Strongest Sect of All Times Chapter 240 One crowd of trash, fights
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 240 One crowd of trash, fights
一群垃圾,来战吧
มนทลชิงหยางนั้นจะจัดการแข่งขนขึ้นทุกสองปี,มีผู้เข้าร่วมร้อยกว่าคน,ส่วนของมนทลปิงหยางนั้นมีเข้าร่วมกว่า
2000 คน,ดูเหมือนว่าความแตกต่างของดินแดนระดับแปดและเก้า จะแตกต่างกันมาก.
ประชากรแตกต่างกันไม่มากนัก,หากแต่ความแข็งแกร่งนั้นเทียบกันไม่ได้เลย.
ด้วยแว่นกันแดดหรูหราของจุนซ่างเซียว,พบว่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันนั้นมีระดับต่ำสุดคือระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง,ส่วนมากแล้วจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ถึงห้าศิษย์
เต็มไปหมด,ระดับสูงที่สุดคือระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นเก้าสี่คน.
งานประลองของมนทลชิงหยางนั้นมีความแข็งแกร่งสูงสุดคือศิษย์ยุทธ์ขั้นที่สอง,แตกต่างจากนี้มาก.
ที่ความแตกต่างมากมายขนาดนี้,เป็นเพราะว่าเกณฑ์ของมนทลปิงอย่างนั้นคือคนที่มีอายุต่ำกว่า
20 ปีสามารถเข้าร่วมได้.
ส่วนมนทลชิงหยางนั้นคือต่ำกว่า 18
ปี,ทำให้เห็นความแตกต่างชัดเจน.
และแน่นอน.
มนทลปิงหยางเป็นดินแดนระดับแปด,ย่อมแข็งแกร่งกว่ามนทลชิงหยางดินแดนระดับเก้า,ความจริงนี้ไม่สามารถโต้เถียงได้.
“เอ๊ะ?”
ชายยุทธ์คนหนึ่งที่กล่าวเสียงเบา,”เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งเอาอะไรมาสวมนะ?”
“ชิ.”
สำนักระดับสูงคนหนึ่งที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน,”เขาของเล่นอะไรออกมาแสดง”
“เพียงแค่สำนักระดับแปดจากดินแดนระดับเก้า,กล้าเข้าร่วมการประลองของมนทลชิงหยาง,ต้องมีความกล้าขนาดใหนกัน?”
“ข้าได้ยินมาว่าสำนักไท่กู่เจิ้งท้าประลองสำนักเห่าฉี,และได้รับชัยชนะกลับมาด้วย.”
“เรื่องนี้ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน,ได้ยินว่าส่งศิษย์ออกไปเจ็ดคน,ได้รับชัยชนะเจ็ดคน,แม้แต่เจ้าสำนักฉินยังพ่ายแพ้.”
“สำนักระดับแปดแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?”
เจ้าเมืองสุ่ยหยางที่ก้าวขึ้นเวที,เพื่อบอกกล่าวเกี่ยวกับกฏการแข่งขัน,ในระหว่างนี้เสียงของชาวยุทธ์ในสนามยังคงพูดกันเสียงจอแจ.
มีผู้คนหลากหลายที่ไม่เชื่อว่าสำนักไท่กู่เจิ้งจะเอาชนะสำนักเห่าฉีได้,เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก.
จุนซ่างเซียวที่นั่งฟังกฎการแข่งขันอย่างระเอียด.
ที่ได้ยินคร่าว ๆการแข่งขันของมนทลปิงหยาง,การต่อสู้รอบแรก,แยกออกเป็นแปดแดน,ต่อสู้กันแบบพบกันหมด,ในเวลาหนึ่งชั่วโมงใครที่สามารถยืนอยู่ได้ก็จะได้เข้ารอบสอง.
วึ้ง วึง.
แต่ละแดนนั้นมีคนกว่า 300 คน,ต่อสู้แบบพบกันหมด.
