วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562

Immortality Chapter 173 Shouted loudly

Immortality Chapter 173  Shouted loudly

นิยาย เรื่อง อมตะ  Chapter 173  Shouted loudly

大声喊出来
  ลั่นปาก

สามวันหลังจากนั้น.
ตำหนักแห่งหนึ่งบนเกาะลอยฟ้าทิศเหนือ.

กู่เหลินและเซียนเซิงสุ่ยจิง,โม่ไป่หลีในห้องโถงใหญ่.



"เรียนซือจื่อ,การลงคะแนนวันแรก,ข้าได้คะแนน 36,000 ทว่าสุ่ยเทียนหยาได้เพียง 8000 ,ตอนนี้คะแนนนำฝ่ายตรงข้ามถึงสี่เท่า."โม่ไป่หลีที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

"นี่เป็นเพียงวันแรก,ยังเหลืออีกหลายวัน,อย่าได้ประมาท,นอกจากนี้,เมื่อเจ้าเหนือกว่ามากมาย,หากผลสุดท้ายแล้วไม่ประสมผล,มันจะกลายเป็นความอับอายที่ร้ายแรง."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ส่ายหน้าไปมาขณะพูด.

"ครับ,เป็นเหมือนดั่งที่เซียนเซิงกล่าว."โม่ไป่หลี่ที่รับคำในทันที.

"อืม,ว่าแต่กลุ่มหาเสียงของสุ่ยเทียนหยา,เป็นอย่างไรบ้าง?"เซียนเซิงสุ่ยจิงสอบถาม.

"เซียนเซิง,ท่านถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกันทุกๆวันไม่ใช่รึ? ตอนนี้คนของสุ่ยเทียนหยาสร้างผลตอบสนองได้น้อยมาก,มีคนไม่เชื่อพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ."กู่หลินที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มยืนอยู่ข้างๆ.

"ไม่ๆ,เซียนเซิง,เมื่อวานนี้,ดูเหมือนว่าจะมีเหตุการณ์แปลกๆ."โม่ไป่หลี่กล่าว.

"อย่างไรรึ?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่จ้องมองไปยังโม่เป่ยหลี.

"วันนั้น,สุ่ยเทียนหยาได้เกณฑ์คนกว่า 3000 คน,พวกเขาที่กระจายไปทั่ว,แบ่งออกเป็นกลุ่มละสามคน,นอกจากนี้พวกเขายังพูดเหมือนๆกัน,กล่าวว่า,ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีกำลังจะละเมิดพันธะสัญญาแล้ว,อีกไม่นานเมืองอู๋ซังจะถูกโจมตี."โม่ไป่หลีกล่าว.

"ใช้คน 3000 คนเลยรึ? ไม่ได้การ,ก่อนหน้านี้ไม่ได้ข่าวอะไรนัก, 3000 คนไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย,นอกจากนี้ยังทำการแบ่งแยกหาเสียงเป็นกลุ่มดูไม่ปรกติเลย."เซียนเซิงสุยจิงที่ขมวดคิ้วไปมา.

"สุ่ยจิง,เรื่องนี้เป็นแผนการของเฉียนโหยวอย่างงั้นรึ?"กู่หลินสอบถามออกมาด้วยท่างเป็นกังวล.

สุ่ยจิงส่ายหน้าไปมาและสอบถามโม่ไป่หลีต่อ,"แล้วทั้งสามกลุ่มนี้,ปรากฏตัวออกมา?แค่ครั้งเดียว,จากนั้นก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลยอย่างงั้นรึ? หรือพวกเขาปรากฏตัวคนเดียวในแต่ละช่วงเวลาที่ต่างกัน?"

"หืม?คงจะใช่."โม่ไป่หลีที่คิดไปมา.

ได้ยินคำพูดของโม่ไป่หลีแล้วเซียนเซิงสุ่ยจิงเผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล,"กงจูเฉียนโหยวช่างเป็นคนที่ฉลาดล้ำนัก."

"อย่างไรรึ?"กู่หลินสอบถาม.

"คนทั้งหนึ่งพันนั้นคือแกนหลัง,คนพันคนต่างก็สับเปลี่ยนหมุนวน,ที่เหมือนกับสระน้ำที่แห้งเหือด,ตอนนี้กับดูคึกคัก."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ขมวดคิ้วไปมา.

"เซียนเซิง,พวกเราจะต้องทำอย่างไร? หมุนเวียนกันหรือไม่?"โม่ไป่หลีที่กล่าวออกมาในทันที.

