วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 122 I will make you very suffer( cultivates)

Strongest Sect of All Times  Chapter 122 I will make you very suffer( cultivates)

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 122 I will make you very suffer( cultivates)

我会让你很痛苦(修)

 

เซียวจุ้ยจื่อเพิ่งกลับมา,ก็ให้ออกไปต่อสู้ทันที,ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน.

เย่ซิงเฉินที่ไม่สนใจ,เตรียมที่จะไปอาบน้ำชำระร่างกาย.

“ซิงเฉิน.”จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เจ้าออกไปต่อสู้คู่ที่สี่,เปิ่นจั้วต้องการเห็นพัฒนาการของเจ้าหลังจากออกไปหาประสบการ,ความแข็งแกร่งยกระดับไปถึงใหนแล้ว.”


น่ารังเกียจ!

คาดไม่ถึงเลยว่าจะให้เปิ่นตี้ไปเล่นกับพวกเด็ก ๆเหล่านี้นะรึ?!

แม้ว่าจะไม่ค่อยยินดีนัก,ทว่าก็หยุดลง,จ้องมองไปยังศิษย์ของสำนักซิงอวิ๋น,แววตาที่เผยความเหยียดหยันออกมาอย่างรุนแรง.

ซ่งฉายที่กวาดตามองคนทั้งสอง,เอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล,”เจ้าสำนักจุน,ทั้งสองดูเหนื่อยล้ามาก,ส่งพวกเขาออกมาประลอง,ต้องการอย่างงั้นจริงรึ?”

“ก็ต้องการแบบนี้แต่แรกแล้ว.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

น้ำเสียง,ที่ดูมีความนัย.

คล้ายกับว่าไม่ได้จริงจังอะไรกับสำนักซิงอวิ๋นแต่แรกแล้ว.

“เจ้า....”ซ่งฉายที่ระงับความโกรธเอาไว้,เอ่ยกล่าวออกมาว่า,”เจ้าสำนักจุน,หากเห็นว่าศิษย์สำนักซิงอวิ๋นรังแกคนของท่านมากเกินไป,สามารถเปลี่ยนคนอื่นได้.”

เฮ้ เฮ้.

คิดจะเอาจริงแล้วอย่างงั้นรึ?!

......

เซียวจุ้ยจื่อไม่ได้เปลี่ยนชุดสำนัก,ลากร่างกายที่สกปรกไปกลางลานยุทธ์,ยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า,”เซียวจุ้ยจื่อ.”

สายตาของศิษย์สำนักซิงอวิ๋นที่จับจ้องมองครู่หนึ่งและเอ่ยออกไปว่า,”แท้จริงแล้วก็คือผู้ชนะเลิศประลองสำนักครั้งล่าสุดนี่เอง.”

จากนั้น,เขาก็ยกมือประสานแสดงท่าทางดูแคลนออกมา,”จางเย่.”

ในความเห็นของเขา,ชายคนนี้ไม่สามารถเปิดชีพจรได้,การที่ได้ตำแหน่งชนะเลิศเพราะมีโชคที่ต่อต้านสวรรค์,หากตัวเขาได้เข้าร่วมประลองในครั้งนั้น,จะต้องทุบอีกฝ่ายเป็นหมาตายได้แน่นอน.

หนำซ้ำ,ในการประลองสำนักในครั้งนั้น,ด้วยความแข็งแกร่งของเซียวจุ้ยจื่อ,ยังไม่เคยปะทะกับระดับศิษย์ยุทธ์ระดับสี่เลย.

ทว่าตอนนี้....

“ตูมม! ตูมม! ตูมม!ตูมม! ”

หลังจากประกาศการต่อสู้เริ่มขึ้น,จางเย่ศิษย์สำนักซิงอวิ๋น,ก็ถูกเซียวจุ้ยจื่อกระหน่ำใส่ไม่หยุดถูกผลักให้ห่างออกไปเรื่อย ๆไม่แม้แต่มีโอกาสได้ตอบโต้กลับมาเลย.

