วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Immortality Chapter 102 Righteous Heavenly Jade Imperial Seal

Immortality Chapter 102  Righteous Heavenly Jade Imperial Seal

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 102 สร้างตราประทับพระราชลัญจกร ครรลองสวรรค์เก้ามังกร


บทที่ 102 สร้างตราประทับพระราชลัญจกร ครรลองสวรรค์เก้ามังกร



จี้หยกเก้ามังกรสวรรค์,ซึ่งมีมังกรศักดิ์สิทธิ์เก้าตัวเก้าสีที่ถูกสลักเอาไว้ในรอบๆจี้หยก,รูปร่างแต่ละตนนั้นน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก,ดูราวกับว่ามีมังกรเก้าตนที่ถูกพันธนาการเอาไว้อยู่ในจี้หยกชิ้นนี้,มันกำลังคำราม,พร้อมจะเปลี่ยนเป็นมังกรและทะยานขึ้นสู่สวรรค์.

จงซานที่นำมุกคงหลิงออกมาช้าๆ,สิ่งนี้อาจจะถูกเรียกว่าเตาเผาฟ้าดิน.


สายตาของเขาที่จ้องมองไปยังมุกคงหลิง,ก่อนที่เขาจะเฉือนไปที่ข้อมือพร้อมกับหยดโลหิตชโลมไปทั่วมุกคงหลิง.

หลังจากสังเวยโลหิตแล้วมุกคงหลิงก็ถูกหลอมเป็นรูปเป็นร่าง,ซึ่งรูปร่างของมันตอนนี้ได้กลายทรงกลม,จงซานที่เริ่มใส่จี้หยกเก้ามังกรสวรรค์ลงไปช้าๆ.

เมื่อจี้หยกเก้ามังกรสวรรค์ถูกใส่เข้าไปในมุกคงหลิง,ก็ราวกับว่ามังกรศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าได้กลายเป็นมีชีวิตขึ้นมาในทันที,ในพริบตาเดียวนั้น,ยกเว้นหาง,มังกรสวรรค์ทั้งเก้าตัวกำลังเดินออกมา,มันผลักดันมุกคงหลิงจนทำให้รูปร่างของมันบิดเบี้ยวราวกับว่าจะทำลายมุกคงหลิงไป.

ทว่าด้วยแรงของมันไม่สามารถทะลวงออกมาได้,ทำให้มังกรทั้งเก้าตนนั้นกำลังบ้าคลั่งตะเกียกตะกายไปมาไม่หยุดหย่อน.

"คลืนๆๆ!"

"คลืนๆๆ!"


"คลืนๆๆ!"

......

มังกรเก้าตนที่คำรามออกมาเสียงดัง,พวกมันกำลังตะเกียกตะกายพยายามที่จะทะลวงเตาเผาฟ้าดินออกมา,พวกมันกระแทกซ้ายทีขวาทีไปยังรอบๆเตาเผาฟ้าดิน.

สายตาของจงซานที่จ้องมองไปยังเก้ามังกรที่กำลังโกรธเกรี้ยวคำรามเสียงดังสนั่น,รอยยิ้มที่นุ่มนวลก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา,กล่าวได้ว่าตาม"แปลนศาลสวรรค์"นี่คือเก้ามังกรที่สมบูรณ์แบบที่สุด,เมื่อพวกมันถูกส่งเข้าเตาเผาฟ้าดินแล้ว,ทำให้พวกมันมีสติขึ้นมา,พร้อมกับตะเกียกตะกายกระแทกออกไปทุกทิศทุกทางของมุกคงหลิง,หากว่าเกิดรอยร้าวหรือช่องว่างล่ะก็,ทุกอย่างที่ทำมาคงจะสูญเปล่าแน่นอน.

คิดจะระเบิดสมบัติวิเศษอย่างงั้นรึ?อย่างไรก็ตามจงซานก็มั่นใจว่าสมบัติวิเศษนั้นไม่สามารถพังทะลายง่ายๆอย่างแน่นอน,ไม่เช่นนั้นแล้วยังจะเรียกว่าสมบัติสวรรค์อย่างงั้นรึ?