หลังจากเจ้าเมืองสุ่ยหยางอธิบายกฎการแข่งขันหมดแล้ว,ก็เริ่มขานชื่อผู้เข้าร่วมการแข่งขัน.
“สำนักเหอซาน,เซี่ยงกุย!
“สำนักวิหก......”
“มนทลชิงหยาง,สำนักไท่กู่เจิ้ง,เย่ซิงเฉิน!”
“อยู่นี่.”
เย่ซิงเฉินที่กล่าวอย่างเกียจคร้าน.
หากไม่ยืนยันตัวตนเข้าร่วม,ก็หมายถึงเขาไม่ได้มา,ทำให้เขาต้องเอ่ยตอบนั่นเอง.
อย่างไรก็ตาม,ในเวลานี้ชาวยุทธ์มากมายที่จ้องมองไปยังเย่ซิงเฉินเป็นสายตาเดียวกัน,พร้องกับเอ่ยเสียงเบา.
“เฮ้ย,สำนักอะไรนะ,คนจากนอกมนทลเข้าร่วมด้วยอย่างงั้นรึ?”
“จากมนทลชิงหยาง,ดินแดนระดับเก้าอย่างงั้นรึ?”
“สำนักไท่กู่เจิ้ง,ไม่ใช่ว่าที่มีข่าวลือว่าเป็นสำนักระดับแปดเอาชนะสำนักเห่าฉีได้หรอกรึ?”
“สำนักระดับแปดจากดินแดนระดับเก้าเข้าร่วมการประลองมนทลปิงหยาง,คิดว่าตัวเองจะผ่านรอบแรกได้อย่างงั้นรึ?”
ขณะผู้คนมากมายพูคคุย,เหล่าชาวยุทธ์ของมนทลปิงหยางที่กล่าวเหยียดหยันออกมาในทันที.
ถึงแม้นว่าจะได้ยินมาว่าสำนักไท่กู่เจิ้งเอาชนะสำนักเห่าฉีได้,แต่ในสายตาของพวกเขานั้นกับดูแคลนนัก,ต้องไม่ลืมว่าสำนักจากดินแดนระดับเก้านั้น,กล้าข้ามถิ่นตัวเองมาร่วมประลองทำให้พวกเขารู้สึกราวกับถูกหยามอยู่.
“สำนักไท่กู่เจิ้ง,มนทลชิงหยางอย่างงั้นรึ?”
“เฮ้เฮ้,ใจกล้าจริง
ๆ,ถึงกับกล้าเข้าร่วมงานประลองต่างถิ่น.”
“น่าสงสารที่กล้าข้ามถิ่นมา,เกรงว่าไม่ใช่แค่แพ้คงบาดเจ็บสาหัสกลับไป.”
เหล่าศิษย์ที่เข้าร่วมที่พูดคุยเสียงดังกล่าวเหยียดหยันดูแคลน.
เหล่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่จ้องมองเย่ชิงหยาง,เผยท่าทางดูแคลน,”ที่แท้เขาก็เป็นคนจากมนทนชิงหยางนี้เอง,คิดแล้วว่าไม่เคยเห็นมาก่อน.”
สายตาของผู้แข่งขันทุกคนที่เผยยิ้มดูแคลนอย่างหนัก.
ในสายตาของพวกเขา.
คล้ายกับยืนยันว่าทันทีที่การประลองเริ่มขึ้น,คนแรกที่จะตกรอบคือเขา.
เย่ซิงเฉินที่สัมผัสถึงสายตาที่จ้องมองมายังตัวเอง,เผยความเหยียดหยันดูแคลน,เย่ซิงเฉินที่เอ่ยกล่าวออกมาเสียงเบา,”พวกขยะเอ้ย.”
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่สีคางไปมา,เอ่ยออกไปว่า,”รอบแรกกำลังเริ่มแล้ว.”
จากนั้น.
