Strongest Sect of All Times Chapter 154 Insists on fighting again
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 154 Insists on fighting again
执意再战
เพียงคำพูดตอนแรกก็รุนแรงพอแล้ว,จากนั้นเขายังทำลายป้ายสำนักเห่าฉีอีก,กระทำเกินไปหรือไม่?
กล่าวได้ว่า,เกินไปมาก ๆ.
แต่ว่ายังไม่เกินจะรับได้,อีกฝ่ายสมควรได้รับ!
ที่เทือกเขาหลิงชวนนั้น,ทุกอย่างเกิดจากฉินเห่าหรานที่เป่าหูอาวุโสสามคนของนิกายเซิ่งชวน,เพื่อถีบเขาให้ลงนรก.
ในสำนักเห่าฉีของตัวเอง,ต่อหน้าผู้คนมากมายจงใจเดิมพัน,ต้องการทำลายศักดิศรีของเขาอย่างหนักหน่วงรุนแรง.
แต่ละแผนการ,แต่ละการกระทำ ที่อีกฝ่ายทำนั้นถือว่าเกินไปมาก,คิดถึงสิ่งที่เขาต้องได้รับ
ก็สมควรแล้ว.
คิดจะทำลายชื่อเสียงของสำนักไท่กู่เจิ้งก็ต้องได้รับผลกรรมสนอง,ไม่ใช่แค่เพียงผู้นำฉิน
ยังมีพวกลิ่วล่อที่รวมหัวกระหน่ำมายังเขา,จึงไม่มีอะไรเกินเลยแม้แต่น้อย,ควรจะกล่าวว่าจะไม่เพียงพอกับผลกรรมด้วยซ้ำ.
ในทวีปชิงหยุนนั้น,ขอเพียงหมัดของใครหนักกว่า,ก็จะสามารถหาเหตุผลเพื่อสนับสนุนตัวเองได้เสมอ.
สำหรับเจ้า,
ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใด ๆ ด้วย.
กล่าวตามตรง,การที่เขาสั่งให้เซียวจุ้ยจื่อทำลายป้ายสำนักของอีกฝ่าย,จุนซ่างเซียวก็มั่นใจก่อนแล้ว,ว่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น.
ก็เลือกเอาระหว่างยอมให้ทำลายป้ายสำนัก,หรือว่าจะไปล้างห้องส้วมสำนักไท่กู่เจิ้ง.
หวังตงหลินที่ราวกับมองเห็นของเจตนาของอีกฝ่าย,ดังนั้นจึงอาสาเป็นคนดำเนินการ.
จิตสังหารของฉินเห่าหรานยังคละคลุ้ง,แต่ก็พยายามที่จะข่มใจให้สงบ,กัดฟันและกล่าวออกไปว่า,”การเดิมพันกลายเป็นโมฆะ!”
เขาที่จำเป็นต้องยอมรับอย่างช่วยไม่ได้!”
ในเมื่อการเดิมพันเป็นโมฆะ,ก็หมายความว่าเขาไม่ได้ตะบัดสัตย์,ก็ยังไม่ถือว่าเป็นคนน่าละอาย!
กล่าวได้ว่า,จุนซ่างเซียวที่แสดงเป็นโกรธเกรี้ยวให้เซียวจุ้ยจื่อทำลายป้ายสำนัก,ก็เพื่อที่จะให้ผู้นำฉินไม่จำเป็นต้องไม่ล้างห้องน้ำที่สำนักไท่กู่เจิ้งนั่นเอง.
ถึงจะมีบางคนที่เอ่ยว่าการทำลายป้ายสำนักเท่ากับทำลายศักดิ์ศรี,แต่ก็มีบางคนไม่ได้สนใจนัก,อีกอย่างจะลงโทษจุนซ่างเซียวอย่างไร?
สังหารอย่างงั้นรึ?
หวังตงหลินจะเห็นด้วยรึ?
