Strongest Sect of All Times Chapter 158 I am proud, I am proud!
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 158 I am proud, I am proud!
我自豪,我骄傲!
ที่ด้านนอกลานยุทธ์ลสายตาของทุกคนจ้องมองฉินเห่าหราน,เพราะว่าเวลานี้กำลังถือตั๋วเงินปึกใหญ่,เพราะว่ามากเกินไป,ทำให้ทุกคนมองเห็นได้ชัดเจน.
สิบล้านเหรียญ อ๊าก!
นี่คือจำนวนเงินมหาศาลสำหรับพวกเขาเลย!
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ผู้นำฉินเป็นคนรักษาคำพูด,เปิ่นจั้วรู้สึกชื่นชมจริง
ๆ,ทว่า...จะปล่อยมือได้หรือยัง?”
ฉินเห่าหรานที่ส่งเงินออกมาให้,แต่กลับไม่ยอมปล่อยมือ,ราวกับตัดใจไม่ได้.
ร่างกายที่สั่นเทิ้ม,กล้ามเนื้อปูดโปน,หัวใจที่รู้สึกมีมีดกำลังเฉือนหัวใจเป็นรอยกว้าง!
สำนักเห่าฉีไม่ได้มีธุรกิจอะไรมากมายนัก,รายได้ส่วนใหญ่มาจากการเป็นผู้นำพันธมิตร,และเงินเก็บส่วนตัว,ที่ค่อย
ๆสะสมกันจนมีมากขึ้น,จู่ ๆกำลังจะหายไปจะให้เขาทนได้อย่างไร.
อย่างไรก็ตาม.
เงินก็สำคัญ,แล้วศักดิ์ศรีสำคัญหรือไม่?
สำหรับเฉินเห่าหรานแล้ว,แน่นอนว่ามันสำคัญ!
เขาที่กัดฟัน ก่อนที่จะปล่อยมือไปในที่สุด,จุนซ่างเซียวที่ถือตั๋วเงินปึกใหญ่เอาไว้.
ผู้นำฉิน ในเวลานี้เขาที่รู้สึกเจ็บปวด,จนแทบจะทนไม่ได้.
เสียใจที่ทำผิดพลาด,เสียใจที่ตัดสินใจไปเช่นนั้น.
หากว่าเวลาไหลย้อนกลับได้,ก่อนที่จะเริ่มประลอง,หัวเด็ดตีนขายก็ไม่มีทางเอ่ยเริ่มกล่าวเรื่องเดิมพันที่ไร้สาระนี้แน่นอน.
คาดไม่ถึงว่าการเดิมพันกับกลายเป็นจุนซ่างเซียวที่ได้ผลประโยชน์ไปเต็ม
ๆ.
เป็นการโยนหินทับเท้าตัวเองแท้
ๆ,ถึงจะเสียใจก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว.
ภายใต้สายตามากมายที่จับจ้องมอง,หลายๆ
คนที่เห็นจุนซ่างเซียวที่ค่อย ๆ บรรจงนับตั๋วเงินอย่างยียวน และเก็บเขาแหวนมิติด้วยรอยยิ้ม.
แต้มสนับสนุนก็ได้,เงินก็ได้.
การเดินทางมายังสำนักเห่าฉี,บอกได้เลยว่าได้กำไรเกินคุ้ม.
หลี่ชิงหยางเองเวลานี้ ก็กำลังครุ่นคิด,เจ้าสำนักได้เงินมามากมาย,จะต้องเปลี่ยนแปลงสำนักอย่างแน่นอน,หลังจากกลับไปนี้เขาจะทำการออกแบบขยายสำนักออกไปอีก.
เพียงแค่สบตา!
ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าสำนักเอ่ยปาก,กิจการภายในทั้งหมดนั้นอยู่ในการควบคุมของเขาแล้ว,เขาที่เป็นเหมือนกับผู้จัดการกิจการ,เข้าใจเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ดี! สามารถทำงานได้โดยที่เจ้าสำนักไม่ต้องสั่งการเลยด้วยซ้ำ!
......
ฉินเห่าหรานที่รู้สึกหัวใจเลือดกำลังไหลออกมาไม่หยุด,เขากำลังโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก,ก่อนที่จะเอ่ยออกไปว่า,”เจ้าสำนักจุน,สู้ได้หรือยัง?”
