วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Immortality Chapter 146 Shadow Clone

Immortality Chapter 146  Shadow Clone

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 146 ร่างโคลน.  


บทที่ 146 ร่างโคลน.  




สำนักไคหยาง,หลุมศพอู๋โหยว,ทุกคนในสำนักไคหยางที่มาร่วมกันไว้ทุกข์,ซึ่งเวลาเทียนซวินจื่อได้จากไปแล้ว,และร่างของเขาถูกนำมาฝั่งรวมกับอู๋โหยวในสถานที่เดียวกัน.



ที่ด้านหน้าหลุมศพนั้นมีจงซานที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่,ซึ่งข้างๆเองก็มีเหล่าศิษย์ของสำนักไคหยางมากมายที่กำลังมาไว้ทุกข์ให้กับเทียนซวินจื่อ.

เทียนซวินจื่อตายแล้ว,ประมุขไคหยางตายแล้ว,เหล่าศิษย์ทุกคนที่รับรู้,ทุกคนในสำนักต่างก็มาคารวะศพกัน.

เทียนชาที่คุกเข่าอยู่ข้างๆจงซาน,จ้องมองไปยังหลุมศพ,แววตาที่ดูว่างเปล่า,พร้อมกับทอดถอนใจด้วยความเศร้า.

หลังจากมาไว้ทุกข์และคารวะศพ,เหล่าศิษย์ทุกคนต่างก็เริ่มทยอยจากไป,เสวียนซวินจื่อที่เป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่างของสำนักต่อทั้งหมด.

ทว่าจวบจนถึงตอนนี้หน้าหลุมศพของเทียนซวินจื่อ,ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ยังคงคุกเข่าไว้ทุกข์รวมทั้งจงซานและเทียนชา.

หลังจากไว้ทุกข์ไปสามวัน,เทียนชาก็ค่อยๆลุกขึ้น,จ้องมองไปยังจงซานด้วยท่าทางไม่พอใจนัก,ทว่าเขาก็ลุกจากไป,การไว้ทุกข์สามวัน,ได้เสร็จสิ้นแล้ว,ทว่าจงซานกลับยังคงนั่งคุกเข่าอยู่.

วันที่สี่,เสวียนซวินจื่อที่มีเรื่องสำคัญต้องจัดการในสำนักไคหยาง,จึงได้นำกู่ซางจื่อจากไป,ทว่าจงซานกลับยังคุกเข่าไม่ไปใหน,คนทั้งสองต่างก็จ้องมองกันและกัน,พร้อมกับทอดถอนใจออกมา.

"จงซาน,การไว้ทุกข์สามวัน,ถือว่าเป็นเรื่องราวที่เหมาะสมเพียงพอแล้ว,เจ้าควรที่จะระงับความเศร้าได้แล้ว!"เสวียนซวินจื่อกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.

"ข้าต้องการไว้ทุกข์ส่วนของหลิงเอ๋อด้วย."จงซานที่กล่าวออกมา.

เห็นท่าทางยืนกรานของจงซานที่จะไว้ทุกข์แล้ว,เสวียนซวินจื่อก็ถอนหายใจเบาๆ,"จงซาน,ศิษย์พี่ได้ฝากฝังข้า,บอกข้าให้รับเจ้าเป็นศิษย์,เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร?"

จงซานที่จ้องอมองไปยังเสวียนซวินจื่อ,"ขอบคุณความปรารถนาดีของอาจารย์อา,ทว่าข้าต้องการที่จะยึดถืออาจารย์ไปตลอดชีวิต,และยังได้คำนับให้กับอาจารย์ไปแล้ว,จะสามารถคำนับให้กับอาจารย์อาได้อีกครั้งได้อย่างไร."

เห็นท่าทางของจงซาน,เสวียนซวินจื่อพยักหน้าให้,"ไม่จำเป็นต้องคำนับข้าก็ได้,หากว่าเจ้ามีปัญหาเรื่องการบำเพ็ญเพียร,เจ้าสามารถมาหาข้าได้ทุกเวลา."

"ขอบคุณอาจารย์อา."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างไร้ซึ่งอารมณ์.
...