พิธีการทั้งหมดก็จบลง.
ชาวยุทธ์ที่ไม่ได้ยินการขานชื่อของศิษย์จากมนทลชิงหยางอีก,จึงตระหนักได้ว่า,สำนักไท่กู่เจิ้งสงคนเข้าร่วมเพียงคนเดียว.
สำนักระดับแปด,ส่งศิษย์เข้าร่วมคนเดียว,นี่หมายความว่าไร...น่าขันนัก!
“เจ้าสำนักจุน.”
ชายวัยกลางคนที่เผยยิ้ม,”ฉีโหมวรู้สึกชื่นชมเจ้าจริง
ๆที่ใจกล้ามาก,นำศิษย์เข้าร่วมการประลองเพียงคนเดียว.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ก็คงงั้น.”
ชายวัยกลางคนที่ส่ายหน้าไปมา.
ก่อนหน้านี้เคยมีสำนักระดับหกข้ามดินแดนมาเข้าร่วม,ส่งศิษย์สิบคนตกรอบแรกทั้งสิบคน,เจ้าส่งศิษย์มาเข้าร่วมคนเดียว,ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องน่าขำหรอกรึ?
“อาวุโสฉี.”
ใครคนหนึ่งที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”การแข่งขันที่กำลังเริ่มขึ้น,แดนที่สามดูคึกคักจริง
ๆ.”
“ใช่แล้ว,คนกว่าสามร้อยคนเล็งไปยังคน
ๆเดียว,ทนได้สักสิบห้านาทีก็ถือว่าปาฏิหาริย์แล้ว.”
ทุกคนที่หัวเราะออกมาเบา ๆ.
จุนซ่างเซียวหาได้สนใจ,ลอบคิดในใจ,”ซิงเฉินการต่อสู้พบกันหมดดูโหดร้ายเล็กน้อย,หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้เปิ่นจั้วผิดหวัง.”
ในเวลานั้นเจ้าเมืองสุ่ยหยางประกาศออกมาเสียงดัง,”การประลองยุทธ์สำนักครั้งที่
66 เริ่มอย่างเป็นทางการ,ขอให้ผู้เข้าร่วมแข่งขัน,เข้าสู่พื้นที่ของตัวเอง.
“จะเริ่มแล้ว!”
“ข้ารอไม่ไหวแล้ว!”
“ความแข็งแกร่งผู้เข้าร่วมการแข่งขันปีนี้ไม่เลวเลย,จะต้องสนุกอย่างแน่นอน.”
......
สนามแข่งขัน,ทุกคนที่รวมตัวกันในพื้นดินที่แปด,จากนั้นก็จะแยกย้ายกันไปยังพื้นที่ต่าง
ๆของตัวเอง.
เย่ซิงเฉินสำนักไท่กู่เจิ้งที่ได้ถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่แดนสาม,ขณะที่เข้าก้าวเข้าไป,มีสายตาของคนกว่าสามร้อยคนที่จ้องมองไม่วางตา.
ไม่ต้องสงสัย.
ทุกคนที่จ้องมองไปยังผู้เข้าร่วมนอกมนทล,เมื่อไหร่ที่การแข่งขันเริ่มขึ้น,พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะจัดการคนนอกให้พ่ายแพ้ไปก่อน.
นี่คือการรังแกข่มเหงอย่างงั้นรึ?
แน่นอนที่นี่คือมนทลปิงหยาง,จะให้คนนอกมาร่วมได้อย่างไร?
คนนอกเมื่อกล้าเข้าร่วม,จะต้องตกเป็นเป้าหมายย่อมเป็นเรื่องปรกติ.
เหล่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่กำลังตื่นเต้น,พวกเขาที่ต้องการทรมานผู้เข้าร่วมแข่งขันจากภายนอกก่อนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา.
“ไอ้หนู.”