"ไม่,พวกเราและฝ่ายตรงข้ามีจุดยืนที่ต่างกัน,ฝ่ายตรงข้ามต้องการสร้างวิกฤติ,จึงได้กระทำเช่นนั้น,ทว่าพวกเรานั้นต้องการความมั่นคง,จำเป็นต้องปักหลักคนอย่างมั่นคง,ดังนั้นการหมุนเวียนคนเช่นนั้นจึงไม่เหมาะกับพวกเรา,กงจูเฉียนโหยว,ร้ายกาจจริงๆ."เซียนเซิงสุ่ยจิงส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวชมและทอดถอนใจไปพร้อมๆกัน.

"พวกเราจะทำอย่างไร?"กู่หลินที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางเป็นกังวลในทันที.

"ทำเช่นนี้แล้วกัน,ให้คนครึ่งหนึ่งของพวกเรายึดตำแหน่งเดิม,ส่วนอีกครึ่งหนึ่งให้สับเปลี่ยนสถานที่ต่างๆ,กระจายไปทั่วเมืองอู๋ซวังที่มีผู้คนคาดหวังความสงบ."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดพัดพร้อมกับกล่าวออกมา.

"ครับ."โม่เป่ยหลีที่รับคำทันที.

ที่จริงแล้ว,เซียนเซิงสุ่ยจิงก็ไม่สามารถคาดหวังได้ว่าคนทั้งหมดของเมืองอู๋ซวังปรารถนาความสงบสุข,ทว่าก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องสงคราม,และความหวาดกลัวของผู้คนเช่นเดียวกัน.

หลังจากนั้นสองเดือน.

ที่ด้านนอกของที่พักจงซานนั้น,เขาที่กุมดาบยกขึ้น,แผ่แกนแท้อาบไปทั่วดาบ,พร้อมกับแสดงกระบวนท่าของวิชาเพลิงสวรรค์พันธนาการอสนี.

ที่ไกลออกไปนั้น.

ดาบของจงซานที่ฟันลงไปอย่างรุนแรง,เกิดเป็นปราณดาบขนาด 12 จั้งพุ่งออกไป.

"คลืนนนนน"

เกิดเสียงดังสนั่น,แม้ว่าปราณดาบจะไม่มีขนาดใหญ่นัก,ทว่าเสียงกับดั่งลั่น,เป็นปราณดาบที่พุ่งออกไปพร้อมกับสายฟ้าลั่นแปบๆแทรกอยู่ในนั้นด้วย.

สายฟ้าฟาด,ที่พุ่งตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ระเบิดเสียงดังสนั่น,ราวกับพายุสายฟ้าที่น่าเกรงขาม,ทำให้ต้นไม้พังทลายเสียหายพังทลายไปในทันที.

เศษเถ้ารอยไหม้สีดำที่ฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ,กระบวนท่าดังกล่าวร้ายกาจมาก,เป็นเหมือนกับแท่งสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างรุนแรง.

วิชาเพลิงสวรรค์พันธนาการอสนี,กระบวนท่าทัณฑ์สายฟ้า.

ไม่สามารถเอาเพลงดาบในระดับเซียนเทียนมาเทียบได้อีกแล้ว,ด้วยวิชาที่ยกระดับขึ้น,กระบวนท่าทัณฑ์สายฟ้านี้,ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในเพลงดาบ,ยังเป็นหนึ่งในวิชาบำเพ็ญด้วย,ก่อนหน้านี้จงซานสามารถปล่อยได้แค่เพียงปราณดาบเท่านั้น,ทว่าตอนนี้,ปราณดาบของเขา,นั้นมีวิชาเพลิงสวรรค์พันธนาการอสนีแฝงอยู่ด้วย,ทำให้ปราณดาบมีคุณสมบัติธาตุสายฟ้า.

แม้ว่าสายฟ้าจะยังไม่หนาแน่นนัก,ทว่าเมื่อพลังฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้น,สายฟ้าก็จะมากขึ้นและก็มากขึ้น,ทุกครั้งที่เขาโจมตี,ก็จะมีทัณฑ์สายฟ้าผสมอยู่ด้วยทุกครั้ง,เป็นพายุสายฟ้าที่สาดกระเซ็นไปทุกทิศทุกทาง.

เสาสายฟ้ามากมายที่ล่วงหล่นลงมานั้น,สามารถโจมตีเป็นบริเวณกว้าง,เป็นกระบวนท่าที่น่าเกรงขาม,ไม่สงสัยเลยว่าหนึ่งพันปีมานี้ไม่มีใครในสำนักไคหยางฝึกได้.