ด้วยการสะบัดมืออีกหนึ่งครั้ง,จงซานก็นำมุกสีแดง,ซึ่งเป็นสมบัติที่เขาได้มาตั้งแต่ที่เข้าข้ามมิติมาที่นี่นั่นเองซึ่งก็คือมุกสีแดงที่ดูเหมือนกับดวงตามังกร.

จงซานไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร,แต่ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ทว่าเขารับรู้เพียงว่ามันคือของวิเศษและยังเป็นของวิเศษระดับสูงอีกด้วย.

จงซานที่ถูไปมาเบาๆ,ก่อนที่จะนำมุกสีแดงนี้ใส่เข้าไปในมุกคงหลิง.

มุกสีแดงที่ถูกใส่เข้าไปในมุกคงหลิง,แทบจะในทันทีเช่นกัน,มังกรทั้งเก้า,หลังจากนั้นราวกับแมวมองเห็นหนู,เหมือนกับชายโฉดมองเห็นหญิงเปลือยก็ไม่ปาน,พวกมันทั้งหมดพุ่งตรงเข้าหามุกสีแดงพร้อมๆกัน,แก่งแย่งเพื่อที่จะได้ครองราวกับว่าได้ลืมไปแล้วว่าจะต้องตะเกียกตะกายออกมาจากเตาเผาฟ้าดิน.

เก้ามังกรที่ไล่งับมุกสีแดง,มุกสีแดงลูกเดียวที่ปากมังกรทั้งหมดงับลงไป,มังกรทุกตนงับบางส่วนของมุกสีแดงลูกเดียวกัน,ถึงแม้ว่าจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก,ทว่าพวกมันทุกตนก็สามารถงับบางส่วนของมุกสีแดงนั้นเอาไว้ได้.

มังกรทั้งเก้าที่อ้าปากงับ,มุกสีแดงก็ส่องประกายแสงสีชาดออกมา,เป็นแสงเล็กๆ,แต่กลับมีพลังที่เหนือล้ำ,ทำให้ร่างของมังกรทั้งเก้าถูกพันธนาการเอาไว้,ทว่ารูปร่างของมังกรนั้นยังอยู่ในรูปร่างท่าทางกำลังคาบลูกมุกสีแดงร่วมกันเอาไว้.

เห็นภาพที่เกิดขึ้นแล้ว,จงซานบอกได้ในทันทีว่าแสงจากมุกสีแดงนั่นลึกลับและทรงพลังมาก,ทว่าเขาเองก็ไม่รู้จริงๆว่ามันคือสิ่งใดกันแน่.

ด้วยการควบคุมมุกคงหลิง,ที่เป็นเตาเผาฟ้าดิน,การสังเวยสกัดกลั่นจี้เก้ามังกรสวรรค์ก็ได้เริ่มขึ้น.

เป็นไปอย่างช้าๆ,จี้หยกเก้ามังกรสวรรค์นั้นค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างตามที่จงซานต้องการ,เวลานี้มันค่อยๆกลายเป็นตราประทับพระราชลัญจกรขึ้นมา.

ที่ด้านบนของพระราชลัญจกรนั้น,เป็นเก้ามังกรที่บิดเกลียวพันล้อมรอบกันและกัน,อ้าปากงับไปยังมุกสีแดงที่อยู่ตรงกลาง,เป็นเหมือนกับผนึกที่ทรงพลังพันธนาการมังกรทั้งเก้าเอาไว้.

และที่พื้นผิวของตราประทับพระราชลัญจกรนั้นมีอักษรแปดตัวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา.

"รับโองการสวรรค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"
***受命于天,即寿永昌Shòumìng yú tiān jì shòu yǒngchāng แปลเป็นไทยได้ว่า รับโองการสวรรค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"**

อักษรขนาดใหญ่,แต่ละตัวเต็มไปด้วยบารมี,ทรงพลังราวกับเป็นอักษรที่สวรรค์ประทาน.

รับโองการสวรรค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน!

ตราประทับขนาดใหญ่ที่ดูล้ำลึก,อักษรสลักแปดตัวที่ราวกับจะสามารถเปลี่ยนโชคชะตาได้.

