ฉลองได้อย่างไร!
“รับทราบ!”
หลิวหว่านซี่ที่หยุดฝึกฝน,นำหม่าหยุนหนิงและดำหนึ่ง,ดำสอง,ไปเตรียมอาหาร,เพื่อฉลองตอนเย็นทันที.
......
ภายในห้องหนังสือ.
จุนซ่างเซียวขณะนั่งลง,ยังไม่ได้ยกน้ำชาขึ้นดื่ม,หลี่ลั่วฉิวในชุดเครื่องแบบสำนักสุดยั่วยวนก็ก้าวเข้ามาด้วยรอยิ้ม,”เจ้าสำนัก,ท่านร้ายกาจจริง
ๆ.”
นางที่ได้รับข้อมูลตั้งแต่เช้าแล้ว,ศิษย์ชนะเจ็ดคน,เจ้าสำนักที่ฟันร่างฉินเห่าหรานได้รับบาดเจ็บ.
ทันทีที่,หลี่ลั่วฉิวได้รับรายงาน,นางถึงกับงงงวยไปเหมือนกัน.
แม้นว่ะไม่หวังให้จุนซ่างเซียวพ่ายแพ้ในครั้งนี้,ทว่ากับการปะทะกับสำนักระดับหก,ตามที่นางคาดการอย่างดีที่สุด,ควรจะแพ้สัก
2-3 คน.
แต่ท้ายที่สุด!
เอาชนะ 7 : 0!
หากไม่ใช่เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาที่เชื่อใจได้,นางที่เป็นถางจูคงจะสงสัยว่าข้อมูลที่ได้รับผิดพลาดหรือไม่!
จุนซ่างเซียวยกชาขึ้นจิบและวางลง,ก่อนที่จะยกข้าไขว่ห้างเอ่ยออกมาว่า,”สำนักไท่กู่เจิ้งจะกลายเป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุด,ครั้งนี้เป็นเพียงแค่เรื่องทั่วไป.”
กับคำพูดที่ดูยิ่งใหญ่,อหังการเป็นอย่างมาก.
หลี่ลั่วฉิวที่นั่งลง,กล่าวด้วยรอยยิ้ม,”ดูเหมือนว่าข้าที่ยอมเข้าร่วมสำนัก,จะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุดแล้ว.”
จากมุมมองของจุนซ่างเซียว,ที่เห็นสายตาของนางที่หยาดเยิ้มก็หวั่นไหว,จึงเร่งรีบเปลี่ยนเรื่องในทันที,”ตระกูลเซียวมีความเคลื่อนไหวหรือไม่?”
“มี.”
เมื่อกล่าวเป็นการเป็นงาน,ใบหน้าของหลี่ลั่วฉิวที่จริงจังทันที,กล่าวออกมาว่า,”วันที่เจ้าสำนักเดินทางไปยังสำนักเห่าฉีนั้น,อาวุโสใหญ่ตระกูลเซียวหายไป.”
“หายไป?”จุนซ่างเซียวที่ตะลึงงัน.
ลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”อาวุโสใหญ่ตระกูลเซียวนั้นโดยปรกติ,ทุก
ๆ เจ้าจะเดินทางไปยังซุ้มชิงหยา(เจิดจรัส),เพื่อดื่มชาเป็นประจำ,ทว่าวันนั้นกลับไม่มา.”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา,”ตรวจสอบซุ่มชิงหยาหรือยัง?”
“ตรวจสอบแล้ว.”ลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”นี่เป็นหนึ่งในธุรกิจของตระกูลเซียว,ที่ไม่ให้คนนอกเข้าไปด้านในได้.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“ข้าให้คนจับตาตระกูลเซียวให้ระเอียดแล้ว,ทว่ายังไม่มีข่าวอะไรกลับมา.”
หลี่ลั่วฉิวหยุดและเอ่ยออกมา,”ซุ้มชิงหยานั้น,บางที่อาจจะเป็นที่มั่นลับก็ได้.”
จุนซ่างเซียวที่เชื่อเพียงครึ่งหนึ่ง,”ก็เป็นไปได้.”
หลี่ลั่วฉิเอ่ย,”ข้าให้คนจับตาอยู่,ตอนนี้เจ้าสำนักมีแผนอย่างไร?”
“รอ.”
“รออะไรงั้นรึ?”
“รอข่าวจากเสี่ยวมีเฟิง(ผึ้งน้อย)”
เสี่ยวมี่เฟิงก็คือหัวหน้ามือสังหารเหรียญทองเมื่อวานนี้,ที่มีตำแหน่งถัดลงมากจากงูพิษและแมวภูเขาที่เป็นมือสังหารไพ่ตาย.