แผ่นดินทวีปศักดิ์สิทธิ์,ทิศเหนือ,ราชวงศ์สวรรค์ต้าหลี,ภายในตำหนักนั้นมีการตกแต่งที่โอ่อ่าอลังการเป็นอย่างมาก.

เทียนหลิงเอ๋อในเวลานี้อยู่ในชุดสีแดงเพลิง,ร่างกายของนางที่ดูประณีตไร้ซึ่งริ้วรอยบาดแผลบนร่าง.

ที่ด้านหน้าเป็นโต๊ะขนาดเล็ก,วิหกตัวเล็กสีแดงที่กำลังกินเมล็ดพันธ์สีแดงในชามอยู่.

"เสี่ยวหง,ทำไมหัวใจของข้าถึงสั่นไหวไปมาเช่นนี้กันนะ?ทำไมข้าต้องคิดถึงท่านพ่อขึ้นมาด้วยล่ะ?"เทียนหลิงเอ๋อที่ลูบไปที่หัวของวิหกตัวเล็กสีแดง.

นางที่ลูบไปที่หัวของวิหกตัวเล็กไปมา,พร้อมกับก้มลงจ้องมองมัน ที่กำลังกินเมล็ดข้าวสีแดงเพลิงในชาม.

"เจ้าเอาแต่กินอยู่นั้นล่ะ,กินอย่างเดียวเลย,อะแฮ่ม,ในตำหนักหงสานั้น,มี,วิหกเหมัตร์,วิหกเพลิงและหงส์มรกต...,ทุกตนต่างก็อยู่ในเผาหงสา,แล้วเจ้าล่ะเป็นวิหคชนิดใด?แล้ววิหกทั่วไปไม่ให้เข้ามาด้านในจริงๆรึ? ที่จริง,นอกจากกินแล้ว,ข้าไม่เห็นเจ้าพูดได้เหมือนกับวิหคตนอื่นเลย."เทียนหลิงเอ๋อที่บ่นพึมพำ.

อย่างไรก็ตามวิหกสีแดงตัวน้อยราวกับไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกเศร้าของหลิงเอ๋อได้เลย,มันยังคงส่งเสียง ชิ ชิ ชิ ชิ กินเมล็ดพันธ์ด้านหน้าของมัน.

"ท่านแม่จากข้าไปแล้วแล้ว,ท่านพ่ออยู่สำนักไคหยาง,เสียวหนานจื่อเองก็ไม่รุ้เป็นอย่างไร,เอ๊ะ! ข้ายังมีคนสำคัญอีกคนอย่างงั้นรึ? แต่ข้าคิดไม่ออก? ทำไม,ข้าถึงจำไม่ได้ล่ะ?เขาควรจะเป็นคนสำคัญกับข้ามาก,ข้าควรจะจำได้,ดาบยักษ์,ร้ายกาย,ปกป้องข้า,ปวดหัว,ข้ารู้สึกปวดหัว,คดไม่ออกเลย? ขนมกุ้ยฮัว?ใช่แล้ว,ขนนมกุ้ยฮัว,คนผู้นั้นมีชื่อว่าขนมกุ้ยฮัวอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่ลูบผมของนางไปมา.

วิหกแดงตัวเล็กยังคงกินเม็ดข้าวในชาม,ดูเหมือนว่ามันจะไม่สนใจกับคำพูดพึมพำของเทียนหลิงเอ๋อแม้แต่น้อย.

"เจ้าไม่สนใจข้าเลย,เจ้าเป็นแค่เด็ก,เลยไม่พูดกับข้า,เจ้าคงรู้จักแต่กิน,ฮึ,เจ้าไม่ฟังข้าเลย,เช่นนั้นข้าจะไม่ให้เจ้ากินนะ."เทียนหลิงเอ๋อที่ลูบไปที่หัวของวิหกสีแดงตัวเล็ก.
....

สำนักไท่ตาน,เกาะหมาป่าสวรรค์.

เป่าเอ๋อนำอาวุโสใหญ่ทั้งสามมายืนอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่,ที่ด้านนอกนั้น,มีศพที่นอนเกลือนกราดกว่าห้าสิบสามศพ,นอกจากนี้ยังมีศิษย์มากกว่าสิบคนที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า.

"นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน?"เหย้ายวีที่แค่นเสียงออกมา.

"อาวุโส,พวกเรากลับมาก็เป็นเช่นนี้แล้ว,เหล่าศิษย์พี่และอาจารย์อาต่างก็ถูกสังหารไปหมดแล้ว."ศิษย์สำนักไท่ตานคนหนึ่งที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางเศร้าสร้อย.

"ไม่มีผู้ใดกล้าข่มเหงสำนักไท่ตาน,ไม่เคยมีใครกล้าสังหารคนของสำนักไท่ตานมากมายขนาดนี้,ท่านประมุข..."อาวุโสคนหนึ่งที่กำหมัดแน่นจ้องมองไปยังเชวียนเป่าเอ๋อ.

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขารู้สึกไม่พึงพอใจอย่างถึงที่สุด,ทักษะการต่อสู้ของสำนักไท่ตานนั้นไม่ได้ยอดเยี่ยมนัก,ทว่าก็ไม่มีใครกล้าที่จะข่มเหงรังแกพวกเขา,ตราบเท่าที่พวกเขาติดประกาศออกไปเกี่ยวกับปัญหานี้ล่ะก็,รับรองได้ว่า,สำนักเซียนกว่า 80 % ย่อมออกมาช่วยเหลือพวกเรา,แม้แต่คนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม,ย่อมส่งคนมาที่นี่แน่,เกรงว่าคนเหล่านี้จะไม่รู้จักสำนักไท่ตานแล้ว.

เป่าเอ๋อที่หรี่ตาจ้องมอง,กวาดตาตรวจสอบศพทั้งห้าสิบสาม,จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยเสียงที่เย็นเยือบ,"อาวุโสเหย้ายวี."

"อยู่นี่แล้ว."อาวุโสเหย้ายวีรับคำ.

"ค่ายกลสำนักไม่ได้ถูกทำลาย,เป็นไปได้ว่าจะเป็นคนภายในของสำนักไท่ตานเอง,ทว่าเตาปรุงยาจักรวาลได้ถูกขโมยไปแล้ว,ท่านมีวิธีในการตามหาหรือไม่?"เป่าเอ๋อที่สอบถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง.

"ด้วยพลังฝึกตนของพวกเราทั้งสาม,เตาจักรวาลนั้นมีขนาดใหญ่,ทุกครั้งเมื่อหายใจสูดพลังฟ้าดินพวกเราสามารถสัมผัสได้,ตราบเท่าที่เตาจักรวาลยังอยู่ในเกาะหมาป่าสวรรค์,พวกเราย่อมสามารถค้นหาได้."อาวุโสเหย้าวีกล่าวออกมาในทันที.

"ดี,พวกท่านไปค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของเตาจักรวาล.หากมีร่องรอยใด,ให้มาแจ้งข้าในทันที."เป่าเอ๋อกล่าว.

"ทราบแล้ว."อาวุโสทั้งสามตอบรับในทันที.

"คนตายไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้,ทำพิธีศพให้พวกเขา,ส่วนเรื่องศัตรู,ค่อยแก้แค้น."เป่าเอ๋อกล่าวออกมาด้วยเสียงที่เย็นเยือบ.

"ครับ/ค่ะ,ท่านประมุข."ศิษย์สำนักไท่ตานกว่าสิบคนที่รับคำในทันที.

สำนักไคหยาง.

งานศพของเทียนซวินจื่อ,ได้ผ่านไปแล้วเจ็ดวัน.

จงซานตอนนี้ได้กลับมายังติงสุ่ยเซี่ยของเขาแล้ว,เกี่ยวกับการตายของอาจารย์นั้น,ภายในใจของจงซานที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า,เทียนซวินจื่อ,แม้ว่าจะกระทำกับศัตรูคู่แค้นอย่างโหดร้ายไร้ปราณี,ทว่ากลับคนอื่นๆที่อยู่ข้างเขานับว่าดีเยี่ยมมาก,ทว่าในบรรดาศิษย์,เขาได้รับการดูแลดีกว่าคนอื่น,บางทีเพราะว่าเขามีสัมพันธ์กับหลิงเอ๋อด้วยก็ได้,ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญกับจงซาน,อย่างไรก็ดีเทียนซวินจื่อดูแลเขาอย่างดี นั่นคือเรื่องจริงและเขาเวลานี้ได้จากไปแล้ว.