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนหนึ่งที่กล่าวเย้ยเย่ซิงเฉิน,หัวเราะเสียงเบา,”การแข่งขันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่,อย่ารีบร้องไห้ก็แล้วกัน.”
ร้องไห้รึ?
เย่ซิงเฉินที่จำชายคนดังกล่าวเอาไว้ในทันที.
......
เหล่ากรรมการที่ประจำที่,การแข่งขันแปดพื้นที่,ผู้เข้าร่วมสองพันคน,สายตาของผู้ชมมากมาย,จ้องมองด้วยความตื่นเต้น.
“การแข่งขันรอบแรก,เริ่มได้!”
ในเวลานั้น,เจ้าเมืองสุ่ยหยางตะโกนเสียงดังสนั่น.
“ฟู่ ฟู่!”
ในเวลานั้น,แปดแดนการแข่งขัน,พลังวิญญาณที่ปะทุขึ้นมาในทันที.
การต่อสู้ทีเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ,เหล่าชาวยุทธ์ที่จ้องมองไปยังแดนที่สาม,สายตาทุกคนเล็งไปยังเย่ซิงเฉิน.
คนนอกมนทล.
ให้มันรู้บางว่าที่นี่ถิ่นพวกข้า,มนทลปิงหยาง.
“ฟิ้ว!”
ในสนามการแข่งขันที่สาม,ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่ลงมือโจมตีทันที,พุ่งไปด้านหลัง,หมัดที่อาบไปด้วยพลังวิญญาณต่อยออกไปมา.
“แก๊ก!”
เย่ซิงเฉินที่ยกมือขึ้น,ยกฝ่ามือขึ้นรับเอาไว้,กล่าวออกไปว่า,”ขยะ.”
“นี่มัน......”
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนดังกล่าวใบหน้าเปลี่ยนสี.
“แก๊ก แก๊ก!”
ฝ่ามือของเย่ซิงเฉินที่บีบลง,จนกระดูกมือของอีกฝ่ายแตกออกเสียงดัง,ร่างกายของเขาที่เอียงถอย,หลบคนอื่นที่โจมตีมาด้วย.
“ตูมมมม!”
“แก๊ก แก๊ก!”
ผู้ฝึกยุทธ์คนที่สองที่โจมตีเข้ามา,ไม่ถึงด้วยซ้ำ,ที่หน้าอกถูกถีบอย่างแรก,กระดูกหน้าอกที่แตกหักไปในทันที.
“อ๊ากกกก!”
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสองที่ร้องเจ็บปวดทรมาน.
“ฟิ้ว!”
เย่ซิงเฉินที่หักแขนและถีบคนที่เขากำหมัดกระดูกแตก,ก่อนที่จะใช้ก้าวมังกรข้ามสมุทรตามไป,เหยียบลงไปที่ไหล่ซ้ายของเขา,พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม,”อย่ารีบร้องไห้ก็แล้วกัน.”
“แก๊ก แก๊ก!”
“อ๊ากกกก!”
เสียงร้องเจ็บปวดที่กระดูกไหล่แตกละเอียด.
ใช่แล้ว.
ชายคนนี้คือคนที่หัวเราะเยาะเย่ซิงเฉินก่อนเริ่มและบอกอย่าร้องไห้ไปก่อนนั่นเอง.
คาดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่เริ่มกับเป็นเขาที่ร้องเจ็บปวดทรมาน,น้ำตาที่ไหลอาบ,เจ็บปวดจนหมดสติไปก่อน.
ตูมมม! ตูมมม!
เย่ซิงเฉินที่หันกลับไป,กระแทกหมัดสองหมัดไปยังผู้เข้าร่วมอีกสองคนลอยละล่อง.
เขาที่ยืนอย่างอหังการ,กล่าวออกมาเสียงดังต่อผู้เข้าร่วมการแข่งขันของมนทลปิงหยางสามร้อยคน,สายตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึก,”พวกกลุ่มของขยะ,เข้ามา.”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น