นี่คือตราลัญจกรหยก เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของหวงตี้,ครรลองสวรรค์เก้ามังกร

ครรลองสวรรค์เก้ามังกร นับว่าเป็นชื่อที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

ถึงตรงนี้,มังกรเก้าตัวที่บิดเกลียว,พร้อมกับพุ่งตัวขึ้นกลืนมุกศักดิสิทธิ์,พร้อมกับอักษรสลัก "รับโองการสวรรค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน" เป็นตราประทับขนาดใหญ่,เป็นตราประทับที่น่าเกรงขามยิ่งใหญ่มาก.

ตราลัญจกรหยกครรลองสวรรค์เก้ามังกร,เป็นตราสัญลักษณ์ของอาณาจักรระดับสูง,หนึ่งในตราที่น่าเกรงขาม,ที่สามารถสั่นสะเทือนไปทั่วหล้า,สามารถที่จะรวบโชคลาภวาสนาจากสวรรค์และปฐพีจากทั่วโลก,กำราบอาณาจักรต่างๆ,ยืนอยู่เหนือราชวงศ์หลัก,ภายใต้ผืนฟ้าแห่งนี้ได้.

จงซานที่สัมผัสเบาๆไปทีตราลัญจกรหยกครรลองสวรรค์เก้ามังกรวางไว้บนโต๊ะด้านหน้า,ก่อนที่จะนำมุกคงหลิงออกมาอีกอัน.

ด้วยทำตามขั้นตอนต่างๆทุกกระเบียดนิ้ว,ขั้นตอนจากนี้เขาได้นำหนอนไหมมังกรเก้าสีออกมา,หลังจากสังเวยโลหิตก็นำไหมเก้าสีใส่ลงไปด้านใน.

หนอนไหมมังกรเก้าสีในสายตาของจงซานนั้น,ดูล้ำค่ามากมายยิ่งกว่าจี้หยกเก้ามังกรซะอีก,เป็นสมบัติวิเศษที่ยากจะสามารถหาเจอได้,ทว่าด้วยโชควาสนาของจงซานทำให้เขาได้รับมันมา,เวลานี้ก็เหมือนกับพยัคฆ์ติดปีกนั่นเอง.

หนอนไหมมังกรเก้าสีสองตนถูกใส่เข้าไปในเตาเผาฟ้าดิน,ตอนนี้กำลังคลุ้มคลั่ง,พยายามตะเกียกตะกายเหมือนกับเก้ามังกรก่อนหน้านี้เหมือนกัน,ทว่าพลังที่กระแทกไปทุกทิศทุกทาง,นอกจากนี้พลังของมันยังเหนือกว่าเก้ามังกรสวรรค์ซะอีก.

จงซานที่คอยหยดโลหิตลงไปเรื่อยๆ,เป็นอาหารให้กับเตาเผาฟ้าดินอย่างไม่หยุดหย่อน.

หนอนไหมมังกรเก้าสีทั้งยังคงดิ้นรนไปมา,และตอนนี้มันกำลังโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก,ผิวหนังทั่วร่างของมันกำลังแตกออกมาช้าๆ,ปรากฏขาฝั่งละสองข้างทะลุออกมาจากร่าง,เป็นขาสีเงิน,ตอนนี้มันดูมีเชาว์ปัญญามากยิ่งกว่าเดิมซะอีก,ตอนนี้กำลังตะเกียกตะกายเพื่อให้หลุดออกมา.

จงซานจะต้องทำเช่นไรตอนนี้,มังกรทั้งสองตน,เขาไม่สามารถที่จะคาดเดาการเคลื่อนไหวของมันได้เลย.

ท้ายที่สุด,หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง,มังกรทั้งสองก็หยุดลง,ไม่,ตาย,เหมือนตาย,เหมือนมีชีวิต,เหมือนกับมนุษย์ผัก,หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว.

ใบหน้าของจงซานเวลานี้ดูซีดขาว,ด้วยการสังเวยโลหิตไปไม่น้อย,ทว่าโลหิตที่เสียไปก็ถือว่าคุ้มค่า,ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง,เท้าของมังกรตัวเล็กก็เปลี่ยนไป,ในเวลานี้มันมีกงเล็บเก้าซี่ปรากฏออกมา,ตอนนี้มันกำลังกุมชายผ้าเอาไว้,เป็นชายผ้าที่ยาวมาก.

