วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 154 Insists on fighting again

Strongest Sect of All Times  Chapter 154 Insists on fighting again

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 154 Insists on fighting again

执意再战

 

เพียงคำพูดตอนแรกก็รุนแรงพอแล้ว,จากนั้นเขายังทำลายป้ายสำนักเห่าฉีอีก,กระทำเกินไปหรือไม่?

กล่าวได้ว่า,เกินไปมาก ๆ.


แต่ว่ายังไม่เกินจะรับได้,อีกฝ่ายสมควรได้รับ!

ที่เทือกเขาหลิงชวนนั้น,ทุกอย่างเกิดจากฉินเห่าหรานที่เป่าหูอาวุโสสามคนของนิกายเซิ่งชวน,เพื่อถีบเขาให้ลงนรก.

ในสำนักเห่าฉีของตัวเอง,ต่อหน้าผู้คนมากมายจงใจเดิมพัน,ต้องการทำลายศักดิศรีของเขาอย่างหนักหน่วงรุนแรง.

แต่ละแผนการ,แต่ละการกระทำ ที่อีกฝ่ายทำนั้นถือว่าเกินไปมาก,คิดถึงสิ่งที่เขาต้องได้รับ ก็สมควรแล้ว.

คิดจะทำลายชื่อเสียงของสำนักไท่กู่เจิ้งก็ต้องได้รับผลกรรมสนอง,ไม่ใช่แค่เพียงผู้นำฉิน ยังมีพวกลิ่วล่อที่รวมหัวกระหน่ำมายังเขา,จึงไม่มีอะไรเกินเลยแม้แต่น้อย,ควรจะกล่าวว่าจะไม่เพียงพอกับผลกรรมด้วยซ้ำ.

ในทวีปชิงหยุนนั้น,ขอเพียงหมัดของใครหนักกว่า,ก็จะสามารถหาเหตุผลเพื่อสนับสนุนตัวเองได้เสมอ.

สำหรับเจ้า,

ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใด ๆ ด้วย.

กล่าวตามตรง,การที่เขาสั่งให้เซียวจุ้ยจื่อทำลายป้ายสำนักของอีกฝ่าย,จุนซ่างเซียวก็มั่นใจก่อนแล้ว,ว่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น.

ก็เลือกเอาระหว่างยอมให้ทำลายป้ายสำนัก,หรือว่าจะไปล้างห้องส้วมสำนักไท่กู่เจิ้ง.

หวังตงหลินที่ราวกับมองเห็นของเจตนาของอีกฝ่าย,ดังนั้นจึงอาสาเป็นคนดำเนินการ.

จิตสังหารของฉินเห่าหรานยังคละคลุ้ง,แต่ก็พยายามที่จะข่มใจให้สงบ,กัดฟันและกล่าวออกไปว่า,”การเดิมพันกลายเป็นโมฆะ!

เขาที่จำเป็นต้องยอมรับอย่างช่วยไม่ได้!

ในเมื่อการเดิมพันเป็นโมฆะ,ก็หมายความว่าเขาไม่ได้ตะบัดสัตย์,ก็ยังไม่ถือว่าเป็นคนน่าละอาย!

กล่าวได้ว่า,จุนซ่างเซียวที่แสดงเป็นโกรธเกรี้ยวให้เซียวจุ้ยจื่อทำลายป้ายสำนัก,ก็เพื่อที่จะให้ผู้นำฉินไม่จำเป็นต้องไม่ล้างห้องน้ำที่สำนักไท่กู่เจิ้งนั่นเอง.

ถึงจะมีบางคนที่เอ่ยว่าการทำลายป้ายสำนักเท่ากับทำลายศักดิ์ศรี,แต่ก็มีบางคนไม่ได้สนใจนัก,อีกอย่างจะลงโทษจุนซ่างเซียวอย่างไร?

สังหารอย่างงั้นรึ?

