วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2562

Immortality Chapter 165 Begins using Zhong Shan

Immortality Chapter 165  Begins using Zhong Shan

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 165   ให้ตำแหน่งจงซาน.


บทที่ 165   ให้ตำแหน่งจงซาน.



จงซานที่ยกดาบยักษ์พุ่งออกไป,หนานป่าเทียนที่ยกง้าวยักษ์พุ่งออกไปเช่นกัน,ส่วนสุ่ยอู๋เหินก็ตวัดกระบี่ตามไปด้วย,ทันใดนั้นชายสองคนที่เป็นบุตรชายของซีเฉิงตงและตงเฉิงตง,เร่งรีบเข้าขวางทางสุ่ยอู๋เหินในทันทีเช่นเดียวกัน,กันเขาออกไป,พร้อมกับคนอีกจำนวนมากที่พุ่งออกตั้งรับ.


เหล่าคนใช้ของพวกเขาย่อมไม่กล้าโจมตีสุ่ยอู๋เหิน,หรือกล้าขวางเขาไว้,ทว่าพวกเขาย่อมทำได้.

ส่วนกระโจมของพวกเขาเดิมทีก็มีทหารคุมกันอยู่สองสามคน,ตอนนี้ก็เร่งรีบเข้าขวางเหล่าคนของโม่เหยี่ยนปิงในทันทีด้วยเช่นกัน.

จงซานและหนานป่าเทียนที่ฝ่าดงลิ่วล่อของโม่เหยี่ยนปิงกว่าสี่สิบคนตรงไปยังตำแหน่งของเขา.

จงซานที่มีพลังแกนทองขั้นหนึ่ง,ดังนั้นเขาจึงใช้วิชากายาเทพอสูร,ระดับสามตั้งแต่ต้น!

พลังเพิ่มสี่เท่า,ปราณดาบของเขาที่เพิ่มยืดยาวเป็น 20 จ้างทันที,ส่วนหนานป่าเทียน,ก็มีพลังไม่อ่อนด้อยเช่นกัน.

"ตูมมม,ตูมมม,ตูมมม..."

จงซานที่เข้าจู่โจมไปยังคนด้านหน้า,ด้วยการตัดขวางที่ทรงพลัง,พลังที่แข็งแกร่งรุนแรงระเบิดออกมาเสียงดังสนั่น,ปราณดาบที่แข็งแกร่งกระแทกพวกเขาลอยออกไป,โดยมีจงซานเป็นจุดศูนย์กลาง,แม้ว่าจะไม่สามารถสยบพวกเขาได้ในทันที,แต่ก็สร้างความหวาดกลัวให้กับพวกเขาได้,เพราะว่าจงซานพบว่าความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้อยู่ในระดับแกนทองขั้นตอนเท่านั้น,หรือไม่ก็อยู่ในระดับกลาง.
 จงซานที่มีพลังเทียบเท่าระดับห้าไม่ได้มีปัญหาที่จะรับมือพวกเขา,ทว่าฝ่ายตรงข้ามมีเป็นจำนวนมาก,แม้ว่าจะมีเวลาเพิ่มพลังจำกัด,ทว่าจงซานก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว,เพราะว่าจงซานรับรู้ได้ว่าสุ่ยเทียนหยานั้นยังอยู่บนยอดเขาสี่เหลียม,ตราบเท่าที่การต่อสู้ที่เกินเลยไป,สุ่ยเทียนหยาจะต้องออมาห้ามอย่างแน่นอน,เมื่อถึงเวลานั้นการต่อสู้ครั้งนี้ก็จะจบลง,นอกจากนี้,ยังซานยังมีวิธีในการรักษาชีวิตตัวเองหลายวิธี,หนึ่งในนั้นคือเพลิงหงหลวน,ทว่าถึงแม้ว่ามันจะไม่เหมาะที่จะใช้ในเวลานี้,ทว่าหากต้องก้าวไปอยู่ในขอบเหวแห่งความตายเมื่อไหร่เขาก็จะใช้มันออกมาอย่างไม่ลังเลแน่นอน.

"ป่าเทียน,ตรงไปยังโม่เหยี่ยนปิง."จงซานที่ตะโกนออกมา.

