Strongest Sect of All Times Chapter 143 my one person solve sufficiently completely!
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 143 my one person solve sufficiently
completely!
我一人足以全部解决!
หลังจากสวนด้านในได้รับการฟื้นฟูซ่อมแซม,ลานด้านนอก็เริ่มขยายและสร้างสิ่งก่อสร้าง.
เหล่าศิษย์เองก็บ่มเพาะเหมือนกับทุก ๆวัน,เพียงแต่ได้ย้ายเข้าไปลานด้านใน,เพราะว่าลานยุทธ์ที่มีขนาดเล็กไม่เพียงพอ.
หลี่ลั่วฉิวหลังจากได้กินเม็ดยาบูรณะร่างกาย,ก็รู้สึกตะลึงเป็นอย่างมาก,กายเนื้อของนางที่ยกระดับขึ้น,นอกจากนี้เส้นชีพจรและอวัยวะภายในเองก็สัมผัสได้ว่ายกระดับขึ้นอีกขั้น.
นับตั้งแต่นางนำผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง,เพราะว่านางถูกจับ
ตลอดจนปรารถนาในอินทรีย์ทะเลทราย,ตอนนี้รู้สึกดีใจตื่นเต้นกับการตัดสินใจเป็นอย่างมาก.
สมาชิกหอฝนพรำที่ไม่ได้ถูกส่งออกไปเก็บข้อมูล,ล้วนแต่ได้รับเม็ดยาบูรณะร่างกายและปรับตัวเข้ากับการฝึกของสำนัก.
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาที่ต้องก้าวเดินอยู่ในความมืด,ในเวลานี้ได้ออกมาอยู่ในแสงสว่างนับว่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก.
น่าเสียดายเหมือนกันมือสังหารระดับเหรียญทอง,กับพลังบ่มเพาะที่ไปถึงระดับศิษย์ยุทธ์แล้ว,ไม่สามารถบ่มเพาะวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นได้,ทำได้ฝึกฝนวิชาหมัดระเบิดและคมวิญญาณเท่านั้น.
หลี่ลั่วฉิวและผู้ใต้บังคับบัญชาของนางที่ยอมรับจุนซ่างเซียวและสำนักไท่กู่เจิ้งอย่างสมบูรณ์,ซึ่งนอกจากนโยบายพิเศษ,ยกตัวอย่างพวกเขาที่ได้รับเครื่องปั้นกล้ามเนื้อสองชุดเพื่อฝึกพวกเขาโดยเฉพาะ.
หลังจากที่พิจารณาวางแผน,เมื่อแต้มสนับสนุนและคูลดาวน์หมดแล้ว,ก็จะสามารถซื้อสไนเปอร์ไรเฟิลให้กับพวกเขาใช้ได้,ในวันข้างหน้าสามารถก่อตั้งกองกำลังพิเศษขึ้นในโลกนี้ได้.
กองกำลังมือสังหาร,ที่มีสไนเปอร์ไรเฟิล,สวมชุดดำทำงานเวลากลางคืน,เพียงแค่คิดก็น่าพรั่นพรึงแล้ว.
ที่ลานด้านนอกกำลังปรับปรุง,ตอนนี้เหล่าศิษย์ใหม่และศิษย์เก่าจะอยู่ลานด้านใน,ฝึกฝนอย่างราบรื่นทุกวันอย่างสงบเงียบ.
หลังจากนั้นสองสามวัน.
การทดสอบประจำเดือน,ศิษย์ทุกคนที่ต้องทดสอบความแข็งแกร่งบนเครื่องทดสอบ.
หลังจากทดสอบความแข็งแกร่งทั้งหมด,หลี่ชิงหยางที่ทำการบันทึกความแข็งแกร่งของเหล่าศิษย์น้อง,เพื่อตัดสินแพ้ชนะประจำเดือนนั่นเอง.
“ซูเซียวโม่,6000 จิน.”
“เซียวจุ้ยจื่อ, 9000 จิน.”
“หลงจื่อหยาง, 4000 จิน.”
“หลิงหยวนเสวี๋ย 700 จิน.”
“เย่ซิงเฉิน,10,000 จิน.”
”......”