อ้ายซางหนี่จะเห็นด้วยรึ?
ด้วยการมีอยู่ของอาวุโสเขาซางซานและตระกูลอ้าย,ฉินเห่าหรานเข้าใจดี,ต้องการจะสังหารจุนซ่างเซียวเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลย.
อีกอย่าง,มีเหล่าชาวยุทธ์มากมายที่มาชมการต่อสู้ในครั้งนี้.
พวกเขาที่เห็น,ว่าตัวเองนั้นพ่ายแพ้ 0 :
4,พ่ายแพ้ในการประลองไปแล้ว,หากสังหารอีกฝ่าย,คนทั่วยุทธภพจะเอ่ยกล่าวเรื่องของเขาอย่างไร?
โดยเฉพาะชื่อเสียงของเขาที่เป็นสำนักฝ่ายธรรมะ,ย่อมต้องคิดถึงหน้าตาเป็นสำคัญ.
หากเปลี่ยนเป็นสำนักฝ่ายอธรรมล่ะก็,ไม่จำเป็นต้องคิดถึงอะไร,ใครหาเรื่องข้า,ก็สังหารทันที,ทำลายล้างทั้งตระกูลด้วย!
แน่นอน.
ฝั่งจุนซ่างเซียวก็คิดถึงเรื่องดังกล่าวเช่นกัน,ไม่สามารถกระทำอำเภอใจ.
หากเขาไม่ต้องกังวลเรื่องใด ๆแล้วล่ะก็?
เขาคงปลดผนึกดาบหนานโชว,กุดหัวทุกคนที่หาเรื่องเขาไปให้หมดแล้วเช่นกัน.
“ผู้นำฉิน.”
จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้มราวกับไม่ใส่ใจเรื่องอะไร,”ในเมื่อการเดิมพันเป็นโมฆะแล้ว,ศิษย์ของเจ้าชักกระบี่ออกมามีเจตนาอะไร?”
ฉินเห่าหรานที่ข่มความโกรธเอาไว้,กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม,”เก็บกระบี่,แล้วถอยออกไป.”
ศิษย์สำนักเห่าฉีที่ได้แต่รับคำสั่ง,เก็บกระบี่เข้าฝัก,จากนั้นก็กลับไปยืนตำแหน่งเดิม,ทำได้แค่มองด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมา.
“เคร้ง! เคร้ง!”
หลี่ชิงหยางและคนอื่นก็เก็บกระบี่เช่นกัน,และก้าวไปยืนด้านหลังเจ้าสำนัก.
กับสถานการณ์ที่ตรึงเครียด,กำลังจะต่อสู้กันแล้ว,แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น,เหล่าชาวยุทธ์ที่เป็นผู้ชมเวลานี้รู้สึกชื่นชมสำนักไท่กู่เจิ้งเป็นอย่างมาก.
ทำลายป้ายสำนักเห่าฉี,ทว่ากลับปลอดภัยไร้ซึ่งรอยขีดข่วน,ร้ายกาจเกินไปแล้ว!
“ผู้นำฉิน.”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานไปด้านหน้า,กล่าวออกไปว่า,”การประลองเจ็ดคู่,สำนักไท่กู่เจิ้งของข้าชนะสี่คู่แล้ว,ก็ถือว่าตัดสินแล้วไม่มีอะไร,คงต้องขอตัวก่อน.”
เย่ซิงเฉินที่งงงัน.
ไปแล้วรึ? เปิ่นตี้ยังไม่ได้ขึ้นเวทีเลย,อ๊าก!
ผู้นำฉินที่พ่นลมหายใจ ให้ใจเย็นลง,และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา,”เจ้าสำนักจุน,สำนักเห่าฉีของข้า,แม้นว่าจะพ่ายแพ้,ทว่าในเมื่อกฎบอกว่าประลองเจ็ดคู่,ก็ควรจะประลองให้ครบ,ไม่เช่นนั้นจะเป็นไปตามกฏของยุทธภพได้อย่างไร.”