"ดี!" หนานป่าเทียนที่กวัดแกว่งง้าวยักษ์,พุ่งตรงไปยังตำแหน่งของโม่เหยี่ยนปิงพร้อมกับจงซาน,ทั้งคู่ที่แหวกกลุ่มคนจำนวนมากไปอย่างรวดเร็ว.

เหล่าลิ่วล่อของโม่เหยี่ยนปิง,แม้ว่าจงซานจะโจมตีมา,ทว่าพวกเขาก็ไม่มีใครกล้าลงมือเต็มที,เขาที่เป็นว่าที่ขุนนาง,แม้ว่าจะยังไม่เป็นทางการ,ทว่าหากเขาตายด้วยฝีมือพวกเขาล่ะก็,แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องถูกกุดหัวเหมือนเดิม,นอกจากนี้ยังเป็นขุนนางชั้นห้าอีกด้วย.

จงซานยังคงมุ่งไปด้านหน้า,ปราณดาบที่พุ่งกระจายออกไปทุกทิศทาง,คลื่นปราณดาบยักษ์ที่ถูกปล่อยเป็นระลอก,ระเบิดตรงไปยังโม่เหยี่ยนปิง.

โม่เหยียนปิง,แม้ว่าพลังฝึกตนของเขาจะอยู่ในระดับแกนทอง,ทว่าก็ยังอยู่ในระดับกลางด้อยกว่าสุ่ยอู๋เหินที่อยู่ในระดับปลาย.

ในตอนแรกกองกำลังของพวกเขาที่ตั้งใจที่จะสังหารจงซานให้ได้.

การต่อสู้ของจงซานนั้น,ได้แสดงให้เห็นว่า,แม้ว่าเขาจะมีระดับแกนทองระดับหนึ่งก็ตาม,ทว่าการฟันของเขาในแต่ละครั้งที่จู่โจมไปที่จุดอ่อนของศัตรู,ตัดผ่านกวาดไปทุกทาง,พลังของเขานั้นเทียบได้กับระดับแกนทองขั้นกลาง,และด้วยกลุ่มฝ่ายตรงข้ามไม่กล้าลงมือเต็มที,ทุกคนจึงลอยกระเด็นไม่สามารถต้านทาน,ยิ่งจงซานและหนานป่าเทียนร่วมมือกันก็ยิ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถต้านได้เลย.

ระดับแกนทองขั้นปลายอย่างงั้นรึ?โม่เหยี่ยนปิงที่คิดไปเอง,เวลานี้เริ่มหวาดหวั่น,ถอยหลังอย่างรวดเร็ว.

"เจ้าพวกขยะ,รีบขวางมันเร็วเข้า."โม่เหยียนปิงที่ถอยครั้งแล้วครั้งเล่าตะโกนออกมา.

"คลืนนนนน"

ปราณเกราะกระบี่ของจงซานที่ยืดออกสิบจั้งกวาดทุกคนออกไป,ด้วยความแข็งแกร่งของเขาทำให้พวกเขาลอยละล่อง,ด้านหน้าเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่,จงซานที่ยืนอยู่มั่นคง,ยังคงแหวกกลุ่มคนตรงไปด้านหน้า,หนานป่าเทียนเองก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน,ด้วยกลุ่มลิ่วล่อโม่เหยี่นปิงไม่สามารถออกแรงได้เต็มที,ทำให้ถูกคนเพียงสองคนสร้างอาการบาดเจ็บมากมายให้.

ท้ายที่สุดจงซานและหนานป่าเทียนที่ร่วมมือกัน,ก็เข้าไปใกล้โม่เหยี่ยนปิงได้มากขึ้นเรื่อยๆ.

เห็นจงซานที่ร้ายกาจ,ภายในใจโม่เหยี่ยนปิงรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที,ถ้าเขารู้มาก่อนคงไม่นำคนมา.

เสี่ยวซานที่ป้องกันโม่เหยี่ยนปิงอยู่ข้างๆ,แววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ,หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เขาไม่ควรที่จะพูดมาก,ไม่งั้นเส้าเหยี่ยคงจะถอนกำลังกลับไปแล้ว.

ทว่าตอนนี้มันสายไปแล้ว,ขณะที่ปราณเกราะดาบและหอกเปลวเพลง,ที่ใกล้เข้ามาแล้ว,พร้อมกันนี้มันถูกฟันตรงมายังพวกเขาแล้ว.