หวังตงหลินจะเห็นด้วยรึ? อ้ายซางหนี่จะเห็นด้วยรึ?

ด้วยการมีอยู่ของอาวุโสเขาซางซานและตระกูลอ้าย,ฉินเห่าหรานเข้าใจดี,ต้องการจะสังหารจุนซ่างเซียวเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลย.

อีกอย่าง,มีเหล่าชาวยุทธ์มากมายที่มาชมการต่อสู้ในครั้งนี้.

พวกเขาที่เห็น,ว่าตัวเองนั้นพ่ายแพ้ 0 : 4,พ่ายแพ้ในการประลองไปแล้ว,หากสังหารอีกฝ่าย,คนทั่วยุทธภพจะเอ่ยกล่าวเรื่องของเขาอย่างไร?

โดยเฉพาะชื่อเสียงของเขาที่เป็นสำนักฝ่ายธรรมะ,ย่อมต้องคิดถึงหน้าตาเป็นสำคัญ.

หากเปลี่ยนเป็นสำนักฝ่ายอธรรมล่ะก็,ไม่จำเป็นต้องคิดถึงอะไร,ใครหาเรื่องข้า,ก็สังหารทันที,ทำลายล้างทั้งตระกูลด้วย!

แน่นอน.

ฝั่งจุนซ่างเซียวก็คิดถึงเรื่องดังกล่าวเช่นกัน,ไม่สามารถกระทำอำเภอใจ.

หากเขาไม่ต้องกังวลเรื่องใด ๆแล้วล่ะก็?

เขาคงปลดผนึกดาบหนานโชว,กุดหัวทุกคนที่หาเรื่องเขาไปให้หมดแล้วเช่นกัน.

“ผู้นำฉิน.”

จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้มราวกับไม่ใส่ใจเรื่องอะไร,”ในเมื่อการเดิมพันเป็นโมฆะแล้ว,ศิษย์ของเจ้าชักกระบี่ออกมามีเจตนาอะไร?”

ฉินเห่าหรานที่ข่มความโกรธเอาไว้,กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม,”เก็บกระบี่,แล้วถอยออกไป.”

ศิษย์สำนักเห่าฉีที่ได้แต่รับคำสั่ง,เก็บกระบี่เข้าฝัก,จากนั้นก็กลับไปยืนตำแหน่งเดิม,ทำได้แค่มองด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมา.

“เคร้ง! เคร้ง!

หลี่ชิงหยางและคนอื่นก็เก็บกระบี่เช่นกัน,และก้าวไปยืนด้านหลังเจ้าสำนัก.

กับสถานการณ์ที่ตรึงเครียด,กำลังจะต่อสู้กันแล้ว,แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น,เหล่าชาวยุทธ์ที่เป็นผู้ชมเวลานี้รู้สึกชื่นชมสำนักไท่กู่เจิ้งเป็นอย่างมาก.

ทำลายป้ายสำนักเห่าฉี,ทว่ากลับปลอดภัยไร้ซึ่งรอยขีดข่วน,ร้ายกาจเกินไปแล้ว!

“ผู้นำฉิน.”

จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานไปด้านหน้า,กล่าวออกไปว่า,”การประลองเจ็ดคู่,สำนักไท่กู่เจิ้งของข้าชนะสี่คู่แล้ว,ก็ถือว่าตัดสินแล้วไม่มีอะไร,คงต้องขอตัวก่อน.”

เย่ซิงเฉินที่งงงัน.

ไปแล้วรึ? เปิ่นตี้ยังไม่ได้ขึ้นเวทีเลย,อ๊าก!

ผู้นำฉินที่พ่นลมหายใจ ให้ใจเย็นลง,และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา,”เจ้าสำนักจุน,สำนักเห่าฉีของข้า,แม้นว่าจะพ่ายแพ้,ทว่าในเมื่อกฎบอกว่าประลองเจ็ดคู่,ก็ควรจะประลองให้ครบ,ไม่เช่นนั้นจะเป็นไปตามกฏของยุทธภพได้อย่างไร.”

