วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 240 One crowd of trash, fights

Strongest Sect of All Times  Chapter 240 One crowd of trash, fights

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 240 One crowd of trash, fights

一群垃圾,来战吧

 

มนทลชิงหยางนั้นจะจัดการแข่งขนขึ้นทุกสองปี,มีผู้เข้าร่วมร้อยกว่าคน,ส่วนของมนทลปิงหยางนั้นมีเข้าร่วมกว่า 2000 คน,ดูเหมือนว่าความแตกต่างของดินแดนระดับแปดและเก้า จะแตกต่างกันมาก.

 

ประชากรแตกต่างกันไม่มากนัก,หากแต่ความแข็งแกร่งนั้นเทียบกันไม่ได้เลย.

ด้วยแว่นกันแดดหรูหราของจุนซ่างเซียว,พบว่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันนั้นมีระดับต่ำสุดคือระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง,ส่วนมากแล้วจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ถึงห้าศิษย์ เต็มไปหมด,ระดับสูงที่สุดคือระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นเก้าสี่คน.

งานประลองของมนทลชิงหยางนั้นมีความแข็งแกร่งสูงสุดคือศิษย์ยุทธ์ขั้นที่สอง,แตกต่างจากนี้มาก.

ที่ความแตกต่างมากมายขนาดนี้,เป็นเพราะว่าเกณฑ์ของมนทลปิงอย่างนั้นคือคนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีสามารถเข้าร่วมได้.

ส่วนมนทลชิงหยางนั้นคือต่ำกว่า 18 ปี,ทำให้เห็นความแตกต่างชัดเจน.

และแน่นอน.

มนทลปิงหยางเป็นดินแดนระดับแปด,ย่อมแข็งแกร่งกว่ามนทลชิงหยางดินแดนระดับเก้า,ความจริงนี้ไม่สามารถโต้เถียงได้.

“เอ๊ะ?”

ชายยุทธ์คนหนึ่งที่กล่าวเสียงเบา,”เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งเอาอะไรมาสวมนะ?”

“ชิ.”

สำนักระดับสูงคนหนึ่งที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน,”เขาของเล่นอะไรออกมาแสดง”

“เพียงแค่สำนักระดับแปดจากดินแดนระดับเก้า,กล้าเข้าร่วมการประลองของมนทลชิงหยาง,ต้องมีความกล้าขนาดใหนกัน?”

“ข้าได้ยินมาว่าสำนักไท่กู่เจิ้งท้าประลองสำนักเห่าฉี,และได้รับชัยชนะกลับมาด้วย.”

“เรื่องนี้ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน,ได้ยินว่าส่งศิษย์ออกไปเจ็ดคน,ได้รับชัยชนะเจ็ดคน,แม้แต่เจ้าสำนักฉินยังพ่ายแพ้.”

“สำนักระดับแปดแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?”

เจ้าเมืองสุ่ยหยางที่ก้าวขึ้นเวที,เพื่อบอกกล่าวเกี่ยวกับกฏการแข่งขัน,ในระหว่างนี้เสียงของชาวยุทธ์ในสนามยังคงพูดกันเสียงจอแจ.

มีผู้คนหลากหลายที่ไม่เชื่อว่าสำนักไท่กู่เจิ้งจะเอาชนะสำนักเห่าฉีได้,เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก.

จุนซ่างเซียวที่นั่งฟังกฎการแข่งขันอย่างระเอียด.

ที่ได้ยินคร่าว ๆการแข่งขันของมนทลปิงหยาง,การต่อสู้รอบแรก,แยกออกเป็นแปดแดน,ต่อสู้กันแบบพบกันหมด,ในเวลาหนึ่งชั่วโมงใครที่สามารถยืนอยู่ได้ก็จะได้เข้ารอบสอง.

วึ้ง วึง.

แต่ละแดนนั้นมีคนกว่า 300 คน,ต่อสู้แบบพบกันหมด.