ระดับสองแกนทอง,จงซานที่เก็บดาบของเขาอย่างไร้กังวล,ท้ายที่สุดเขาก็ทะลวงระดับแล้ว,วาสนาที่คลุมร่างนี้,ทำให้พลังฝึกตนรวดเร็วยิ่งขึ้น,ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะเร็วกว่าสองเท่าด้วยซ้ำ,นอกจากนี้สภาพแวดล้อมที่พักของเขายังเหมาะสมที่สุด,สามเดือนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้,เปรียบกับโพรงวิญญาณในสำนักไคหยางที่เขาอยู่ในระดับแกนทองขั้นแรก,บางทีตอนนี้เร็วกว่าด้วยซ้ำ.

"ยินดีกับเซียนเซิง,วิชาเทวะสามารถสำเร็จขั้นแรกแล้ว."ไม่ไกลออกไปเป็นกงจูเฉียนโหยวที่ปรบมือให้กับเขา.

จงซานที่เก็บดาบเสร็จแล้ว,หันหน้ากลับมา,ในเวลานี้กงจูเฉียนโหยว,อาต้าและอาเอ้อ,ตลอดจนสุ่ยเทียนหยาที่ยืนรออยู่.

เกี่ยวกับวิชาของเขาที่กงจูเฉียนโหยวสามารถเห็นได้ทั้งหมด,จงซานไม่ได้ใส่ใจนัก,ไม่ว่าอย่างไรสำหรับนางมันก็ยังเป็นเพียงแค่วิชาธรรมดาทั่วไปเท่านั้น,ไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรต่อนาง,เทียบกับนางแล้วยังห่างไกลกันลิบลับ.

"ทำเรื่องน่าอายต่อกงจูแล้ว."จงซานส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเผยยิ้ม.

"เซียนเซิงเชิญนั่ง."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาพร้อมกับเชื้อเชิญให้นั่งที่โต๊ะศิลา.

จงซานที่ไม่เกรงใจนั่งที่โต๊ะศิลา,พร้อมกับยกชาขึ้นจิบ,ซึ่งนับว่าเป็นชาเซียนที่หอมหวนเป็นอย่างมาก,ด้วยการใช้พลังไปไม่น้อยในการฝึกฝนเพลงดาบ,ตอนนี้ดูเหมือนว่าค่อยๆฟื้นฟูกลับมาแล้ว.

"ผลการลงคะแนนเสียงในเมืองเป็นอย่างไรบ้าง?"จงซานสอบถาม.

กงจูเฉียนโหยวได้แต่เผยยิ้ม,ไม่ได้กล่าวสิ่งใดรอให้สุ่ยเทียนหยารายงาน.

"เซียนเซิง,โม่ไป่หลีมีคะแนนหนึ่งล้าน,ส่วนข้ามีคะแนน 230,000."สุ่ยเทียนหยา.

"หืม?ไม่ควรเป็นเช่นนั้น,หากจะกล่าวล่ะก็,พวกเราหาเสียงด้วยจุดยืน"วิกฤติสงคราม"ส่วนโม่ไป่หลีมีจุดยืน "ยุคแห่งความสงบ" เมืองอู๋ซวังที่อยู่ระหว่างพรมแดนทั้งสอง,เรื่อง"วิกฤติสงคราม"ผู้คนน่าจะรับรู้เรื่องนี้มากว่า,แต่กลับกลายเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาขณะพูด.

"กลุ่มคนของพวกเราที่ช่วยหาเสียงนั้นอย่างเต็มที,ทว่าจำนวนก็ยังน้อยอยู่,เทียบกับโม่ไป่หลีไม่ได้เลย,พวกเรามีพันคน,ทว่าพวกเขามีสามพันคน."สุ่ยเทียนหยากล่าว.

"จำนวนคนไม่พออย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ถูกแล้ว."สุ่ยเทียนหยากล่าว.

"เพียงแค่พันคนไม่เพียงพออย่างงั้นรึ? ทั่วทั้งเมืองมี 72 เขต,แต่ละเขตใช้คน 14 คน,นี่ยังไม่เพียงพออย่างงั้นรึ?"จงซานที่ชำเลืองมองตาโต.

"แต่ละเขตนั้น,มีขนาดใหญ่มาก,นอกจากนี้,ร้านอาหารก็มีอยู่มากมาย, 14 คนก็พยายามที่จะวิ่งไปมาระหว่างร้ายอาหาร,ไม่เพียงพอที่จะหยิบยกขึ้นมาพูดถึง."สุ่ยเทียนหยากล่าวออกมาด้วยความเป็นกังวล.