0 : 4,ไม่สามารถทนได้!

อย่างน้อยชนะสามคู่ที่เหลือ,ต้องชนะทั้งหมด.

เมื่อข่าวนี้กระจายไปทั่วยุทธ์ภพ,อย่างน้อยก็ลดความอับอายได้บ้างซักหน่อย!

“เรื่องนี้....”จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางอักอ่วน,”ผู้นำฉิน,เปิ่นจั้วเกรงว่าสู้ต่อไปอีก,สำนักเห่าฉีจะพ่ายแพ้ 0 : 7 จะหาว่าข้า,ทำเกินไปไม่ได้นะ.”

เหล่าผู้ชมแทบล้มทั้งยืน.

 

เจ้าทำลายป้ายสำนัก,ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน,คิดจะกลับไปง่าย ๆอย่างงั้นรึ?

”0 : 7?”

ฉินเห่าหรานที่ระงับความโกรธ,ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชา,”เจ้าประเมินสำนักเห่าฉีต่ำเกินไปแล้ว!

“ยืนยันว่าต้องการสู้อีกครั้งรึ?”

“ยืนยัน!

จุนซ่างเซียวยักไหล่กล่าวออกไปว่า,”ในเมื่อผู้นำฉินไม่ต้องการรักษาหน้าตัวเองไว้แล้ว,ก็ประลองต่อได้.”

“ใช่แล้ว.”

เขาที่เผยยิ้ม,”พวกเราเพิ่มเดิมพันด้วยดีหรือไม่?”

ฉินเห่าหรานท่โกรธเกรี้ยวกล่าวออกไปว่า,”สำนักเห่าฉีพ่ายแพ้ไปแล้ว,จะเดิมพันได้อย่างไรกัน!

“สี่คู่แรกนั้นก็เพียงแค่อุ่นเครื่องเท่านั้น จะไม่นำมานับ,เอาไว้เป็นว่ามาใช้สามคู่ที่เหลือตัดสินแพ้ชนะเป็นอย่างไร?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

หวังตงหลินและอ้ายซางหนี่ถึงเผยท่าทางอัศจรรย์ใจ.

ในเมื่อชัยชนะก็ได้รับมาแล้ว,แต่ให้ยกเลิกมาตัดสินกันใหม่อย่างงั้นรึ? นี่เจ้าสำนักจุนมั่นใจขนาดนั้นเลยรึ?

เหล่าพันธมิตรและผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ ก็ตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน.

ชายคนนี้ป่วยอยู่งั้นรึ?

ฉินเห่าหรานที่ตะลึงไปชั่วขณะเช่นกัน.

ทว่าเขาที่ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว,ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ,”ดี,สี่คู่ที่แล้วไม่นับ,มาตัดสินกันด้วยสามคู่ที่เหลือ!

“ส่วนการเดิมพัน.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”พวกเราคงไม่มาเล่นอย่างล้างคอกม้า,ล้างห้องส้วมแล้วนะ,เอาแบบจริงจัง,ใครแพ้ต้องจ่าย 10 ล้านเหรียญ.”

10 ล้านเหรียญอย่างงั้นรึ?

ดวงตาของทุกคนที่เบิกกว้างกลมโต.

กับจำนวนขนาดนั้น,สำนักระดับแปดสามารถจ่ายได้รึ? ไม่ต้องบอกเลยว่ามันมากมายขนาดใหน,ถึงจะเป็นสำนักระดับเจ็ด,และตระกูลใหญ่,การจะจ่ายออกไปเช่นนั้นก็แทบหมดตัว อ๊าก ๆ.

ฉินเห่าหรานที่กล่าวอย่างเหยียดหยัน,”เจ้าสำนักจุน,สำนักเห่าฉีของข้าย่อมสามารถจ่าย 10 ล้านได้,แต่เกรงว่าสำนักไท่กู่เจิ้งจะมีปัญหาในการจ่ายหรือไม่?”

