Immortality CChapter 322 One cup of green tea
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 322 ชามรกตหนึ่งแก้ว.
Chapter 322 One cup
of green tea
一杯清茶
ชามรกตหนึ่งแก้ว.
หลังจากผ่านไปอีกครึ่งเดือน,จงซาน,อาต้าและจื่อเห่าได้มาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าเมืองแห่งหนึ่ง.
ทั้งคู่ที่จ้องมองขึ้นไปบนประตูเมืองที่สูงใหญ่มีอักษรสลักเอาไว้ว่า"กวงหุย"อักษรสองตัว,อาต้าไม่อยากเชื่อมาก่อน.
เมืองกวงหุ่ย?
เมืองกวงหุยแห่งนี้เป็นเมืองของต้ากวง,อยู่ในมือของเสี่ยวหวัง,ตอนนี้เป็นของเซียนเซิงแล้วรึ?
ไม่มีทาง,หกเดือนมานี้,สุ่ยอู๋เหินไม่ใช่ว่าอยู่ป้องกันเมืองหรอกรึ?
ทว่าในเวลาเดียวกัน,เมืองกวงหุยที่เปิดออกมาทันที.
สุ่ยอู๋เหินและเจ้าฉวนที่ตั้งสองแถวรอคอยพวกเขา.
"ยินดีต้องรับจอมพลกลับมา!"ขุนพลที่เอ่ยออกมาพร้อมกัน,ระหว่างนี้สุ่ยอู๋เหินที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น.
ภายในสายตาของเจ้าฉวนที่ถอนหายใจเบาๆ.
"อืม,เข้าไปข้างในแล้วค่อยพูด!"จงซานกล่าว.
"ครับ!"เหล่าขุนพลที่ตอบรับในทันที.
ยึดมาได้จริงๆรึ?
อาต้าที่เต็มไปด้วยท่าทางประหลาดใจจ้องมองไปยังสุ่ยอู๋เหิน.
เมืองกวงหุย,ตำหนักเจ้าเมือง.
จงซานที่นั่งอยู่บนโต๊ะบัญชาการ,ฟังรายงานของขุนพลต่างๆเกี่ยวกับชัยชนะ.
"จอมพล,สามเมือง,ยึดมาได้โดยสมบูรณ์แล้ว!"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวด้วยความตื่นเต้น.
"ครึ่งปีมานี้,ต้องลำบากเจ้าแล้ว!"จงซานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"หาได้ลำบากแต่อย่างใด!"สุ่ยอู๋เหินที่ส่ายหน้าไปมา.
"จอมพล,ท่านรู้ได้อย่างไรว่าทั้งสามเมืองเป็นเพียงเมืองป้อมปราการ?"เจ้าฉวนที่อดไม่ได้สอบถามออกมาในที่สุด.
จงซานจ้องมองไปยังเจ้าฉวนเผยยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบ,ทว่าชี้ไปยังสุ่ยอู๋เหิน,ให้เขาได้พูด,เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการฝึกฝนทักษะของสุ่ยอู๋เหิน.
"เพราะว่าหลังจากเหตุการณ์อสุรกายปิศาจ,เมืองเยว่หมิงและเยว่ซี,ทั้งสองเมืองไม่มีการต่อต้าน,แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องรวมทัพใหญ่เพื่อเข้าปะทะยึดเมืองคืน!"สุ่ยอู๋เหินกล่าว.
"หืม?"เจ้าฉวนไม่เข้าใจนัก.
"การยึดเมืองเยว่หมิงและเยว่ซีนั้น,จำเป็นต้องใช้ทหารเป็นจำนวนมากเพื่อยึดเมืองทั้งสอง,ตราบเท่าที่ทัพทั้งสามของต้าโหลวถูกส่งออกไป,ภายในเมืองจะต้องว่างเปล่าอย่างแน่นอน,เซียนเซิงกล่าวว่าในสถานการณ์ปกตินั้น,พวกเขาจะต้องทิ้งเมืองทั้งสองแน่,แล้วทัพทั้งหมดจะยกทัพเข้ามายึดครองเมืองไป๋ของพวกเขา,เพราะด้วยเหตุนี้เมืองทั้งสามจึงมีทหารไม่มากนั่นเอง
."สุ่ยอู๋เหินกล่าว.
"เมืองเยว่หมิงและเย่วกวง,ไม่ใช่เมืองที่เสี่ยวหวังต้องการอย่างงั้นรึ?"เจ้าฉวนกล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.
"ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการ,ทว่าการเสียเมืองทั้งสอง,เสียวหวังจะสามารถได้กลับคืนมากกว่า,ทั้งเมืองไป๋หวงของเรา,และเมืองเล็กๆอีกสองเมืองของเซี่ยปู่,ส่วนสุ่ยจิงนั้นอยู่ค่อนข้างไกล,เขาและสุ่ยจิงจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าแย่งเมืองของกันและกันได้,ดังนั้นทัพของเสี่ยวหวังมีแต่ต้องตลบหลังของพวกเรา,และเมืองของสุ่ยจิงเอง,คงจะไม่เสียเมืองไปง่ายๆด้วยเช่นกัน."จงซานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"จอมพล,นี่ท่านคาดเดาถูกต้องได้อย่างไร?"สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.
"หืม?"จงซานที่จ้องมองไปยังสุ่ยอู๋เหิน.
"ข้าได้ส่งทหารสังเกตการณ์ออกไปดูทัพทั้งสี่แล้ว,ทัพของสุ่ยจิงยังคงเดิม,ทว่าทัพของเซี่ยงปู่นั้นได้ยกออกมาเมื่อสามเดือนที่แล้วเรียบร้อยแล้ว."สุ่ยอู๋เหินกล่าว.
"คอยดูก็แล้วกัน!"จงซานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม.
"ครับ!"แม่ทัพทุกคนที่ตอบรับพร้อมๆกัน.
"จอมพล,มีคนมารอต้องการพบกับท่านเป็นการส่วนตัว,ข้าจึงได้ให้เขารอคอยอยู่ในห้องโถง."สุ่ยอู๋เหินกล่าว.
"โฮว,ใครอย่างงั้นรึ??"จงซานที่ขมดคิ้วเล็กน้อย.
"เขาไม่ได้บอกชื่อ!"สุ่ยอู๋เหินกล่าว.
ได้ยินคำพูดของสุ่ยอู๋เหินแล้ว,จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา,ไม่คาดคิดเลยว่า,จะมีใครที่มีอำนาจเพียงพอที่จะสังการสุ่ยอู๋เหินได้เลยรึ?
"เอาล่ะ,พวกเจ้าออกไปได้!"จงซานกล่าว.
"ครับ!"เหล่าแม่ทัพที่ถอยออกไปในทันที.
ส่วนจงซานก็ก้าวออกไปยังห้องโถงข้างๆ.
อาต้าและจื่อเห่าที่รอคอยอยู่ด้านนอก,ภายในห้องโถงนั้น,มีโต๊ะหยกตั้งอยู่ใจกลาง,ซึ่งมีแผนที่ที่ระเอียดสามมิติลอยขึ้นมาด้านบน.
ที่ด้านหน้าของแผนที่,มีหญิงสาวในชุดสีขาว,เป็นสาวงามที่เคร่งขรึมดูสง่างามยิ่งนัก,ร่างกายทรวดทรงที่เพรียวสมส่วน,หญิงสาวที่จ้องมองแผนที่อย่างใจจดจ่อ.
ที่ด้านหลังนั้น,เป็นชายในชุดดำ,อาเอ้อ!
อาเอ้อจ้องมองจงซานที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องโถง,ทันใดนั้นต้องการกล่าวอะไรบางอย่าง.
อย่างไรก็ตามจงซานที่ยกมือขึ้น,หยุดอาเอ้อไว้,อาเอ้อพยักหน้าและก้าวออกจากห้องโถงไป.
จงซานที่จ้องมองไปยังด้านหลัง,พลางเผยยิ้มออกมา,กงจูเฉียนโหยว!
จงซานเข้ามาในตำหนัก,กงจูเฉียนโหยวจะไม่รู้ได้อย่างไร?ขณะที่จงซานกลับมายังเมืองกวงหุย,กงจูเฉียนโหยวก็รับรู้แล้ว,ระหว่างนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น,หลายปีแล้วไม่เห็นจงซาน,ภายในใจคิดถึงจงซานเสมอมา,ทุกๆวันอยากเจอจงซานเป็นอย่างมาก,เพียงไม่ได้พูดคุยก็ราวกับว่ามีอะไรขาดหายไป.
อย่างไรก็ตาม,จงซานกลับมาอยู่ข้างๆแล้ว,ทันใดนั้นทั้งที่อยากเจอ,กงจูเฉียนโหยวที่มีเชาว์ปัญญาโดดเด่นทว่ากลับกลายเป็นว่าสูญเสียความคิดไปทั้งหมด,ไม่เป็นเหมืองกับนางคนเดิม,ราวๆกับว่าไร้ซึ่งคำพูดใดที่จะกล่าวออกมา.