หลังจากเจ้าเมืองสุ่ยหยางอธิบายกฎการแข่งขันหมดแล้ว,ก็เริ่มขานชื่อผู้เข้าร่วมการแข่งขัน.

“สำนักเหอซาน,เซี่ยงกุย!

“สำนักวิหก......”

“มนทลชิงหยาง,สำนักไท่กู่เจิ้ง,เย่ซิงเฉิน!

“อยู่นี่.”

เย่ซิงเฉินที่กล่าวอย่างเกียจคร้าน.

หากไม่ยืนยันตัวตนเข้าร่วม,ก็หมายถึงเขาไม่ได้มา,ทำให้เขาต้องเอ่ยตอบนั่นเอง.

อย่างไรก็ตาม,ในเวลานี้ชาวยุทธ์มากมายที่จ้องมองไปยังเย่ซิงเฉินเป็นสายตาเดียวกัน,พร้องกับเอ่ยเสียงเบา.

“เฮ้ย,สำนักอะไรนะ,คนจากนอกมนทลเข้าร่วมด้วยอย่างงั้นรึ?”

“จากมนทลชิงหยาง,ดินแดนระดับเก้าอย่างงั้นรึ?”

“สำนักไท่กู่เจิ้ง,ไม่ใช่ว่าที่มีข่าวลือว่าเป็นสำนักระดับแปดเอาชนะสำนักเห่าฉีได้หรอกรึ?”

“สำนักระดับแปดจากดินแดนระดับเก้าเข้าร่วมการประลองมนทลปิงหยาง,คิดว่าตัวเองจะผ่านรอบแรกได้อย่างงั้นรึ?”

ขณะผู้คนมากมายพูคคุย,เหล่าชาวยุทธ์ของมนทลปิงหยางที่กล่าวเหยียดหยันออกมาในทันที.

ถึงแม้นว่าจะได้ยินมาว่าสำนักไท่กู่เจิ้งเอาชนะสำนักเห่าฉีได้,แต่ในสายตาของพวกเขานั้นกับดูแคลนนัก,ต้องไม่ลืมว่าสำนักจากดินแดนระดับเก้านั้น,กล้าข้ามถิ่นตัวเองมาร่วมประลองทำให้พวกเขารู้สึกราวกับถูกหยามอยู่.

“สำนักไท่กู่เจิ้ง,มนทลชิงหยางอย่างงั้นรึ?”

“เฮ้เฮ้,ใจกล้าจริง ๆ,ถึงกับกล้าเข้าร่วมงานประลองต่างถิ่น.”

“น่าสงสารที่กล้าข้ามถิ่นมา,เกรงว่าไม่ใช่แค่แพ้คงบาดเจ็บสาหัสกลับไป.”

เหล่าศิษย์ที่เข้าร่วมที่พูดคุยเสียงดังกล่าวเหยียดหยันดูแคลน.

เหล่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่จ้องมองเย่ชิงหยาง,เผยท่าทางดูแคลน,”ที่แท้เขาก็เป็นคนจากมนทนชิงหยางนี้เอง,คิดแล้วว่าไม่เคยเห็นมาก่อน.”

สายตาของผู้แข่งขันทุกคนที่เผยยิ้มดูแคลนอย่างหนัก.

ในสายตาของพวกเขา.

คล้ายกับยืนยันว่าทันทีที่การประลองเริ่มขึ้น,คนแรกที่จะตกรอบคือเขา.

เย่ซิงเฉินที่สัมผัสถึงสายตาที่จ้องมองมายังตัวเอง,เผยความเหยียดหยันดูแคลน,เย่ซิงเฉินที่เอ่ยกล่าวออกมาเสียงเบา,”พวกขยะเอ้ย.”

จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่สีคางไปมา,เอ่ยออกไปว่า,”รอบแรกกำลังเริ่มแล้ว.”