0 : 4,ไม่สามารถทนได้!
อย่างน้อยชนะสามคู่ที่เหลือ,ต้องชนะทั้งหมด.
เมื่อข่าวนี้กระจายไปทั่วยุทธ์ภพ,อย่างน้อยก็ลดความอับอายได้บ้างซักหน่อย!
“เรื่องนี้....”จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางอักอ่วน,”ผู้นำฉิน,เปิ่นจั้วเกรงว่าสู้ต่อไปอีก,สำนักเห่าฉีจะพ่ายแพ้
0
: 7 จะหาว่าข้า,ทำเกินไปไม่ได้นะ.”
เหล่าผู้ชมแทบล้มทั้งยืน.
เจ้าทำลายป้ายสำนัก,ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน,คิดจะกลับไปง่าย
ๆอย่างงั้นรึ?
”0 : 7?”
ฉินเห่าหรานที่ระงับความโกรธ,ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชา,”เจ้าประเมินสำนักเห่าฉีต่ำเกินไปแล้ว!”
“ยืนยันว่าต้องการสู้อีกครั้งรึ?”
“ยืนยัน!”
จุนซ่างเซียวยักไหล่กล่าวออกไปว่า,”ในเมื่อผู้นำฉินไม่ต้องการรักษาหน้าตัวเองไว้แล้ว,ก็ประลองต่อได้.”
“ใช่แล้ว.”
เขาที่เผยยิ้ม,”พวกเราเพิ่มเดิมพันด้วยดีหรือไม่?”
ฉินเห่าหรานท่โกรธเกรี้ยวกล่าวออกไปว่า,”สำนักเห่าฉีพ่ายแพ้ไปแล้ว,จะเดิมพันได้อย่างไรกัน!”
“สี่คู่แรกนั้นก็เพียงแค่อุ่นเครื่องเท่านั้น จะไม่นำมานับ,เอาไว้เป็นว่ามาใช้สามคู่ที่เหลือตัดสินแพ้ชนะเป็นอย่างไร?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หวังตงหลินและอ้ายซางหนี่ถึงเผยท่าทางอัศจรรย์ใจ.
ในเมื่อชัยชนะก็ได้รับมาแล้ว,แต่ให้ยกเลิกมาตัดสินกันใหม่อย่างงั้นรึ?
นี่เจ้าสำนักจุนมั่นใจขนาดนั้นเลยรึ?
เหล่าพันธมิตรและผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ
ก็ตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน.
ชายคนนี้ป่วยอยู่งั้นรึ?
ฉินเห่าหรานที่ตะลึงไปชั่วขณะเช่นกัน.
ทว่าเขาที่ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว,ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ,”ดี,สี่คู่ที่แล้วไม่นับ,มาตัดสินกันด้วยสามคู่ที่เหลือ!”
“ส่วนการเดิมพัน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”พวกเราคงไม่มาเล่นอย่างล้างคอกม้า,ล้างห้องส้วมแล้วนะ,เอาแบบจริงจัง,ใครแพ้ต้องจ่าย
10 ล้านเหรียญ.”
10 ล้านเหรียญอย่างงั้นรึ?
ดวงตาของทุกคนที่เบิกกว้างกลมโต.
กับจำนวนขนาดนั้น,สำนักระดับแปดสามารถจ่ายได้รึ?
ไม่ต้องบอกเลยว่ามันมากมายขนาดใหน,ถึงจะเป็นสำนักระดับเจ็ด,และตระกูลใหญ่,การจะจ่ายออกไปเช่นนั้นก็แทบหมดตัว
อ๊าก ๆ.
ฉินเห่าหรานที่กล่าวอย่างเหยียดหยัน,”เจ้าสำนักจุน,สำนักเห่าฉีของข้าย่อมสามารถจ่าย
10 ล้านได้,แต่เกรงว่าสำนักไท่กู่เจิ้งจะมีปัญหาในการจ่ายหรือไม่?”