"โฮกกกก!"

จงซานที่คำรามเสียงดัง,ปราณดาบขนาดใหญ่ที่ถูกสะบัดตรงมายังทิศทางของโม่เหยี่ยนปิง.
 โม่เหยี่ยนปิงที่ชำเลืองมองตาโต,ภายในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว,ปราณดาบขนาด 15  จั้งพุ่งตรงมา,เขาไม่คิดเลยว่าจงซานจะร้ายกาจขนาดนี้,ตอนนี้เขากำลังอยู่ในขอบเหวแห่งความตายแล้ว.

เห็นโม่เหยี่ยนปิงกำลังอยู่ในความเป็นความตาย,ทุกคนเวลานี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว,ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถรั้งรออีกต่อไปแล้ว,พุ่งตรงเข้าหาจงาน,เพราะว่าทุกคนต่างก็รู้ดี,หากว่าเส้าเหยี่ยของพวกเขาตายไป,ผลที่ได้ก็แทบจะไม่ต่างกันเลย.

อย่างไรก็ตามในเวลานั้น,ก็มีคนๆหนึ่งกระโดดเข้ามารับปราณดาบของจงซาน.

"ตูมมมมม!"

โลหิตฟุ้งกระจาย,ทุกคนต่างก็ตื่นตะลึง,การต่อสู้ที่หนักหน่วงนี้,มีคนตายไปหนึ่งคนแล้ว.

เสี่ยวซาน,ในสถานการณ์ที่ดูวิกฤติ,เขาที่ถูกปราณกระบี่ของจงซานตัดออกเป็นสองท่อน.

ด้วยสถานะของจงซาน,สุ่ยเทียนหยาคงไม่สามารถละเลยได้,จงซานคาดเดาไว้แล้วว่าสุ่ยเทียนหยานั้นยังไม่จากไป,เมื่อการต่อสู้ครั้งนี้เริ่มรุนแรงแล้ว,การต่อสู้นี้คงไม่สามารถลากยาวออกไปได้,เมื่อทุกคนต่างก็กำลังเข้าห้ำหั่นเอาเป็นเอาตาย,เขาจะต้องออกมาหยุดการต่อสู้เอาไว้แน่,แม้ว่าก่อนหน้านี้เหล่าทหารของโม่เหยี่ยนปิงก่อนหน้าไม่กล้าลงมือเต็มที่,ตอนนี้เมื่อความเป็นความตายเข้ามาเยือน,ดวงตาของพวกเขาดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงซาน,ตอนนี้เลือดในกายกำลังร้อนรุ่ม,ทุกคนคงไม่สนใจสถานะของจงซานและหนานป่าเทียนแล้ว.

ไม่ว่าจะทางใหนก็แทบไม่ต่างกัน,โม่เหยี่ยนปิงไม่สามารถตายได้,หากโม่เหยี่ยนปิงตายหรือได้รับบาดเจ็บ,ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม.

ดังนั้น,ในแผนการขั้นต้นจึงจำเป็นต้องทำให้ใครคนหนึ่งตายไปก่อน,ด้วยความตายของใครสักคนก็จะทำให้ทุกคนหันหน้ามาสนใจ.

กลุ่มผู้ติดตาม,แทบจะทุกคนที่ถูกสั่งมาล้อมกรอบครั้งนี้พวกเขาไม่ได้มีความแค้นเคืองกับจงซาน,แน่นอนว่าจงซานจึงไม่คิดที่จะสังหารพวกเขา,ทว่าที่แห่งนี้กลับยังมีคนหนึ่งคนที่บัดซบ,ทำให้เขาต้องมาเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้าย,เพื่อให้เหตุการณ์ครั้งนี้หยุดชะงัก,ดังนั้นเขาจึงต้องตาย.

เสี่ยวซานที่เป็นคนสนิทของโม่เหยี่ยนปิง,เขาที่จะสร้างปัญหาให้กับจงซานและหนานป่าเทียนไปตลอด,จงซานจึงไม่ต้องการปล่อยเขาเอาไว้.

คนๆแรกที่เป็นหมากให้ใช้ในสถานการณ์เช่นนี้ก็คือเสี่ยวซาน,จงซานที่ปล่อยปราณดาบสังหารเขาอย่างดุร้ายทารุน,ไม่มีคำว่าปราณี.