อยากเจอ,แต่ไม่กล้าเจอ!
กงจูเฉียนโหยวที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก,ท้ายที่สุดจึงทำได้แค่จ้องมองไปยังแผนที่ที่อยู่ด้านหน้า,วิเคราะห์แผนที่,ทว่าไม่มีสมาธิเลย
ความคิดทังหมดนั้นจะอยู่ที่แผนที่อย่างงั้นรึ? นางแค่แสร้งว่าจ้องมองแผนที่เท่านั้น,ทั้งที่จิตใจของนางนั้นจดจ่ออยู่ที่ด้านหลังแล้ว,อารมณ์ความรู้สึกมันหนักหน่วงจนล้นทะลักออกมา.
จงซานที่ราวกับว่าตระหนักได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของกงจูเฉียนโหยว,เพราะว่าหลังจากที่เขาจ้องมองกงจูเฉียนโหยว,รอยยิ้มของจงซานก็เผยยิ้มออกมาดูโอนอ่อนตาม,ดูเหมือนว่านางจะลืมตัวที่จะสงบความรู้สึกให้เป็นปรกติทั่วไป.
จงซานที่ไม่ได้ก้าวไปด้านหน้า,ทว่าก้าวไปด้านข้าง,ยังเก้าอี้ที่กงจูเฉียนโหยวนั่งก่อนหน้านี้,พร้อมกับยกกาน้ำชา,รินใส่ถ้วย,เป็นชามรกตชามหนึ่ง.
พร้อมกับยกถ้วยชาเดินเข้ามาหากงจูเฉียนโหยว.
"กงจู!"จงซานที่เอ่ยออกมาเบาๆ,แสดงท่าทางอ่อนโยนเป็นอย่างมาก.
เฉียนโหยวที่ได้โอกาสเหมาะหันหน้ากลับมา,จ้องมองไปยังจงซาน,สายตาประสานกัน,ใบหน้าของกงจูเฉียนโหยวที่เร่งรีบหลบเลี่ยงเล็กน้อย.
"ข้า,ข้าและคนอื่นมาถึงหนึ่งเดือนแล้ว!"ราวกับไม่รู้ว่าจะกล่าวสิ่งใด,จะทำให้เป็นปรกติได้เช่นไร,กับท่าทางขวยเขิน,นางจึงได้กล่าวเรื่องทั่วไปออกมา.
ทว่าด้วยเรื่องทั่วไปนั้น,ที่จริงกับทำให้จงซานรู้สึกอบอุ่นภายในใจ.
"ลำบากแล้ว."จงซานที่ยื่นถ้วยชาให้กับนาง.
กงจูเฉียนโหยวที่ยื่นมือออกไปรับ.
หลังจากที่หัวใจเต้นแรงลุกลี้ลุกลน,ท้ายที่สุดเฉียนโหยวก็ค่อยๆฟื้นกลับมากลายเป็นสงบอีกครั้ง.
"เจ้าใช้สิ่งนี้ต้อนรับข้าอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มเง้างอนเล็กน้อย.
"
ชามรกตหนึ่งแก้ว.,มีความหมายยิ่งกว่าชา,น้ำของมันนั้นใส่หัวใจลงไปด้วย!"จงซานกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.
ได้ยินคำพูดของจงซาน,ใบหน้าของกงจูเฉียนโหยวเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ,พยักหน้าเบาๆ,"อืม!"
หลายปีไม่ได้พบ,ถึงแม้มีความคิดถึงเป็นหมื่นเป็นพัน,คำพูดมากมาย,มันได้รวบรวมเอาไว้ในคำพูดไม่กี่คำของจงซานแล้ว.
น้ำชาเป็นสื่อ,เพิ่มความหวานในอารมณ์,ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรมากมาย,ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำหวานให้เลี่ยน,หนึ่งถ้วยน้ำชา,ก็ทำให้มีความสุขเหนืออื่นใดแล้ว.
คนทั้งสองยังจำเป็นต้องรักษาระยะห่างแม้ว่าจะยังเต็มไปด้วยความคิดถึงก็ตาม,ทว่าหาได้ใช่สิ่งสำคัญ,เพราะว่าทั้งคู่ต่างก็ยืนอยู่ข้างกัน,เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว,กับความรู้สึกที่มีให้,เพียงแค่ความรู้สึก,เพียงแค่ความคิดถึง,แม้ไม่ได้ครอบครอง,แต่ก็รับรู้ได้.