เห็นท่าทางของสุ่ยเทียนหยา,จงซานถึงกับหยุดนิ่งถอนหายใจ,และแสดงท่าทางจริงจังออกมา.

เห็นท่าทางของจงซาน,กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย,เพราะว่ากงจูเฉียนโหยวรู้ว่ากับท่าทางเช่นนั้น,จงซานรู้สึกผิดหวังกับการทำงานของสุ่ยเทียนหยาไม่น้อย.

จงซานที่ไม่ได้แสดงท่าทางโกรธแต่อย่างใด,ทว่าก็ยืนขึ้นจ้องมองไปยังสุ่ยเทียนหยาด้วยความจริงจัง,"ใต้เท้าสุ่ย,เรื่องนี้,ข้าต้องการให้ท่านรับปากมั่นเหมาะ."

"เซียนเซิงเชิญกล่าว."สุ่ยเทียนหยาที่ตอบรับในทันที.

"หลังจากนี้ไม่ต้องหาเสียงที่ร้านอาหารอีกต่อไป,มันช้าเกินไป."

"แต่ว่า,ร้านอาหารนั้นมีคนเดินทางมาเป็นจำนวนมาก,สถานที่ดังกล่าวถือว่าเหมาะที่สุด,"สุ่ยเทียนหยากล่าวออกมาด้วยความสงสัย.

"แต่ว่าร้านอาหารมีจำนวนมาก,ท่านไม่สามารถไปได้ทุกที่ไม่ใช่รึ?"จงซานที่ขมวดคิ้ว.

"เรื่องนี้?"สุ่ยเทียนหยาที่ขมวดคิ้วไปมา,คนเขามีน้อยย่อมไม่สามารถทำได้ทั่วถึงแน่นอน.

"ท่านลองไปดู,ว่ามีที่ใหนอีก,ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก."จงซานกล่าว.

"หืม?"สุ่ยเทียนหยาที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ลานจตุรัส,ร้านค้า,ร้านกาแฟ,สถานที่อื่นๆ,ที่เป็นทางผ่าน,โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามถนนหนทางขนาดใหญ่,มีคนสัญจรไปมา,สถานที่ดังกล่าวนั่นล่ะที่เหมาะจะหาเสียง,"จงซานกล่าว.

"สถานที่เหล่านั้น?มันเป็นอิสรเสรีเกินไป?นอกจากนี้อาจจะเกิดความวุ่นวาย,โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาเสียง,มีคนชื่นชมไม่ลืมหูลืมตาต่อข้า,นอกจากคนเหล่านั้นแล้ว,ยังมีพวกหัวรุนแรงเมื่อพวกเราไปหาเสียงยังสถานที่แห่งนั้นเพียงแค่ชำเลืองมองพวกเขาก็รู้แล้วว่าพวกเรากำลังพูดเรื่องโกหก."สุ่ยเทียนหยาที่ขมวดคิ้วไปมาด้วยความสงสัย.

"เชื่ออย่างไม่ลืมหัวลืมตารึ? หัวรุนแรงรึ? ใต้เท้าสุ่ยท่านรู้จักคนเหล่านั้นอย่างงั้นรึ? ในเมื่อรู้แล้วมีสิ่งใดต้องกลัว,ตราบเท่าที่มีโอกาสเป็นไปได้,นั่นก็สมเหตุสมผลแล้ว,ตอนนี้ท่านมีคนเพียงแค่ 1000 ,จะปล่อยให้เสียโอกาสได้อย่างไร? ให้พวกเขาเป็นตัวช่วย,ทำให้ทุกคนได้รับรู้,แยกคนออกเป็นสี่ฝั่งไปยังแต่ละเขต,และจัดแบ่งผู้เชี่ยวชาญรับผิดชอบโดยเฉพาะ,ส่วนคนอื่นๆเพียงแค่ตะโกนสนับสนุนท่านก็เพียงพอแล้ว,นอกจากคำพูดแล้วให้ทำแผ่นหากเสียงเป็นจำนวนมาก,แจกจ่ายไปยังทุกคนที่ผ่านไปมาให้ทั่ว."จงซานกล่าว.

ได้ยินคำพูดของจงซานแล้ว,สุ่ยเทียนหยาถึงกับต้องกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่,อ้าปากแต่ไม่มีเสียงกล่าวออกมา.