การทดสอบครั้งนี้,ซูเซียวโม่และศิษย์สายใน,เพราะว่าพลังบ่มเพาะสูง,ฝึกฝนมานาน,ทำให้มีความแข็งแกร่งที่สูง.
ตอนนี้เหล่าศิษย์ใหม่มีระดับเปิดชีพจรขั้นสี่ขั้นห้า,ดังนั้นความแข็งแกร่งจึงไม่ได้สูงนัก.
นอกจากนี้,การทดสอบนี้คือการทดสอบความแข็งแกร่ง,ศิษย์บางคนที่ไม่ได้ใช้ทักษะพิเศษเข้าช่วย,ยกตัวอย่างซูเซียวโม่และหลี่เฟยที่มุ่งเน้นไปที่ความเร็วและกำลังขา.
ทว่าจะให้กล่าว,คนที่มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากสุดคงจะเป็นเย่ซิงเฉิน.
ด้วยวิชาบ่มเพาะเปลี่ยนเส้นเอ็นและพระสูตรไท่ฉวน,ทำให้เขาตัดผ่านระดับไปยังศิษย์ยุทธ์ขั้นที่สองและนอกจากนี้ยังมีประสบการความรู้จากชาติที่แล้วจึงเหนือกว่าศิษย์คนอื่น
ๆ.
จุนซ่างเซียวรู้ดี,ว่าศิษย์คนนี้อาจจะมีวิชาบ่มเพาะที่เหนือกว่าระดับเทวะเป็นของตัวเอง,ดังนั้นจึงตั้งเป้าให้ความสนใจและยังคิดในใจ,”การประลองกับสำนักเห่าฉีคงต้องนำเขาไปด้วย.”
หากเทียบกับระดับพลังฝึกตน,เซียวจุ้ยจื่อที่มีระดับเปิดชีพจรขั้นที่เก้าแต่กับมีพลังเกือบเทียบถึงหมื่นจินนับว่าน่าหวั่นเกรงเป็นอย่างมาก,เหตุผลเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาฝึกฝนร่างกายอย่างหนักมาก่อนนั่นเอง.
หลี่เฟยและเทียนฉีเองก็ไม่เลว,แม้นว่าความแข็งแกร่งจะด้อยกว่าศิษย์น้อง,ทว่าเมื่อมองภาพรวมก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก.
ลู่เชียนเชียนที่ลึกลับเล็กน้อย,เพราะว่านางคล้ายกับไม่ได้ใช้แรงเต็มกำลัง.
หากพูดเรื่องความแข็งแกร่ง,เหล่าศิษย์สายในของเขา,แทบจะโดดเด่นเหนือกว่าสำนักอื่น
ๆอย่างไม่ต้องสงสัย.
ส่วนหลี่ชิงหยางที่ต้องคอยจัดการภารกิจภายในสำนัก,ดูแลเหล่าศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บ,ดังนั้นจึงไม่สามารถนำไปเทียบกับลู่เชียนเชียน,เซียวจุ้ยจื่อและเย่ซิงเฉิน.
“เชียนเชียนที่มีความสามารถยอดเยี่ยมในการใช้พลังวิญญาณ.”
“จุ้ยจื่อที่มีกายเนื้อที่แข็งแกร่งสุดยอด.”
“ซิงเฉินผู้มีพลังหมัดยากจะมีใครต้านทาน.”
“เซียวโม่ที่มีท่าเท้าเคลื่อนไหวอันร้ายกาจ.”
“ศิษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่มีระดับกายเนื้อที่ไม่ธรรมดา,ทำให้เหมาะที่จะต่อสู้ในระยะประชิด.”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวเสียงเบา,”ดูเหมือนว่าศิษย์แต่ละคนแทบจะถอดแบบกันมา.”
มีเพียงแค่ห้าคนที่มีความสามารถแตกต่าง,อีก 25
คนที่คล้ายกัน เหมือนกันจนแยกกันไม่ออก.
ยังเหลืออีกหนึ่งคน!
“ติ๊ง!”
โจวหงมือกระบี่ผู้ทดสอบคนสุดท้าย,เขาที่ใช้กระบี่ฟันไปยังเครื่องทดสอบ,แม้นว่าจะไม่สามารถตัดมันให้ขาด,ทว่าก็สามารถบ่งบอกพลังความแข็งแกร่งได้!
“โอ้วสวรรค์!”