จากนั้น.

พิธีการทั้งหมดก็จบลง.

ชาวยุทธ์ที่ไม่ได้ยินการขานชื่อของศิษย์จากมนทลชิงหยางอีก,จึงตระหนักได้ว่า,สำนักไท่กู่เจิ้งสงคนเข้าร่วมเพียงคนเดียว.

สำนักระดับแปด,ส่งศิษย์เข้าร่วมคนเดียว,นี่หมายความว่าไร...น่าขันนัก!

“เจ้าสำนักจุน.”

ชายวัยกลางคนที่เผยยิ้ม,”ฉีโหมวรู้สึกชื่นชมเจ้าจริง ๆที่ใจกล้ามาก,นำศิษย์เข้าร่วมการประลองเพียงคนเดียว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ก็คงงั้น.”

ชายวัยกลางคนที่ส่ายหน้าไปมา.

ก่อนหน้านี้เคยมีสำนักระดับหกข้ามดินแดนมาเข้าร่วม,ส่งศิษย์สิบคนตกรอบแรกทั้งสิบคน,เจ้าส่งศิษย์มาเข้าร่วมคนเดียว,ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องน่าขำหรอกรึ?

“อาวุโสฉี.”

ใครคนหนึ่งที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”การแข่งขันที่กำลังเริ่มขึ้น,แดนที่สามดูคึกคักจริง ๆ.”

“ใช่แล้ว,คนกว่าสามร้อยคนเล็งไปยังคน ๆเดียว,ทนได้สักสิบห้านาทีก็ถือว่าปาฏิหาริย์แล้ว.”

ทุกคนที่หัวเราะออกมาเบา ๆ.

จุนซ่างเซียวหาได้สนใจ,ลอบคิดในใจ,”ซิงเฉินการต่อสู้พบกันหมดดูโหดร้ายเล็กน้อย,หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้เปิ่นจั้วผิดหวัง.”

ในเวลานั้นเจ้าเมืองสุ่ยหยางประกาศออกมาเสียงดัง,”การประลองยุทธ์สำนักครั้งที่ 66 เริ่มอย่างเป็นทางการ,ขอให้ผู้เข้าร่วมแข่งขัน,เข้าสู่พื้นที่ของตัวเอง.

“จะเริ่มแล้ว!

“ข้ารอไม่ไหวแล้ว!

“ความแข็งแกร่งผู้เข้าร่วมการแข่งขันปีนี้ไม่เลวเลย,จะต้องสนุกอย่างแน่นอน.”

......

สนามแข่งขัน,ทุกคนที่รวมตัวกันในพื้นดินที่แปด,จากนั้นก็จะแยกย้ายกันไปยังพื้นที่ต่าง ๆของตัวเอง.

เย่ซิงเฉินสำนักไท่กู่เจิ้งที่ได้ถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่แดนสาม,ขณะที่เข้าก้าวเข้าไป,มีสายตาของคนกว่าสามร้อยคนที่จ้องมองไม่วางตา.

ไม่ต้องสงสัย.

ทุกคนที่จ้องมองไปยังผู้เข้าร่วมนอกมนทล,เมื่อไหร่ที่การแข่งขันเริ่มขึ้น,พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะจัดการคนนอกให้พ่ายแพ้ไปก่อน.

นี่คือการรังแกข่มเหงอย่างงั้นรึ?

แน่นอนที่นี่คือมนทลปิงหยาง,จะให้คนนอกมาร่วมได้อย่างไร?

คนนอกเมื่อกล้าเข้าร่วม,จะต้องตกเป็นเป้าหมายย่อมเป็นเรื่องปรกติ.

เหล่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่กำลังตื่นเต้น,พวกเขาที่ต้องการทรมานผู้เข้าร่วมแข่งขันจากภายนอกก่อนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา.

“ไอ้หนู.”

ผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนหนึ่งที่กล่าวเย้ยเย่ซิงเฉิน,หัวเราะเสียงเบา,”การแข่งขันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่,อย่ารีบร้องไห้ก็แล้วกัน.”

ร้องไห้รึ?

เย่ซิงเฉินที่จำชายคนดังกล่าวเอาไว้ในทันที.

......

เหล่ากรรมการที่ประจำที่,การแข่งขันแปดพื้นที่,ผู้เข้าร่วมสองพันคน,สายตาของผู้ชมมากมาย,จ้องมองด้วยความตื่นเต้น.

“การแข่งขันรอบแรก,เริ่มได้!

ในเวลานั้น,เจ้าเมืองสุ่ยหยางตะโกนเสียงดังสนั่น.

“ฟู่ ฟู่!

ในเวลานั้น,แปดแดนการแข่งขัน,พลังวิญญาณที่ปะทุขึ้นมาในทันที.

การต่อสู้ทีเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ,เหล่าชาวยุทธ์ที่จ้องมองไปยังแดนที่สาม,สายตาทุกคนเล็งไปยังเย่ซิงเฉิน.

คนนอกมนทล.

ให้มันรู้บางว่าที่นี่ถิ่นพวกข้า,มนทลปิงหยาง.

“ฟิ้ว!

ในสนามการแข่งขันที่สาม,ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่ลงมือโจมตีทันที,พุ่งไปด้านหลัง,หมัดที่อาบไปด้วยพลังวิญญาณต่อยออกไปมา.

“แก๊ก!

เย่ซิงเฉินที่ยกมือขึ้น,ยกฝ่ามือขึ้นรับเอาไว้,กล่าวออกไปว่า,”ขยะ.”

“นี่มัน......”

ผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนดังกล่าวใบหน้าเปลี่ยนสี.

“แก๊ก แก๊ก!

ฝ่ามือของเย่ซิงเฉินที่บีบลง,จนกระดูกมือของอีกฝ่ายแตกออกเสียงดัง,ร่างกายของเขาที่เอียงถอย,หลบคนอื่นที่โจมตีมาด้วย.

“ตูมมมม!

“แก๊ก แก๊ก!

ผู้ฝึกยุทธ์คนที่สองที่โจมตีเข้ามา,ไม่ถึงด้วยซ้ำ,ที่หน้าอกถูกถีบอย่างแรก,กระดูกหน้าอกที่แตกหักไปในทันที.

“อ๊ากกกก!

ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสองที่ร้องเจ็บปวดทรมาน.

“ฟิ้ว!

เย่ซิงเฉินที่หักแขนและถีบคนที่เขากำหมัดกระดูกแตก,ก่อนที่จะใช้ก้าวมังกรข้ามสมุทรตามไป,เหยียบลงไปที่ไหล่ซ้ายของเขา,พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม,”อย่ารีบร้องไห้ก็แล้วกัน.”

“แก๊ก แก๊ก!

“อ๊ากกกก!

เสียงร้องเจ็บปวดที่กระดูกไหล่แตกละเอียด.

ใช่แล้ว.

ชายคนนี้คือคนที่หัวเราะเยาะเย่ซิงเฉินก่อนเริ่มและบอกอย่าร้องไห้ไปก่อนนั่นเอง.

คาดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่เริ่มกับเป็นเขาที่ร้องเจ็บปวดทรมาน,น้ำตาที่ไหลอาบ,เจ็บปวดจนหมดสติไปก่อน.

ตูมมม! ตูมมม!

เย่ซิงเฉินที่หันกลับไป,กระแทกหมัดสองหมัดไปยังผู้เข้าร่วมอีกสองคนลอยละล่อง.

เขาที่ยืนอย่างอหังการ,กล่าวออกมาเสียงดังต่อผู้เข้าร่วมการแข่งขันของมนทลปิงหยางสามร้อยคน,สายตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึก,”พวกกลุ่มของขยะ,เข้ามา.”


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น