เป็นชายผ้าที่ทำมาจากไหมทั้งหมด,มันถูกหลอมปรับขนาดให้เป็นม้วนผ้ายาวออกมาอย่างคาดไม่ถึง,ความยาวของชายผ้ามีขนาดเก้าเมตร,เก้าสี,และดูเหมือนว่ามีหมอกเก้าสีปกคลุมไปทั่วชายผ้าด้วย.

พระราชโองการ!

ร่างกายของมังกรทั้งสอง,เป็นแท่นของราชโองการ,มีม้วนของชายผ้าราชโองการเก้าสี,เป็นตาดม้วนของราชโองการนั่นเอง.

ราชโองการ? หนอนไหมมังกรเก้าสีได้ถูกหลอมแล้ว,กลายเป็นม้วนราชโองการอย่างงั้นรึ?

อย่างไรก็ตามที่ด้านหลังของชายผ้าตาดราชโองการไม่ได้มีอักษร คำว่า "ราชโองการ"อยู่.

ทว่ามีอักษรเก้าสีสามตัวปรากฏถูกสลักเอาไว้ว่า.

"องค์การฟ้า"

องค์การฟ้า,ตาม"แปลนศาลสวรรค์"แล้ว,เป็นการให้รางวัลและโทษตามอำนาจการปกครอง,ที่จะมอบให้กับเหล่าข้าราชบริพาร,คำสั่งของหวงตี้นั้นก็เปรียบได้ดั่งคำสั่งของสวรรค์.

องค์การฟ้า,เป็นบัญชาเจ้าแห่งชีวิต,ทั่วหล้าไร้ผู้ต่อต้าน,เชื่อมต่อวาสนาทั่วอาณาจักร,สื่อสารฟ้าดิน,แบกรับความรู้สึกของปวงชน.

องค์การฟ้า,ลิขิตสวรรค์,ที่จะให้รางวัลและลงโทษข้าราชบริพารใต้ผืนฟ้าแห่งนี้.

แน่นอนว่าจงซานได้กลายเป็นเจตจำนงของสวรรค์,แต่ทว่าก็ยังมีข้อจำกัดอยู่.

อย่างไรก็ตาม,หลังจากที่สร้างราชโองการ,ก็เหมือนกับมีองค์การฟ้าในมือ,สามารถประกาศต่อเหล่าข้าราชบริพารทั่วหล้าได้แล้ว.

หลังจากสร้างตราลัญจกรหยกครรลองเก้ามังกรสวรรค์.และราชโองการฟ้า,จงซานก็สูดหายใจเข้าเบาๆ,ด้วยสองสิ่งนี้ก็สามารถสร้างชาติได้แล้ว,จงซานที่เก็บสิ่งของทั้งสอง,ก่อนที่จะออกจากห้องลับใต้ดิน,ออกมาภายนอก.

เวลานี้ฟ้ายังมืดอยู่,จงซานก็ออกมาจากที่พักส่วนตัว,ซึ่งที่ด้านหน้านั้นมีจงเทียนที่รอคอยเขาอย่างอดทน.

"เอาล่ะ,ไปยังห้องโถงกล้วยไม้กับข้า."จงซานกล่าว.

"ครับ"จงซานพยักหน้ารับคำ.

ขณะที่ทั้งคู่อยู่ในห้องโถงกล้วยไม้,รอคอยอยู่นั้น.

ขณะที่ดวงตะวันทอแสง,หยิงหลานก็วิ่งเข้ามาเป็นคนแรก,ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น.

"กู่เหยี่ยเยี่ย."หยิงหลานที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงอย่างรวดเร็ว,พร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นซดอย่างหิวกระหาย.

"ว่าอย่างไร?"จงซานสอบถาม.