 

ในเวลานี้หากเปิดเพลง,เลียนเสียงแมวของจากเครื่องเสียงตลกเทวะ,คงจะเข้ากับสถานการณ์เวลานี้เป็นอย่างมาก.

 

“พรึด โครมมมม!

จางเย่ที่รับการโจมตีไม่หยุด,แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถรับได้อีกต่อไป,ร่างของเขาที่ล้มตึงครูดไปกับพื้นน้ำลายฟูมปากออกมา.

 

ใบหน้าท่าทางที่โอหังภารภูมิใจก่อนหน้านี้,เวลานี้มันกลายเป็นใบหน้าที่ไม่ต่างจากปลาตาย,เพราะถูกอัดกระหน่ำจนได้รับความเจ็บช้ำ.

“ติ๊ง! เอาชนะศิษย์สำนักซิงอวิ๋น 3 / 5.”

“ไม่เลว,ไม่เลว.”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวอย่างพึงพอใจ,”การออกไปหาประสบการณ์,ถือว่าเติบโตขึ้นไม่น้อย.”

หลังจากที่จัดการฝ่ายตรงข้ามเสร็จ,เซียวจุ้ยจื่อก็ก้าวออกมาจากลานยุทธ์,”เจ้าสำนัก,ข้าขอไปอาบน้ำชำระร่างกายหน่อย.”

“ไปได้.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ซ่งฉายถึงกับหวาดผวา.

ศิษย์ระดับเปิดชีพจรกับอัดศิษย์ของเขาที่มีระดับศิษย์ยุทธ์จนสลบ,นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน.

เซียวจุ้ยจื่อนั้นมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำมาก,ทว่าตั้งแต่เปิดชีพจรได้,เขาก็รวมพลังวิญญาณอัดแน่นเข้ามาในร่างกาย,เพิ่มพลังยกระดับกายเนื้อต่อจนทำให้มันมีประสิทธิภาพที่ก้าวกระโดดเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก.

ระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่สี่.

โทษที,เป็นได้แค่กระสอบทรายเท่านั้น.

ศิษย์ห้าคนแพ้ไปสามคนแล้ว,ในเวลานี้ผู้นำฉินที่ส่งสำนักซิงอวิ๋นมา,คงจะอับอายขายหน้าแล้ว.

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”อาวุโสซ่ง,ยังจะประลองต่อหรือไม่?”

“ประลอง!”ซ่งฉายที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

แพ้ก็คือแพ้,ทว่ายังเหลืออีกสอง,หากชนะ 2:3 ก็ยังพอกู้หน้าคืนได้บ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี!

“ซิงเฉิน,ออกไปต่อสู้.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

เย่ซิงเฉินแค่นเสียงเย็นชา,ก้าวออกไปยังลานยุทธ์,ขณะที่ชี้ไปยังศิษย์ของสำนักซิงอวิ๋นที่มีระดับห้า,กล่าวออกมาอย่างเหยียดหยัน,”เจ้า,ออกมา.”

เย่ซิงเฉินที่ชี้เรียกคนที่แข็งแกร่งที่สุดให้ออกมา.

ศิษย์สำนักซิงเฉินที่ถูกชี้จ้องมองไปยังอาวุโสซ่งฉาย,หลังจากที่อีกฝ่ายพยักหน้า,เขาก็ก้าวออกมาลานยุทธ์,สายตาของเขาที่จ้องมองเย่ซิงเฉินด้วยแววตาเหยียดหยันอย่างหนัก.

เขาคือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในห้าคนที่อาวุโสซ่งฉายนำมา,เขาตัดผ่านระดับไปถึงศิษย์ขั้นห้าก่อนอายุ 20,เป็นความจริงที่เขามีคุณสมบัติพอที่จะดูแคลนคนอื่น.

อย่างไรก็ตาม.

เขาที่ดูแคลนซูเซียวโม่,ดูแคลนเทียนฉี,ย่อมไม่มีปัญหา,แต่เขาดูแคลน คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในสิบราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่,ราชันย์รัตติกาล!

เรื่องนี้,คือปัญหาใหญ่!