จงซานที่ถอนหายใจเบาๆ,ก่อนที่จะสะบัดมือหนึ่งครั้งนำกระจกบานเล็กออกมา.

กระจกบานเล็กที่มีรูปร่างแปดเหลี่ยม,สะท้อนเงาทั้งสองด้าน,ทั้งสองด้านต่างก็เรียบเนียนประณีต,ด้านหนึ่งที่ปรากฏเงาหนึ่งอัน,ส่วนอีกด้านปรากฏเงาขนาดเล็กขึ้นมากมายนับไม่ถ้วน,น่าจะมีจำนวนนับหมื่นเลยทีเดียว,ทว่ากลับมีขนาดเล็กมาก.

นี่คือเคล็ดวิชาหมื่นเงาสวรรค์อย่างงั้นรึ?

หากเริ่มฝึกฝนวิชานี้,หลังจากที่ตรวจสอบเนื้อหาจดจำวิชาดังกล่าวนี้ได้แล้ว,จงซานถึงกับต้องสูดหายใจยาวเลยทีเดียว.

วิชานี้มีสิบสองขั้นเหมือนวิชาหงหลวนเทียน,หากฝึกฝนได้สำเร็จ,จะสามารถสร้างร่างโคลนของตัวเองขึ้นมาได้,โดยร่างโคลนนั้นจะมีความแข็งแกร่งครึ่งหนึ่งของร่างต้น,ร่างที่แยกออกไปนั้นเหมือนกับร่างแยกเงาธรรมดา,สามารถอยู่ได้แค่เพียงหนึ่งวัน,หลังจากผ่านหนึ่งวันไปแล้วจะกลายเป็นหมอกหายไปในทันที.

สิบสองขั้น,ขั้นแรกสามารถแยกเงาออกมาได้สองร่าง,ขั้นที่สองสี่ร่าง,และจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในแต่ละขั้น.

จงซานที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับวิชาดังกล่าวนี้,ทำให้เขาตื่นตะลึงเลยทีเดียว,ในโลกนี้คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีวิชาที่น่าตื่นตะลึงขนาดนี้?ร่างโคลนอย่างงั้นรึ? ข้อบกพร่อง,เมื่อฝึกฝนวิชานี้แล้ว,ร่างกายจะเริ่มกลายเป็นเงาช้าๆ,จะทำให้ร่างเนื้อหายไปเรื่อยๆมากขึ้นและก็มากขึ้น,เหมือนดังหยิงอู๋เซี่ย,ที่มีร่างกายผอมบางลงเรื่อยๆไม่ต่างจากแผ่นไม้,จนท้ายที่สุดร่างเนื้อก็จะกลายเป็นร่างเงาโดยสมบูรณ์.

ร่างเงาอย่างงั้นรึ?ดวงตาของจงซานที่เต็มไปด้วยท่าทางประหลาดใจ,หากร่างเป็นร่างเงาอยู่แล้วล่ะ,ร่างแยกเงาของเขาที่เป็นร่างเงาอยู่แล้ว,จะเป็นอย่างไร?

ด้วยคำบรรยายของเคล็ดวิชาหมื่นเงาสวรรค์นั้น,นับว่ายากที่จะฝึกฝน,ทว่าจงซานก็คิดว่าจะลองดู.

ร่างแยกเงาที่ราชวงศ์ต้าเจิ้ง,เวลานี้กำลังนั่งบำเพ็ญฝึกวิชาดังกล่าวอย่างรวดเร็ว,เกี่ยวกับเคล็ดวิชาหมื่นเงาสวรรค์นั้น,ร่างแยกเงาสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว.

เช้าวันต่อมา,ไม่ว่าจะเป็นร่างหลักหรือร่างแยกเงาเวลานี้ถึงกับดวงตาเบิกกว้างเลยทีเดียว.