หลังจากที่จุนซ่างเซียวรู้ชื่อเล่น,เขาก็สั่งการ,”ให้เสี่ยวมี่เฟิง,ติดตามรอคอยมือสังหารเหรียญทองที่ไล่ตามศัตรูที่ลอบมาสังหารเขาไป.”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”ดูเหมือนว่าเจ้าสำนักเดินทางครั้งนี้,มีมือสังหารซุ่มโจมตีอยู่.”
จุนซ่างเซียวที่ยกน้ำชาขึ้นดื่มอีก,กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา,”อย่าให้เปิ่นจั้วรู้ว่าเป็นใคร,ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกทำลายจนสิ้นแน่!”
การที่อีกฝ่ายส่งมือสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า,ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สามารถทนได้.
ขอเพียงเสี่ยวมี่เฟิงรู้ตำแหน่ง,และระบุที่มั่นศัตรูได้,เขาก็จะลงมือทันที.
......
เวลาเย็น.
โรงอาหารที่สว่างจ้า.
บนโต๊ะมีอาหารมากมายพร้อมกับสุราครบครัน.
จุนซ่างเซียวที่ถือถ้วนสุรา,กล่าวออกไปว่า,”เพื่อชัยชนะที่นำกลับมาได้,เอาชน!”
“เจ้าสำนักแข็งแกร่ง!”
เหล่าศิษย์ที่ถือถ้วนสุรา,พร้อมกับยกสุรุขึ้นกล่าวเสียงดัง.
เหล่าเหว่ยเองก็มาด้วยเช่นกัน.
เขาที่นั่งอยู่ที่หัวมุม,ถือถ้วยสุรา,จ้องมอง,เหล่าผู้เยาว์ที่กำลังสนุกสนาน,แววตาที่คลอเบ้านึกถึงความหลัง.
“เหว่ยจื่อ,ข้าจะก่อตั้งสำนัก,เจ้าไม่มากับข้าเหรอ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า,ท้ายที่สุดก็พบภูเขาที่เหมาะสมแล้ว,พวกเราจะสร้างสำนักขึ้นที่นี่!”
“เหว่ยจี่อ,นับจากวันนี้ข้าเป็นเจ้าสำนัก,เจ้าเป็นรองเจ้าสำนัก,พวกเราจะร่วมสร้างสำนักด้วยกัน!”
ความทรงจำที่นานมาแล้ว,ปรากฏขึ้นภายในใจอีกครั้ง,เหล่าเหว่ยที่เวลานั้นกำลังมีอายุเท่า
ๆกับผู้เยาว์เหล่านี้.
วันเวลาที่ไม่เคยปราณีใคร,ทุกคนที่ตายลับหรือไม่ก็แก่เฒ่าไปตามเวลา.
“ปู่เหว่ย.”
หลิวหว่านซีที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เวลานี้นั่งค้ำคางจ้องมอง,ดวงตากระพริบไร้เดียงสา,”นี่ท่านร้องไห้อย่างงั้นรึ?”
เหล่าเหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยรอยิ้ม,”กับแกล้มเผ็ดเล็กน้อย.”
หลิวหว่านซี่ที่เอ่ยเสียงสูง,”โหย,อาหารของปู่เหว่ย,ตู้ตู้ทำพิเศษเลย,ไม่ได้ใส่พริกไทยแม้แต่น้อย.”
“อึก ๆ.”
เหล่าเหว่ยที่ยกสุราขึ้นดื่มเอ่ยออกมาว่า,”สุรามีรสเผย,เป็นสุรานี้เองที่เผ็ด!”
หลิวหว่านซี่ที่มองบน,กล่าวออกไปว่า,”ปู่เหว่ย,สุราไหลไปยังปู่น้อยของท่านแล้ว,ไม่แยกขา...”
“ปู้ดดดดด!”
เหล่าเหว่ยที่สำลักพ่นสุรา,แทบจะเละไปทั่วกางเกง.
คำพูดพล่อยๆ คำพูดของเด็ก ๆ ที่ไม่ควรถือสา ...
是否只是童言无忌. ซื่อ โฝว จื่อ ซื่อ ถง เหยียน อู่ จี้.
หรือมันเป็นเพียงแค่ลมปากใช่ไหม, คำพูดพล่อยๆ คำพูดของเด็กๆ
ที่ไม่ควรถือสา ...
......
ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่ปรกติตั้งใจฝึกฝนอย่างนัก,วันนี้ที่นาน
ๆจะมีสักครั้งได้ปลดปล่อย,ทำให้ทุกคนสนุกสนานมีความสุขเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวที่ถือชามสุรา,ก่อนที่จะก้าวเดินมานั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง,จ้องมองคนอื่น
ๆที่ร้องเล่นเต้นอย่างมีความสุข.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ลั่วฉิวก้าวเข้ามา,เอ่ยกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง,”เสี่ยวมี่เฟิง,ส่งข่าวมาแล้ว.”
“เร็วขนาดนี้เลยรึ?”จุนซ่างเซียวที่เมาเล็กน้อย,ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในห้องหนังสือ.