เสี่ยวซานตาย,ทุกคนตอนนี้ถึงกับหยุดนิ่ง,กองกำลังทั้งหมดตอนนี้ถึงกับกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่,จ้องมองมายังจงซาน,ทว่าโม่เหยี่ยนปิงในเวลานี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุด,เขาที่ล้มลุกคลุกคลานถอยห่างออกไปไม่หยุด.
 ..............
กงจูเฉียนโหยวที่ได้ยินเสียงการต่อสู้,นางที่ชำเลืองมองลงไป,จ้องมองไปยังด้านล่าง.

สายตาของนางที่เห็นเหตุการณ์นั้น,ทำให้กงจูเฉียนโหยวขมวดคิ้วไปมา,แม้ว่านางจะไม่รู้จักโม่เหยี่ยนปิงและคนอื่นๆ,ทว่าในเวลานี้,กลุ่มคนหลายสิบคนที่ล้อมรอบคนสองคนที่ถือดาบยักษ์นั้น,และอีกคนหนึ่งที่ถูกกักเอาไว้ไม่ให้เข้าไปช่วย.

นอกจากนี้พลังของทั้งสองฝ่าย,กับแตกต่างกันไม่มากนัก.

สองต่อสี่สิบห้า,ควรที่จะพ่ายแพ้ไปแล้ว,ทว่าคนสองคนนั้นกับแข็งแกร่งไม่ธรรมดา,หนึ่งง้าวยักษ์และหนึ่งดาบยักษ์,เอ๊ะ,ดาบยักษ์? รู้สึกคุ้นๆ?

เพราะว่าอยู่ห่างออกมา,ดังนั้นจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจนนัก.

ทว่าขณะที่จงซานเหวี่ยงดาบพร้อมกับปล่อยปราณดาบออกไปนั้น,กงจู่เฉียนโหยวก็จำได้ในทันที.

จำได้แล้ว,เป็นเขา,จงซาน? เป็นเขาจริงๆรึ?

เห็นจงซานแล้ว,ที่มุมปากของกงจูเฉียนโหยวเผยยิ้มออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.

เก้าปีที่แล้ว,ที่ภูเขาป้าเหมิน,กงจู่เหยียนโหยวที่ต้องพ่ายแพ้หมดรูปเป็นครั้งแรก,ในเวลานั้นจงซานที่มีเพียงแค่ระดับเซียนเทียนขั้นต้นเท่านั้น.

ในเวลานั้นนางได้เรียนรู้บทเรียนที่ฝังใจเลยทีเดียว,ทำให้นางสามารถจำจงซานได้อย่างแม่นยำ.

ซึ่งก่อนหน้านั้นนางเองเอง,ไม่ได้สนใจกับคนที่ธรรมดาๆสามัญแม้แต่น้อย,ทว่าหลังจากที่ได้ร่วมงานกันในระยะเวลาสั้นๆ,ก็ทำให้นางสนใจในตัวเขา,นางที่คิดที่จะให้เขามาทำงานให้,แต่กลับกลายเป็นว่านางพลาดท่าพ่ายแพ้กับเขาในครั้งนั้น,คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกันอีกครั้ง.

นอกจากนี้ก่อนหน้านั้น,เพราะว่าตอนนั้นนางไม่ได้ตรวจสอบเขาให้ดีนัก,ทว่าตอนนี้นางได้ตรวจสอบเขาแล้ว,พบว่าพรสวรรค์ด้านร่างกายของเขานับว่าย่ำแย่มาก,คาดไม่ถึงเลยว่าจะด้วยพรสวรรค์ที่ย่ำแย่นั่น,กลับสามามารถก้าวมาถึงระดับแกนทองได้อย่างงั้นรึ?

ทว่าความจริงก็คือความจริง,กับสิ่งที่เห็นคือเขาสามารถทำได้จริงๆ.

กงจู่เฉียนโหยวที่คิดอะไรบางอย่างเผยยิ้มขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่แปลกประหลาด.

"ไม่ได้การแล้ว."สุ่ยเทียนหยาที่เห็นการต่อสู้ด้านล่างที่กำลังรุนแรงขึ้น.