“หากเปิ่นจั้วพ่ายแพ้,ก็ยังสามารถกู้ยืมได้.”จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ใช่ใหม่,ประมุขอ้าย?”

อ้ายซางหนีที่ตื่นตกใจ,ก่อนที่จะเร่งรีบกล่าวออกมา,”เจ้าสำนักจุน,หากต้องการความช่วยเหลือ,ตระกูลอ้ายย่อมยินดีที่จะให้ยืนเงิน สิบล้านเหรียญ!

ในเวลานี้เหล่าผู้ชมยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่!

สำนักไท่กู่เจิ้งและตระกูลอ้ายมีความสัมพันธ์ใดกัน,ประมุขอ้ายถึงกับรับปากที่จะให้ยืมเงิน,ต้องบอกด้วยว่านั่นมันเงิน 10 ล้านเหรียญ!

ถึงจะบอกว่าอ้ายซางหนี่เดินทางมาเชียร์จุนซ่างเซียว,แต่ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะแน่นแฟ้นกันขนาดนั้น!

“ตกลง!

ฉินเห่าหรานเอ่ย,”เดิมพันสิบล้านเหรียญ!

“วูซซซ!

เหล่าศิษย์สำนักเห่าฉีที่กระจายตัว,ล้อมรอบลานยุทธ์ครึ่งหนึ่งอีกครั้ง,จุนซ่างเซียวเอ่ยออกมา,”ผู้นำฉิน,โปรดส่งศิษย์ออกมาต่อสู้.

ฉินเห่าหรานโบกมือ.

ศิษย์ที่มีรากวิญญาณระดับสูงคนที่สูง,พลังบ่มเพาะศิษย์ยุทธ์ขั้นปลายก้าวออกไป.

ในเวลานี้,สำนักเห่าฉียังมีศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดระดับอาจารย์ยุทธ์รออยู่ข้างเวที,ดังนั้นฉินเห่าหรานจึงรู้สึกมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก.

จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา,กล่าวออกไปว่า,”ขอเพียงชนะสองคู่ก่อน,ก็ถือว่าโชคดีมีชัย,ได้กินไก่ฉลองตอนเย็นได้.”

จากนั้นเขาก็เอ่ย,”ชิงหยาง,ขึ้นเวที.”

“ครับ.”

หลี่ชิงหยางที่ก้าวออกไปบนเวที.

“บุตรชาย!

ขณะเขาก้าวออกไปได้สองก้าว,ประมุขหลี่ก็กล่าวออกไปอย่างจริงจัง,”บิดากำลังมองเจ้าอยู่,บรรพชนตระกูลหลี่ทุกรุ่นก็กำลังมองเจ้าอยู่ด้วยเช่นกัน!

“ฟู่!

หลี่ชิงหยางที่สูดหายใจลึก,กล่าวออกมาว่า,”ท่านพ่อ,ข้าจะทำให้ท่านได้เห็น,ตั้งแต่งานรับศิษย์ร้อยสำนัก,การตัดสินใจของบุตรคือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด!

เขาที่จ้องมองแผ่นหลังของบุตรชาย,น้ำตาคลอเบ้า,ประมุขหลี่ที่กล่าวออกมาเสียงสั่น,”บุตรของข้า,บิดาเห็นแล้ว,บิดารู้สึกภาคภูมิใจในตัวเจ้าที่ได้กลายเป็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง!

“กึก กึก.”

ในเวลานั้นหลี่ชิงหยางที่ก้าวไปหยุดที่กลางลานยุทธ์,หันหน้าไปที่บิดาครั้งหนึ่ง,ก่อนที่จะมองไปยังคู่ต่อสู้,”สำนักไท่กู่เจิ้ง,หลี่ชิงหยาง!


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น