การต่อสู้นี้ไม่มีอะไรให้เขาเย่ซิงเฉินสนใจแม้แต่น้อย,เป็นเหมือนกับการโดดไปต่อสู้กับเหล่าเด็กน้อย,แววตาของเขาที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยันดูแคลน,แม้แต่ดำมืดไปทั่วใบหน้า.

หมัดทั้งสองข้างของเขาที่กำแน่น,แค่นเสียงเสียงชากล่าวออกมาเสียงดัง,”ไอ้หนู,ข้าจะอัดเจ้าให้เจ็บไปทั่วร่าง.”

“ตูมมมมม!

ศิษย์สำนักซิงอวิ๋นที่ยกแขนทั้งสองข้างประสานกัน,กำหมัดแน่น,ระเบิดพลัง,เสื้อผ้าที่ขาดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เผยให้เห็นลายสักที่ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา,”ดีที่กางเกงไม่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆด้วย,ไม่งั้นไม่รู้จะเห็นอะไร,เป็นไปได้อาจเป็นลายสักลายหมูน้อยก็ได้.”

“ชิ.”เย่ซิงเฉินที่แค่นเสียงเหยียดหยัน.

 

ซ่งฉายเอ่ยออกไปเล็กน้อย,”เจ้าสำนักจุน,ศิษย์ของข้าคนนี้เชี่ยวชาญทักษะในการใช้มีด,เขามีทักษะมีดกว่า 32 กระบวน,ไม่รู้ว่าการประลองครั้งนี้จะใช้อาวุธได้หรือไม่?”

“ย่อมได้.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

 

เย่ซิงเฉินมุมปากกระตุก.

ประลองกับศิษย์ยุทธ์ขั้นห้า,และเพิ่งกลับมาจากหาประสบการ...แล้วให้สู้ด้วยอาวุธด้วยรึ?

น่าเสียดาย.

กับเรื่องที่จะให้สู้ด้วยอาวุธ,จุนซ่างเซียวกับเอ่ยออกมาว่า,”ศิษย์ของข้านั้นมีวิชา 72 ท่า,ต่อสู้กับศัตรูด้วยมือเปล่ามาตลอด.”

ใบหน้าของเย่ซิงเฉินถึงกับกระตุกขึ้นมาในทันที.

ศิษย์สำนักซิงอวิ๋นที่โบกมือ,นำอาวุธมีดออกมาจากในแหวนมิติทันที.

ใบมีดไม่ได้ยาวนัก,พอที่จะพาแตงโมได้พอดี,ทว่าคมมีดที่ส่องประกายแสง,บอกได้ว่ามันคมมาก!

“หลิวคุนหลง.”เขาที่ขานชื่อออกมา.

เย่ซิงเฉินไม่ได้ขานชื่อ,ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทอะไรเลยแม้แต่น้อย,คิดถึงตัวเองที่มือเปล่าต้องรับมือกับศิษย์ยุทธ์ขั้นห้าที่ถืออาวุธ?

“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ในเวลานั้น,หลิวคุนหลงที่เหวี่ยงมีด,เห็นเพียงเงา,เคลื่อนเป็นจังหวะ,บนล่างสลับอย่างรวดเร็ว.

ควรค่าแล้วกับทักษะมีด 32 กระบวนดูร้ายกาจน่าเกรงขามมาก!

“ดี!

จุนซ่างเซียวปรบมือ.

“แปะ แปะ แปะ!

เหล่าศิษย์ของเขาเองก็ปรบมือราวกับว่ากำลังรับชมการแสดงที่น่าตื่นใจ.

หลิวคุนหลงที่กล่าวออกไปเล็กน้อย,”คิดจะใช้แต่มือเปล่า,รับมีดของข้างั้นรึ?.”

“ขยะ.”เย่ซิงเฉินเอ่ยกล่าวออกมาเบา ๆ.

“ฟิ้ว!”ในเวลานั้น,หลิวคุนหลงที่ก้าวไปด้านหน้า,เริ่มสะบัดมีดเร็วขึ้นกว่าเดิม,คมมีดที่เห็นเพียงเงาเป็นริ้วตัดผ่านอากาศเสียงดังหวีดหวิวดูน่าหวาดกลัวจริง ๆ.