"เดี่ยวก่อน."กงจู่เฉียนโหยวที่กล่าวออกมาก่อน,เพราะว่านางที่ต้องการเห็นความสามารถของจงซาน.

"หืม?"สุ่ยเทียนหยาที่ขมวดคิ้ว,ทว่าก็ไม่กล้าที่จะขัดขืน.

"คนผู้นี้,มาปรากฏขึ้นที่นี่ได้อย่างไร?"กงจู่เฉียนโหยวสอบถามออกไป.

"เขาเป็นคนของอาวุโสไคหยางรับรอง,เดินทางเข้ามารับตำแหน่งขุนนางระดับห้าของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว."สุ่ยเทียนหยางกล่าวออกมาตามจริง.

"โอ้ว? บังเอิญขนาดนี้เลยรึ?เขาอยู่ส่วนใหน?"ดวงตาของกงจู่เฉียนโหยวที่ดูเปล่งประกาย.

"ยังไม่มีเลย,ข้าเพียงลงทะเบียน,ตอนนี้กำลังรอคอยจากราชสำนักมอบหมายอยุ่."สุ่ยเทียนหยากล่าว.

"อืม,ข้ายังขาดองค์รักษ์ส่วนตัว,ให้จงซาน,มาทำงานให้ข้า."กงจู่เฉียนโหยวเผยยิ้มออกมา.

"กงจู รู้จักจงซานอย่างงั้นรึ?"สุ่ยเทียนหยางที่ค่อยข้างประหลาดใจ.

"อืม,จัดการให้ข้า,ข้าจะเป็นคนอนุมัติด้วยตัวเอง,ขุนนางระดับห้า,ตำแหน่งองค์รักษ์ขั้นสาม."กงจู่เฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.

"ครับ."สุ่ยเทียนหยาที่รับคำในทันที.

จากนั้น,ทั้งสองฝั่งที่ยังคงต่อสู้กันไป,ในเมื่อกงจู่เฉียนโหยวที่รับจงซานมาทำงาน,แน่นอนว่านางย่อมรับรองความปลอดภัยของจงซานได้,ทว่าตอนนี้นางต้องการที่จะเห็นขีดจำกัดของจงซาน.

ความชาญฉลาดและความรู้,แน่นอนว่านี่คือพรสวรรค์เช่นกัน,อย่างไรก็ตาม,สองต่อ 45 ,จะชนะอย่างงั้นรึ? แม้ว่าเขาจะสามารถเพิ่มพลังขึ้นมาสี่เท่าอย่างแปลกประลาด,ทว่าเขาก็มีแค่เพียงระดับหนึ่งแกนทองเท่านั้น.

"ตูมมมม!"

เสียงระเบิดดังสนั่น,ดาบของจงซานที่กวาดออกไป,ด้วยการโจมตีเต็มที่ทำให้ทุกคนลอยออกไป,ก่อนที่เขาจะสังหารฝ่ายตรงข้ามไปคนหนึ่ง.

"หอบ หอบ หอบ!"

กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปด้วยความประหลาดใจ,หลังจากที่จงซานสังหารคนไปคนหนึ่งแล้ว,ทุกคนตอนนี้ต่างก็หยุดนิ่งไปในทันที,ทว่าทำไมทุกคนเวลานี้ถึงหยุดล่ะ?คาดไม่ถึงเลยว่าไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังโกรธเกรี้ยวกันอยู่หรอกรึ? กับการต่อสู้เช่นนี้,เมื่อมีคนตายขึ้นมาแล้ว,ก็ควรจะยิ่งทำให้การต่อสู้รุนแรงมากขึ้น.

กงจูเฉียนโหยวไม่รุ้อะไรเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น,ดูเหมือนว่ากลับทำให้การต่อสู้หยุดชะงักและเลิกไป,กลับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้กงจูเฉียนโหยวประเมินความสามารถจงซานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม.

"น่าสนใจ,สุ่ยเทียนหยา,เจ้าดำเนินการทุกอย่างให้เรียบร้อยและพาซานไปหาข้ายังพักของข้าด้วย."กงจูเฉียนโหยวที่เอ่ยออกมา.


"ครับ."สุ่ยเทียนหยาที่พยักหน้าตอบรับในทันที.


ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น