ในเวลานี้ที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเงียบไปหมด,ทว่ากลับได้ยินถึงเสียงหัวใจที่เต้นไปมา!
จงซานและกงจูเฉียนโหยวที่นั่งดื่มชาด้วยกัน,พร้อมกับบอกเหล่าเรื่องต่างๆเกี่ยวกับประสบการที่ขมขื่น,เรื่องที่ยากลำบาก,หลายๆอย่างที่ผ่านพบ,และเป็นจงซานที่เล่ามากกว่า,ส่วนกงจูเฉียนโหยวที่ได้แต่นั่งนิ่งรับฟัง,ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องมากมาย,แต่ก็รู้ดีถึงความคิดของคนทั้งสอง,ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร,สิ่งที่ออกมาจากปากของจงซานก็เพียงพอที่จะทำให้นางพึงพอใจแล้ว.
อาต้าและอาเอ้อ,รอคอยอยู่ด้านนอก,ส่วนจื่อเห่านั้นได้กลับไปพักแล้ว,ไม่มีใครกล้ารบกวน.
"เจ้าก้าวไปถึงระดับจักรพรรดิแท้แล้วรึ?"จงซานที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.
"อืม,ระดับจักรพรรดิแท้,ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่ง,ทว่าเทียบเจ้าตั้งแต่เมื่อครั้งที่พบเซิ่งซ่างเจียงซือจนถึงตอนนี้,ที่จริง...."
"มีอะไรที่ต้องทอดถอนใจรึ? จะเอาข้าไปเทียบตรงใหนได้?"จงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม.
ได้ยินจงซานกล่าวเย้ยหยันตัวเอง,ทำให้กงจูนิ่งงันแอบหัวเราะในใจ.
"เอาล่ะ,ท่านกล่าว่าก่อนหน้านี้เหนือหัวได้มอบคำถามสิบข้อ,และท้ายที่สุดเรื่องทั้งหมดก็ได้แก้ไขแล้ว,ทั้งเรื่องกล่องวงกตจิตวิญญาณ,และเม็ดยายกระดับเปลี่ยนเป็นเม็ดยาหล่อเลี้ยงวิญญาณ
ทั้งสองหัวข้อสมบูรณ์แล้ว,เหนือหัวไม่มอบของรางวัลให้อย่างงั้นรึ?
"หืม,ใช่แล้วก่อนหน้านี้เหนือหัวได้อนุญาตให้ข้าเข้าไปเลือกสมบัติที่คลังของวิเศษ!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"ของวิเศษ?
คลังสมบัติเซิ่งซ่าง,จะต้องมีของวิเศษมากมาย,เจ้าเลือกสิ่งใดที่ถูกตามาเหรอ!"จงซานที่กล่าวด้วยรอยยิ้ม.
"ของวิเศษมีมากมาย,สมบัติระดับเก้า,มีมากกว่าสิบชิ้น,อย่างไรก็ตามกับไม่มีสิ่งใดต้องตาข้าเลย!"กงจูเฉียนโหยวส่ายหน้าไปมา.
"หืม?สมบัติระดับเก้ามากกว่าสิบชิ้น?
กับไม่มีอะไรถูกใจเจ้าเลยรึ?
อย่างไรก็ควรเลือกสิ่งของที่ดีที่สุดออกมาสักอย่าง."จงซานกล่าว.
"ไม่ๆ,ข้าได้เลือกสมบัติระดับแปดออกมา!"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"หืม?"จงซานที่แสดงท่าทางสงสัยเล็กน้อย.
นางที่สะบัดมือ,พร้อมกับนำกล่องขนาดเล็กออกมา,ยื่นมันให้กับจงซาน.
จงซานที่แสดงท่าทางสงสัยเล็กน้อย,ทว่าก็เปิดออกมา.
หลังจากที่เปิดออกมาแล้ว,มีเกราะอ่อนที่ใสราวกับปีกจั๊กจั่น,เขาที่หยิบมันออกมา,เสื้อเกราะอ่อนนี้ดูใสมาก,จนสามารถมองทะลุได้เลย.