“หากเปิ่นจั้วพ่ายแพ้,ก็ยังสามารถกู้ยืมได้.”จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ใช่ใหม่,ประมุขอ้าย?”
อ้ายซางหนีที่ตื่นตกใจ,ก่อนที่จะเร่งรีบกล่าวออกมา,”เจ้าสำนักจุน,หากต้องการความช่วยเหลือ,ตระกูลอ้ายย่อมยินดีที่จะให้ยืนเงิน
สิบล้านเหรียญ!”
ในเวลานี้เหล่าผู้ชมยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่!
สำนักไท่กู่เจิ้งและตระกูลอ้ายมีความสัมพันธ์ใดกัน,ประมุขอ้ายถึงกับรับปากที่จะให้ยืมเงิน,ต้องบอกด้วยว่านั่นมันเงิน
10 ล้านเหรียญ!
ถึงจะบอกว่าอ้ายซางหนี่เดินทางมาเชียร์จุนซ่างเซียว,แต่ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะแน่นแฟ้นกันขนาดนั้น!
“ตกลง!”
ฉินเห่าหรานเอ่ย,”เดิมพันสิบล้านเหรียญ!”
“วูซซซ!”
เหล่าศิษย์สำนักเห่าฉีที่กระจายตัว,ล้อมรอบลานยุทธ์ครึ่งหนึ่งอีกครั้ง,จุนซ่างเซียวเอ่ยออกมา,”ผู้นำฉิน,โปรดส่งศิษย์ออกมาต่อสู้.
ฉินเห่าหรานโบกมือ.
ศิษย์ที่มีรากวิญญาณระดับสูงคนที่สูง,พลังบ่มเพาะศิษย์ยุทธ์ขั้นปลายก้าวออกไป.
ในเวลานี้,สำนักเห่าฉียังมีศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดระดับอาจารย์ยุทธ์รออยู่ข้างเวที,ดังนั้นฉินเห่าหรานจึงรู้สึกมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา,กล่าวออกไปว่า,”ขอเพียงชนะสองคู่ก่อน,ก็ถือว่าโชคดีมีชัย,ได้กินไก่ฉลองตอนเย็นได้.”
จากนั้นเขาก็เอ่ย,”ชิงหยาง,ขึ้นเวที.”
“ครับ.”
หลี่ชิงหยางที่ก้าวออกไปบนเวที.
“บุตรชาย!”
ขณะเขาก้าวออกไปได้สองก้าว,ประมุขหลี่ก็กล่าวออกไปอย่างจริงจัง,”บิดากำลังมองเจ้าอยู่,บรรพชนตระกูลหลี่ทุกรุ่นก็กำลังมองเจ้าอยู่ด้วยเช่นกัน!”
“ฟู่!”
หลี่ชิงหยางที่สูดหายใจลึก,กล่าวออกมาว่า,”ท่านพ่อ,ข้าจะทำให้ท่านได้เห็น,ตั้งแต่งานรับศิษย์ร้อยสำนัก,การตัดสินใจของบุตรคือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด!”
เขาที่จ้องมองแผ่นหลังของบุตรชาย,น้ำตาคลอเบ้า,ประมุขหลี่ที่กล่าวออกมาเสียงสั่น,”บุตรของข้า,บิดาเห็นแล้ว,บิดารู้สึกภาคภูมิใจในตัวเจ้าที่ได้กลายเป็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง!”
“กึก กึก.”
ในเวลานั้นหลี่ชิงหยางที่ก้าวไปหยุดที่กลางลานยุทธ์,หันหน้าไปที่บิดาครั้งหนึ่ง,ก่อนที่จะมองไปยังคู่ต่อสู้,”สำนักไท่กู่เจิ้ง,หลี่ชิงหยาง!”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น