หลี่ลั่วฉิวส่งข่าวมาว่า,”คนของเสี่ยวมี่เฟิงนั้นได้ไล่ตามมือสังหารกลุ่มนั้นไปยังเขตเมืองหลี่หยาง,จากนั้นคนเหล่านั้นก็เปลี่ยนชุดเป็นพนักงานเข้าไปในซุ่มชิงหย๋า.”
จุนซ่างเซียวที่กำหมัดแน่น,ก่อนที่จะแค่นเสียง,”เช่นนั้น,ซุ้มชิงหย๋านั่นก็คือที่มันของมือสังหารตระกูลเซียว,ที่นอกเมืองหลี่หยางคงจะเป็นฝีมือพวกเขาด้วยสินะ!”
มารดาเถอะ.
นี่คิดจะประกาศสงครามกับข้าใช่ใหม?!
เขาที่กำราบตึกฝนพรำ,ทว่ายังถูกพวกปลายแถวไล่กัดไม่หยุด,เกรงว่าหาไม่ทำลายให้สิ้นคงไม่หยุด.
“ถางจู่หลี่รับคำสั่ง.”
“ฟิ้ว!”
หลี่ลั่วฉิวที่ถอยห่างออกไปสองก้าว,รอคอยรับคำสั่ง.
จุนซ่างเซียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงมืดครึ้มเย็นชา,”พรุ่งนี้ตอนเย็น,พวกเราจะทำลายซุ้มชิงหย๋า,อย่าให้ใครเหลือรอดสังคน!”
“รับทราบ.”
“ให้เซียวจุ้ยจื่อไปด้วย.”
“เรื่องนี้...”หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นคนตระกูลเซียว,เกรงว่าจะทำให้จิตใจของเขาว้าวุ่น.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เจ้าคิดว่ามือสังหารตระกูลเซียวนั้นต้องการสังหารเปิ่นจั้วอย่างงั้นรึ?”
หลี่ลั่วฉิวที่เงียบไปเล็กน้อย,กล่าวออกมาว่า,”ข้าเข้าใจแล้ว,คนที่ตระกูลเซียวหมายตาคือเซียวจุ้ยจื่อ,นี่คือความแค้นของพวกเขาก็จริง,เขาที่ถูกไล่ออกแล้วจะตัดขาดได้อย่างสมบูรณ์.”
“กึก ซี่!”
มือทั้งห้าของจุนซ่างเซียวที่กำแน่น,ถ้วยน้ำชาที่ถูกบดเป็นผง,”กล้าหาเรื่องศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง,ไม่ใช่แค่เพียงซุ้มชิงหย๋าแน่นอน,เหล่าจื่อจะทำให้พวกเจ้าได้ชดใช้ให้หนัก!”
จิตสังหารที่คละคลุ้ง,กระจายไปทั่ว!
......
เมืองหลี่หยาง,ท้องฟ้าที่มืดสนิท.
พนักงานซุ้มชิงหย๋าที่เวลานี้กำลังปิดร้าน,ปิดประตู,ทันใดนั้นก็มีสตรีผู้งดงามคนหนึ่งเข้ามาขวาง,กล่าวออกไปด้วยรอยยิ้ม,”พี่ชาย,ที่นี่คือซุ่มชิงหยางอย่างงั้นรึ?”
สตรีที่ดูงดงาม,รูปร่างยั่วยวน,จนดวงตาพนักงานแทบถลนออกมา.
ทว่าพนักงานคนดังกล่าวกลับเอ่ยกล่าวออกมานุ่มนวลทันที,”ขออภัย,ที่นี่ปิดแล้ว.”
“ที่นี่ไม่ทำธุรกิจแล้วงั้นรึ?”สตรีคนดังกล่าวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม.
พนักงานคนดังกล่าวออกไปในทันที,”สถานที่แห่งนี้ปิดเวลากลางคืน,หากแม่นางต้องการดื่มชา,พรุ่งนี้ค่อยมาอีกครั้ง.”
สตรีผู้งดงามที่ยังไม่ไป,ที่กำลังเล่นหูเล่นตา,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”พี่ชาย,ข้าไม่ได้มาดื่มชา,ทว่ามาเอาชีวิต.”
เอาชีวิต?
แววตาของพนักงานคนดังกล่าวที่กลายเป็นเย็นชา.
“พรึด ซี่-“ประกายแสงที่เย็นเยือบตัดผ่านคอของเขาทันที.
แน่นอนว่าสตรีคนดังกล่าวก็คือหลี่ลั่วฉิวที่ส่งมีดบินรูปใบไม้ออกไป,พร้อมกับโบกมือผู้ใต้บังคับบัญชาเก็บศพและปิดซุ่มชิงหย๋าทันที.
ภายในความมืดมิดที่ได้ยินเพียงลมหนาว.
ความตายที่กำลังครุ กรุ่นปิดบังท้องฟ้า!
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น