"มีเพียงแค่ทหารส่วนน้อยที่ขัดขืน,ทว่าข้าก็สามารถกำราบพวกเขาได้,นอกจากนี้,หลังจากตรวจสอบนับจำนวนทหารที่เหลือรวมกันทั้งหมด มีจำนวน 700,000 คน,ตอนนี้ได้ประจำการอยู่นอกเมือง,ส่วนคนที่ต่อต้านข้าได้จับเอาไว้หมดแล้ว,เวลานี้รอเพียงแค่กู่เหยี่ยเยี่ยสั่งการเท่านั้น."หยิงหลานที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

"ดี,หยิงหลานเจ้าทำได้ดีมาก."จงซานที่ไม่เคยลืมที่จะชื่นชมนาง.

เป็นความจริง,ยิ่งได้รับคำชมจากจงซาน,ใบหน้าของจงซานยิ่งมีความสุขเป็นอย่างมาก.

"เจ้าจะเป็นคนดูแลทหารกองนี้,พวกเขาเป็นทหารของเจ้าแล้ว."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"รับทราบ."หยิงหลานที่พยักหน้าด้วยความตื่นเต้น.

"เจ้าจงฝึกฝนพวกเขาให้ดี,ไม่เพียงแต่อาณาจักรต้าคุนเท่านั้น,อีกไม่นาน,ข้าหวังว่าพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสามารถพิชิตดินแดนอื่นๆอีกห้าอาณาจักรรอบๆได้."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"อืม."หยิงหลานพยักหน้าด้วยความดีใจ.

ในเวลาเดียวกันนั้น,จงเจิ้งและเหว่ยไท่จงก็เข้ามา.

"ฟู่อี้,เหล่าประชาชนทั่วไปต่างก็ได้รับการปลอบขวัญแล้ว,ทุกคนต่างก็อยู่ในกฏระเบียบ."จงเจิ้งที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

"ดี."จงซานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ.

"จงเอ๋อ,ข้าได้บอกกลับเจ้าก่อนหน้านี้แล้ว,ตราบเท่าที่ตระกูลซูถูกจำกัด,ทุกคนในเมืองก็จะสนับสนุนข้า,จากนี้ไปเจ้าจงเร่งรีบปรับปรุงความเป็นอยู่และกฏระเบียบทั่วทุกเมืองในการปกครองของพวกเรา,ให้หยิงหลานที่ควบคุมกองกำลังทหารคอยสนับสนุน,หากว่าเมืองใหนก่อกบฏ,ไม่ยินยอม,ไม่จำเป็นต้องเจรจา,เข้ายึดครอง,จับกุมพวกเขาได้เลย."จงซานกล่าว.

"ครับ."จงเจิ้งที่ตอบรับในทันที.

"องค์เหนือหัว,ท่านมีโองการฟ้าที่จะสร้างชาติแล้วอย่างงั้นรึ?"เหว่ยไท่จงที่เอ่ยปากสอบถามออกมาในทันที.

กับคำพูดของเหว่ยไท่จง,ทุกคนต่างก็จ้องมองไปยังจงซาน.

"อืม,หลังจากนี้หนึ่งเดือน,วันที่เจ็ดฉีเย่,ข้าจะทำการบวงสรวงฟ้าดินสร้างชาติขึ้นมา."จงซานกล่าวอย่างจริงจัง.

"ฮืม."ทุกคนต่างก็พยักหน้าตอบรับ.

"ไท่จง,ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคย,เจ้าเป็นคนดำเนินการก็แล้วกัน."จงซานเอ่ยปาก.

"รับด้วยเกล้า."เหว่ยไท่จงพยักหน้า.

"เทียนเอ๋อ."จงซานที่หันหน้าออกไปจ้องมองจงเทียน.

"ฟูอี้เชิญกล่าว."จงเทียนที่กล่าวออกมาในทันที.

"เจ้าคือคนที่เข้าใจข้าที่สุด,ด้วยความสามารถของเจ้าข้ารับรู้ดี,เจ้าจงเป็นตัวแทนของข้าเดินทางไปยังเมืองหลวงอาณาจักรต้าคุน,พร้อมกับค้นหาเหล่าเจ้าหน้าทีทหารและพลเรือน,ให้พวกเขาเดินทางมายังที่นี่,และกระทำการสุภาพกับพวกเขาด้วย."จงซานกล่าวออกมาอย่างขึงขัง.