ศิษย์ของเขาพ่ายแพ้,ศักดิ์ศรีแทบไม่เหลือ,ตอนนี้ยังเสียสิบล้านอีก,จะให้เขายิ้มอยู่ได้,ก็แปลกไปแล้ว.
“ได้แล้ว.”จุนซ่างเซียวยักไหล่.
ขณะที่เขากำลังเดินออกไป,เจ้าเมืองเซี่ยกล่าวเตือน,”เจ้าสำนักจุน,โปรดคิดให้ดีอีกครั้ง!”
“ใช่แล้ว!”อ้ายซางหนี่ที่กล่าวด้วยความจริงจัง,”ผู้นำฉินเวลานี้กำลังโกรธเกรี้ยว,การที่ประลองโดยใช้อาวุธ,จะต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแน่!”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ทั้งสองเป็นห่วง,จุนโหมวรู้สึกซาบซึ้งนัก,ทว่าโปรดวางใจ,ในเมื่อกล้ารับประลอง,ข้าย่อมมีความมั่นใจ.”
ศิษย์ยุทธ์ปะทะบรรพชนยุทธ์,มีความมั่นใจรึ?!
นอกจากนี้,ยังใช้อาวุธอีก!
ฉินเห่าหรานที่เป็นผู้ปกครองสำนัก,ไม่ต้องบอกเลยว่ามีสถานะสูง,อาวุธที่เขามีอย่างต่ำก็เป็นอาวุธระดับกลางอยู่แล้ว!
พลังบ่มเพาะก็เทียบไม่ได้.
อาวุธก็คงเทียบไม่ได้เช่นกัน.
เจ้าเมืองเซี่ยและประมุขอ้ายที่มองไม่เห็นแววชนะเลย,นี่เอาความมั่นใจมาจากใหนกัน!
“เจ้าสำนักจุน,กลัวอย่างงั้นรึ?”
“ตอนนี้เสียใจก็สายไปแล้ว.”
“ผู้นำฉินจ่ายเงินเดิมพันไปแล้ว,เจ้าต้องเสียใจแน่.”
เหล่าพันธมิตรที่กล่าวดูแคลนเหยียดหยันกันในทันที.
เจ้าสำนักจุนหาได้สนใจคนเหล่านี้,เขาที่ก้าวออกไป,ยืนอยู่ที่กลางลานยุทธ์.
“จากกลิ่นอาย,เจ้าสำนักจุนคงจะมีพลังบ่มเพาะศิษย์ยุทธ์ขั้นปลาย,กล้าท้าประลองผู้นำฉินที่มีระดับบรรพชนยุทธ์,นับว่าเป็นผู้กล้าจริง
ๆ!”
“ผู้นำฉินที่ขายหน้าไปก่อนหน้านี้,คงต้องการเอาคืนเป็นแน่,ดูเหมือนเขาต้องการแก้หน้าให้ได้ในเวลานี้.”
“อาวุธไม่มีตา,เกรงว่าคงต้องเห็นโลหิตแน่!”
เหล่าชายยุทธ์ที่มาชมต่างก็พูดคุยกันไปต่าง ๆนา
ๆ.
ภายในใจของพวกเขาพอจะคาดการได้ว่า,สำนักเห่าฉีที่เสียหน้าและเงิน,แม้นว่าฉินเห่าหรานจะโกรธเกรี้ยวแต่คงจะไม่กล้าสังหารจุนซ่างเซียว!
ถึงจะโกรธมากมายขนาดนั้น,แต่ด้วยอาวุโสนิกายเขาซางซานและตระกูลอ้ายที่ยังคงสนับสนุนอีกฝั่ง,อย่างน้อยที่สุด,การที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บหนักก็ไม่มีใครว่ากล่าวอะไรได้.
เพราะการสังหารอีกฝ่ายเป็นแผนที่แย่มาก.
การทำให้อีกฝ่ายพิการไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้อีก,จึงเป็นแผนการที่ดูดีที่สุด!
“กึก.”
ฉินเห่าหรานที่ก้าวเดินออกไป,มือทั้งสองข้าขยับ,อากาศที่สั่นไหวเป็นระลองก่อนที่จะปรากฏกระบองเหล็กหัวคู่ปรากฏออกมา,มันสีสีทองและมีอักขระสลักอยู่ว่า”ฟ่าน.”