เพราะว่าภายในห้องโถงราชวงศ์ต้าเจิ้ง,ร่างแยกเงาของจงซานในเวลานี้,ได้ปรากฏร่างโคลนสองร่างขึ้น,ซึ่งดูเหมือนกับร่างแยกเงาเป็นอย่างมาก,ร่างทั้งสองที่แยกกันไม่ออก,ร่างโคลนดังกล่าวนั้น,ทั้งร่างแยกเงาและร่างร่างต้นของเขาสามารถควบคุมได้,ตามที่ใจปรารถนา,เป็นเหมือนกับส่วนหนึ่งของร่างกายที่แยกออกไป,ร่างโคลนมองเห็นสิ่งใด,จงซานก็สามารถมองเห็นสิ่งนั้นได้ด้วย.

ภายใต้การควบคุมร่างโคลนจากร่างแยกเงา,เป็นเหมือนกับที่ได้บันทึกเอาไว้ในเคล็ดวิชาภายในกระจกนี้ไม่ผิดเพี้ยน.

ร่างโคลนที่แยกออกไปด้วยวิชาหมื่นเงาสวรรค์นั้นทำให้จงซานประหลาดใจเป็นอย่างมาก,ใช้แกนแท้เพียงแค่หนึ่งในสิบเท่านั้น,สามารถสร้างร่างโคลนหุ่นเชิดได้สองร่าง?ร่างโคลนยังสามารถแยกย้ายกันไปตำแหน่งต่างๆได้,สามารถส่งออกไปสอดแนมแทนร่างต้น,และเมื่อกลับคืนสู่ร่างต้นแกนแท้ที่หายไปก็กลับคืนมาอีกด้วย.

ร่างโคลนที่หายไปเมื่อกลับมารวมร่างกับร่างแยกเงาอย่างรวดเร็ว.

"อะไรกัน?วิชานี้เป็นวิชาที่ฝึกได้ยากมากๆอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กำลังโต้แย้งกับตัวเองไปมา.

"ก๊อกๆๆ."ที่ด้านนอกของติงสุ่ยเซี่ยนั้น,ได้ยินเสียงใครกำลังเคาะประตูของเขา.

จงซานที่เก็บกระจกบานเล็ก,ก่อนที่จะเดินไปยังประตู,ก้าวตรงไปยังลานบ้าน.

เป็นหนี่ปู่ซานั่นเอง,เขาที่คลุมร่างทั่วร่างด้วยชุดคลุมสีดำ,เพื่อปกปิดตุ่มหนองที่ลามไปทั่วใบหน้าของเขา,จงซานที่เห็นเพียงด้านนอกก็สามารถจดจำเขาได้แล้ว.

"อาวุโส."จงซานที่ขมวดคิ้วจ้องมองไปยังหนี่ปู่ซา,พร้อมกับคิดถึงการสั่งเสียของอาจารย์ขึ้นมาได้.

"จงซาน,ข้ามีเรื่องต้องการพูดคุยกับเจ้า."หนี่ปู่ซาที่เป็นคนเริ่มเอ่ยออกมาก่อน.

"อาวุโสเชิญ,ผู้เยาว์จะเตรียมน้ำชาให้."จงซานที่นำเขามายังโต๊ะศิลาที่อยู่ในลานบ้าน.

"อืม,"หนี่ปู่ซาพยักหน้า,ก่อนที่จะเดินมานั่งที่โต๊ะศิลา,ทว่าจงซานกลับไปในบ้านเพื่อเตรียมน้ำชา.

คนทั้งสองที่นั่งอยู่บนโต๊ะศิลา,จงซาที่รินน้ำชาให้กับหนี่ปู่ซา.

เขาที่ยกน้ำชาขึ้นดื่ม,ก่อนที่จะค่อยๆวางมันลงช้าๆ,"จุดประสงค์ที่ข้ามาหาเจ้า,ก่อนที่เทียนซวินจื่อตาย,คงจะบอกกลับเจ้าแล้ว."


"อาจารย์กล่าวเพียงเล็กน้อย,ไม่ได้เอ่ยถึงรายละเอียด,หากว่าอาวุโสมีอะไรจะกล่าว,เชิญกล่าวมาได้เลย."จงซานตอบ.

ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น