"ครับ."จงเทียนตอบรับในทันที.

"กู่เหยี่ยเยี่ย,ไม่ใช่ว่าเมืองหลวง,แม่ทัพหลินเซียวยึดครองหรอกรึ? ไม่ใช่สิ,แม่ทัพหลินเซียวเขาจะเชื่อฟังกู่เหยี่ยเยี่ยอย่างงั้นรึ?"ทันใดนั้นหยิงหลานที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.

"อืม,หลินเซียว,ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะรอข้ามาถึง 40 ปี,เทียนเอ๋อ,หลังจากเจ้าเดินทางไป,เจ้าต้องเคารพหลินเซียวให้มาก."จงซานที่กล่าวกับจงเทียนอีกครั้ง.

"ครับ,แม่ทัพหลินเซียวเปรียบเหมือนกับเทพสงครามของอาณาจักรต้าคุน,ข้าได้ยินชื่อเขามานานแล้ว,ตั้งแต่เด็กข้าก็ยังเคารพเขา."จงเทียนกล่าวอย่างขึงขัง.

"อืม."จงซานพยักหน้า.

"เอาล่ะ,พวกเจ้าไปได้แล้ว,ไท่จงเจ้าอยู่ก่อน."จงซานกล่าว.

"รับด้วยเกล้า."หลังจากได้รับคำสั่งแล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย.

หลังจากที่ทุกคนจากไปเรียบร้อยแล้ว.

จ้องมองไปยังแผ่นหลังของทุกคนที่จากไป,เหว่ยไท่จงที่ถอยหายใจออกมาเบาๆ,"ขั้นตอนแรกการไปหาเหล่าเจ้าหนาทีทางทหารและพลเรือนให้มารับใช้,มันน่าจะเป็นท่านเป็นคนดำเนินการด้วยตัวเอง,ทำไมถึงได้ให้จงเทียนไปล่ะ?"

เขาที่นั่งลงอย่างช้าๆ,พร้อมกับยกน้ำชาขึ้นจิบ,"เหล่าเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือน,นอกจากหลินเซียว,คนอื่นๆไม่อยู่ในสายตาข้า,ไม่มีค่ามากมายนัก,แทบจะไร้ซึ่งความสามารถด้วยซ้ำ,กับคนเหล่านี้ข้าจะต้องไปด้วยตัวเองอย่างงั้นรึ?"


**************
ตราหยกแผ่นดิน หรือ ตราลัญจกร เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ์ โดยในแผ่นหยกได้มีการ สลักอักษร 8 ตัว 受命于天,即寿永昌 แปลเป็นไทยได้ว่า รับโองการสวรรค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ที่มาของตราหยกแผ่นดิน
ตราหยกแผ่นดินนี้ถูกสร้างขึ้นสมัยราชวงศ์ฉิน หลังจากที่จิ๋นซีฮ่องเต้รวมประเทศจีนให้เป็นหนึ่งได้แล้ว จิ๋นซีมีคำสั่งให้หลี่ซือ อัครมหาเสนาบดีแห่งแคว้นฉิน เป็นหัวหน้ากองในการแกะสลักหยกเหอซื่อปี้ให้เป็นตราหยกแผ่นดินประจำราชวงศ์

ต่อมาพระเจ้าฮั่นโกโจ เล่าปัง ล้มราชวงศ์ฉินสำเร็จ คิดว่าตราหยกแผ่นดินของฉินเป็นของวิเศษล้ำค้า จึงเก็บตราหยกนี้ไว้ และนำมาใช้เป็นตราแผ่นดินของฮั่นของตนสืบต่อมาจนถึงยุคปลายราชวงศ์ฮั่น

ในสมัยปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ตั๋งโต๊ะสั่งเผาเมืองลกเอี๋ยง ทำให้ตราหยกแผ่นดินได้หล่นหายไประหว่างที่เกิดความวุ่นวาย