เย่ซิงเฉินที่ถอนก้าวแล้วก้าวเล่า,หลบมีดที่พุ่งมาด้วยความเร็ว,ราวกับว่ากำลังมองหาจุดอ่อนของอีกฝ่าย.

ด้วยรากวิญญาณของเขาที่เพิ่มขึ้น,พลังบ่มเพาะก้าวไปถึงระดับเปิดชีพจรขั้นสิบสอง,ทำให้ร่างกายของเขาขยับได้ดั่งใจ,แม้คมมีดจะเคลื่อนด้วยความเร็ว,แต่เขาก็สามารถหลบได้ก่อนจะมาถึงเสมอ.

 

ทักษะมีด 32 กระบวนนั้น,ไม่เพียงแต่ทรงพลัง,แต่ยังระดมฟันไปทุกทิศ,จนยากจะหาจุดอ่อนสวนกลับมาได้.

“ฟิ้ว! ฟิ้ว!

หลิวคุนหลงที่เพิ่มความเร็วขึ้นอีก,จนแทบมองไม่เห็นเงามีดแล้ว!

เย่ซิงเฉินที่ตระหนักได้,หากไม่จัดการกับความเร็วอีกฝ่าย,ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่.

น่ารังเกียจ!

นี่เปิ่นตี้จะพ่ายแพ้ต่อระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นห้านะรึ?

เย่ซิงเฉินที่โกรธเกรี้ยว,กลิ่นอายราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีน้อยนิด ก็ค่อย ๆเพิ่มขึ้นเรื่อย.

“ฟู่ ฟู่!

กลิ่นอายความกดดันที่หนักหน่วงกำลังคละคลุ้งไปทั่วอากาศ.

หลิวคุนหลงที่ใช้ทักษะมีด,เกิดชงัก,แววตาที่เผยความหวาดกลัวออกมา.

ในเวลานั้น,เขารู้สึกราวกับว่าดวงวิญญาณกำลังถูกบดขยี้ตกอยู่ในนรก,จิตใจที่สั่นไหว,ร่างกายอ่อนระทวย,หายใจติดกัน,พร้อมที่จะล้มลงพื้นไปทุกเมื่อ.

กลิ่นอายที่น่าเกรงขามของอำนาจราชันย์ที่แผ่ออกมาเพียงเล็กน้อย,ก็ทำให้หลิวคุนหลงไม่สามารถขยับได้และทำมีดหล่น,เขาทำได้แค่มองเย่ซิงเฉินที่ก้าวไปเก็บ,ก่อนที่จะยกขึ้นสับลงมา.

“ไอ้หนู.”

ราชันย์รัตติกาลที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา,”มีดที่ไร้คม,ยังกล้านำมาใช้ต่อหน้าข้าอีกรึ?”

“ฟิ้ว!

มือที่สะบัดฟันลงมาทันที.

“พรึด ซี่-“

บนหน้าอกของหลิวคุนหลงที่เป็นรอยฟัน,โลหิตสาดกระจาย.

“เจ้า...”ใบหน้าของหลิวคุนหลงที่กลายเป็นดุร้าย.

เย่ซิงเฉินที่ก้าวไปด้านหน้า,ก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา,”วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าการฟันคนนั้นทำอย่างไร,ไม่ใช่การเล่นปาหี่.”

“ฟิ้ว!

อีกหนึ่งใบมีด,โลหิตที่สาดกระจาย.

หลิวคุนหลงที่หน้าอกถูกฟันอีกแผล,เต็มไปด้วยความเจ็บปวด,ก้าวถอยหนีทันที.

เย่ซิงเฉินที่ก้าวตามทันที,สะบัดมีดฟันออกไปอีกครั้ง.

“พรึด ซี่! พรึด ซี่!

หนึ่งคม,สองคม,สามคม.....”

อาวุธของหลิวคุนหลงที่หลุดมือ,ถูกเย่ซิงเฉินเก็บขึ้นมา,ก่อนที่จะฟันอีกฝ่ายอย่างไร้ปราณี.

ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น