“ศิษย์น้องโจวร้ายกาจมาก!”
กับตัวเลขเป็นจำนวนมากที่ปรากฏขึ้น,ทำให้ศิษย์คนอื่น
ๆต้องอุทานออกมาเสียงดัง.
เย่ซิงเฉินที่ครุ่นคิดเล็กน้อย.
นี่คือยอดมือกระบี่,ความแข็งแกร่งนั้นเกรงว่าจะไม่ต่างจากระดับ
กระบี่อาจารย์เลย,เพียงแค่การฟันก็มีพลัง 50,000 จินแล้วนับว่าไม่ธรรมดา.
ถึงแม้นว่าจะพอคาดเดาได้ว่า,คน
ๆนี้จะไม่ธรรมดา,แต่ไม่คิดว่าจะร้ายกาจขนาดนี้.
“ไม่เลว,ไม่เลว.”จุนซ่างเซียวที่กล่าวอย่างพึงพอใจ.
การทดสอบความแข็งแกร่งจัดขึ้นทุกเดือน,ใครที่มีพลังไม่ผ่านเกณฑ์จะต้องฝึกหนัก,ห้าศิษย์ฝ่ายนอกที่มีความแข็งแกร่งสูงที่สุด,จะได้รับเม็ดยารวมวิญญาณคนล่ะสามเม็ด.
และคนที่มีความแข็งแกร่งต่ำที่สุดห้าลำดับสุดท้ายของศิษย์ฝ่ายนอก,จะต้องรับผิดชอบในการทำความสะอาดลานด้านนอกและล้างจานชามเป็นเวลาเจ็ดวันติดต่อกัน.
ส่วนศิษย์ฝ่ายในนั้น,เพราะว่าได้รับเม็ดยารวมวิญญาณเป็นรางวัลทุก
ๆเดือนอยู่แล้ว,ดังนั้นการทดสอบนี้,ก็เป็นเพียงแค่วัดการเติบโตเท่านั้น.
......
ในห้องหนังสือ.
หลี่ชิงหยางเอ่ย,”เจ้าสำนัก,ศิษย์ตอนนี้มีมากขึ้นเรื่อย
ๆ,จำเป็นต้องการชุดมากกว่านี้.”
จุนซ่างเซียวที่มอบเงินออกไปหนึ่งหมื่นเหรียญ,กล่าวออกไปว่า,”เช่นนั้นก็ตัดชุดหลาย
ๆ ขนาดเอาไว้,และเตรียมไว้สำรองด้วย.”
“ใช่.”
“หอฝนพำที่เปิดมาครึ่งเดือนแล้ว.”
“พวกเขาควรจะมีชุดที่แตกต่างออกไป,เจ้านำแบบชุดนี้ไปสั่งตัดมาด้วย.”
“ครับ.”
มีเงินก็สะดวกไปหมด.
ถัดมาจากนั้นไม่กี่วันชุดเครื่องแบบสำนักก็ถูกส่งมา.
ชุดของตึกฝนพรำก็มาถึง,ซึ่งแบบชุดเน้นไปที่โทนสีเทา,รูปแบบของศิษย์ชายนั้นไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากศิษย์ทั่วไปนัก.
มีเพียงถางจู่ที่แตกต่างมาก,ดูกระชับ,ขับเน้นรูปร่างของสตรีให้โดดเด่นเป็นอย่างมาก.
“งดงามหรือไม่?”
หลังจากที่เปลี่ยนเป็นชุดสำนักสีเทา,หลี่ลั่วฉิวที่ก้าวเข้ามาในห้องหนังสือ,เผยท่างยวนเย้า,เสื้อผ้าที่ขับเน้นโชว์ร่างให้เห็นเด่นชัด.
ต้องบอกว่างดงาม สวยแบบยั่วยวนมาก!
“เจ้าควรจะสวมเสื้อคลุมด้วย.”
จุนซ่างเซียวที่เกรงว่าตัวเองจะเลือดกำเดาไหล.
หลี่ลั่วฉิวที่สวมผ้าคลุมสีดำทับอีกชั้น,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”ได้ยินมาว่าเจ้าสำนักเป็นคนออกแบบเสื้อผ้าเอง,ทว่ามีรูปแบบนั้น
มีจุดประสงค์อะไรหรือไม่?.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ข้าต้องการให้สตรีดูงดงามน่าดึงดูด,แน่นอนว่าข้าเองก็ชอบ.”