"ใต้เท้าสุ่ย,ท่านควรจะรู้ว่าการหาเสียงนี้,ก็เหมือนกับทำสงคราม,ท่านควรที่จะทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ,หากคิดว่าจะแพ้ท่านก็จะแพ้,น่าจะรู้นะว่าชนะเป็นราชา,พ่ายแพ้คือโจร,ไม่ว่าจะใช้วิธีใหน,คนส่วนมากก็คือประชาชนธรรมดา,ในเมื่อคนส่วนใหญ่คือคนธรรมดา,ท่านไม่จำเป็นต้องใส่ใจใคร,เมื่อท่านเป็นเจ้าเมือง,มันก็เพียงพอที่จะรับประกันชีวิตและพลังของท่านได้,ท่านจะต้องชักจูงพวกเขา,รับประกันความปลอดภัยให้กับพวกเขา,หากสงครามเกิดขึ้น,ท่านจะต้องสามารถรับประกันชีวิตของพวกเขาได้."จงซานที่กล่าวตอบ.

"เทียนหยาเข้าใจถึงเหตุผลแล้ว,ขอบคุณเซียนเซิง,"สุ่ยเทียนหยายกมือขึ้นคารวะจงซานด้วยความเคารพ.

"อืม,ท่านเตรียมการหาเสียงต่อไปเถอะ."จงซานกล่าว.

"ครับ."สุ่ยเทียนหยาที่พยักหน้าในทันที,จากนั้นก็ลากงจูเฉียนโหยวและจากไปในทันที.

เมื่อสุ่ยเทียนหยาจากไป,กงจูเฉียนโหยวยกน้ำชาขึ้นจิบด้วยรอยยิ้ม,"ความคิดของเซียนเซิงช่างทรงพลัง,และไม่มีขีดจำกัดจริงๆ.เฉียนโหยวรู้สึกชื่นชม."

"กงจูชื่นชมเกินไปแล้ว."จงซานส่ายหน้าไปมาขณะพูด.

"เฉียนโหยวไม่ได้ชมเกินไป,แต่ความคิดของเซียนเซิงนั้น,ได้ทำให้เฉียนโหยวได้เปิดหูเปิดตา."กงจูเฉียนโหยวที่เผยออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"เฮ้ เฮ้,นี่คืออุบายห่วงสัมพันธ์ (เหลียนหวนจี้ 连环计)."จงซานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"อะไรคืออุบายห่วงสัมพันธ์,โปรดชี้แนะ."กงจูเฉียนโหยวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"เฮ้ เฮ้,กงจูเองก็น่าจะรู้,แน่นอน จงซานจะกล้าอวดอ้างเช่นไร,แผนการเหล่านี้ก็แค่เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น,แผนการใหญ่นั้นได้เตรียมไว้แล้ว,จะต้องสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่างๆได้อย่างแน่นอน."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.


*********************
กลยุทธ์ลูกโซ่ หรือ เหลียนหวนจี้ (อังกฤษ: Chain stratagems; จีนตัวย่อ: 连环计; จีนตัวเต็ม: 連環計; พินอิน: Lián huán jì) เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก กลยุทธ์ที่มีความหมายถึงเมื่อกองกำลังศัตรูมีพละกำลังที่เข้มแข็งกว่าหลายเท่า จักปะทะด้วยกำลังมิได้โดยเด็ดขาด พึงใช้กลอุบายนานาให้ศัตรูต่างถ่วงรั้งซึ่งกันและกัน ทำลายความแข็งแกร่งของศัตรูหรือร่วมมือกับพลังต่าง ๆ ร่วมโจมตีเพื่อขจัดความฮึกเหิมของศัตรูให้หมดสิ้นไป

คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า "แม่ทัพผู้ปรีชา จักได้ฟ้าอนุเคราะห์" ซึ่งหมายความว่าแม่ทัพผู้ปรีชาสามารถในการศึก ย่อมสามารถจะบัญชาการศึกสงครามได้อย่างคล่องแคล่วดุจดั่งตามคำ "ความประสงค์ของฟ้า" จักต้องได้รับชัยชนะในการศึกสงครามเป็นมั่นคง ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ลูกโซ่ไปใช้ได้แก่โจโฉวางกลอุบายลอบโจมตีอ้วนเสี้ยวด้วยการตัดกำลังเสบียงของอ้วนเสี้ยวจนแตกพ่าย[1]
ที่มา. http://www.wikiwand.com/th/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%8C%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%88




ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น