“นี่มันอาวุธของปรมาจารย์ตีเหล็กฟ่าน!” ใครคนหนึ่งในผู้ชมที่อุทานออกมา.
อาวุธของปรมาจารย์ตีเหล็กฟ่านนั้น,ถือว่าเป็นสุดยอดปรมาจารย์ในการหลอมอาวุธของทวีปซิงหยุน,ไม่ว่าจะเป็นอาวุธอะไรล้วนแล้วแต่ร้ายกาจ.
“ปรมาจารย์ฟ่านปรกติแล้วจะตีกระบี่เป็นหลัก,ทว่าก็มีการตีกระบองออกมาด้วย...”ชาวยุทธ์คนหนึ่งเอ่ยอุทานด้วยความตกใจ,”นี่มันเป็นอาวุธระดับสูงขั้นต้น,กระบองหัวคู่ทะลวงจิต!”
สายตาของทุกคนที่ร้อนขึ้นมาด้วยความอิจฉาทันที.
ใครที่มีอาวุธระดับกลางของปรมาจารย์ฟ่านก็แทบจะเป็นเกียรติไปชั่วชีวิตเลย,ผู้นำฉินมีอาวุธระดับสูง,ไม่ต้องบอกเลยว่าหายากขนาดใหน!
หวังตงหลินเอ่ย,”นี่คืออาวุธปรมาจารย์ฟ่านที่มีการสลักอักขระ,ตีขึ้นจากโลหะหนักพันปี,เมื่อถ่ายพลังวิญญาณลงไป,จะทำให้อาวุธเผยพลังออกมาด้วย,นอกจากจะมีความแข็งแกร่ง,อาวุธชิ้นนี้ยังสร้างคลื่นทำลายจิตวิญญาณได้ด้วย,ดังนั้นจึงมีชื่อว่า,กระบองหัวคู่ทะลวงจิต.”
คำพูดที่เสียงดังขึ้น,ราวกับว่าต้องการให้จุนซ่างเซียวได้ยิน,เพื่อให้เขารับรู้เกี่ยวกับอาวุธดังกล่าวและสามารถวางแผนรับมือได้.
รับมือรึ?!
หากไม่ใช่อาวุธที่เหนือกว่าระดับสูง,สามารถยืนยันได้ว่าจุนซ่างเซียวต้องพ่ายแพ้,หรือไม่แม้แต่ป้องกันคลื่นทำลายจิตใจได้ด้วยซ้ำ!
เจ้าเมืองเซี่ยและอ้ายซางหนี่ที่คิดเป็นห่วงในใจ.
จุนซ่างเซียวที่คิดในใจ,”กระบองหัวคู่ทำลวงจิตอย่างงั้นรึ?
ดูเหมือนว่าจะทรงพลังกว่าดาบมังกรทองของเหว่ยอี้หนูซะอีก.”
“เจ้าสำนักจุน.”ฉินเห่าหรานเอ่ย,”โปรดเผยอาวุธ.”
“ฟู่!”
จุนซ่างเซียวที่สูดหายใจลึก,ก่อนที่จะยื่นมือขวาออกไป,นิ้วทั้งห้าสั่นไปมาเล็กน้อย.
“วูซซซซ!”
ห้วงมิติที่สั่นไหวไปมา,ดาบยาวที่ปรากฏขึ้นช้า ๆ
ใบดาบที่ปักลงพื้น,ขณะนิ้วมือทั้งห้าจับด้ามของมันเอาไว้.
ดาบที่มีความยาวทั้งหมดสองเมตร,ใบมีดที่มีเพียง ¼ ของใบดาบ,ส่วนที่เหลือเป็นด้ามจับ.(ง้าว)
ใบมีดที่มีสีเขียวเข้ม,ส่วนด้ามดาบนั้นมีมังกรขดวน
ที่ปากอ้าพ่นเชื่อมกับใบดาบ.
แสงอาทิตย์ที่ส่องประกาย,ทำให้คมดาบส่องประกายแสงเงาวับ,แผ่กลิ่นอายที่สูงศักดิ์ออกมา!
นี่คืออาวุธของปราชญ์ยุทธ์กวนอู,ดาบมังกรเขียว!