"นี่คือ,เกราะแก้วคุ้มกาย เป็นของวิเศษระดับแปด,เป็นเกราะอ่อนใส่ไว้ด้านใน,กลมกลืนผสานเข้ากับผิวหนัง,สามารถป้องกันการโจมตีได้ดี,สามารถป้องกันร่างกายส่วนบน,โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือนม่วง,มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด,มีเพียงผู้ฝึกตนระดับเซิ่งซ่างเท่านั้นที่จะสามารถสร้างความเสียหายได้,ส่วนผู้ฝึกตนอื่นๆไม่มีทางแม้แต่สร้างรอยขีดข่วน,เรือนหยางโดยเฉพาะคนที่ยังก้าวไปยังไม่ถึงระดับหลอมกายธาตุ,นับว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก,หากเรือนหยางถูกทำลายจะทำให้คนผู้นั้นถึงจุดจบได้,ข้าไม่มีความจำเป็นแล้ว,ทว่าเจ้าที่ยังอยู่ในระดับแกนทอง,เรือนหยางของเจ้าจำเป็นต้องได้รับการปกป้อง..."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
จงซานที่หยิบเกราะอ่อนขึ้นมา,พร้อมกับจ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยวด้วยความซาบซึ้ง,ไม่ได้กล่าวขอบคุณ,ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ,เพียงแค่พยักหน้าก็ทำให้หัวใจอบอุ่นขึ้นมาแล้ว.
เห็นท่าทางของจงซานที่พึงพอใจเป็นอย่างมาก,กงจูเฉียนโหยวก็เผยยิ้มออกมา.
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น,ตำหนักเจ้าเมืองกวงหุย,ห้องโถงกลาง.
จงซานที่นั่งอยู่บนโต๊ะบัญชาการ,สุ่ยอู๋เหินที่ทำการรายงานสถานการณ์ต่างๆ.
"เป็นดังที่จอมพลกล่าว,เซี่ยงปู่นำทัพยึดเมืองเยว่หมิงและเยว่ซี,ทว่าเขากลับต้องเสียเมืองสามเมืองที่เขายึดได้ก่อนหน้า,และเสี่ยวหวังเองก็ไม่ได้เข้ายึดครองเมืองที่สุ่ยจิงมีอยู่ด้วย."สุ่ยอู๋เหินที่กล่าวรายงาน.
"ราวเมืองไป๋,เสี่ยวหวังยึดเมืองมาได้สี่เมือง,ส่วนเขาเสียเมืองสามเมืองให้เรา,ดูเหมือนว่าเขาจะได้เปรียบเราอยู่หน่อย!"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ไม่นะ,จอมพล,ไม่ใช่ว่าควรนับรวมเมืองเยว่หมิงและเยว่ซือหรอกรึ?นั่นก็หมายความว่าเสี่ยวหวังเสียเมืองไปห้าเมือง."สุ่ยอู๋เหินส่ายหน้าไปมา.
"เมืองเยว่หมิงและเมืองเยวซี รึ?
ตอนนี้อยู่ในมือของเซี่ยงปู่,ถึงแม้ว่าจะเป็นพวกเดียวกัน,แต่ก็ไม่นับว่าเป็นทัพเดียวกันได้."จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
"ครับ"สุ่ยอู๋เหินที่ได้แต่พยักหน้ารับ,ทว่าก็ดูไม่เข้าใจเหมือนเดิม.
"เรียนจอมพล,หลังจากที่อุปราชอี้เหยี่ยนกลับมาคุมทัพ,ต้ายวีก็กลับมามั่นคง,กองกำลังฝ่ายป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้น,ฉีเทียนโหยวและทัพอื่นๆตอนนี้,ไม่สามารถรุกเข้าไปได้แม้แต่น้อย."เจ้าฉวนที่กล่าวรายงานออกมาในทันที.
"เพียงครึ่งปี,ไม่ใช่ว่าอี้เหยี่ยนยึดเมืองคืนกลับคืนได้หมดแล้วรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ไม่ใช่เช่นนั้น,พวกเขาที่สร้างเสริมสภาพจิตใจของกองทัพให้กับมา,เพียงแค่ครึ่งปีทำให้กองทัพมีจิตใจที่มั่นคง,เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก."
"นำข้อมูลแผนการเสริมสร้างขวัญกำลังทหารของอี้เหยี่ยนมาให้ข้าด้วย!"จงซานที่กล่าวออกมาในทันที.
เสริมสร้างขวัญกำลังใจให้กองทัพอย่างงั้นรึ?
จงซานไม่อยากเชื่อนักว่าอี้เหยี่ยนจะทำการล่าช้าถึงขนาดนั้น,ใช้เวลาเสริมสร้างกำลังใจครึ่งปีเลยรึ?
เฮ้เฮ้,ตราบเท่าแค่ส่งจดหมายไปยังทัพและเมืองต่างๆ,ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารก็กลับมามั่นคงแล้ว! แล้วครึ่งปีนี้เขาได้กระทำอะไรที่ใหนอย่างงั้นรึ?
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น