“โอ้ว,ใช่,เปิ่นจั้ววางแผนที่จะเลือกศิษย์ที่ฉลาดส่งเข้าไปยังหอฝนพำ,ให้เจ้าเป็นคนฝึกฝน.”
“ไม่มีปัญหา.”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”ทว่า,ตึกฝนพรำของข้านั้นต้องการพื้นที่อิสระ,เพื่อใช้ในการฝึกฝน.”
แน่นอนว่ารูปแบบที่นางกล่าวถึงย่อมเป็นการฝึกฝนเหมือนกับมือสังหาร.
จุนซ่างเซียวที่จัดแจงแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งของภูเขาด้านหลัง,ให้กับหอฝนพรำเพื่อฝึกฝนโดยเฉพาะ.
สำนักไท่กู่เจิ้งนั้นตั้งอยู่บนเทือกเขาบนยอดที่สูงที่สุด,แม้นว่าจะเป็นเทือกเขาที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรนัก,ทว่าพื้นที่เทือกเขาก็นับว่ากว้างมาก,พื้นที่สำนักที่ตั้งอยู่นั้นเพียงแค่ส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น.
จุนซ่างเซียวที่วางแผน,ว่าหลังจากนี้เมื่อศิษย์เพิ่ม
มากขึ้น,ก็จะพัฒนาบุกเบิก,สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขยับขยายมากขึ้นเรื่อย ๆ.
......
เขาที่ส่งศิษย์สิบคนไปฝีกที่หอฝนพรำ,แต่ละคนล้วนแต่มีเชาว์ปัญญาที่ยอดเยี่ยม,ยกตัวอย่างหลี่ซางเทียนคนที่ต้องการปีก,วิ่งตามความฝันของตัวเอง.
หลี่ลั่วฉิวที่ฝึกฝนซางเฟยเหมือนกับมือสังหาร,ไม่เพียงเข้มงวด,สถานที่ฝึกยังไม่ธรรมดา,ศิษย์แต่ละคนที่ราวกับน้ำตาตกใน.
หลี่ซางเทียนที่ได้รับการฝึกฝนจากหลี่เฟย,จึงสามารถผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็น
เพราะการฝึกฝนที่เข้มงวด,ไม่ต่างกับการเตะบอลแห่งความสุขเลย.
ในบรรดาศิษย์คนที่ฝึกหนักที่สุดคงหนีไม่พ้นเย่ซิงเฉิน.
ก่อนหน้านี้จุนซ่างเซียวที่มอบเพลงกระบี่ระดับเทวะให้เขา,ทว่าเขาไม่มีกระบี่แล้วจะฝึกฝนได้อย่างไรกัน!
ไม่ใช่คิดว่าจะให้ข้าใช้กิ่งไม้ไปต่อสู้หรอกนะ?
ไม่ได้การ,จะต้องหากระบี่ดี ๆก่อน! เขาได้เข้าไปพูดกับจุนซ่างเซียว.
“ข้าจะมอบกระบี่หานเฟิงให้กับเจ้า,ทว่าเจ้าต้องสร้างผลงานก่อน.”
จุนซ่างเซียวที่นั่งพิงเก้าอี้อย่างสบายใจเอ่ยกล่าวออกมาว่า,”เร็ว
ๆนี้ ข้าจะเดินทางไปท้าประลองสำนักเห่าฉี,เจ้าต้องแสดงผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมา.”
ตำรายุทธ์,เม็ดยาและอาวุธไม่สามารถมอบให้ง่าย
ๆ,จะต้องสร้างผลงานและสนับสนุนสำนักก่อน.
ซูเซียวโม่ที่สร้างผลงานโดดเด่นในงานประลองสำนัก,ดังนั้นจึงได้รับกระบี่หานเฟิง.
“อีกนานเท่าไหร่?”
“หนึ่งเดือนหลังจากนี้.”
เย่ซิงเฉินกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”สำนักระดับหก,เจ้าสำนักไม่จำเป็นต้องนำศิษย์คนอื่นไปก็ได้,ข้าคนเดียวก็เกินพอแล้ว!”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น