“เป็นดาบที่ดี!”หวังตงหลินที่กล่าวชื่นชม.
เจ้าเมืองเซี่ยและประมุขอ้ายจ้องมองดาบมังกรเขียว,ทำให้เข้าใจในทันทีว่ามั่นใจของจุนซ่างเซียวคงหมายถึงสิ่งนี้!
“ดาบนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!”
“มีอักขระคำว่า”กวน”สลักอยู่,ในทวีปซิงหยุนมีปรมาจารย์ช่างตีเล็กนามว่ากวนด้วยอย่างงั้นรึ?”
“จากกลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้น,ดูไม่ได้ด้อยกว่ากระบวนหัวคู่ทะลวงจิตของผู้นำฉินเลย!
ทุกคนที่พูดคุยกันเสียงเบา.
หลายๆคนที่รู้สึกอิจฉาเจ้าสำนักระดับแปด,ที่มีอาวุธที่ร้ายกาจเช่นนี้.
ขณะดาบยาวมังกรเขียวปรากฏ,จุนซ่างเซียวที่สัมผัสได้ถึงความเย็นจากด้ามดาบ,รู้สึกคุ้นเคยราวกับเป็นสหายหรือเพื่อนสนิท,เสียงที่ครางเบา
ๆ ออกมา เผยถึงอารมณ์ที่เปี่ยมล้น.
แม้นว่าเขาจะไม่ได้อาศัยอยู่ในยุคของสามกก,แต่ก็มีความอหังการไม่ได้น้อยกว่าปรมาจารย์กวนอู,ด้วยเขาที่เป็นคนจีนคนหนึ่ง,วันนี้มาอยู่ในต่างโลกและอาวุธที่มาจากต่างโลก,ย่อมแสดงความอหังการ,เย่อหยิ่งเหมือน
ๆกัน!
“มา!”
เขากับสัมผัสได้ถึงความภัคดีของอาวุธเขาที่รู้สึกพึงพอใจ,พร้อมกับเอ่ยกล่าวกับมัน,”เจ้าและข้าจะเป็นคู่หูพันรบ!”
“ฟิ้ว!”
มือขวาของเขาที่คว้าดามดาบ,พร้อมจะกวัดแกว่ง.
ใบดาบที่ยังปักพื้นอยู่,เขาที่ยกดึงด้ามดาบขึ้นมา,ทว่ากลับรู้สึกราวกับภูเขาที่ใหญ่ยักษ์.
แปลก.
แรงไม่พอรึ? ยกไม่ขึ้นอย่างงั้นรึ?
จุนซ่างเซียวที่พยายามยกอีกหลายครั้ง,ทว่าร่างกายของเขาที่ซวนเซ,ดาบที่จมลงพื้นมากกว่าเดิม,จนไม่รู้ว่าจะยกขึ้นมาอย่างไร!
หวังตงหลิน” ......”
อ้ายซางหนี่” ......”
ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งทั้งหมด “......”
แสกกก-
เสียงอีกาที่ร้องโหยหวนบนท้องฟ้า,ทำให้สภาพบรรยากาศดูอึกอัดขึ้นไปอีก.
ภายใต้สายตาของผู้คนมากมายที่จับจ้อง,แต่ไม่สามารถยกอาวุธของตัวเองขึ้น,นี่มันเสียเกียรติน่าขายหน้าขนาดใหนกัน!
จุนซ่างเซียวที่คำรามอยู่ในใจ,”เกิดอะไรขึ้นว่ะ!”
ระบบที่ราวกับสาดน้ำเย็นเข้าใส่,”ดาบยาวมังกรเขียว,แม้นว่าจะไม่ได้ระบุระดับ,ทว่าก็กำหนดพลังความแข็งแกร่งที่จะใช้,โฮสน์เวลานี้ไม่มีพลังเทียบเท่าระดับมาตรฐานที่จะใช้,ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ได้!”
”!”
ฟู่!
ในเวลานั้น,ฉินเห่าหรานที่ถือกระบองหัวคู่พุ่งเข้ามาแล้ว,พลังวิญญาณที่อาบไปทั่ว,แผ่ออกไปรอบ
ๆ,ร่างของเขากระโจนเข้ามาด้วยความเร็ว,ดวงตาของจุนซ่างเซียวเบิกกว้าง!
สัด........
ตูมมมมมมม----
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น