ซุนเกี๋ยนแม่ทัพหน้าของฝ่ายกองทัพ 18 หัวเมือง ได้เข้าเมืองหลวงได้ก่อนและพบกับตราหยกแผ่นดินตกอยู่ในบ่อน้ำ และ แอบนำกลับไปกังตั๋งเมื่อแยกตัวจาก 18 หัวเมือง แต่ไม่ช้านาน ซุนเกี๋ยนก็ตาย ซุนเซ็กลูกชายซุนเกี๋ยนเห็นว่า ตราหยกแผ่นดินไม่ได้สำคัญไปกว่ากำลังทหาร จึงนำตราหยกแผ่นดินไปแลกกับทหารของอ้วนสุดเพื่อทำการใหญ่

ต่อมาเมื่อ อ้วนสุดได้ตราหยกแผ่นดินแล้วก็ใฝ่สูง ปราบดาภิเษกตัวเองเป็นฮ่องเต้ สุดท้ายก็ถูกกองทัพโจโฉและพันธมิตรเข้าปราบปราม ตราหยกแผ่นดินจึงกลับมาอยู่ในฝ่ายราชสำนักฮั่นอีกครั้ง

ที่มาของหยกเหอซื่อปี้
คำว่า เหอซื่อปี้ (和氏璧) แปลว่า หยกสกุลเหอ ที่มาของชื่อนั้นก็แสนจะธรรมดาเพราะคนที่ค้นพบหยกวิเศษชิ้นนี้ก็คือ เปี้ยนเหอ ตัวเปี้ยนเหอเป็นชาวแคว้นฉู่ มีความสามารถในการวิเคราห์ก้อนหินและสามารถรู้ได้ว่าภายในหินก้อนใดมีหยกดีซ่อนอยู่

ในสมัยฉู่ลี่อ๋อง เปี้ยนเหอได้ค้นพบก้อนหินที่แสนธรรมดาแต่ภายในนั้นมีหยกเนื้อดีอยู่ จึงนำหินก้อนนี้ไปให้แก่ ฉู่ลี่อ๋อง เมื่อช่างแคว้นฉู่ตรวจสอบหินก้อนนี้ละเอียดแล้วก็แจ้งแก่ ฉู่ลี่อ๋อง ว่า หินก้อนนี้เป็นเพียงหินธรรมดา คาดว่าเปี้ยนเหอจะเป็นโจรที่มาหลอก ฉู่ลี่อ๋องจึงสั่งตัดเท้าซ้ายและสั่งขังเปี้ยนเหอ

ต่อมาเมื่อถึงสมัยฉู่อู๋อ๋อง เปี้ยนเหอ ได้นำหินก้อนเดิมไปให้ฉู่อู่อ๋องตรวจสอบ ผลปรากฏว่า ช่างหยกก็ยังแจ้งแก่ฉู่อู่อ๋องเช่นเดิมว่า เป็นเพียงก้อนหินธรรมดา ฉู่อู่อ๋องโกรธมากจึงสั่งให้ตัดเท้าขวาของเปี้ยนเหอและเนรเทศออกจากเมืองหลวง

เมื่อถึงสมัยฉู่เหวินอ๋อง ฉู่เหวินอ๋องทราบเรื่องก้อนหินของเปี้ยนเหอ จึงเรียกเปี้ยนเหอมาพูดคุย เปี้ยนเหอยืนยันว่าในหินก้อนนี้มีหยกแน่นอน ฉู่เหวินอ๋อง เห็นแก่ความพยายามของเปี้ยนเหอ จึงได้ให้ช่างหยกมาตรวจสอบและกะเทาะหินก้อนนี้ออก

เมื่อช่างหยกได้กะเทาะหินออกปรากฏว่าภายในหินเป็นหยกงามที่หาที่ใดไม่ได้อีกแล้ว ฉู่เหวินอ๋อง เห็นดังนั้นก็ได้ตั้งชื่อหยกนี้ว่าหยกเหอซื่อปี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่เปี้ยนเหอผู้พบหยกชิ้นนี้

คิดว่าคุ้มไหมที่ยอมแลกเท้าสองข้างเพื่อพิสูจน์ก้อนหินก้อนนี้?


ที่มา http://www.thaisamkok.com/ตราหยกแผ่นดิน/#more-108

ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

1 ความคิดเห็น: