Strongest Sect of All Times Chapter 121 Challenge from Star Cloud School
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 121 Challenger from Star Cloud
School
来自星云派的挑战
สำนักชิงอวิ๋น,ที่จู่
ๆก็เดินทางมาขอประลอง,พอจะคาดเดาได้ว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวกับกับผู้นำพันธมิตรฉินแน่.
“ผู้นำฉิน.”
จุนซ่างเซียวที่ถูกมือไปมา,กล่าวด้วยรอยยิ้ม,”ระหว่างพวกเรายังไงก็ต้องประลองกัน,ดูเหมือนว่าจะใจร้อน,อดรนทนไม่ไหวจนต้องส่งคนมาทดสอบข้าเลยสินะ!”
“ติ๊ง!
ภารกิจสนับสนุน!”เสียงของระบบที่ดังขึ้น.
เย็นเข้!
ท้ายที่สุดก็มีภารกิจสักที!
จุนซ่างเซียวที่เร่งรีบเปิดคอนโซนระบบขึ้นมา,ตรงส่วนรายงานภารกิจสนับสนุน,เอาชนะผู้อาวุโสเจ็ด,ซ่งฉาย
0 / 1 [ภารกิจระดับสูง].
ภารกิจที่สอง!
เนื้อหา,เอาชนะศิษย์สำนักชิงอวิ๋น
0 / 5.
ไม่ใช่แค่หนึ่ง,กับมีถึงสองเลยรึ?!
ยอดเยี่ยมเลย!
จุนซ่างเซียวที่สะบัดมือ,ยืนขึ้น,”เชิญอาวุโสสำนักชิงอวิ๋นเข้ามาเร็วเข้า.”
“ครับ.”
หลี่ชิงหยางที่หันหลังก้าวจากไป,ภายในใจที่เต็มไปด้วยความสงสัย,”ทำไมเจ้าสำนักต้องดีใจขนาดนั้นด้วย?”
เขาที่ขาดแคลนแต้มสนับสนุนอย่างหนัก,จู่
ๆก็มีคนส่งมาให้ถึงที่,สองภารกิจ,เจ้าสำนักจุนต้องดีใจแน่นอน,เขาที่แทบกระโดดเต้นฟ้อรำออกมาเลย.
......
บนลานยุทธ์.
ศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งที่หยุดฝึกฝน,ก่อนที่จะก้าวมายืนอยู่ด้านหลังเจ้าสำนัก.
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้,เขาที่ก้าวออกมาด้านนอก,ใบหน้าแห่งความสุขที่อดไม่อยู่จนต้องเผยออกมาเล็กน้อยเหมือนกัน.
ฝ่ายตรงข้าม.
อาวุโสสำนักชิงอวิ๋นที่ยืนไขว้หลังยื่นเด่นด้วยความอหังการ.
และด้านหลังมีศิษย์ห้าคน,ทีแผ่กลิ่นอายไม่ธรรมดาออกมา,แน่นอนว่าย่อมต้องมีระดับศิษย์ยุทธ์,พลังบ่มเพาะไม่เลว.
ในเวลานี้ในสายตาของจุนซ่างเซียว,ที่จ้องมองคนเหล่านี้,เห็นเป็นแต้มลอยอยู่,อ๊าก
ๆ.
ระบบกล่าว,”ห้าศิษย์ฝ่ายตรงข้าม,ด้านซ้ายไปขวา,มีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นห้า,ขั้นสี่,ขั้นสี่,ขั้นสามและขั้นสอง.”
“อิ อิ.”
จุนซ่างเซียวที่ครุ่นคิดในใจ,”ควรค่าแล้วที่เป็นสำนักระดับเจ็ด,มีศิษย์ที่ร้ายกาจพอดู.”
“เจ้าสำนักจุน.”
ซ่งฉายที่ยกมือประสานไปด้านหน้า,”ได้ยินมาว่าศิษย์ของท่านได้สี่ลำดับแรกในงานประลองยุทธ์สำนัก,สำนักชิงอวิ๋นของข้ารู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก,วันนี้จึงได้นำศิษย์มาขอคำแนะนำโดยเฉพาะ.”
สำนักชิงอวิ๋นนั้นได้ส่งคนเข้าร่วมเช่นกัน,ทว่ากับเป็นศิษย์สายนอกพลังบ่มเพาะไม่สูงนัก,ทำให้ตกรอบอย่างรวดเร็ว.
ที่ไม่ได้ส่งศิษย์ระดับสูงเข้าร่วมนั้น,ก็เพราะมีกฎข้อหนึ่งที่ห้ามไว้,นั่นก็คือมีอายุไม่เกิน
18 ปีนั่นเอง.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ต้องการประลองด้วยศิษย์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้,จะไม่ปรบมือต้อนรับได้อย่างไร.”
“แปะ แปะ แปะ.”
ศิษย์ทุกคนที่ปรบมือเสียงดัง,ต้อนรับ.
ซ่งฉายที่มุมปากกระตุก,กล่าวออกมาด้วยความเคารพ,”ซ่งฉายเวลานี้นำศิษย์สายในห้าคนมา,หวังว่าจะได้ประลองกับศิษย์ที่ทรงเกียรติของสำนักไท่กู่เจิ้ง
1-1 จำนวนห้าคู่,เจ้าสำนักจุนมีความเห็นอย่างไร?”
คนเหล่านี้เชื่อว่าหลี่ชิงหยางนั้นแข็งแกร่งอย่างแน่นอน,คนแรกที่ส่งออกมาจึงอ่อนแอเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ตกลง.”
“ชิงหยาง.”
เขาโบกมือและกล่าวออกไปว่า,”เตรียมการประลองต้อนรับแขกของพวกเราอย่างอบอุ่น.”
“ครับ.”
หลี่ชิงหยางขณะกำลังก้าวออกไป,ได้ยินเสียงของเจ้าสำนักกระซิบเบา
ๆข้างหู,”เปิ่นจั้วต้องการให้พวกเขาเห็นพลังร้ายกาจ,สั่งอีกฝ่ายทุบตีให้พวกมันร้องหาพ่อแม่
ได้เลย.”
ภารกิจที่จะเอาชนะศิษย์สำนักชิงอวิ๋นนั้นง่ายดายนัก,แต่ก็ไม่ได้ระบุรายระเอียดที่ชัดเจนแต่อย่างใด.
หลี่ชิงหยางที่พยักหน้ารับ,ก่อนที่จะก้าวออกไปที่ใจกลางลานยุทธ์.
ซ่งฉายที่ส่งศิษย์คนหนึ่งออกมา,เป็นศิษย์ที่มีพลังบ่มเพาะต่ำที่สุด,เพียงระดับสองศิษย์ยุทธ์เท่านั้นเอง.
“คิดว่าเป็นสนามม้ารึไง?”จุนซ่างเซียวที่กล่าวเหยียดหยัน,”คิดที่จะเก็บคนมีฝีมือไว้จัดการศิษย์คนอื่นของข้ารึ?.”
“กึก.”
ศิษย์ของเขาที่เสิร์ฟน้ำชา,ก่อนที่เขาจะยกมันขึ้นจิบ.
“หลี่ชิงหยาง.”
“เจี่ยเถิงหยิง.”
“พรึด-“จุนซ่างเซียวสำลักน้ำชา.
......
ทั้งสองที่ขานชื่อกันก่อนการต่อสู้จะเริ่ม.
“ฟิ้ว!”
เจี่ยเถิงหยิงที่พุ่งออกไป,หมัดทั้งสองข้างที่ผสานพลังพลังวิญญาณ,เท้าทั้งสองข้างที่ส่องแสง,จากนั้นก็ได้ยินเพียงเสียงย่ำของเท้า,ตึก
ตึก ตึก.
ด้วยทักษะระดับสามัญขั้นกลาง,ทำให้เขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมาก.
ในเวลานี้เขาที่เพิ่มความเร็วจนเห็นเป็นเพียงเงา,ด้วยความเร็วจนยากจะระบุตำแหน่ง.
หลี่ชิงหยางที่เวลานี้กำลังยืนนิ่ง,พร้อมกับขยับเท้าเป็นระยะเพื่อหลบการโจมตีของอีกฝ่าย.
ก่อนหน้านี้เขามีระดับสองศิษย์ยุทธ์เอาชนะโม่ซ่างเฟยนิกายเซิ่งชวน,ถึงแม้นว่าอีกฝ่ายจะเหนือกว่า,แต่ก็เอาชนะมาได้ในที่สุด.
เจี่ยเถิงหยิงที่รับรู้ว่าอีกฝ่ายมีทักษะยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา,จึงคิดที่จะใช้ความเร็วเคลื่อนที่เร็วและคอยเข้โจมตีอีกฝ่ายทีเผลอ.
“กึก.”
เพียงพริบตาที่หลี่ชิงหยางหลบการโจมตีของอีกฝ่ายหลายครั้งและในเวลานั้นมือข้างหนึ่งที่ยื่นออกไปคว้าไปที่ข้อมือฝ่ายตรงข้ามได้.
มือทั้งสิบที่ราวกับเป็นตะขอกำแขนของเจี่ยเถี่ยหยิงเอาไว้,ร่างของที่ไม่สามารถขยับได้.
“พรึด โครม!”
ร่างของอีกฝ่ายที่ถูกจับทุ่มฟาดลงบนฟาดไปด้านหน้าและหลังสลับกัน,ฟาดไปด้านหน้าหนึ่งครั้งและฟาดไปด้านหลังอีกหนึ่งกันไปเรื่อย
ๆ.
“ตูมมม! ตูมมม! ตูมมม!”
หลี่ชิงหยางที่จับมืออีกฝ่ายแน่น เอาด้านหน้าลงเอาด้านหลังลง,เจี่ยเถิงหยิงเวลานี้ถึงกับสลบเหมือด.
พริบตาที่เขาถูกจับ,ก็ถูกจับฟาดไม่มีโอกาสให้เขาได้เอ่ยอะไรยอมแพ้เลยแม้แต่น้อย.
“ติ๊ง!
เอาชนะศิษย์สำนักชิงอวิ่น 1/5 “
หลี่ชิงหยางที่รังแกฝ่ายตรงข้าม,ให้ได้รับบาดเจ็บหนัก.
“ชิงหยาง,การประลองยุทธ์เชื่อมสัมพันธ์ไม่ต้องเอาจริงนักก็ได้.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หลี่ชิงหยางที่ลากเจี่ยเถิงหยิงที่น้ำลายฟูมปากไปแล้ว,ก่อนที่จะโยนออกนอกลานยุทธ์.
“ศิษย์พี่รองชนะแล้ว!”ศิษย์คนหนึ่งที่กล่าวออกมาเสียงใส.
ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเห็นพลังระดับศิษย์ยุทธ์ที่ทรงพลังน่าเกรงขาม,พริบตานั้นก็รู้สึกเทิดทูนศิษย์พี่รองในทันที.
“ชิ.”ซ่งฉายแค่นเสียงเย็นชา.
ศิษย์ของเขาที่พ่ายแพ้,เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว.
การต่อสู้กับหลี่ชิงหยาง,เขาจึงไม่คิดที่จะส่งศิษย์ที่โดดเด่นออกไป,แท้จริงแล้ว,เขาหวังกับอีกสี่การต่อสู้ต่างหาก,ศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นจะคว้าชัยทั้งหมด.
ทว่าหลังจากนั้น.
เพราะว่าศิษย์พี่รองได้แสดงพลังที่ร้ายกาจออกมา,ศิษย์คนอื่น
ๆกลัวจะน้อยหน้า,หลี่เฟยด้วยทักษะท่าเท้าได้อย่างยอดเยี่ยม,พลังเตะที่มหาศาล.
ด้วยการก้าวและเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว,เขาได้เตะฝ่ายตรงข้ามเขียวช้ำดำไปทั่วร่าง,แม้แต่ทำให้อีกฝ่ายต้องอ๊วกแตกออกมา
ก่อนล้มลงไปกอง.
“ติ๊ง!
เอาชนะศิษย์สำนักชิงอวิ๋น
2/5.”หลังจากได้ยินเสียงระบบที่ดังขึ้น,จุนซ่างเซียวก็ลุกขึ้นยื่นมือประสานออกไป,”ขออภัยด้วย,ศิษย์ของข้าเผลอหนักมือไปหน่อย.”
ใบหน้าของซ่งฉายถึงกับกระตุก.
ศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้ง,เห็นชัดเจนว่ามีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่สอง,ทำไมถึงได้เตะศิษย์ของเขาที่มีระดับสามศิษย์ยุทธ์พ่ายแพ้อย่างน่าอนาจเช่นนี้?
เขาที่รับปากประมุขเอาไว้,แล้วจะทำอย่างไร.
ไม่ ไม่ ปัญหาไม่ใหญ่,ไม่มีปัญหา.
ศิษย์ระดับสูงของเขายังไม่ได้ส่งออกไป,ขอเพียงชนะสามคนก็ยังใช้ได้.
จากนั้นซ่งฉายก็โบกมือให้ศิษย์ของตัวเองออกไป.
เขาที่ให้ศิษย์ที่มีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นสี่ออกไปกลางลานยุทธ์.
จุนซ่างเซียวที่เตรียมจะให้เถียนซีและต่อด้วยซูเซียวโม่ออกไป,ทว่ายังไม่เอ่ยปาก,เห็นคนสองคนกำลังเดินเข้ามา.
ใครนะรึ?
เซียวจุ้ยจื่อและเย่ซิงเฉินนั่นเอง.
ทั้งสองที่หัวฟู,ใบหน้าเต็มไปด้วยคาบสกปรก,ชุดสำหนักที่ขาดวิ่น,เห็นชัดเจนว่าเป็นรอยของสัตว์ร้ายที่เฉือนเอา.
จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก,”ไปรบที่ค่ายใหนกัน,กลับมายังกับผู้ประสบภัย?”
“เจ้าสำนัก,พวกเรากลับมาแล้ว,”เซียวจุ้ยจื่อที่เผยยิ้มสีขาว,ก้าวเข้ามา.
“มาได้พอดีเลย,”สำนักชิงอวิ๋นมาขอประลอง,ตอนนี้ถึงคู่ที่สามแล้ว,ทำไมเจ้าไม่ลองออกไปสู้ดูล่ะ?”
“เอ๋?”เซียวจุ้ยจื่อที่ตื่นตกใจ.
เขาและเย่ซิงเฉินที่ออกไปหาประสบการในป่าเขา,ต่อสู้กับฝูงสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่ง,ก่อนท้ายที่สุดจะหนีรอดกลับมา,หลังจากกลับถึงสำนัก,ยังไม่ได้พัก,ก็ให้ออกไปต่อสู้เลยรึ?!
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น